หลังจากช็อปปิ้งเสร็จพะพายก็กลับมาที่คอนโดพร้อมกับเพื่อนสนิท ส่วนมาวินเขาแยกย้ายกับแอรินหลังจากที่ทางบุฟเฟต์เสร็จ เขามีนัดดื่มกับเพื่อนต่อแต่คงไปไม่ดึกนักเพราะต้องทำงานต่อ
“หายหัวเลยนะมึงไม่คิดหาเพื่อนบ้างเลยไง”
“นั่นสิ วันก่อนก็ชวนแต่ปฏิเสธ เกิดอะไรกับชีวิตแกวะไอ้มาวิน”
“อ่อ ได้ยินไอ้มินบอกมาว่าแกไปเป็นเซลขายของเหรอ งงไปหมดแล้วนะ”
เมื่อมาถึงที่ร้านเหล้าโซนVIPแบบส่วนตัวเขาก็นั่งลงก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่มเพื่อดับอารมณ์ที่มันคุกกรุ่นอยู่ภายในใจ จากคนเคยเป็นจุดสนใจไปไหนที่มีแต่คนตามใจพอมาเจอกับพะพายที่เย็นชาเฉยเมยต่อเขาก็รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
“ไอ้มาวิน คุยกับเพื่อนก่อน”
“เออ ตอนนี้เป็นเซลขายของอยู่ พ่อให้ไปทำยอดให้สูงกว่าเซลดีเด่นแล้วจะยกตำแหน่งท่านประธานให้”
เพื่อนเขาคนอื่นๆก็พยักอย่างพอเข้าใจอะไรบางอย่าง มิน่าถึงเรียกกลับกะทันหันทั้งๆปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตสนุกอยู่ตั้งนาน จะยกบริษัทให้นี่เอง
“ก็ดีแล้วนี่ แกก็มาขายให้พวกฉันนี่จะเอายอดเท่าไหร่จะได้แซงเซลดีเด่นแล้วจะได้ตำแหน่งท่านประธานไปครอง จะได้ออกมาเจอกันบ่อยๆ”
พวกเพื่อนๆเสนอตัวช่วยกันอย่างสุดความสามารถ ก็ว่าไม่ได้มาวินมีเพื่อนแต่ละคนรวยๆทั้งนั้น อย่างเช่นมินที่เป็นเจ้าของโรงแรมเครือดีเพรสกรุ๊ปและคนอื่นๆเช่น ณภัทรเจ้าของโชว์รูมรถนำเข้าที่มีสาขาในประเทศมากกว่า20สาขา ซีเนียร์ทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าเครือพัฒนาจิระกุล
“เอางี้ป่ะ เดี๋ยวสั่งโปรแกรมมาใส่ห้างใหม่ เอาตัวอัพเดทเจ๋งๆมาลงให้เลย เท่าไหร่ทุ่มไม่อั้น”
“ยอดพีซีดีเด่นเดืิอนนี้สิบล้านแล้วนะ”
“โห! เก่งวะเอาอะไรไปสู้”
มาวินเท้าคางมองพวกเพื่อนๆที่นั่งคอมเมนท์เกี่ยวกับตัวเขาอย่างสนุกแต่เขาไม่ได้สนุกเพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับพะพายดี ง้อดีๆก็ไม่ชอบ เฮ้อ! ผู้หญิงนี่เอาใจยากจัง
“พักเรื่องงานก่อนมาดื่มฉลองที่เพื่อนกลับมาอยู่ประเทศไทยอย่างถาวรดีกว่า”
ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมาชนก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด มาวินยกดื่มเพียวๆหลายแก้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะเมายากแต่ถ้าดื่มเยอะขนาดนี้น่าจะไม่ไหวแน่
ทางด้านของพะพายเธอกลับมาถึงที่คอนโดก็สลับกับเพื่อนอาบน้ำก่อนจะมานั่งดูทีวีด้วยกันกินขนมคบเคี้ยวไปด้วย
“อะไรเนี่ย”
ชมพูชะงักไปเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั่งทับอะไรบางอย่าง เธอหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาก่อนจะเจอบัตรประชาชนและบัตรเครดิตของมาวิน
“มาวินเหรอ… ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
พะพายที่กำลังดูทีวีอยู่หันไปมองหน้าที่ชมพูที่กำลังดูอะไรบางอย่างในมือก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอชมพู”
“นี่บัตรประชาชนของมาวินใช่มั้ย แล้วบัตรเครดิตนี่ด้วยอ่ะ”
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบแย่งมาจากมือของเพื่อนแล้วรีบแถกลบเกลื่อนทันที
“อ่อ เราเก็บได้เมื่อเช้าหน้าประตูที่ทำงาน ว่าจะเอาไปคืนพรุ่งนี้แหละสงสัยตกมาจากกระเป๋าของเราอ่ะ”
“อ่อ อย่างนี้นี่เองก็งงว่าทำไมของมาวินมาอยู่ที่นี่”
ชมพูพยักหน้าตาอย่างพอเข้าใจก่อนจะไม่ติดใจสงสัยแล้วหันไปดูทีวีต่อ หญิงสาวรีบเอาบัตรพวกนั้นไปใส่กระเป๋าก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“นึกว่าจะถูกสงสัยซะแล้ว”
เธอกลับมาที่โซฟาก่อนจะทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สงสัยมันคงหล่นตอนที่เขามานอนที่โซฟาห้องของเธอเมื่อคืน คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็รู้สึกโกรธตัวเองที่ใจง่ายยอมเขาแบบนั้น แต่ก็ช่างเถอะมันผ่านมาแล้วและเราสองคนคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
“พรุ่งนี้เช้าพายมีคุยงานกับลูกค้าเหรอ”
“อื้ม เดี๋ยวเราไปส่งชมพูที่บริษัทแล้วก็จะขึ้นไปเอาเอกสารบนโต๊ะทำงานละออกไปเลย”
“โอเค เรารบกวนวันเดียวแค่นั้นแหละ”
“รบกวนบ่อยๆก็ได้เราอยู่คนเดียวไม่มีแฟน ถ้าอยู่คนเดียวแล้วเหงาก็มาได้นะ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ เธอคงจะโสดแบบนี้ไปอีกนานและมันก็ไม่ได้ทำให้เธอเหงาหรอก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็โดดเดี่ยวจนชินแล้วแค่นี้เธออยู่ได้สบายมากและมีความสุขดีด้วย
เช้าวันต่อมา…
พะพายเดินเข้ามาในบริษัทเธอต้องไปเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการคุยงานกับลูกค้าเช้าวันนี้ที่ห้องทำงาน หญิงสาวหยิบบัตรประชาชนของมาวินและบัตรเครดิตไปวางไว้ให้เขาที่โต๊ะก่อนจะรีบหยิบเอกสารออกไปทันทีเพราะไม่อยากเจอเขาตอนนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมเธอก็รีบเดินออกไปทันทีก่อนจะเอาของทุกอย่างใส่ไว้ในรถแล้วรีบขับออกไปยังโรงแรมที่นัดลูกค้าไว้
เธอนัดคุยกับลูกค้าที่ห้องอาหารของโรงแรมดีเพรสเมื่อมาถึงก็ไปนั่งรถลูกค้าที่โต๊ะ เธอมาก่อนเวลายี่สิบนาทีเพราะบางครั้งลูกค้าก็ชอบมาก่อนเวลาและเธอจะไม่ยอมมาสายกว่าเด็ดขาด ไม่เกินสิบนาทีลูกค้าก็ตามเข้ามาทันที การคุยงานครั้งนี้จะเป็นการเซ็นสัญญาซื้อขายโปรแกรมโดยใช้สัญญาแปดปีเป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดเท่าที่เธอเคยได้มา ราคาหลักสิบล้านซึ่งถ้าลูกค้าตกลงจะเป็นยอดขายของเธอในเดือนหน้าใกล้ๆสิ้นเดือนเพราะต้องรอให้ประธานใหญ่มาเซ็นสัญญาด้วยตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณชิงชิง”
“สวัสดีค่ะคุณพะพาย มานานหรือยังคะ ดิฉันว่าตัวเองมาเร็วแล้วนะทำไมคุณถึงมาเร็วกว่าซะได้”
“พะพายมาได้ไม่นานหรอกค่ะ เชิญนั่งก่อนนะคะเดี๋ยวพายสั่งเครื่องดื่มให้”
ทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอตั้งแต่ที่เริ่มคุยกันใหม่ๆ คุณชิงชิงเป็นภรรยาของท่านประธานบริษัทที่เธอจะเซ็นสัญญาซื้อขายด้วย แต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศก็เลยให้ภรรยามาคุยไว้ก่อน หญิงสาวตั้งใจจดบันทึกในสิ่งที่ลูกค้าต้องการทุกอย่างใช้เวลาคุยงานกันอยู่นานเกือบชั่วโมงก่อนจะแยกย้ายเพราะทางคุณชิงชิงมีธุระต่อ
“ยังไงพายจะส่งรายละเอียดสรุปทั้งหมดส่งเมลไปให้นะคะ”
“ได้ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะมีธุระต่อ”
“ตามสบายเลยค่ะคุณชิงชิง”
พะพายโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะบอกลาแล้วเก็บของเดินออกไปอย่าอารมณ์ดี เธอเดินออกมาจากห้องอาหารกำลังจะกดประตูลิฟต์ก็เจอกับประธานอี้พอดี
“ประธานอี้ สวัสดีค่ะ”
พะพายเอ่ยทักทายเขาก่อนจะยกมือไหว้อย่างคนมีมารยาท เธอเคยเจอกับเขาตอนที่ไปคุยงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง เขาเป็นประธานอี้เจ้าของบริษัทบริษัทคู่แข่งของเอ็มเพรส.เอ็มกรุ๊ป ครั้งนั้นลูกค้าเลือกงานที่เธอเสนอไปแต่เขาก็ยอมรับผลการตัดสินไม่ว่าอะไรแถมยังให้นามบัตรไว้เพื่ออยากรู้จักมากขึ้น
“คุณพะพายนี่เอง สวัสดีครับวันนี้มาขายงานให้บริษัทไหนอีกล่ะ”
เขาเอ่ยแซวออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาถูกใจพะพายตั้งแต่ไปขายงานพร้อมกันครั้งนั้น ยอมรับว่าเธอเก่งและมีวาทศิลป์ในการพูดสูง เขารบเร้าให้เธอมาร่วมงานด้วยหลายครั้งแต่ดูเหมือนจะยาก
“ก็บริษัททั่วไปเนี่ยแหละค่ะ ประธานอี้มาคุยงานเหมือนกันเหรอคะ”
“เปล่าครับผมมาเจอเพื่อนนะเขาพักที่นี่ วันนี้ผมรีบเอาไว้เราคงได้เจอกันอีก”
“แล้วเจอกันค่ะ”
พะพายโค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะยิ้มหวานให้เขา ชายหนุ่มกำลังจะเดินออกไปก็หยุดชะงักก่อนจะหันมามองหญิงสาว
“อ่อ ที่บริษัทผมตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายว่างอยู่พอดีเลย ถ้าคุณพะพายอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ โทรหาผมนะครับ ผมยังรอคุณอยู่”
เขาเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทันที พะพายมองตามเขาไปก่อนจะหันกลับมากดลิฟต์แล้วเดินไปจากตรงนั้นทันที
‘เธอไม่มีทางทรยศที่ทำงานของตัวเองหรอก โดยเฉพาะเอ็มเพรส.เอ็มกรุ๊ปให้โอกาสเด็กจบใหม่อย่างเธอได้เข้ามาทำงานจนมีทุกวันนี้ เว้นเสียแต่พวกเขาจะไม่เห็นคุณค่าของเธอแล้วเท่านั้น…’