Chapter 2

1439 Words
พะพายเดินกลับมาที่ห้องทำงานก็ไปนั่งเคลียร์เอกสารต่อเพื่อทำใบเสนอราคาให้กับทางโรงเรียน ส่วนมาวินเขาเซ็งเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถต่อรองกับเธอได้ แค่ยอมรับหนึ่งล้านบาทไปแล้วทำให้เขาชนะเธอแค่นี้ เขาก็จะได้ไปนั่งตำแหน่งประธานบริษัทส่วนเธอก็จะได้เงินไปใช้ฟรีๆแล้วก็เอาลูกค้ากลับไปเหมือนเดิม เชื่อเถอะว่าค่าคอมมิชชั่นในหนึ่งเดือนน้อยกว่าที่เขาเสนอให้ไม่รู้กี่เท่าตัว ไม่ฉลาดเอาเสียเลย เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง เธอเหลือบมองชายหนุ่มเพราะรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าทำงานต่อไป “มาวินเข้ามาพบผมหน่อย” เขาหันไปมองตามเสียงเป็นผู้จัดการที่ตะโกนเรียกเขาให้ไปหา ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าไปก่อนจะนั่งลงแล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “เรียกผมมีอะไรรึเปล่าครับ” ที่นี่เป็นบริษัทในเครือของเอ็มไพรส์.เอ็มกรุ๊ป ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครนอกจากคนในสำนักงานใหญ่ตำแหน่งสูงๆที่จะเคยเห็นเขาผ่านๆ เนื่องจากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กและเรียนบริหารธุรกิจมายังงงว่าคุณพ่อคุณแม่ให้มาเป็นเซลเขาจะทำได้ยังไงเหมือนแกล้งกันชัดๆ “อันนี้เป็นข้อมูลของลูกค้าที่สนใจจะซื้อสินค้าพวกอุปกรณ์ไอที ทางนั้นแจ้งความประสงค์มาว่าอยากได้เครื่องถ่ายเอกสารไว้ใช้งานในสำนักงาน นายลองเอาไปศึกษาข้อมูลแล้วโทรศัพท์ไปคุยรายละเอียดดูนะ” “ครับ ขอบคุณมากนะครับ” เขารับเอกสารมาก่อนจะยิ้มออกมาทันที ลูกค้ารายแรกของเขามาแล้วไม่ง้อคนบางคนก็ได้ เขาเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงานก่อนจะหาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องถ่ายเอกสารของบริษัทแล้วก็รีบโทรไปเสนอโปรโมชั่นทันที “สวัสดีครับผมมาวินเป็นเซลติดต่อมาจากบริษัทเอ็มไพรส์.เอ็มกรุ๊ป ขอเรียนสายกับทางฝ่ายจัดซื้อครับ” (ซักครู่นะคะ) พนักงานโอนสายไปให้ทางแผนกจัดซื้อจากนั้นเขาก็เริ่มคุยรายละเอียดทันที ทางนั้นต้องการเครื่องถ่ายเอกสารที่ไม่ต้องราคาแพงมาก หรือถ้ามีข้อเสนอดีกว่านี้ก็พร้อมรับฟัง “ทางเรามีโปรโมชั่นพิเศษด้วยนะครับ ถ้าซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของเราวันนี้จะมีส่วนลดพิเศษให้ด้วยนะครับ” (แล้วมีราคาประมาณไหนบ้างคะ) “ถ้าแบบอย่างดีสามารถส่งแฟกซ์ได้ ถ่ายเอกสารออกมาเป็นเล่มโดยไม่ต้องเสียเวลาทำเองก็ราคาไม่แพงครับ 58,000บาท แต่เดี๋ยวผมมีส่วนลดพิเศษให้ครับ” ทางนั้นมีความลำบากใจนิดหน่อยซึ่งพวกเขาอยากได้เครื่องถ่ายเอกสารจำนวนมากแต่ถ้าต้องซื้อราคาสูงขนาดนี้คงไม่ไหว (เอ่อ ไม่มีแบบอื่นแล้วเหรอคะคือทางเราต้องการหลายเครื่องแต่ถ้าต้องซื้อทั้งหมดคงไม่ไหวค่ะ มีวิธีอื่นมั้ยคะ หรือว่ามีราคาอื่นแนะนำรึเปล่า) เขาเกาหัวอย่างมึนงงสุดๆ ก็มาขอซื้อก็นี่ไงราคาที่ให้แล้วบอกซื้อไม่ไหวคืออะไรอ่ะ แล้วเขาจะเอาอะไรไปเสนอให้ล่ะราคาต่ำกว่านี้จะไม่ตรงสเปคที่ทางนั้นต้องการนะสิ “จริงๆถ้าตามสเปคที่ทางคุณแจ้งมามันมีราคานี้ที่ถูกสุด แต่ว่าถ้าเกิดจะเอาถูกกว่านี้ต้องลดสเปคนะครับ” เขาก็ไม่รู้ว่าลูกค้าต้องการแบบไหน มาเคสแรกก็วุ่นวายซะแล้ว เขาจะทำยังไงเพื่อให้ปิดลูกค้าคนนี้ได้ไม่อย่างนั้นแม่ต้องโวยวายแน่นอนว่าทำไมเขาถึงทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่ได้สิต้องปิดให้ได้ (ถ้างั้นทางเราขอคิดดูก่อนนะคะ) เขาไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกันอยู่ๆก็มีกระดาษใบหนึ่งวางลงบนโต๊ะของเขาก่อนจะมีเสียงดังตามมา “กระดาษของคุณทำตกไว้รึเปล่า” พะพายเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนจะเดินกลับไปนั่งทำงานตามเดิม เขาก้มลงดูกระดาษใบนั้นก่อนจะยิ้มออกมาทันทีเมื่อคิดไอเดียดีๆออก “คุณลูกค้าครับถ้าอย่างนั้นไม่ต้องซื้อเปลี่ยนเป็นเช่าแทนมั้ยครับ คือผมหมายถึงว่าทางเรามีบริการเช่าเครื่องถ่ายเอกสารด้วย ราคาไม่แพงครับอยู่ที่ความต้องการของลูกค้าว่าจะใช้มากหรือน้อย” (ยังไงคะลองเสนอมาหน่อย) “ถ้าลูกค้าปริ้นงานต่อเดือนไม่เกิน5000แผ่นก็ตกเดือนนะ3,000บาทเองครับ ถ้าจะมากกว่านี้ก็10,000แผ่นราคาอยู่ที่5,000บาทครับ” (มีแบบนี้ด้วยเหรอคะดีจัง ถ้าอย่างนั้นขอแบบ5,000บาท 10,000แผ่น ทางเราจะใช้ประมาณ20เครื่องค่ะ ทำสัญญาสองปียังไงทำใบเสนอราคามาได้เลยนะคะ) เขายิ้มออกมาทันทีอบ้างดีใจอย่างน้อยไม่ได้ขายเครื่องแต่ก็มียอดขาย ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วฝนการทำงานวันแรก “ได้เลยครับเดี๋ยวผมทำใบเสนอราคาส่งไปให้นะครับ ขอบคุณมากนะที่ใช้บริการบริษัทของเรา” (ยินดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ) เขากดวางสายก่อนจะร้องลั่นออกมาอย่างดีใจก่อนจะชะงักไปหันมองหน้าพะพายที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องหน้าคอมอยู่ “นี่คุณ” “อะไรคะ” เธอเอ่ยออกมาแต่ไม่ได้มองหน้าเขาเพราะตากำลังจ้องจอคอมพิวเตอร์อยู่ เขาชูกระดาษใบนั้นให้เธอดูก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณช่วยผมเหรอ” พะพายหันไปมองหน้าเขาก่อนจะตีมึนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขามองเธออย่างจับผิดแต่ผู้หญิงคนนี้นิ่งเกินไปที่จะคาดเดาความรู้สึกว่ากำลังคิดหรือทำอะไร “ฉันเห็นมันตกก็เลยเก็บไปวางให้มันเกะกะอ่ะ สงสารแม่บ้านด้วยนะคะ” “งั้นเหรอ…” เขายักไหล่ไม่สนใจเธออีกก่อนจะหันไปเปิดไฟล์ใบเสนอราคาดูตัวอย่างของคนที่เคยทำแล้วนั่งทำตาม ไม่เข้าใจก็ไปสอบถามผู้จัดการให้ช่วยไม่ได้ยากอะไรเลยเรื่องแค่นี้ และตอนนี้ก็เย็นแล้วได้เวลาเลิกงาน แอรินเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดงานเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่เธอแค่อยากไปดื่มกับมาวินก็เลยหาเรื่องจัดนั่นนี่ “ทุกคนวันนี้เราไปเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่กันดีกว่า ร้านโกลด์โรสคลับเป็นไงข้างๆนี่เองไปสนุกกัน” “ก็น่าสนุกนะ พวกเราก็ทำงานจนไม่มีเวลาพักเลยไปผ่อนคลายหน่อยก็ได้ พะพายไปด้วยกันนะ” หญิงสาวที่ปิดคอมพิวเตอร์เก็บของทุกอย่างเตรียมตัวกลับบ้านก็หันไปมองเอไทม์ที่ชวนเธอไปด้วย เธอพอจะรู้ว่าเขาแอบชอบเธออยู่แต่ไม่เอาอ่ะเธอไม่อยากมีแฟนตอนนี้ ทั้งชีวิตมีแต่คุณยายกับเรียนจบมาก็มีแต่งานไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ในชีวิต “ไม่เอาอ่ะตามสบายเถอะ” “ไม่ต้องไปชวนหรอกเอไทม์ นายก็รู้ว่าพะพายนะอีคิวต่ำไม่เข้าสังคมชวนไปก็เท่านั้นแหละ” แอรินไม่วายเอ่ยแขวะหญิงสาวที่ยืนอยู่ เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปแก้ตัว “ไม่ได้ไม่เข้าสังคมแต่ว่าฉันงานยุ่ง” “น่าจะไม่เข้าสังคมจริงๆอ่ะ ทำงานทั้งวันผมไม่เห็นเธอจะคุยกับใครเลย จริงป่ะ” มาวินยักคิ้วให้หญิงสาวอย่างกวนๆ พะพายทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจจะทะเลาะกับเขา วันนี้เธอเหนื่อยทั้งวันแล้วไม่อยากเถียงกับใครอีก “ไปแป๊บเดียวเองไปสนุกกันนะ” ชมพูเขย่าแขนเพื่อนก่อนจะคะยั้นคะยอเธอให้ไปด้วยกัน พะพายถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบรับกลับไป “อืม แป๊บเดียวแน่นะ” “จ้ะ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ งั้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของพะพายนะเรามีชุดสำรองอยู่ในรถ” “อือ ไปสิ” ทั้งสองคนเดินออกไปด้วยกันโดยมีมาวินมองตามเธอไปอย่างหมั่นไส้ อย่างกับดอกพิกุลจะร่วงอย่างนั้นแหละพูดออกมาแต่ละคำ น่าหมั่นไส้ ชิ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD