บทที่6

1281 Words
“กินข้าวมายัง!” คำถามห้วนๆ ของเขาทำให้พิมพ์พิมลต้องส่ายหน้าแทนคำตอบ เวลานี้เธออยากได้น้ำเย็นๆ สักขวดมากกว่าเพราะยังรู้สึกเหนื่อยหอบไม่หาย กับการที่เดินเท้าเอาข้าวมาให้เขา “งั้นก็มากินด้วยกัน” เสียงเข้มว่าจบก็ตักข้าวใส่ปากตัวเองไปหนึ่งคำก่อนที่จะก้มลงไปตักพร้อมทั้งยื่นช้อนที่เพิ่งจะส่งเข้าปากให้อีกคน ภาพนั้นไม่เพียงแต่พิมพ์พิมลเท่านั้นที่ตกใจ คนงานนับร้อยต่างก็พากันอ้าปากค้างให้กับการกระทำอันน่าทึ่งสุดขั้วของเจ้านาย ผู้ซึ่งหวงความเป็นส่วนตัวของตัวเองมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับกำลังป้อนข้าวให้คนข้างกาย แถมยังเป็นช้อนเดียวกับตัวเอง “คุณปัญญ์ทานเถอะค่ะเดี๋ยวเล็กค่อยกลับไปทานที่บ้านก็ได้” พิมพ์พิมลเอ่ยตอบกลับอย่างสุภาพ เธอไม่ได้รังเกียจที่จะต้องกินข้าวช้อนเดียวกับเขา แต่อายสายตาของคนมากมายที่กำลังจ้องมองมาที่เธอและเขามากกว่า คนบ้า! นี่เขาไม่รู้สึกอายบ้างเลยรึยังไงกัน! “อย่ามากระแดะรังเกียจ! เมื่อคืนยิ่งกว่าช้อนฉันก็ป้อนมันเข้าปากเธอมาแล้ว หรือว่าอยากให้ฉันใช้มันป้อนข้าวจะเอาไหม!!” “มะ…ไม่เอาค่ะ เล็กกินแล้วค่ะ กินแล้ว” พิมพ์พิมลจำต้องรีบอ้าปากงับเอาช้อนตรงหน้าอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อเห็นว่าคนบ้าอำนาจกำลังจะยัดมันเข้าปาก และคงไม่ต้องเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปเลย ว่าเขาจะใช้อวัยวะไหนในร่างกายป้อนข้าวให้เธอ “ก็แค่นี้ ลีลาอยู่ได้! แล้วนั่นพวกมึงไม่มีงานทำกันรึไงวะ! มองห่าอะไรกันนักหนา หรือว่าอยากถูกไล่ออก!!” รังสิมันต์ดุคนตัวเล็กก่อนจะหันไปตวาดคนงานที่สอดรู้สอดเห็นด้านหลัง ซึ่งทุกคนต่างก็พากันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงเจ้านายที่ตวาดอย่างหงุดหงิดเมื่อลูกน้องเอาแต่จ้องมองคนข้างตัวด้วยสายตาที่มันทำให้เขารู้สึกอยากไล่คนงานชายออกยกไร่ขึ้นมาตงิดๆ ที่พวกมันบังอาจมามองว่าที่ ‘เมีย’เขาด้วยสายตาหื่นๆ จะมีก็แต่ใครบางคนที่ได้แต่ยืนหลบมองดูภาพบาดตาบากใจตรงหน้าด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด!! รังสิมันต์ลากเอาคนตัวเล็กเข้าไร่ด้วยกันโดยไม่ลืมสั่งให้คนงานไปหยิบเอาหมวกสานมาให้เธอใส่เพื่อกันความร้อนของแสงแดดยามบ่ายที่รุนแรงจนใบหน้าอ่อนหวานแดงซ่านจนใครได้เห็นต่างก็พากันสงสาร แต่ถึงกระนั้นกลับไม่มีเสียงบ่นใดๆ หลุดออกมาจากเรียวปากสวย ให้เขาได้ต่อว่าเธอได้เลยแม้แต่คำเดียว “เดินให้ไวหน่อยยัยเตี้ย! นี่ฉันไม่ได้พามาเดินเล่นชมวิวนะ!” ดูปากเขาเถอะ เธอไม่ได้เตี้ยเสียหน่อย เขาเองต่างหากที่สูงเกินไปน่ะ พิมพ์พิมลต่อว่าคนที่กำลังเดินนำเธอเข้าไร่ส้มแต่ภายในใจ ซึ่งเหมือนอีกคนจะรู้ตัวเพราะเขาหยุดเดินก่อนจะหันมาจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มันกำลังคืบคลานอยู่ที่ไหล่มนเข้าบางอย่างที่มันทำให้เขายิ้มออกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างครั้งตอนที่ยังเป็นเด็กขึ้นมา บางอย่างที่จำได้ดีว่าเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย “เฮ้! เธอก็เก่งขึ้นมากแล้วนี่น่า ไม่กลัวมันแล้วใช่ไหมถึงได้พามันมาเดินเล่นด้วยแบบนี้” คนถูกถามงงงันเป็นอย่างมากก่อนที่ปลายนิ้วของรังสิมันต์จะชี้มาที่ไหล่เพื่อเป็นการเฉลยถึงคำพูดตัวเองให้ได้เข้าใจ และทันทีที่ได้เห็น สติทั้งหมดของหญิงสาวก็แตะกระเจิงเมื่อพบเข้ากับสัตว์ชนิดหนึ่งที่เธอเกลียดแสนเกลียดเข้า “กรี๊ดดด! หนอนค่ะคุณปัญญ์” ภาพของหญิงสาวที่ก่อนหน้าเคยอวดเก่งแต่จู่ๆ ก็กระโดดพรวดกอดคอเจ้านายพร้อมเสียงร้องลั่นเรียกเอาเสียงหัวเราะจากคนงานรอบๆ ด้านในทันทีที่ได้เห็น “ให้ตาย! ริจะมีผัวเป็นชาวไร่แต่กลับกลัวหนอนตัวแค่นี้เนี่ยนะ” รังสิมันต์ยิ้มขำก่อนจะค่อยๆ ดึงหมอนตัวเขียวออกจากไหล่คนที่เอาแต่กอดคอเขาจนเริ่มจะหายไม่ออก อันที่จริงอยากจะแกล้งเธอมากกว่านี้อยู่หรอก แต่ก็กลัวจะวิ่งเตลิดตกน้ำตกท่าไปเหมือนตอนเด็กอีก จำได้ว่าครั้งนั้นเขาเล่นแรงไปหน่อยจนเธอเกือบจมน้ำตาย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น มันก็ยังทำให้เขารู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันอยู่ แถมยังมีแผลเป็นที่ก้นมาจนถึงวันนี้เพราะถูกแม่ฟาดเอา “มันไปรึยังคะ คุณปัญญ์มันไปรึยัง!” เสียงสั่นที่ร้องถามทั้งที่ใบหน้านั้นยังฝังลึกอยู่กลางอกเรียกสติของชายหนุ่มให้กลับมา “ไปแล้ว เลิกกอดฉันเสียที ถ้ายังไม่อยากถูกลากเข้าป่าไปทำเมีย!” พิมพ์พิมลค่อยๆ ผละใบหน้าออกในขณะที่สองมือก็ยังคงกอดเขาเอาไว้แน่นอย่างไม่ไว้ใจ เมื่อเห็นว่ามันเป็นจริงอย่างที่เขาบอกเธอ จึงผละตัวถอยห่าง พร้อมกับเอ่ยให้เหตุผลแก่เขากลับไป “ก็เล็กกลัวหนอนนี่คะ ทีคุณปัญญ์ยังกลัวแมลงสะ…” “หุบปาก! ขืนพูดมากเธอตายแน่!!” ให้ตายสิยัยบ้านี่! ขืนพูดความลับของเขาออกมามีหวังได้ถูกคนงานหัวเราะเยาะเอาแน่ ไม่คิดเปล่าแต่เขากลับเดินหนีตรงไปข้างหน้าโดยไม่ลืมคว้าเอาแม่ตัวดีติดมือไปด้วยอีกคน ขืนปล่อยให้คาดสายตามีหวังแม่คุณได้ขุดเรื่องบ้าบอสมัยเด็กของเขาออกมาแฉกันแน่ๆ ถึงพิมพ์พิมลจะไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะไม่คิดทำเพราะอยากเอาคืน “ยืนรออยู่ตรงนี้ ฉันขอไปสั่งงานกับคนงานก่อนแล้วค่อยกลับบ้านกัน” เขากำชับเสียงแข็งก่อนจะเดินผละตัวออกไปโดยที่ไม่รอให้คนข้างกายได้อ้าปากเอ่ยตอบอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว พิมพ์พิมลจ้องมองท่าทางเอาจริงเอาจังของรังสิมันต์พร้อมรอยยิ้ม เธออยากให้คุณหญิงได้มาเห็นเขาในตอนนี้เหลือเกิน ท่านคงภูมิใจมากที่ลูกชายที่ท่านรักยิ่งกว่าชีวิตตอนนี้สามารถเดินได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึงมรดกของครอบครัวและเขายังทำมันได้ดีซะด้วยยิ้มอยู่กับตัวเองได้ไม่เท่าไหร่หญิงสาวก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากับร่างของคนงานสาวถึงสามคน ที่เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้า “บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกเป็นใครแล้วมาทำอะไรที่นี่อีวอก!” หนึ่งในนั้นตวาดถามกันในขณะที่พวกอีกสองคนก็มองซ้ายทีขวาทีราวกับจะช่วยกันดูต้นทางให้หัวหน้าก็ไม่ผิด นี่มันอะไรกัน นักเลงเจ้าถิ่นอย่างงั้นเหรอ พิมพ์พิมลคิดก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามอีกฝ่ายกลับไป “แล้วพวกเธอล่ะเป็นใคร”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD