บทนำ
ปฐมบท
ท่ารถแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเพรียวลมเฝ้าชะเง้อคอมองหา ‘ใคร’ บางคนที่แจ้งเอาไว้ว่าจะเดินทางมารับเธอด้วยตัวเองนานร่วมสองชั่วโมงเต็ม แต่การรอคอยดูเหมือนจะยิ่งห่างออกไปเมื่อเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ก็ยังไม่มีวี่แววจะมีใครมารับกันสักที
พิมพ์พิมล ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองเพื่อขับไล่เอาความร้อนจากอากาศยามบ่ายออกไปจากใบหน้าอ่อนหวาน เธอคิดผิดหรือคิดถูกกันแน่นะที่ยอมตกปากรับปากคำขอร้อง ‘คุณหญิงอุสา’ ผู้ซึ่งเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่จำความได้ฐานะเด็กในอุปถัมภ์ของท่านกับสามี
ท่านไม่ได้ให้เพียงที่พักแสนหรูหราจนมันผลักดินเด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านของตัวเองมีชีวิตที่ดีพร้อมแต่กลับยังมอบความรักความเอาใจใส่ให้กันไม่ต่างอะไรจากแม่แท้ๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เธอเติบโตมาในบ้าน ‘สิรังกาญ’ อย่างมีความสุข ทุกๆ คนดีกับเธอมากยกเว้นเสียก็แต่บางคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องที่มันทำให้เธอจากบ้านมาไกลถึงที่นี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
ใครบางคนที่ทิ้งชีวิตสุขสบายแล้วหอบผ้าหอบผ่อนหนีมาเป็นเจ้าของไร่ส้มที่เขาได้รับเป็นมรดกจากผู้เป็นพ่อของตัวเอง และหลังจากนั้น เขาก็ไม่เคยกลับไปดูดำดูดีให้ผู้เป็นแม่ของตัวเองอีกเลย ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน รักแรกในวัยเด็กของเธอ
ผู้ชายร้ายกาจที่มีนิสัยแย่ที่สุด…
คนที่เธอเฝ้าคิดถึงมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาคนที่ไม่รู้เลยว่าป่านนี้แล้วเขาจะยังจำกันได้อยู่รึเป็น
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน
“คุณแม่ว่าอะไรนะคะ!” พิมพ์พิมล บัณฑิตใหม่ป้ายแดงที่เพิ่งจะเรียนจบหมาดๆ ร้องถามผู้เป็นพระคุณตรงหน้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินเมื่อสักครู่คือความจริงไม่ใช่แค่เผลอฝันไป
“หนูได้ยินไม่ผิดหรอกจ๊ะตัวเล็ก แม่อยากอุ้มหลาน! แต่ไอ้ลูกบ้านั่นมันไม่ยอมมีเมียเสียที วันๆ เอาแต่หมกอยู่ในไร่ บ้านช่องก็ไม่เคยคิดจะกลับ ตัวเล็กยังจำคำสัญญาที่เราเคยให้กันไว้ได้ใช่ไหมลูก ว่าถ้าวันใดวันหนึ่งแม่มีเรื่องอยากให้หนูช่วยหนูจะช่วยแม่ทุกอย่าง” คนได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกลับอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเสียเฉยๆ หากจะว่ากันตามความจริงถ้าไม่มีหญิงชราตรงหน้าคนนี้ช่วยเหลือ เธอก็คงมีชีวิตไม่ต่างอะไรกับหมาข้างถนน
พ่อของเธอเคยเป็นคนสนิทสามีของคุณหญิงที่ท่านไว้ใจที่สุด แต่เมื่อสิบปีก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้เธอต้องสูญเสียทั้งพ่อและนายใหญ่ไปถึงสองคน ความเศร้าโศกในวันนั้นยังคงตราตรึงใจใครหลายๆ คนมาจวนจนถึงทุกวันนี้ แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานคุณหญิงอุสาก็รับเธอมาเลี้ยงดูพร้อมทั้งกำชับให้เธอเรียกท่านว่าแม่มาตลอด แม่ที่อยากมีแต่ทำได้แค่ฝันมาตลอดตั้งแต่จำความได้
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน แต่ท่านกลับทั้งรักและเอ็นดูเธอในทุกเรื่องไม่ต่างจากลูกของตัวเองเลย มันจึงทำให้เธอทั้งรักและเคารพท่านมากกว่าใครๆ จนถึงขั้นเคยเอ่ยปากบอกกับท่านเอาไว้ว่าหากวันใดวันหนึ่งท่านมีเรื่องอะไรจะให้เธอช่วยเธอก็พร้อมเสมอที่จะช่วยท่านไม่ว่าเรื่องที่ท่านขอร้องมันจะยากเย็นแสนเข็นสักแค่ไหน เธอจำคำพูดตัวเองได้ ไม่คิดเลยว่าวันนั้นที่ว่าจะมาถึงเร็วนัก หนำซ้ำมันยังเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดขึ้นกับตัวอีกด้วย
“หนูจำได้ไม่เคยลืมค่ะคุณแม่ แต่ว่าเรื่องแบบนี้นี่มัน…” หญิงสาวขานรับพร้อมก้มหน้านิ่ง เธอไม่คิดว่าตัวเองจะทำมันได้จริงๆ สู้ให้เธอไปบุกน้ำลุยไฟที่อันตรายที่สุดของโลกยังจะดูง่ายกว่า
“นะลูกเล็ก หนูเองก็รู้ใช่ไหมว่าแม่อยากได้หนูเป็นลูกสะใภ้แค่ไหน แม่ขอแค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง ถ้าเกิดไอ้ลูกบ้านั่นมันไม่สนใจตัวเล็กของแม่จริงๆ แล้วล่ะก็แม่จะรีบให้คนไปรับตัวหนูกลับมาบ้านเราทันที” คุณหญิงอุสาเอ่ยยืนยันหนักแน่น นางไม่เคยมองใครอีกเลย นอกเสียจากพิมพ์พิมลคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น…
ที่อยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้
ส่วนเรื่องกิริยามารยาทหรือแม้แต่ความเป็นแม่บ้านแม่เรือนนี่แทบไม่ต้องห่วง นางสอนมาเองกับมือจนหญิงสาวสามารถทำทุกๆ อย่างได้อย่างไรที่ติมีทุกอย่างที่คู่ควรกับบุตรชายมากกว่าใครคนไหน นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้เธอถูกส่งตัวมาที่นี่ ที่ๆ ซึ่งไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะมีโอกาสได้มาเยือน มันเป็นที่ต้องห้ามสำหรับใครหลายๆ คนที่เจ้าของคนใหม่นั้นเคยกำชับว่าไม่ให้มา และหนึ่งในนั้นก็คือเธอ คนที่เขาเคยตราหน้าว่าช่างประจบแม่ของตัวเอง
ผู้ชายที่ชื่อรังสิมันต์คนนั้น
หญิงสาวยังคงนั่งอยู่ที่ท่ารถเพื่อรอการมารับของใครบางคน แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ดูเหมือนความหวังของเธอมันจะยิ่งลางเลือนมากขึ้นเป็นเท่าทวี กระทั่งเมื่อมีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียก
“คุณเล็กใช่ไหมครับ”
พิมพ์พิมลหันไปตามเสียงเรียกพร้อมรอยยิ้มด้วยนึกว่าเจ้าของเสียงที่เรียกกันนั้นจะเป็นใครบางคนที่คุณแม่บอกว่าท่านกำชับเขาเอาไว้แล้วว่าให้มารับเธอด้วยตัวเอง หากแต่ใบหน้าอ่อนหวานก็ต้องพาลพบเข้ากับความผิดหวังเมื่อพบเพียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งเท่านั้นกำลังเดินเข้ามาหากัน พร้อมรอยยิ้มสดใส
“ใช่ค่ะ ว่าแต่คุณคือ…” หญิงสาวรับคำพร้อมสำรวจคนตรงหน้า เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน และดูจากท่าทางการวางตัวของเขามันทำให้เธอคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าเขาคงจะเป็นคนรู้จักของรังสิมันต์ไม่ผิดแน่ ยังไม่ทันได้คำตอบอะไรอีกฝ่ายก็เอ่ยเฉลยออกมาเสียก่อนพร้อมๆ กับส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้กันอย่างเป็นมิตร