ตอนที่ 10 ว่าที่คนปลูกผักกับการทำอาหาร

2410 Words
"เอาล่ะ พี่เล่าเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว ที่นี่ก็มาเรื่องของกระเป๋ากับแหวนตกลงมีใครรู้เรื่องบ้าง" พี่เฟยเอ่ยขึ้น "ไม่มีเจ้าคะ ลุงเฉินเคยเล่าให้ข้าฟังว่าพวกของมิตินั้นหายากและมีค่ามาก ข้าจึงไม่บอกใคร" "ดีแล้ว ว่าแต่ทำไมถึงบอกว่าลุงเฉินเล่าให้ฟังล่ะ" "คือข้าตื่นขึ้นมาระหว่างเดินทางก็จำสิ่งใดไม่ได้เลยแม้กระทั่งชื่อตนเอง และตอนที่ฟื้นก็เจอเกวียนวัวอยู่ใกล้ๆจึงเจอสองแฝดที่หลบอยู่ในหีบไม้และก็ลุงเฉินที่ตามมาเจอพวกข้าทีหลังเจ้าค่ะ" "อ่อเจ้าคือคุณหนูที่พวกผู้คุ้มกันกล่าวว่าเจอซากงูอสรพิษเกล็ดดำนี่เอง โชคดีที่เจ้าไม่ถูกมันกัดแต่อาจจะตกใจจนสลบไปมากกว่า เพราะถ้าเจ้าถูกมันกัดก็คงไม่ได้มานั่งตรงนี้แน่ๆ" "ข้าก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะ" ข้ากล่าวออกไปแต่ในใจก็กล่าวขอโทษไปด้วยเพราะคนที่ถูกงูกัดไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้จริงๆ "พี่หญ่ายยยยย พี่หญ่ายยยยย มาตรงนี้เร็วขอรับ มีปลาเต็มเลย ข้าอยากกินปลาเผาอีกขอรับบบบ" น้องเล็กตะโกนเรียกเสียงดังมาจากบริเวณริมน้ำ ข้าจึงรีบลุกเดินไปหาพอใกล้จะถึงน้องเล็กก็รีบวิ่งมาจับแขนและลากข้าพาไปยืนตรงที่น้องรองกับลุงเฉินยืนอยู่ทันที "พี่ใหญ่ดูสิขอรับปลาตัวใหญ่ๆทั้งนั้นเลย เราจับแล้วเอามาเผากินแบบตอนเดินกันทางเถอะขอรับ" น้องเล็กพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "งั้นประเดี๋ยวลุงจะไปหาอุปกรณ์มาจับปลาน่ะ พวกเจ้ารอที่นี่ คุณชายซานรบกวนฝากดูด้วยนะขอรับ" ลุงเฉินกล่าวแล้วรีบเดินกลับไปที่เกวียนทันที "ลุงเฉินไปหาอุปกรณ์จับปลาแต่ถ้าไม่ใช่แหแบบที่ผู้คุ้มกันใช้จะจับได้หรือขอรับ" น้องรองเอ่ยถามขึ้น "ความจริงวิธีจีบปลามีหลายวิธีนะ พี่ใหญ่เคยเห็นในทีวีบางคนก็ใช้ไม้นั่งตกปลาทีละตัวก็มี หรือบางคนก็ใช้สุ่มจับก็มีด้วยนะ" "ทีวีคืออะไรขอรับ" น้องรองฟังจบก็เอ่ยถามขึ้นมา ข้าที่พึ่งจะคิดได้ว่าหลุดพูดอะไรไปก็ให้อ้ำอึ้งว่าจะตอบอะไรดี "พี่ใหญ่เจ้าคงเอ่ยผิดนะ คงเป็นตำราสักเล่มที่เคยอ่านนั้นแหละ" พี่เฟยเอ่ยแก้ให้ข้าซึ่งทั้งสองคนก็เข้าใจและไม่ได้ซักถามอะไรอีก "ขอบคุณเจ้าคะ ข้าเอ่ยผิดไปไม่ทันได้สังเกตเลย" "ไม่เป็นไร ไม่แน่เจ้าอาจจะได้ดูมันอีกก็ได้นะทีวีนะ รอให้ท่านแม่หาวิธีสร้างเครื่องปั่นไฟให้ได้ก่อนเถอะ ฮ่า ฮ่า" ข้าที่ได้ฟังพี่เฟยพูดถึงกับต้องหันไปมอง ทีวีก็มีมาด้วยหรือนี่สงสัยข้าคงต้องชินได้แล้ว ถ้าคุณป้าซานใช่ข้าตกลงจะเรียกคุณป้าแทนคุณแม่นั้นเอง ถ้าคุณป้าซานสามารถไปเจอข้าที่โรงพยาบาลได้ก็คงไม่ต้องแปลกใจอะไรแล้วล่ะ เพราะขนาดอาหารต่างๆวัวนมและวัวเนื้อวากิวยังมีได้ ไฟฟ้ากับน้ำประปาที่ข้าเคยคิดก็อาจจะมีได้เช่นกัน รอไม่นานหลังจากที่ลุงเฉินเอาเกวียนเข้าบ้านและปลดวัวเข้าคอกเรียบร้อยก็หาของที่ต้องการมาได้ "นั้นแหจับปลานี่ ลุงเฉินไปเอามาจากที่ไหนขอรับ" น้องเล็กเห็นสิ่งที่ลุงเฉินถือมาก็ตาวาวขึ้นทันที "ลุงไปขอซื้อมาจากพวกคนสำนักคุ้มกันนะ ตอนที่เห็นว่าหลังบ้านมีลำธารด้วย ตอนแรกว่าจะรอไปบ้านใหม่ค่อยซื้อแต่ที่นี่มีก็เลยไปขอซื้อมาไว้เลย" ลุงเฉินกล่าวจบก็จัดท่าทางเตรียมใช้งานทันที ข้าเลยจับมือสองแฝดให้ถอยออกมายืนห่างอีกหน่อย แล้วเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นตลอดเวลาของการจับปลา จนตอนนี้พวกเรานั่งล้อมกองไฟรอปลาสุกอยู่ข้างศาลาหินริมน้ำนั้นเอง "อาจื่อ อาซื่อ ต่อไปพี่เขยจะสอนพวกเจ้าเขียนอ่านและฝึกวรยุทธ์เพื่อเตรียมสอบเข้าสำนักศึกษาในปีหน้านะพวกเจ้าพร้อมไหม" พี่เฟยเอ่ยขึ้นระหว่างรอปลาสุก "พร้อมขอรับ" เสียงตอบรับสองเสียงดังขึ้นประสานกัน "ถ้าอย่างนั้นพี่เขยจะให้เจ้าทั้งสองได้พักผ่อนและวิ่งเล่นกันก่อน อีกสามวันเราถึงจะมาเริ่มเรียนกัน" พี่เฟยเอ่ยขึ้นและวางมือลงบนศีรษะของทั้งสองคนที่กำลังพยักหน้ารับช่างเป็นภาพที่น่ารักเหลือเกิน ถ้าพ่อแม่กับพี่สาวของทั้งสองแฝดได้มาเห็นคงมีความสุขมากแน่ๆที่ได้เห็นทั้งสองคนมีความสุขและสดใสมากขนาดนี้ "เสี่ยวเมิ่ง ลุงว่าเราคงต้องหาคนรับใช้มาช่วยงานแล้วละ ทั้งเจ้าและลุงไม่มีใครทำอาหารหรืองานบ้านเป็นเลย เราคงจะกินปลาเผาทุกวันไม่ได้หรอก และยังจะเรื่องการดูแลทั้งเจ้าและสองแฝดอีก เจ้าจะมัดผมแบบนี้ไปตลอดก็คงไม่ได้หรอกนะ" ลุงเฉินเอ่ยขึ้นหลังจากที่เรากินปลาเผาจนอิ่มแล้ว "ข้าเห็นด้วยกับลุงเฉินนะ ถึงเจ้าจะให้ลุงเฉินอยู่ในฐานะลุง แต่คนนอกก็ยังดูออกว่าลุงเฉินยังติดเกรงใจพวกเจ้าอยู่ เพราะฉะนั้นใช้ฐานะคู่หมั้นของพี่ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยของสำนักคุ้มภัยดูจะปลอดภัยมากกว่า และให้ลุงเฉินทำหน้าที่พ่อบ้านและหาทาสมาช่วยงาน ส่วนบ้านหลังนี้พี่มีความคิดจะซื้อบ้านอยู่พอดีพอครบกำหนดเช่าของพวกเจ้าพี่จะซื้อเอาไว้เอง" พี่เฟยกล่าว "ข้าก็คิดอยู่เหมือนกันเจ้าคะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องไปหาที่ไหนคิดว่าจะถามท่านอยู่พอดี" "ที่นี่มีโรงค้าทาสถูกกฎหมายนะ ไว้พรุ่งนี้พี่จะไปเลือกมาให้ คนทำงานบ้าน คนทำงานครัว คนติดตามพวกเจ้าทั้งสาม แล้วก็ยามเฝ้าประตู เท่านี้พอไหม" พี่เฟยเอ่ย "เยอะถึงเพียงนั้นเลยหรือเจ้าคะ ที่นี่คงไม่พอให้พวกเขาอยู่แน่ๆเจ้าคะ" ข้ากล่าวขึ้นพร้อมมองไปที่ตัวบ้าน "ไม่ต้องห่วง พี่จะให้คนมาสร้างเรือนคนรับใช้ให้เอง คงพอจะใช้ที่ด้านหลังตรงนั้นได้" พี่เฟยเอ่ย "แต่เราเพียงแค่เช่าบ้านอยู่นะเจ้าคะ ถ้าต่อเติมจะได้หรือเจ้าคะ" ข้าเอ่ยด้วยความกังวล "ไม่ต้องกังวลประเดี๋ยวพี่จัดการเอง แต่วันนี้มื้อเย็นพี่จะซื้ออาหารเข้ามาให้ ตอนนี้พวกเราก็แยกย้ายเข้าห้องพักผ่อนก่อนเถอะ" พี่เฟยกล่าวและเดินนำเข้าไปที่ตัวบ้าน "ท่านจะพักที่นี่หรือเจ้าคะ" ข้าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพี่เฟยเดินไปยังห้องนอนกับลุงเฉินที่อยู่อีกฝั่ง "พี่มีหน้าที่เป็นคนคุ้มกันนะ ถ้าไม่อยู่ด้วยจะคุ้มกันพวกเจ้าได้อย่างไรล่ะ หรือว่าเจ้าอยากให้พี่ย้ายไปนอนห้องข้างเจ้าละเสี่ยวเมิ่ง" คนถามเอ่ยด้วยสายตาระยิบระยับจนข้าต้องหันหน้าหนี "ไปน้องเล็ก น้องรองพี่จะช่วยจัดห้องให้พวกเจ้านะ" ข้ารีบเอ่ยและจูงมือเด็กน้อยเดินไปอีกฝั่งทันที แต่ยังได้ยินเสียงหัวเราะคนคนหน้ามึนตามหลังมา เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อข้าตื่นขึ้นมาก็เห็นร่างสูงเดินวนไปวนมาทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว ซึ่งน่าจะเตรียมทำอาหาร ใช่แล้วอาหารตอนนี้ข้าดูเวลาเจ็ดโมงแล้ว จึงรู้สึกอับอายนิดหน่อยตื่นเสียสายโด่ง จนแขกต้องมาทำหน้าที่ดูแลแทน หันหน้าไปมองอีกทีร่างสูงก็ยืนกอดอกส่งยิ้มขำมาให้คงเห็นสีหน้าแปลกๆของข้าอีกแน่ๆเลย "ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่บอกแล้วว่าจะดูแลพวกเจ้าทั้งสามอย่างดี นี่ก็รวมอยู่ในการดูแลด้วยนะ เข้ามาสิพี่จะสอนทำอาหารง่ายๆ" ข้าที่ได้ฟังดังนั้นก็เดินเข้าไป วันนี้พี่เฟยจะสอนให้ข้าทำข้าวต้มหมูสับ วิธีการแรกก็คือเอาหม้อใส่น้ำตั้งไฟ เอากระดูกหมูไปล้างให้สะอาดรอน้ำเดือด ระหว่างนี้ก็ทำการสับหมูเตรียมเอาไว้ และนำข้าวสารไปล้างและแช่น้ำทิ้งเอาไว้ พอน้ำเดือดก็เอาถ่านออกให้น้ำเดือดเบาๆพอแล้วใส่กระดูกหมูที่ล้างไว้ลงไป รอจนเดือดอีกครั้งระหว่างนี้ให้คอยช้อนฟองออกด้วย เมื่อรอจนน้ำต้มกระดูกหมูเดือดแล้ว พี่เฟยก็ให้เอาหัวไชเท้าที่ล้างปอกเปลือกและหั่นเป็นแว่นเตรียมไว้แล้วเอาใส่ลงไปในน้ำซุปแล้วปล่อยทิ้งไว้ จากนั้นให้นำหมูสับมาปรุงรสโดยใส่ผงปรุงรส ที่พี่เฟยบอกว่าไปขอมาจากเหลาอาหารให้ข้าโดยเฉพาะ ยังมีซีอิ้วขาว พริกไทป่น เกลือป่นและน้ำตาลทราย ซึ่งทั้งหมดเป็นของที่มีใช้เฉพาะในเหลาอาหารหวงซานเท่านั้นอีกด้วย เมื่อทำการปรุงรสหมูสับเรียบร้อยแล้วพี่เฟยก็นำหม้ออีกใบมาตักเฉพาะน้ำซุปแล้วเอาข้าวสารที่แช่น้ำไว้ทำการสะเด็ดน้ำ นำมาใส่ในน้ำซุปแล้วให้ข้าคอยคนหม้อเป็นระยะกันข้าวติดก้นหม้อ เมื่อข้าวเดือดและสุกดีแล้วพี่เฟยก็ลดไฟในเตาลงและให้ข้าตักหมูสับที่ปรุงรสแล้วใส่ลงไปจนหมดถ้วย ก็ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้มาหั่นผักชีต้นหอมเตรียมไว้โรยหน้า ส่วนตัวพี่เฟยเองก็ตั้งกระทะทำการเจียวกระเทียม ข้าที่หั่นผักเสร็จก็มายืนดูข้างๆ พี่เฟยจึงให้ข้าลองเจียวกระเทียม ซึ่งทุกอย่างที่ข้าได้ทำในวันนี้มันช่างน่าตื่นเต้นเหลือเกิน การทำอาหารครั้งแรกของข้าถึงแม้จะเคยดูในทีวีมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งมันก็ไม่เหมือนได้ลงมือทำเองเลย ซึ่งข้าไม่รู้เลยว่าความรู้สึกนี้มันแสดงออกมาด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข จนคนตัวโตที่คอยยืนมองอยู่ยังต้องยิ้มมีความสุขตามไปด้วย "พี่หญ่ายย กลิ่นอารายหอมจังเยยขอยับ" น้องเล็กพูดด้วยน้ำเสียงยานคางดังขึ้นมาก่อนที่ตัวคนพูดจะเดินหาวปากกว้างหัวฟูตามเข้ามา "น้องเล็กตื่นแล้วทำไมยังไม่ล้างหน้าแต่งตัวละ เดินออกมาสภาพนี้แล้วจะมาบอกว่าตนเองโตแล้วได้อย่างไรกัน" ข้าพูดพร้อมกับหันไปล้างและเช็ดมือจนสะอาดก็เดินไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ซึ่งครั้งนี้น้องเล็กไม่ดิ้นจะลงคงเพราะยังไม่ตื่นดี ข้าที่เห็นท่าทางง่วงงุนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มกลมๆทั้งสองข้างนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว โดยไม่รู้เลยว่าคนตัวสูงเดินมาซ้อนหลังคอยจับตัวน้องชายที่ทั้งดิ้นทั้งหัวเราะเอาไว้ ไม่ให้ทั้งคนพี่คนน้องต้องพากันเจ็บตัว เมื่อฟัดจนพอใจน้องเล็กก็หัวเราะจนหอบ ข้าถึงได้รู้ว่ามีคนมาคอยพยุงพวกข้าทั้งสองเอาไว้ ถึงว่าทำไมไม่รู้สึกหนักเลยทั้งๆที่อุ้มนานกว่าทุกที เมื่อเงยหน้ามองคนตัวโตก็ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้พร้อมกับรับร่างของน้องเล็กไปไว้ในอ้อมแขนตนก่อนจะปล่อยลงพื้นแล้วร่างเล็กๆนั้นก็วิ่งหัวเราะร่าจากไป "ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าก็ลืมไปว่าน้องเล็กหนักขนาดไหน" ข้าเอ่ยเสียงเบาด้วยอายเล็กน้อย น้องชายของนางตัวไม่ใช่เบาดีที่ไม่เกิดพลัดตกลงไปให้ได้เจ็บตัวทั้งพี่ทั้งน้อง "ไม่เป็นไรพี่บอกแล้วจะดูแลพวกเจ้า ขอเพียงแค่พี่อยู่ด้วยพวกเจ้าพี่น้องจะไม่มีวันเป็นอะไร" พี่เฟยกล่าวพร้อมกับลูบหัวข้าเบาๆ แล้วจึงกลับไปทำอาหารเช้าต่อ ผ่านไปไม่นานน้องเล็กและน้องรองก็จับมือกันเดินมาที่หน้าห้องครัว ครั้งนี้ทั้งสองแต่งตัวมัดผมเรียบร้อยคงไม่พ้นฝีมือลุงเฉินเพราะทุกครั้งลุงเฉินก็เป็นคนมัดผมให้ทั้งสองมาตลอด โดยข้าเคยหัดแล้วแต่พอได้ยินเสียงเหมือนเจ็บของน้องๆข้าก็ไม่กล้าทำให้พวกเขาอีกเลย เมื่อทุกคนมาครบแล้วข้าวต้มหมูสับกับการทำอาหารครั้งแรกของข้าก็เรียบร้อย แถมยังส่งกลิ่นหอมไปทั่ว นอกจากกลิ่นที่หอมแล้วเวลาตอนนี้ก็ปาไปแปดโมงครึ่งแล้วยิ่งทำให้เมื่อลงมือกินมันจึงอร่อยขึ้นอีกเท่าตัว เมื่อทุกคนได้กินมื้อสายกันเรียบร้อยคณะเดินทางของพวกเราก็พร้อมที่จะไปยังโรงค้าทาสกัน ที่ว่าเป็นคณะเดินทางเพราะทั้งสองแฝดไม่ยอมอยู่เรือนรอกับลุงเฉิน โดยให้เหตุผลว่าจะเลือกคนติดตามตนเองก็ต้องเป็นคนเลือกเองทำให้ข้าถึงกับแย้งไม่ถูกเลย และฝ่ายสนับสนุนสองแฝดก็ไม่ใช่ใคร พี่เขยตัวดีของทั้งสองนั้นแหละ ข้าที่บอกให้ทั้งสองเรียกว่าพี่เฟยก็ไม่ยอมจะเรียกว่าพี่เขย ซึ่งคนถูกเรียกก็ดูจะพออกพอใจไม่น้อย ข้าจึงต้องปล่อยเลยตามเลยถึงอย่างไรก็ไม่มีใครรู้จักพวกข้าอยู่แล้ว เรียกอย่างไรก็ตามใจพวกเขาเถอะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD