bc

ข้าแค่อยากเป็นคนปลูกผัก

book_age12+
726
FOLLOW
2.5K
READ
billionaire
HE
bxg
lighthearted
brilliant
campus
mythology
love at the first sight
like
intro-logo
Blurb

สายน้ำเธอคือหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่แต่บนเตียงของโรงพยาบาล มองโลกภายนอกผ่านจอทีวี หรือจอคอมพิวเตอร์ผ่านการท่องอินเตอร์เน็ต ความใฝ่ฝันของเธอช่างเรียบง่าย แค่อยากจะสัมผัสพื้นดินอีกครั้ง อยากจะวิ่งอยากจะเดิน อยากทำอะไรหลายๆอย่างด้วยตนเอง

และสิ่งที่เธอใฝ่ฝันที่สุดก็คือการมีสวนผักหรือสวนผลไม้ของตนเอง เพราะเธอจำได้ว่ามันคือความฝันของเธอกับแม่ในตอนที่เธอยังคงเดินได้ด้วยตนเอง

และในวันเกิดปีที่ 18 เธอก็ได้รับของขวัญที่ทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง มาเอาใจช่วยเธอให้ทำสำเร็จด้วยเถอะ

นิยายที่ชื่อเรื่องกับเนื้อหาช่างสวนทาง นางแค่อยากจะมีชีวิตเรียบง่ายทำไร่ ปลูกผัก อยู่กับน้องๆอย่างสงบสุข แต่พอเจอพี่ชายตัวโตความสงบสุขของนางก็หายไป มาเอาใจช่วยให้นางได้ทำตามที่หวังกันเถอะ ไรต์ผู้ขายแกง

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 ว่าที่คนปลูกผักกับวันเกิดปีที่ 18
ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ วันที่เท่าไหร่ กี่ครั้งแล้วที่เธอลืมตาขึ้นมามองเห็นเพียงเพดานสีขาวนี้ สิ่งแรกที่มองเห็นเมื่อลืมตา ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมานานมากแล้ว   ห้องสีขาวเพดานสีขาว ผนังสีขาว โต๊ะเก้าอี้ ผ้าม่าน หรือแม้แต่ชุดที่เธอสวมอยู่ก็เป็นสีขาว ถ้าจะมีสีอื่นก็คงเป็นพวกเครื่องมือต่างๆที่อยู่ข้างหัวเตียงที่นอนอยู่ตอนนี้ และก็ประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปสู่ระเบียงของห้องนี้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะเปิดมันเพื่อที่จะออกไปมองดูข้างนอกนั้นได้   เธอจำเวลาที่แน่ชัดไม่ได้แล้วว่ามาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ความทรงจำเลือนลางคือเมื่อตอนอายุห้าขวบ เธอกับแม่กำลังเดินทางไปโรงเรียน และขณะที่กำลังเดินข้ามถนนเพื่อไปยังโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จู่ๆก็มีรถฝ่าไฟแดงมาชนเธอกับแม่ แม่ของเธอใช้ตัวเองกอดและบังเธอเอาไว้แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเจ็บหนัก ส่วนแม่ของเธอเสียชีวิตคาที่ในขณะที่ยังกอดเธอเอาไว้   เธอมารู้เรื่องพวกนี้เมื่อตอนที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากผ่านไปสามเดือนแล้ว น้านิดที่เป็นน้องสาวแท้ๆของแม่เป็นคนเล่าให้ฟัง น้านิดเล่าว่าคนชนเป็นลูกของมหาเศรษฐีมีเงิน เขายินดีรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและจ่ายเงินชดเชยก้อนโตให้กับเธอและครอบครัว   และโรงพยาบาลที่มารักษาตัวอยู่นี่ก็เป็นของครอบครัวคู่กรณี น้านิดซึ่งเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ได้รับเป็นผู้ปกครองตกลงเซ็นต์เอกสารยินยอมให้เธอได้เข้ารับการรักษาที่นี่ และยินยอมรับเงินชดเชยก้อนใหญ่เพื่อไม่ให้มีการดำเนินคดีกับคนขับเพราะยังไม่มีใบขับขี่   ซึ่งตอนนั้นเธอก็เพียงฟังสิ่งที่น้านิดพูดโดยที่ไม่เข้าใจเท่าใดนัก นอกจากเรื่องที่ว่าแม่ไม่อยู่แล้ว และน้านิดจะเป็นคนดูแลแทน   ครอบครัวมีแค่เธอกับแม่สองคน ส่วนพ่อเธอไม่เคยเจอและแม่ก็ไม่เคยพูดถึง และตัวเธอเองก็ไม่เคยถามถึงเช่นกัน   ตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมาเธอก็นอนอยู่บนเตียงนี้มาตลอด มีพยาบาลผลัดเปลี่ยนกันมาดูแล และคุณหมอเคยมาแจ้งอาการให้น้านิดฟังซึ่งเธอก็ได้ร่วมฟังด้วย   อาการป่วยคือกระดูกสันหลังหัก ทับเส้นประสาทซึ่งเป็นส่วนที่ใช้บังคับร่างกายส่วนล่าง ทำให้ไม่สามารถที่จะยืน เดิน หรือวิ่งได้เหมือนเดิมอีก สิ่งที่ทำได้ก็คือการใช้ชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาลแห่งนี้เท่านั้น   ถามว่าทำไมไม่กลับไปอยู่บ้าน ถ้ากลับไปใครจะมาดูแล น้านิดเองก็มีครอบครัวและยังต้องทำงาน อีกอย่างการนอนอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เธอไม่ต้องเสียค่ารักษา เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของคู่กรณี และยังมีคนคอยดูแลตลอดเวลา   จากที่เคยเป็นที่รักของแม่และคนรอบข้าง ต้องมานอนติดเตียงมาตลอดเป็นเวลาสิบกว่าปี ถึงจะได้รับการดูแลที่ดีแค่ไหน ก็ทำให้ร่างกายที่เคยสมบูรณ์แข็งแรง กลายเป็นคนขาลีบและตัวแคระแกร็น ร่างกายของเธอมีขนาดเทียบได้เท่ากับเด็กอายุ 10-12ปีแค่นั้น   แต่ก็ยังมีโชคดีเหลืออยู่นิดหน่อย อย่างที่หนึ่งเลยก็คือคู่กรณีรับผิดชอบดูแลรักษาอย่างดี และน้านิดก็ไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด   ห้องที่อยู่เป็นห้องพิเศษสองเตียงนอน เธอไม่ถึงกับช่วยตัวเองไม่ได้เลย มือและแขนของยังพอขยับได้ เธอก็พยายามขยับและใช้งานมันมาตลอด กินอาหารเหลวเองได้หยิบจับสิ่งของเล็กๆ เองได้ นี่ถือได้ว่าเป็นสิ่งโชคดีอย่างที่สองเลยทีเดียว   มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนไข้เป็นคุณยายอายุมากคนหนึ่งมาพักอยู่เตียงข้างๆคุณยายไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนยกเว้นสามีที่ตอนนี้ไปทำงานอยู่ต่างประเทศไม่สามารถกลับมาดูแลได้ คุณยายมีฐานะพอสมควรจึงสามารถมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้   คุณยายมานอนรักษาตัวอยู่ถึงสองเดือนด้วยอาการหกล้มหัวแตกอาการไม่ได้หนักมากนัก แต่กลับไปก็ไม่มีคนดูแลจึงขออยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลดีกว่า   คุณยายเป็นคนคุยสนุกมาก มีเรื่องเล่าต่างๆมากมาย บางทีเราสองคนก็เปิดทีวีดูรายการต่างๆและพูดคุยกัน ตัวเธอเคยเล่าถึงความฝันของเธอกับแม่ให้คุณยายฟัง คุณยายก็พาชวนพูดคุยถึงการปลูกพืชผักผลไม้ต่างๆที่ท่านเคยปลูกมาก่อนให้ฟัง แม้กระทั่งวิธีการทำอาหารต่างๆด้วย   จนเมื่ออาการของคุณยายหายดีแล้วท่านก็ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน เธอก็ต้องกลับมาเหงาอีกครั้ง และก็เอาเวลาว่างที่มีไปกับการอ่านนิยาย ดูรายการต่างๆในทีวีและอินเตอร์เน็ตอีกครั้ง   จนมาถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันเกิดครบอายุ 18ปี วันนี้ก็เหมือนเดิมที่เป็นมาตลอดสิบกว่าปีที่เธอนอนอยู่ที่นี่ น้านิดแวะมาหาแต่เช้าเอาของขวัญกล่องไม่ใหญ่มากแต่มีน้ำหนักพอสมควรมาให้ และเอาชุดสังฆทานมาให้ร่วมอธิษฐานเพื่อจะนำไปถวายพระ ไม่รู้เพราะอะไรปีนี้น้านิดจึงจัดสังฆทานชุดใหญ่มาให้ถึงสามชุดทีเดียวและยังมีของขวัญให้อีกด้วย และตอนที่พระท่านสวดมนต์ให้พรและนำกรวดน้ำก็โทรมาให้เธอได้ร่วมฟังด้วย   ส่วนคำอธิษฐานตลอดสิบกว่าปีมานี้คือขอให้หายป่วยและสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เหมือนคนอื่นๆและในปีนี้เธอเพิ่มคำขอขึ้นอีกข้อ คือขอให้ได้ไปใช้ชีวิตที่อื่นจะเป็นที่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้ได้มีโอกาสสัมผัสพื้นดิน ผืนหญ้าและได้เดินด้วยตนเองอีกครั้ง   สิ่งที่คิดก็แค่การได้ออกไปจากโรงพยาบาลไปก็แค่นั้น แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อได้รับของขวัญวันเกิดจากคุณยายผู้ใจดี เธอก็จะได้ไปใช้ชีวิตที่อื่นจริงๆอย่างที่หวังซึ่งไม่ใช่ที่โลกนี้อีกต่อไป       หลังจากที่น้านิดกลับไปแล้วเธอก็ทำกิจวัตรเดิมๆก็คือ อ่านนิยาย และพอเบื่อก็เปิดดูรายการสารคดีบ้าง บันเทิงบ้าง ทำอาหารบ้างสลับกันไป จนตกบ่ายก็มีคุณป้าพยาบาลเดินถือกล่องใบใหญ่เข้ามาหา   คุณป้าพยาบาลคนนี้เป็นพยาบาลคนแรกๆที่มาดูแลเธอตั้งแต่ฟื้น จนตอนนี้ก็ยังคงแวะเวียนมาดูแลบ้างเป็นบางครั้ง   เมื่อมองเห็นกล่องใบใหญ่ที่คุณป้าพยาบาลถือมา เธอถึงกับตาโต เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ของขวัญกล่องใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย   "วันนี้เป็นอย่างไรบ้างคะหนูสายน้ำ มีปวดหรือเจ็บตรงไหนบ้างไหมคะ" คุณป้าวางกล่องไว้ที่โต๊ะโซฟาข้างเตียง แล้วมาช่วยปรับเตียงเพื่อให้เธอนั่งได้ และเอาโต๊ะที่ใช้วางอาหารมาตั้งแล้วนำกล่องของขวัญมาวางให้   "ม่ายค่า ซาบายดี (ไม่ค่ะ สบายดี)" เธอเอ่ยตอบถึงสมองจะประมวลผลได้ปกติ แต่กับการพูดก็มีปัญหาในการบังคับปากอยู่นิดหน่อยนะ แต่ทุกคนก็ดูเข้าใจกับสิ่งที่เธอพูดได้   "คุณยายซานที่เคยมานอนรักษาที่เตียงข้างๆ หนูน้ำจำได้ไหมคะ ท่านส่งของขวัญกล่องใหญ่มาให้ด้วยอยากแกะเลยไหมคะ" คุณป้าพยาบาลเอ่ยถาม   "แคะค่า (แกะค่ะ)" เมื่อฉันพูดจบคุณป้าก็เปิดฝากล่องขึ้น สิ่งแรกที่มองเห็นคล้ายๆกระเป๋าผ้าใบใหญ่ทำจากผ้าสีเทาเข็มเรียบๆไม่สะดุดตา คุณป้าหยิบขึ้นมาแล้วกางให้ดูจึงเห็นรูปทรงว่าคล้ายกับกระเป๋าย่ามสะพายข้างทั่วๆไป แต่ใบใหญ่และน่าจะเย็บเองฝีเข็มปราณีตดูแข็งแรงมาก ด้านในมีบุพื้นแข็งๆเอาไว้ด้วย สายสะพายก็มีการเย็บถึงสองชั้น ฝากระเป๋าใช้กระดุมปิด เปิดเข้าไปด้านในมีแบ่งเป็นสองช่องและมีช่องลับใช้ซ่อนของได้อีกด้วย   คุณป้าช่วยเปิดสำรวจในกระเป๋าให้ และพบว่าในช่องลับนั้น มีถุงผ้าใบหนึ่งใส่อยู่จึงเปิดดูพบว่าเป็นก้อนทองเล็กๆกลมๆอยู่ถึงยี่สิบก้อนด้วยกัน คุณป้าบอกว่าน่าจะตกก้อนละบาทได้ และมีแหวนไม้แกะสลักลายดอกไม้ที่ดูสวยงามอีกหนึ่งวง   เมื่อได้เห็นของในถุงใบเล็กก็ถึงกับตกใจที่คุณยายถึงกับมอบของมีค่าให้ขนาดนี้ คุณป้าก็นำกระเป๋ามาวางไว้ข้างตัวเธอ และทำการเปิดของที่อยู่ในกล่องต่อไป ของในกล่องที่เหลือเป็นถุงผ้าหลายสีหลายใบวางเรียงจนเต็มกล่อง   คุณป้าหยิบออกมาเปิดดูแต่ละถุงบรรจุไปด้วยเมล็ดพันธ์ุผัก ผลไม้ ดอกไม้หลากหลายชนิดทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ซึ่งมีเขียนบอกไว้ที่ป้ายห้อยข้างถุงนั้นเอง   เมื่อได้เห็นถุงเมล็ดพันธุ์พวกนี้ก็ยิ้มดีใจเกิดมาเธอไม่เคยเห็นเมล็ดพวกนี้ของจริงมาก่อนเลย ขนาดอาหารที่กินก็ยังเป็นอาหารเหลว เพราะฉะนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นของจริงนอกจากในทีวีก็ไม่ผิด   และด้านล่างของกล่องยังมีหนังสืออีกสามเล่ม เป็นหนังสือภาษาจีนที่ไม่รู้เป็นหนังสืออะไร แต่พอลองเปิดดูหนึ่งในนั้นมีรูปวาดภาพพืชต่างๆ บางอย่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนอีกสองเล่มน่าจะเป็นหนังสือบรรยายอะไรสักอย่าง   "คุงปาคะ เอาส่ายคะเปาห่ายด่วยค่า (คุณป้าคะเอาใส่กระเป๋าให้ด้วยค่ะ)" เมื่อดูของขวัญที่ได้มาครบหมดแล้วจึงขอให้คุณป้าเอาของพวกนี้ใส่ไว้ในกระเป๋าใบนั้น และก็รวมถึงของขวัญที่น้านิดให้มาด้วย เธอยังไม่ได้แกะเพราะน้านิดบอกให้เก็บเอาไว้ให้ดีอย่าให้ใครเห็นของข้างใน เธอจึงตัดสินใจไม่เปิดและใส่มันลงไปในกระเป๋าด้วย   เธอไม่รู้หรอกทำไมถึงทำแบบนี้แต่แค่อยากจะทำเท่านั้น คุณป้าก็ไม่ขัดเอาถุงใบเล็กใส่กลับไปในช่องลับ เอาหนังสือทั้งสามเล่มใส่ไว้ในช่องหนึ่งและเอาถุงเมล็ดพันธ์ทั้งหมดใส่ให้อีกช่องหนึ่ง และตามด้วยของขวัญของน้านิด เมื่อใส่ของทุกอย่างลงไปครบหมดแล้วคุณป้าปิดกระเป๋า แล้วเอามาวางไว้ให้บนเตียงข้างๆตัวเธอจึงเอาแขนไปคล้องหูกระเป๋าเอามากอดไว้   เมื่อคุณป้าออกไปแล้วเธอก็นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกง่วงจึงปิดทีวีลง และก็หลับไปในทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอจะไม่มีโอกาสตื่นขึ้นมาในห้องนี้อีกแล้ว และกระเป๋าใบที่วางเอาไว้ข้างตัวอยู่ๆก็หายไป และก็ไม่มีใครจำได้หรือนึกถึงมันและของที่อยู่ในนั้นอีกเลย...     ด้านหน้าโรงพยาบาลมีหญิงชราหน้าตาใจดีที่ช่างดูคุ้นเคยคนหนึ่งยืนอยู่สายตาของหญิงชรานางนั้นมองไปที่ระเบียงห้องๆหนึ่ง ที่ตอนนี้เจ้าของห้องได้หมดลมหายใจและจากร่างนี้ไปแล้วในวันเกิดปีที่ 18นี่เอง   "มี่เอ๋อร์กลับเถอะ ต่อจากนี้ก็อยู่ที่โชคชะตาของนางเองแล้วละว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร" ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเดินเข้ามาสวมกอดหญิงชราคนนั้นเอาไว้และเอ่ยขึ้น   "เจ้าค่ะ ข้าแค่สงสารนางเท่านั้น และหวังว่าสิ่งที่ข้าให้ไปนางจะสามารถนำไปใช้ทำตามความฝันได้" หลังจากเอ่ยจบ หญิงชราคนนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจนกลายเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามมากคนหนึ่ง   "เจ้าช่วยนางไปมากพอแล้วล่ะ ขนาดญาติของนางเจ้าก็ยังเข้าไปวุ่ยวายเลย และแค่สิ่งที่นางไปด้วยก็ทำให้อยู่สุขสบายได้แล้ว ตอนนี้รีบกลับไปดูเจ้าสองแฝดเถอะ ป่านนี้ไม่รู้หายไปก่อกวนที่ใดอีก เจ้าไม่อยู่สองคนนั้นก็พากันหนีงานตามไปด้วย และคืนนี้พี่จะคิดดอกเบี้ยเจ้าให้หนักเลย" น้ำเสียงที่ใช้ตอนประโยคท้ายแผ่วเบาและแหบพร่า   หญิงสาวคนสวยได้ฟังก็อายหน้าแดงแล้วหันหน้าเดินหนีทันที ฝ่ายชายหนุ่มก็รีบสาวเท้าเดินตามไปคว้าเอวบางเอาไว้ แล้วอยู่ๆทั้งคู่ก็หายไปจากตรงนั้นทันที   ********

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

รอยรักคนใจร้าย

read
9.4K
bc

เกิดใหม่พร้อมกับมิติฟาร์มส่วนตัว

read
4.4K
bc

รอยตรวน

read
1K
bc

พิษรักซาตาน

read
5.0K
bc

ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ

read
3.4K
bc

ฮูหยินกลับมาเถิดข้าไล่พวกนางไปหมดแล้ว

read
9.4K
bc

ทาสรักของจอมมาร

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook