Chapter 4

1215 Words
ทั้งสองคนเดินหลบผู้คนมาอีกทางเพื่อเลี่ยงการพบเจอกับนักข่าว แพมเดินตามชายหนุ่มมาถึงลานจอดวันนี้เขาขับรถมาเองจะได้พาหญิงสาวไปเที่ยวอย่างสะดวก ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของผู้ช่วยมากนัก “อยากไปไหนเหรอคะวันนี้” “อยากไปเที่ยวบ้านคุณแพมครับ ได้รึเปล่า” เขาเอ่ยออกมาไม่จริงจัง ใจจริงก็อยากไปแต่ว่ามันคงเร็วไปหน่อยถ้าเธอยังไม่สะดวกเขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ยังมีเวลาเรียนรู้กันอีกพอควร “ได้สิคะทำไมจะไม่ได้” คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มแปลกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าเธออนุญาตให้เขาไปที่บ้านได้ น่าเหลือเชื่อแต่เขารู้สึกดีใจนะ “งั้นไปบ้านคุณกันนะ” “ค่ะ ไหนๆก็ไปบ้านแพมแล้วงั้นแวะรับน้องพั้นช์ได้มั้ยคะ โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากที่บ้านเท่าไหร่” “ได้ครับช่วยบอกทางหน่อย แต่ว่ายังมีเวลาเหลือนะงั้นแวะไปซื้อของฝากที่บ้านคุณกัน เอาขนมดีกว่าผมรู้จักร้านหนึ่งอร่อยมาก” “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เกรงใจ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ที่บ้านเธอไม่ได้ซีเรียสเรื่องพวกนี้หรอก “เกรงใจอะไรกันครับ งั้นรอผมแป๊บหนึ่งนะ” เขาขับรถเข้าไปยังร้านขนมชื่อดังหลังจากจอดรถเสร็จแล้วก็เดินลงไปในร้านสั่งเมนูขายดีของร้านมาหลายถุง เสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินกลับไปที่รถแล้วขับไปยังโรงเรียนอนุบาลตามที่หญิงสาวบอก “ตรงนี้เลยค่ะ” ชายหนุ่มขับรถไปในโรงเรียนอนุบาลทั้งสองคนเดินไปที่อาคารเรียนคุณครูออกมาทักทายหญิงสาวก่อนจะเดินกลับไปข้างในแป๊บเดียวก็เดินออกมาพร้อมกับน้องพั้นช์ “พี่แพมสวัสดีค่ะ ดีใจจังเลยที่มารับหนู” เด็กน้อยกระโดดกอดคอหญิงสาวซบใบหน้าลงกับอกนุ่ม เธอไม่ค่อยมีโมเม้นแบบนี้กับน้องพั้นช์เท่าไหร่วันๆเอาแต่ทำงานหาเงินเพื่อนอนาคตของเด็กคนนี้ เธอจะดูแลอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ “วันนี้พี่เลิกงานเร็วค่ะ หนูสวัสดีค่ะอาพีเจก่อนสิคะเค้าเป็นเพื่อนพี่ค่ะ” “สวัสดีค่ะอาพีเจ หนูชื่อน้องพั้นช์อายุหกขวบค่ะ” เด็กน้อยยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างเด็กที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี เขาเห็นเด็กน้อยครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาอย่างประหลาด ความคุ้นเคยทั้งๆที่เพิ่งจะเคยเจอกันแท้ๆแปลกชะมัด “สวัสดีค่ะน้องพั้นช์ วันนี้อาพีเจซื้อขนมมาฝากหนูด้วยนะชอบกินรึเปล่าคะ” “ชอบค่ะ แต่ว่ากินเยอะไม่ได้พี่แพมบอกว่ามันจะอ้วนค่ะ” “อ้วนอะไรกันคะหนูกำลังเด็กอยู่เลย มาค่ะอาอุ้มไปขึ้นรถดีกว่า คุณแพมผมฝากถือกระเป๋าหน่อยครับ” หญิงสาวรับกระเป๋าน้องพั้นช์มาถือไว้ก่อนจะเดินตามทั้งสองคนไปขึ้นรถด้วยกัน ไม่นานก็กลับมาถึงที่บ้าน ดูน้องพั้นช์จะชอบพีเจมากเป็นพิเศษทั้งสองคนคุยกันสนุกถูกคอกันมาก “น้องพั้นช์ได้เรียนว่ายน้ำด้วยค่ะ คุณครูบอกว่าน้องพั้นช์ว่ายน้ำเก่งมาก” “จริงเหรอคะ ตัวแค่นี้เองว่ายน้ำเป็นแล้วสุดยอดไปเลย” เขาอุ้มเด็กน้อยเข้ามาในบ้านก่อนจะวางลงตรงโซฟาแล้วเอ่ยถามเธอที่กำลังเปิดกระเป๋าของตัวเองอยู่ “ทำอะไรคะ” “พี่แพมบอกว่ากลับมาถึงบ้านต้องทำการบ้านก่อนค่ะ ไม่อย่างนั้นจะอดเล่นไอแพด” “อ่อ งั้นอาสอนมั้ยคะ” เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะเปิดหน้าการบ้านแล้วตั้งใจทำไปพร้อมกับพีเจ แพมยืนมองทั้งสองคนอยู่ไม่ห่าง รู้สึกว่าจะเข้ากันได้ดีเหลือเกินนะ คุณแม่ของเธอที่ทำอาหารเสร็จเดินออกมาจากห้องครัว ท่านเห็นลูกสาวกำลังยืนมองอะไรอยู่ก็มองตามทันที เธอดึงลูกสาวออกมาจากตรงนั้นก่อนจะเอ่ยถามเสียงตื่น “คิดจะทำอะไรกันแน่แพม” “เปล่านี่คะ แพมไม่ได้ทำอะไรนี่” เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จนคนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไร “ลูกกำลังจะทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายนะ” “แพมไม่สนหรอกค่ะ แม่ก็ห้ามแพมไม่ได้ด้วยวันนี้คุณพี่เจเค้าจะทานข้าวด้วยกับเราที่นี่นะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปทันที คนเป็นแม่มองตามก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ พูดอะไรไม่เคยจะฟังเกิดอะไรขึ้นมาคงต้องปล่อยเลยตามเลย “เฮ้อ!” คุณแม่เดินกลับไปห้องรับแขกมองชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังสอนน้องพั้นช์ทำการบ้านอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาเจอจะยิ้มกว้างพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ “สวัสดีครับคุณแม่ ผมพีเจครับ” “ไหว้พระเถอะจ้ะ แล้วนี่มากับยัยแพมได้ยังไง เป็นเพื่อนกันเหรอ” “อ่อ พอดีว่าผมอยากรู้จักลูกสาวคุณแม่ครับก็เลยขอมาเจอเธอบ่อยๆ คุณแม่จะว่าอะไรมั้ยครับถ้าผมจะขอจีบลูกสาวคุณแม่” ชายหนุ่มเอ่ยไปตามตรง เขามาที่นี่ก็เพื่อแสดงตัวว่ากำลังจะจีบลูกสาวของท่านอยู่ ผู้ใหญ่จะได้สบายใจว่าเขาเข้าตามตรอกออกตามประตูอย่างถูกต้อง คุณแม่เงียบไปก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “เรื่องของเด็กแม่ไม่ว่าอะไรหรอก ตามใจเถอะ” “ขอบคุณมากนะครับทีไม่ขัดขวางผมกับแพม” “แล้วนี่ทำการบ้านอยู่เหรอ ยับแพมบอกว่าวันนี้พี้จจะทานข้าวเย็นด้วยกันใช่มั้ย” เขาพยักหน้าตอบรับทันที ถ้าอยากจะรู้จักครอบครัวเธอให้มากก็ต้องหมั่นมาหาบ่อยๆอยู่ใกล้ชิดกับทั้งครอบครัว “ครับ งั้นผมขอสอนการบ้านน้องพั้นช์ก่อน ใกล้เสร็จแล้วครับ” “ตามสบายเถอะจ้ะแม่ไม่กวนแล้ว” คุณแม่มองน้องพั้นช์ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นท่านก็ไปตั้งโต๊ะอาหารกับลูกสาว ท่านมองเธอด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจว่าลูกสาวคิดจะทำอะไรกันแน่ “ทำไมแม่มองแบบนี้คะ” “เปล่านี่ พีเจบอกแม่ว่ากำลังจีบลูกอยู่ เขามาขออนุญาตกับแม่มันหมายความว่ายังไง แล้วไปเจอกันตอนไหน” แพมหันมามองคุณแม่่ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เธอไม่มีอะไรปิดบังแม่เลยทุกอย่างท่านรับรู้หมด “แพมได้งานพรีเซ็นเตอร์สายการบินของเขาค่ะ loche’airline เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อวานที่เล่าให้แม่ฟังว่าได้หลักสิบล้าน” “แสดงว่าบังเอิญเจอกันเหรอ” คนเป็นแม่ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความกระจ่าง ถ้าบังเอิญเจอกันก็ช่างมันเถอะ ลูกสาวเธอเลือกที่จะกลับมาทำงานทางด้านนี้เพราะมันหาเงินง่ายและได้เยอะ “มันมีด้วยเหรอคะแม่ ความบังเอิญนะ…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD