บทที่ 9 ไม่มีอะไร หรือแค่คำแก้ตัวของคนคิดจะนอกใจ

3989 Words
บทที่ 9 ไม่มีอะไร หรือแค่คำแก้ตัวของคนคิดจะนอกใจ ในบ้านของมุกดา... ด้านพิสุทธิ์ถูกมุกดาหว่านล้อมให้ช่วยนั่นทำนี่ ซึ่งชายหนุ่มก็เต็มใจทำให้ เขาช่วยเธอเก็บของใช้ต่าง ๆ ที่ซื้อมาไปไว้ในห้องครัว “ขอบคุณเก้ามากนะที่ช่วยมุกเก็บของเข้าบ้าน” มุกดาไม่ได้เจ็บจริง แต่เธอแกล้งเดินขากะเผลกไปเปิดตู้เย็น แล้วเดินกะเผลกกลับมาพร้อมเบียร์เย็นยื่นให้ชายหนุ่ม “อยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คุณน่าจะจ้างคนใช้ไว้สักคนสองคนนะ” ก่อนที่จะรับกระป๋องเบียร์มาถือไว้เขาก็มองหน้าหญิงสาว แอบยิ้มเมื่อได้จิบเบียร์รสชาติที่ตัวเองชอบ ไม่อยากจะคิดว่าอดีตภรรยายังจดจำว่าเขาชอบดื่มเบียร์ยี่ห้อนี้มาก “มุกก็คิดไว้เหมือนกันค่ะ” มุกดายิ้มยั่วยวน เอาเบียร์ในมือของชายหนุ่มมาถือไว้ แล้วแตะริมฝีปากอิ่มตรงขอบกระป๋องที่เป็นรอยปากหนา ดวงตาหวานเยิ้มชวนชมเหลือบมองคนหล่อ “ดีแล้ว มีแม่บ้านสักคน คุณก็จะไม่ต้องลำบากและเหงาด้วย” พิสุทธิ์แอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้มองมุกดากลืนน้ำเมาลงลำคอจนเส้นเลือดสีเขียวเต้นตุบ ๆ ตรงซอกคอขาวเนียน “หน้ามุกมีอะไรเหรอคะ ทำไมเก้าเอาแต่มองไม่ยอมกะพริบตาคะ” มุกดายิ่งทำท่าทางยั่วยวนยกมือลูบหน้าอกและลำคอระหงของตัวเองให้อดีตสามีดู “ปะ...เปล่า” เสียงใสถามทำให้พิสุทธิ์สะดุ้งตื่นตกใจ เขาละสายตาจากร่องอกอิ่มเงยหน้ามองเธอ และก่อนที่จะเดินออกจากห้องครัว เขาก็ยิ้มแก้เก้อให้เธอ “เก้าจะกลับแล้วเหรอคะ” เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินออกจากห้องครัว มุกดาก็รีบเข้าไปเกาะแขนกำยำ เดินตามชายหนุ่มไปยืนตรงประตูบ้าน “อื้อ” พิสุทธิ์ตอบโดยที่ไม่ได้มองหน้าเธอ เพราะเขากำลังยืนหันหน้าเข้าผนังห้องและใส่รองเท้า “เราจะได้เจอกันอีกไหมคะ” มุกดาถามเมื่อชายหนุ่มกำลังจะเปิดประตู “ผมกับคุณถึงจะเลิกกันแล้ว แต่ก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้” พิสุทธิ์ไม่ได้คิดถึงเมียและลูก เขายังไม่ยอมเปิดประตูบ้าน แต่กลับหมุนตัวหันมายืนเผชิญหน้าคุยกับอดีตภรรยาโดยไม่มีทีท่าเบื่อหน่าย “แล้วบ้านของเก้าล่ะคะ อยู่แถวไหน บอกมุกได้ไหม เผื่อมุกจะได้ไปหาหนูนากับยัยลูกพีช” มุกดาเอากระดาษและปากกาให้ชายหนุ่ม “...” พิสุทธิ์มองของในมือเรียวสวย ซึ่งในตอนนี้เขาทำเป็นคนโง่แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร “เขียนที่อยู่กับเบอร์โทรให้มุกด้วยค่ะ” มุกดาทำเสียงงอนพร้อมทั้งตีแขนหนาหนึ่งที เมื่อชายหนุ่มชอบทำหน้าตายล้อเธอเล่นแบบนี้เสมอ “เอาเบอร์ของหนูนาละกัน” สีหน้าท่าทีของพิสุทธิ์ก็เปลี่ยนซีดลงเมื่อใบหน้าของสองแม่ลูกลอยเด่นขึ้นมา ‘หนูนาลูกพีช’ พิสุทธิ์คิดในใจเมื่อเหลือบตามองนาฬิกาบนข้อแขน เขาทิ้งเมียและลูกให้นั่งรออยู่ในรถหลายสิบนาทีแล้ว “ของเก้าด้วยนะคะ” มุกดาแบมือพยักหน้า บอกให้ชายหนุ่มเขียนเบอร์โทรใส่ในฝ่ามือของเธอ “นี่เบอร์ที่บ้านและเบอร์ของหนูนานะ” พิสุทธิ์เลือกที่จะเขียนเบอร์ของพัชชาและของตัวเองใส่ในกระดาษแล้วยื่นให้เธอ “ขอบคุณมากนะเก้า” เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว มุกดาก็เขย่งปลายเท้าสองมือเกาะบ่ากว้างแล้วยื่นหน้าเข้าหาแตะริมฝีปากลงบนแก้มสากอย่างถือสิทธิ์ เธอกระซิบเสียงเบาหวิวว่า “เป็นของขวัญสำหรับมิตรภาพจากเพื่อนรักคนนี้นะคะ” “ผมกลับก่อนนะ” เมื่อครู่นี้เขายังกังวลใจคิดถึงลูกเมีย แต่เมื่อถูกอดีตภรรยาจู่โจมหอมแก้มโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้พิสุทธิ์ลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ “มุกจะโทรหานะ” มุกดายิ้มหวานปานน้ำผึ้งยั่วยวนชายหนุ่ม สายตาคู่งามก็มองอดีตสามียืนลูบรอยจูบของเธอ แล้วก่อนที่เธอจะปิดประตู เธอยั่วเขาโดยการจูบมือตัวเองแล้วเอาไปแตะที่แก้มสาก ซึ่งทุกอิริยาบถของเขาและเธออยู่ในสายตาของผู้ชายอีกคนที่แอบถ่ายวิดีโอส่งสายไปให้ใครอีกคนที่อยู่ประเทศอังกฤษ “คุณมุกดาเธอกลับมาอยู่เมืองไทยครับ ตอนนี้ก็มาอยู่บ้านของคุณท่านครับ” ชายหนุ่มหน้าเหี้ยมดวงตาดุดันมองผู้หญิงของเจ้านาย “ครับ ผมจะคอยรายงานให้ท่านรู้ครับว่าคุณมุกดาทำอะไรมั่ง แต่ตอนนี้คุณมุกดาพาผู้ชายมาที่บ้านครับ” ชายหน้าเหี้ยมไม่ได้บอกเจ้านายว่า เมื่อวันก่อนมุกดาพาผู้ชายหลายคนเข้ามาสังสรรค์ในบ้าน ทำเหมือนว่าบ้านของเจ้านายเป็นสถานที่เริงรมย์ “ครับ ผมจะสืบให้ครับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” เมื่อเจ้านายต้องการรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ผู้ชายหน้าเหี้ยมก็รับปากจะสืบให้ “...” ด้านพิสุทธิ์ไม่อาจรู้ว่ามีใครแอบถ่ายรูปของเขา ซึ่งชายหนุ่มยังยืนมองบานประตูบ้านค่อย ๆ ปิดลงเสียงดัง ‘แกร๊ก!’ ซึ่งในเวลานี้พิสุทธิ์สับสน ใจหนึ่งก็ยินดีพร้อมที่จะให้อภัยและกลับมาเป็นเพื่อนร่วมโลกกับอดีตภรรยา อีกใจก็ยังเคียดแค้น อยากแก้แค้นให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจที่เธอเคยทิ้งเขาให้เจ็บเจียนตาย เมื่อมาถึงรถพิสุทธิ์ก็รีบเปิดประตูและเข้าไปนั่งในรถ และก่อนที่เขาจะหันไปมองเบาะหลังชายหนุ่มก็อุทานออกมาเสียงดังว่า “เฮ้ย! นี่เราไม่ได้เปิดแอร์ไว้หรอกหรือ” พิสุทธิ์รีบเร่งแอร์ให้ความเย็นเข้ามาแทนที่ความร้อนเหมือนเปลวไฟ ความว่างเปล่าไม่มีเมียและลูกที่เขามองผ่านในกระจกมองหลังทำให้พิสุทธิ์หันขวับมองซ้ายมองขวา “หนูนา พะ...พี่ไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้เธอกับลูกอยู่ในรถแบบนี้ พี่ขอโทษ” พิสุทธิ์ใจคอไม่ดีรู้สึกผิดอย่างมหันต์ เขารู้ว่าน้องพาลูกกลับบ้านแน่ จึงไม่รอช้ารีบขับรถด้วยความเร็วมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาเมียและลูกทันที… พิสุทธิ์ใช้เวลาขับรถออกจากบ้านของมุกดา กว่าจะถึงบ้านก็เป็นเวลาห้าโมงเย็น เมื่อขับรถไปจอดไว้ในโรงรถแล้ว เขาก็ลงจากรถ เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้าน... พิสุทธิ์ยืนเคว้งอยู่ในโถงนั่งเล่น บ้านทั้งหลังเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ เขามองตรงมุมนั่งเล่นที่ลูกสาวชอบนั่งเล่นของเล่น แล้วกวาดสายตาไปรอบบ้านมองหาแม่ของลูกแต่ไร้เงาของเธอ “ทำไมบ้านเงียบจัง หนูนาลูกพีช อยู่ไหนกันครับ” พิสุทธิ์พูดติดขัดเมื่อไม่เห็นลูกและเมีย ซึ่งเวลาลูกสาวเห็นเขากลับมา ลูกจะต้องวางทุกอย่างแล้ววิ่งออกมาต้อนรับ แม้แต่น้องที่ทำอะไรอยู่จะยุ่งแค่ไหนเธอก็วางทุกสิ่งทุกอย่างออกมาต้อนรับ “ลูกพีช หนูนาอยู่ข้างบนกันเหรอครับ” พิสุทธิ์วางถุงเสื้อผ้าของเด็กแรกเกิดไว้บนโซฟาตรงบันไดขึ้นชั้นสอง และก่อนที่จะเดินเอาของไปเก็บไว้ในห้องครัวเขาก็แหงนหน้าขึ้นไปมองชั้นบน... “แค่กก!! คุ...คุณแม่ ขะ...ขา” เสียงไอผสมเสียงเล็กครางอู้อี้ละเมอ ซึ่งหนูน้อยพิชญานอนตะแคงข้างกอดหมอนข้างแทนร่างของแม่ “แม่อยู่นี่ค่ะ” ด้านพัชชาถึงแม้จะนั่งจมอยู่กับเรื่องของสามีและอดีตภรรยาของเขา แต่เมื่อได้ยินเสียงงอแงร้องไห้ของลูก เธอก็รีบเช็ดน้ำตาออกจากขอบตา แล้วเข้าไปนั่งข้างเตียงมือน้อยตบเบา ๆ ตรงก้นกล่อมให้ลูกนอนหลับต่อ “แค่กก!! ฮืออ” เมื่อลืมตาขึ้นเห็นหน้าแม่ เด็กน้อยก็ไอผสมเสียงร้องไห้ แล้วรีบคลานเข้าไปนั่งคร่อมบนตักของแม่ ใบหน้าเหมือนพ่อแกแดงระเรื่อซบลงบนทรวงอกอบอุ่น “ลูกพีช นี่ลูกแม่ไม่สบายเหรอคะ ทำไมตัวร้อนเป็นไฟอย่างนี้คะ” ไอร้อนระอุเป็นไฟจากผิวนุ่มอมชมพูทำให้คุณแม่ท้องโตก้มลงมองหน้าลูก ซึ่งยัยหนูก็เงยหน้ามองแม่อยู่แล้ว “คุณแม่ขา ลูกพีชไม่ไปหาคุณหมอนะคะ ฮืออ” พิชญาทำหน้าบูดเบี้ยวเบะปากร้องไห้จ้าเมื่อแม่บอกว่าตัวเองไม่สบาย “โอ๋ ๆ ๆ ไม่ร้องไห้นะคะ ถ้าลูกพีชไม่ไปหาคุณหมอก็ต้องกินยาแก้ไข้นะคะ” ความเจ็บป่วยและน้ำตาของลูกทำให้พัชชาใจคอไม่ดีและสงสารลูกมาก เธอจูบปากแดงระเรื่อร้อนผ่าวเป็นเปลวเพลิงยามยัยหนูหายใจติดขัด “ฮืออ” เมื่อแม่เอาอกเอาใจ เด็กน้อยพิชญาก็ยิ่งร้องไห้และไอหนักขึ้นเรื่อย ๆ “รอแม่อยู่นี่นะคะ เดี๋ยวแม่ไปเอายาแก้ไข้มาให้กินค่ะ” พัชชาพูดเสียงสั่นเช็ดน้ำตาให้ลูกด้วยริมฝีปากแล้วปล่อยให้ยัยหนูนอนบนฟูก และก่อนที่จะลุกขึ้นยืนด้วยอาการหนักท้อง คุณแม่ก็หันมาห่มผ้าเน่าให้ลูกสาว “คุณพ่อขา” พิชญานอนกอดตุ๊กตาเน่าน้ำตาคลอมองแม่เดินอุ้ยอ้ายไปยังตู้เก็บยา และเมื่อประตูห้องเปิดโดยไม่ได้เคาะ เด็กน้อยก็ละสายตามองไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าเป็นคุณพ่อ หนูน้อยก็บอกแม่ผสมเสียงไอแหบแห้ง “แค่กก!!! คุ...คุณแม่ขา แค่กก!! คุณพ่อกลับมาแล้วค่ะ...” ด้านพัชชายังยืนค้นหายาแก้ไข้สำหรับเด็ก เธอหันมองแค่ยัยหนูที่พยายามลุกนั่งทั้งที่เจ็บไข้ อ้าแขนรอให้พ่อของแกเข้าไปอุ้ม “เจ้าหญิงของพ่อ ทำไมถึงไอจนหน้าตาแดงแบบนี้คะ” พิสุทธิ์มองน้องหวังจะได้สบตากัน แต่กิริยาหมางเมินแบบนี้ของน้องยิ่งทำให้พิสุทธิ์เริ่มใจไม่ดี ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปนั่งบนเตียงอุ้มลูกให้นั่งบนหัวเข่า “คุณพ่อขา ลูกพีชไม่สบายค่ะ” หนูน้อยพิชญาคัดจมูกเช็ดน้ำมูกไหลออกด้วยแขนอวบ แล้วยิ้มยิงฟันให้พ่อทั้งที่ไอจนหน้าแดงตาแดง “นี่นางฟ้าของพ่อตัวร้อนมากเลยนะคะ” น้ำมูกสีเขียวที่ยัยหนูเช็ดออกไม่หมดยังติดอยู่ข้างแก้มแดงระเรื่อ พิสุทธิ์ไม่เคยคิดรังเกียจจึงก้มจูบเช็ดน้ำมูกให้ลูกด้วยริมฝีปากหยัก “ลูกพีชไม่ยอมเชื่อฟังคุณแม่ค่ะ” พิชญาหายใจคล่อง เมื่อคุณพ่อเป็นหมอช่วยเอาน้ำมูกออกจากจมูกเรียวเล็กเหมือนจมูกของแม่แก “กินยานะคะ” ด้านพัชชาไม่ยอมเข้าใกล้สามี เธอเดินไปนั่งอีกฝั่งของเตียง แล้วจะเอายาให้ลูกกิน แต่เป็นพิสุทธิ์เองที่รับยาจากมือของเมีย “พ่อป้อนนะคะ” พิสุทธิ์มองน้องตาละห้อย ซึ่งเธอไม่พูดอะไรและยังอุ้มท้องเดินอุ้ยอ้ายไปยังห้องน้ำ ไม่ถึงห้านาทีเธอก็เดินกลับมาพร้อมด้วยกะละมังและผ้าเช็ดตัว “ฮืออ ลูกพีชไม่กินยาค่ะ” หนูน้อยส่ายหน้าไปมา มือน้อยสองข้างก็ยกขึ้นปิดตาปิดปากร้องไห้โฮ เมื่อเห็นพ่อเทยาใส่ช้อน “ดวงใจของพ่อ อย่าดื้อนะคะ มาให้พ่อหอมหน่อยสิคะ” พิสุทธิ์ลูบหน้าแรง ๆ เขาร้าวไปทั้งหัวใจและเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุให้ลูกต้องเป็นไข้ “ลูกพีชไม่ได้ดื้อค่ะ ตอนเดินตากแดดคุณแม่เอาหมวกให้ลูกพีชใส่แต่ลูกพีชไม่ยอมใส่เองค่ะ” เด็กน้อยนอนหมอบกองก้น ยิ่งร้องกรี๊ด ๆ เมื่อพ่ออุ้มให้นั่งบนตักแล้วพ่อก็บังคับให้กินยาด้วยปากของพ่อ “อึกก” ด้านพัชชานั่งสะอึกมองความเจ็บไข้ของลูกด้วยหัวใจแตกสลาย เธอทรมานปวดหัวใจมากที่เห็นลูกรักขัดขืนร้องไห้ไม่ยอมกินยา “ดวงใจของพ่อกินน้ำหน่อยนะคะ” ก่อนที่จะป้อนน้ำและยาด้วยปากเหมือนพ่อนกป้อนอาหารลูกนก พิสุทธิ์เหลือบตามองหน้าเมีย เขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อน้องทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน “ฮืออ คุณแม่ขา” เด็กน้อยยิ่งร้องไห้เสียงดัง ดิ้นขัดขืนไม่ยอมอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ จึงคลานเข้าไปนอนขดตัวเป็นกิ้งกืออยู่บนตักของแม่ “แม่เช็ดตัวให้นะคะ จะได้หายตัวร้อน” พัชชาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มให้ตัวเอง แล้วใช้ปากนุ่มพรมจูบเช็ดน้ำตาร้อนผ่าวออกจากพวงแก้มแดงระเรื่อของลูก “หนูนาเอาผ้ามา เดี๋ยวพี่ทำให้ลูกเอง” ทุกคำพูดของลูกสาวทำให้พิสุทธิ์สะอึกจุกแน่นหน้าอกข้างซ้าย เขาเหมือนปลาเกยตื้นกำลังจะตายเมื่อขาดน้ำและอากาศหายใจ “...” ด้านพัชชาไม่ตอบโต้ ดวงตาว่างเปล่ามองมือของสามีที่แบขอผ้าเช็ดตัว แต่เธอกลับวางผ้าชุบน้ำลงในกะละมัง แล้วก้มลงจูบหน้าผากของลูกกระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงเธอและลูกว่า “ลูกแม่เช็ดตัวแล้วก็นอนพักนะคะ...” “คุณแม่จะไปไหนคะ” หนูน้อยพิชญากอดคอแม่ไว้ เอ่ยเสียงกระซิบกระซาบถามแม่สั่นเครือ “แม่จะลงไปทำกับข้าว ลูกพีชอยากกินอะไรบอกแม่สิคะ” พัชชายิ้มให้ลูกเมื่อยัยหนูยื่นมือมาจับหน้า “ลูกพีชอยากกินแพนเค้กทาแยมสตรอว์เบอร์รีค่ะ” หนูน้อยพิชญาพูดและสูดน้ำมูกที่ไหลออกมาเลอะร่องจมูก จึงทำให้คุณแม่ใช้นิ้วมือเช็ดออกให้อย่างเบามือ “แม่ทำเสร็จแล้วจะเอาขึ้นมาให้กินนะคะ” และก่อนที่พัชชาจะปล่อยยัยหนูให้พ่อของแกทำหน้าที่แทน เธอก็หอมคราบน้ำมูกบนพวงแก้มของลูกโดยไม่คิดรังเกียจ “หนูนา” พิสุทธิ์เรียกเมียเสียงเบาหวิว แต่น้องทำเหมือนเขาเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ ท่าทีของน้องช่างทำให้พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเนื้อตัวร้อนวูบวาบเหมือนกำลังจะเป็นไข้ใจยังไงยังงั้นเลย “คุณพ่อขา” หนูน้อยคลานเข้าไปนอนคว่ำหน้าบนตักของพ่อ ซึ่งคุณพ่อก็ละสายตาจากเมียหันมาสนใจเช็ดตัวร้อนผ่าวเป็นเปลวไฟให้ยัยหนู “ห่มผ้าไว้นะคะ เดี๋ยวพ่อไปเอาชุดสวยมาให้ใส่” พิสุทธิ์ก้มลงจูบพุงร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ของลูก ลงจากเตียงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วกลับมานั่งตรงที่เก่า เขาทาแป้งไปตามตัวของยัยหนูแล้วใส่ชุดนอนตัวใหม่ให้ลูกสาวอย่างเบามือ “คุณพ่อขา” เด็กน้อยพิชญานอนตะแคงข้างไอจนตัวงอ เสียงแหบแห้งเรียกหาพ่อ “คะ?” พิสุทธิ์กึ่งนั่งกึ่งนอนหลังพิงหัวเตียง เขาขานรับแล้วอุ้มยัยหนูที่ตัวร้อนเป็นไฟให้มานอนบนหน้าอกแข็งแกร่งที่อบอุ่นสำหรับยัยหนู “คุณพ่อไปไหนมาคะ ทำไมคุณพ่อปล่อยให้ลูกพีชกับคุณแม่นั่งอยู่ในรถคะ ในรถร้อนมาก คุณแม่ต้องเอากระดาษพัดให้ลูกพีชค่ะ แล้วลูกพีชก็ช่วยคุณแม่เอากระดาษพัดให้คุณแม่ด้วยค่ะ” เด็กน้อยสะลึมสะลือตาปรือ พูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอชิดแผ่นอกของพ่อ “พ่อกล่อมนอนนะคะ” พิสุทธิ์โอบกอดลูกสาวไว้ด้วยหัวใจหมองเศร้าร้าวไปทั้งอกข้างซ้าย เสียใจสุด ๆ ที่ทำผิดต่อลูกเมีย ไอร้อนระอุเหมือนเชื้อเพลิงจากพิษไข้ของยังหนูทำให้พิสุทธิ์ผงกหัวจูบผมนุ่มปลอบขวัญลูก พิสุทธิ์เอาแต่จูบและจูบกระหม่อมของยัยหนูด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดจนบอกไม่ถูกเมื่อลูกสาวละเมอพูดย้ำคำเดิมว่า ‘พ่อทิ้งลูกพีชกับแม่ทำไมคะ พ่อหายไปไหนทำไมปล่อยให้ลูกพีชกับแม่นั่งรอร้อนอบอ้าวอยู่ในรถล่ะคะ’ ในห้องทำอาหาร... “อึกก” พัชชายืนก้มหน้ามองมือของตัวเองจับนั่นผิดจับนี่ถูกบ้าง เธอสะอึกจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อกข้างซ้ายร้าวระบมเจ็บปวดมาก เมื่อหันไปทางไหนก็มีแต่ภาพของสามีโอบกอดกับภรรยาเก่าลอยเด่นชัดเจนมาก “หนูนามีอะไรให้พี่ช่วยไหม?” สิบนาทีได้ที่พิสุทธิ์ยืนฟังเสียงแม่ของลูกสูดน้ำมูก เขารู้ว่าเมียกำลังร้องไห้ สาเหตุที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา “ไม่มีค่ะ” เสียงเข้มดังอยู่ข้างหลังทำให้พัชชาหยุดทุกอย่างแม้แต่หายใจเธอก็หยุดชั่วอึดใจ เธอเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาคู่งาม แล้วค่อย ๆ ขยับตัวอุ้ยอ้ายหันหน้ามองสามี “ทำไมเมียพี่หน้างอแบบนี้ครับ เป็นอะไรครับ” ดวงหน้างามผ่องใสบึ้งตึง ทำให้พิสุทธิ์ก้าวเข้าไปยืนชิด จนช่วงเอวแข็งแกร่งชนหน้าท้องโหนกนูน “หลีกไป!” ในเวลานี้พัชชาเหม็นสามี เธออยากจะอาเจียนใส่เขาเหลือเกิน “พี่อธิบายได้นะ” พิสุทธิ์กอดน้องไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างจับมือนุ่มสองข้างไว้ เขาพูดแก้ตัวพลางจูบมือของเมียไปด้วย “จะอธิบายเรื่องอะไร เรื่องที่พี่โอบกอดกับพี่มุกพากันเข้าไปในบ้านแล้วปล่อยให้หนูกับลูกนั่งร้อนอบอ้าวอยู่ในรถ จนยัยหนูต้องเป็นไข้น่ะเหรอ” พัชชาพูดเสียงสั่นเครือยาวเป็นหางว่าว และขัดขืนไม่ยอมยืนอยู่ในอ้อมกอดของสามี “หนูนา พะ...พี่” คำพูดของเมียทำให้พิสุทธิ์ยืนเซ่อไปชั่วขณะ ขนาดถูกน้องผลักจนเซถอยหลังไปชนผนังห้อง เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว “หนูเห็นทุกอย่าง เห็นพี่ถอดรองเท้าและใส่รองเท้าให้พี่มุกด้วย” พัชชาพูดไปเช็ดน้ำตาออกจากแก้มไป เจ็บหัวใจมากที่สามีทำแบบนั้นกับอดีตภรรยาของเขา “มุกเขาเท้าแพลง พี่ก็แค่ ชะ...” พิสุทธิ์ไม่ทันได้พูดแก้ตัวว่า ‘พี่แค่ช่วยเขาไม่ให้หกล้มก็เท่านั้นเอง’ น้องก็พูดเสียงประชดประชันใส่เขาว่า “ก็ดีแล้วนี่คะ พี่ช่วยประคับประคองทำนั่นทำนี่ให้เขา แต่กลับลืมไปว่าหนูกับลูกถูกขังอยู่ในรถ” พัชชาร้องไห้ไม่มีเสียง มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ไหลเป็นสายอาบพวงแก้มสองข้าง “เรื่องที่หนูนาเห็น มันเป็นแค่อุบัติเหตุ พี่กับมุกดาไม่ได้ทำอะไรกัน” พิสุทธิ์ลูบหน้าชาหนึบแรง ๆ ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดแก้ตัวแต่เขาพูดจริง ในใจของเขาในตอนนี้ไม่ได้รักและคิดจะกลับไปหาภรรยาเก่าอีกเลย “หนูไม่อยากฟัง ไปให้พ้น” ฮอร์โมนของคนท้องเริ่มรุนแรงจิตใจแปรปรวนและคิดมาก เมื่อสามีพูดไม่จริงยิ่งทำให้เธอระแวงมากกว่าเดิม “ไม่! พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเธอจะเชื่อพี่” พิสุทธิ์ไม่ยอมปล่อยน้อง เขาอุ้มคนท้องจนเท้าสองข้างของเธอลอยเหนือพื้น และใบหน้าของน้องก็อยู่ในระดับเดียวกันกับหน้าของเขา “พี่จะคุยอะไรอีก ภาพที่หนูเห็นมันชัดเจนอยู่แล้ว ปล่อยสิ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ฮืออ” พัชชาร้องไห้ผสมเสียงร้องกรี๊ด ๆ เธอดิ้นขันขืนไม่ยอมให้สามีได้แตะเนื้อต้องตัว “ได้ยินเสียงหัวใจของพี่ไหม มันเต้นบอกรักเธอคนเดียวแรงมาก” น้ำตาและเสียงร้องไห้ของน้องทำให้พิสุทธิ์หายใจไม่ออก เขายังคงอุ้มและกอดเมียไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ “ฮืออ ไปให้พ้น หนูไม่อยากเห็นหน้าพี่แล้ว บอกให้ออกไปไง ออกไป” เพียะ ๆ ผลัวะ ๆ ตุบ ๆ !!! คนท้องจิตใจอ่อนไหวคับอกคับใจมานานจึงระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่สามี ทั้งกำปั้นและฝ่ามือทุบและตบตีหยิกข่วนไปตามแขนและแผ่นหน้าอกกว้าง “ไม่เอานะคนดีของพี่ นี่หนูนากำลังท้องอยู่นะ” พิสุทธิ์ไม่ตอบโต้หรือห้ามเมีย เขายังยืนเป็นกระสอบทรายปล่อยให้น้องทำร้ายร่างกายและจิตใจ “นี่พี่ยังจำได้ด้วยเหรอคะว่าหนูท้อง ในท้องนี้ยังมีลูกของพี่” ถึงจะรับรู้ว่าอ้อมกอดของสามีอบอุ่นมากแค่ไหน แต่คนท้องก็ยังไม่ยอมหยุดทำร้ายร่างกายและจิตใจของสามี “พี่รักเธอนะหนูนา รักลูกของเราด้วย หัวใจของพี่ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเธอและลูก ๆ” พิสุทธิ์ย่อตัวอุ้มสะโพกงอนให้ขาเรียวเล็กสองข้างขนาบเอวสอบ แล้วเขาก็เดินออกจากห้องครัวตรงไปยังห้องนั่งเล่น พิสุทธิ์ปล่อยให้น้องนั่งบนโซฟายาวนอนได้ ส่วนตัวเขาเลือกที่จะนั่งบนพื้นพรมตรงข้างปลายเท้าของเมีย มือใหญ่คอยแต่จับมือของเมียมาจูบดม “ปากบอกว่ารักหนูรักลูก แต่การกระทำของพี่ในวันนี้ มันทำให้หนูคิด” คนท้องปัดมือของสามีออกจากหน้าท้อง ไม่ยอมให้เขาได้แตะต้องลูกในท้อง ซึ่งลูกในท้องก็เคลื่อนไหวอย่างแรงเหมือนรอให้พ่อของแกได้สัมผัส “พี่ขอโทษนะ หนูนาอย่าโกรธพี่เลยนะ” เมื่อเช็ดน้ำตาออกจากแก้มสองข้างให้เมียแล้ว พิสุทธิ์ก็กอดเอวท้วม เขารู้สึกผิดจึงซบหน้าลงบนตักของน้อง ปากหยักพูดและจูบหน้าท้องโหนกนูนยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำไปโดยไม่คิดถึงจิตใจของเมีย “หนูไม่ได้โกรธพี่ แต่หนูเกลียดพี่ที่สุด” พัชชาพูดเสียงสั่นระริกเหมือนมือของเธอที่ยกขึ้นอยากจะลูบหัวของสามีมากแค่ไหน แต่เธอก็หยุดไว้เพียงแค่วางมือลงบนท้องนูนเหมือนเดิม “ไม่เอานะครับ เราจะไม่เกลียดกันนะ” พิสุทธิ์ไม่ถือสาคำพูดของน้อง เพราะรู้ว่านี่เป็นอาการแปรปรวนของคนท้องที่โกรธง่ายหายเร็ว ง้อและเอาใจสักพักเดี๋ยวเมียก็กลับมาดีเหมือนเดิม “หนูจะพูด เพราะหนูเกลียดพี่จริง ๆ” พัชชาพูดออกไปด้วยอารมณ์ของคนท้องล้วน ๆ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเธอรักสามีมาก “เธอเกลียดพี่ แต่พี่รักเธอนะ หัวใจของพี่มีแค่เธอกับลูกเท่านั้น” พิสุทธิ์ไม่ได้โกรธเมีย แต่เขากลับพูดเสียงหนักแน่น “ฮืออ หนูไม่อยากคุยกับพี่แล้ว” คนท้องยิ่งส่งเสียงร้องไห้โฮ เมื่ออารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอย “ไม่เอานะครับ คนดีของพี่ไม่ร้องไห้นะ ลูกพ่อ ฟังพ่ออยู่หรือเปล่า ถ้าฟังพ่อ ลูกพ่อช่วยบอกคุณแม่ยกโทษให้พ่อหน่อยสิครับ” พิสุทธิ์จูบลูกในท้องของเมีย เขาพูดเบา ๆ กับลูกแต่ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความรักก็เหลือบมองหน้าของน้องแล้วขยับเรียวปากหนาบอกเมียว่า “พี่รักเธอ ถ้าไม่เชื่อพี่หนูนาจับดูตรงนี้สิ สี่ห้องหัวใจนี้มีแค่เธอกับลูก พี่สัญญาตรงนี้เลยว่าพี่รักเธอกับลูกมาก” พิสุทธิ์จับมือน้องมาจูบแล้วเอาไปแนบตรงอกข้างซ้าย “พี่เก้า ฮืออ” ด้านคนท้องจิตใจหวั่นไหวง่าย เมื่อได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตัก ๆ ซึ่งบ่งบอกว่าเขารักเธอจริงพัชชาเชื่อใจสามีได้เพราะแววตาสีเข้มของเขาบ่งบอกว่ามีเธอคนเดียวเท่านั้น…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD