บทที่ 8
ไม่มองไม่หวั่นไหว และไม่คิดมาก
ที่ร้านกาแฟ...
“ไปนั่งด้านในดีไหมคะเก้า หรือว่าจะนั่งด้านนอกดีคะ” มุกดาไม่ได้ลืมตัว แต่เธอตั้งใจถือสิทธิ์ในตัวของชายหนุ่มโดยการเข้าไปยืนเกาะแขนของอดีตสามี
“หนูนานั่งไหนดี หรือจะออกไปนั่งข้างนอกดี” ด้านพิสุทธิ์ไม่ยอมให้มุกดาเข้าใกล้ เขาเดินเข้าไปยืนข้างเมียแล้วถามความสมัครใจของน้อง
“หนูแล้วแต่พวกพี่ ๆ ค่ะ” คนท้องจิตใจเริ่มหวั่นไหวปั่นป่วน พัชชาพยายามจะไม่คิดมากและมองการกระทำของมุกดา ซึ่งเธอทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นภรรยาของพิสุทธิ์และเป็นแม่ของลูกเธอ
“คุณพ่อขา ลูกพีชจะนั่งตรงโน้นค่ะ” หนูน้อยพิชญาเห็นของเล่นในร้านก็ชี้ให้พ่อดู จึงทำให้พิสุทธิ์พาลูกเมียไปตรงที่ลูกอยากนั่ง
“นางฟ้าของพ่อยอมพูดกับพ่อแล้วเหรอคะ?” เสียงของลูกสาวทำให้พิสุทธิ์มีกำลังและความสุขมาก เขาหอมแก้มหอมหน้าผากของแกอย่างรักใคร่เอ็นดู
“คิกก คุณพ่อขาอย่าค่ะ ลูกพีชจั๊กจี้” หนูน้อยพิชญาหัวเราะชอบใจ และดิ้นขัดขืนผลักไสใบหน้าหล่อที่ไซ้ไปตามพุงอ้วนและคอหอมกรุ่นเหมือนกลิ่นของแม่แก
“นั่งนี่นะหนูนา” พิสุทธิ์เมื่อปล่อยยัยหนูให้นั่งเก้าอี้เด็ก ชายหนุ่มก็หันมาประคับประคองเมียและเลื่อนเก้าอี้ข้างลูกสาวให้น้องนั่ง ซึ่งกิริยาเอาอกเอาใจคนท้อง ทำให้มุกดาเบะปากใส่และแกล้งยิ้มเมื่อได้สบตาของพิสุทธิ์
“ค่ะ” คนท้องว้าวุ่นหน่วงหัวใจยังไงไม่รู้ เมื่อแอบเห็นสามีและอดีตภรรยาสบตากัน
“มุกไม่นึกเลยนะว่าเก้าจะแต่งงาน มุกจำได้ว่าเก้าจะไม่แต่งงานและมีใครอีก” มุกดาเลื่อนเก้าอี้นั่งตรงข้ามพิสุทธิ์ คำพูดของมุกดาทำให้พัชชามองหน้าสามี ซึ่งพิสุทธิ์ก็ไม่ตอบโต้หรือพูดแก้ตัวอะไร
“หนูนาอยากกินชามะนาวไหมหรือจะเอาน้ำมะนาวปั่นเย็น ๆ ดี” พิสุทธิ์หายใจเข้าปอดแรง ๆ เมื่อมองหน้าอดีตภรรยา ชายหนุ่มไม่อยากพูดถึงเรื่องวันวานอันแสนเจ็บปวดจึงหันไปสนใจพูดกับภรรยาปัจจุบัน
“หนูขอน้ำมะนาวปั่นค่ะ” เพราะเมินหน้าหนีไม่มองสามี เธอเลยไม่เห็นว่าชายหนุ่มแคร์ความรู้สึกของเธอมากแค่ไหน
“คุณพ่อขา ลูกพีชจะกินโกโก้ร้อนกับคัปเค้กสตรอว์เบอร์รีค่ะ” พิชญาบอกพ่อทั้งที่สาละวนระบายสีในกระดาษรองถาดอาหาร
“ของมุกยังดื่มกาแฟรสเดิมนะเก้า” เมื่อชายหนุ่มจะอ้าปากถาม มุกดาก็รีบพูดขึ้นทันที
“เดี๋ยวพี่มานะ” พิสุทธิ์ทำเพียงแค่พยักหน้าให้มุกดา และก่อนที่เขาจะเดินไปสั่งอาหารที่หน้าเคาน์เตอร์ชายหนุ่มก็ก้มจูบหัวของเมีย ดวงตาสีเข้มนิ่งเฉยเหลือบมองหน้าสวยเซ็กซี่ ซึ่งมุกดาก็เลิกคิ้วมองอย่างเจ้าเล่ห์
มุกดาหัวเราะกระหึ่มในใจเมื่อได้ยั่วยวนกวนอารมณ์ของอดีตสามี เธอมองตามหลังชายหนุ่มเดินไปยังบาร์สั่งอาหาร เธอเบะปากเมื่อหันมาพูดกับพัชชาว่า
“เด็กในท้องของเธอกี่เดือนแล้วเหรอ?”
“ห้าเดือนกว่าแล้วค่ะ” พัชชาที่ช่วยลูกสาวระบายสีอยู่นั้นต้องหยุด เธอวางดินสอสีแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ” มุกดามองรูปร่างผิวพรรณเปล่งปลั่งของคนท้องอย่างเย้ยหยัน
“น้องในท้องของคุณแม่เป็นผู้ชายค่ะ” หนูพิชญาตอบแทนแม่ทั้งที่ยังระบายรูปภาพ
“ลูกพีช! แม่บอกว่าไงคะ เวลาผู้ใหญ่คุยกันห้ามไม่ให้ลูกพีชพูดแทรกแบบนี้นะคะ” พัชชาตำหนิลูกสาวเสียงไพเราะ
“ลูกพีชขอโทษค่ะ” ยัยหนูวางดินสอแล้วยกมือไหว้ขอโทษแม่ และเมื่อถูกแม่หอมแก้มหนูน้อยก็รีบกอดคอแม่ไว้ กระซิบเสียงดังชิดแก้มของแม่ว่า
“ลูกพีชรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยค่ะ...”
“แม่ก็รักลูกพีชนะคะ หนูกับน้องเป็นดังแก้วตาดวงใจของแม่เลยนะคะรู้ไหม” พัชชาก็ตอบรักลูกชิดหน้าผากและหัวของแก
“แล้วพ่อล่ะคะ ไม่มีใครรักเลยเหรอคะ” เป็นจังหวะที่พิสุทธิ์ถือถาดอาหารเดินมาได้ยินและเห็นเมียและลูกนั่งกอดกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าไปยืนข้างหลังเก้าอี้ตัวที่เมียนั่ง ชายหนุ่มได้วางถาดอาหารไว้กลางโต๊ะ
“คุณพ่อขา” เด็กน้อยพิชญาเอียงตัวแหงนหน้ามองหลัง จนคุณพ่อที่ยืนอยู่ข้างหลังโน้มหน้าลงให้หน้าผากชนกับหน้าผากของยัยหนู
“ว่าไงคะ รักพ่อหรือเปล่า” พิสุทธิ์ถามลูกสาวชิดปลายจมูกเล็ก แต่สายตาแห่งความรักกลับเหลือบมองแม่ของแก เขาเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มของเมีย
“คิกก ลูกพีชรักคุณพ่อเท่าฟ้าเลยค่ะ” พิชญาโอบกอดคอของพ่อไว้แล้วบอกรักพ่อชิดแก้มสาก
“ขอบคุณเก้ามากนะคะที่ยังจำได้ว่ามุกชอบดื่มกาแฟรสนี้” มุกดาไม่อยากเห็นภาพความสุขของพ่อแม่ลูกตรงหน้า ทั้งที่รสชาติกาแฟไม่ใด้ตรงใจอย่างที่เธอชอบเลย
“นี่ของหนูนานะ พี่ปรุงรสที่หนูนาชอบมากให้แล้วนะ” ด้านพิสุทธิ์นั่งลงข้างเมีย แล้วรีบแกะหลอดออกจากห่อเสียบในแก้วให้น้องดูดน้ำมะนาวปั่น
“ค่ะ” พัชชาไม่อยากจะเก็บคำพูดของมุกดามาคิด แต่เธอก็อดที่จะว้าวุ่นหวั่นไหวหัวใจไม่ได้ เธอจึงก้มหน้าหลบตาของสามี
“นี่คัปเค้กที่ลูกพีชชอบนะคะ” พิสุทธิ์หันมาเอาใจลูกสาว เลยไม่เห็นแววตาหม่นเศร้าน้ำตาคลอเบ้าของคนท้อง
“ขอบคุณคุณพ่อมากค่ะ” พิชญาทำตาโตมองขนมที่ชอบ ลิ้นน้อยสีชมพูแลบออกมาเลียขอบปากไปมา
“มะ แม่แกะให้นะคะ” พัชชาสลัดเรื่องที่ยังไม่เกิดออกจากหัว แล้วหันไปยิ้มให้ลูกสาว เธอป้อนขนมโปรดปรานให้ยัยหนูกิน
“ให้พ่อกินเหรอคะ” พิสุทธิ์ถามลูกสาว สายตากรุ้มกริ่มมองหน้าเมีย เขาอมยิ้มแล้วเคลื่อนหน้าลงหาช้อนขนมในมือแม่ของลูก
เพล้งง!!!
เหมือนถูกมองข้ามเป็นเพียงแค่อากาศและฝุ่นละอองไม่ได้อยู่ในสายตาของอดีตสามี จึงทำให้มุกดาวางแก้วกาแฟเสียงดัง และเอ่ยคำพูดว่า
“เก้าคะ?”
“มีอะไรหรือเปล่ามุก” พิสุทธิ์ถามมุกดาเสียงตึง ๆ
“ดื่มกาแฟแล้ว เก้าจะไปไหนต่อเหรอคะ” เมื่อได้สบตาของอดีตสามี มุกดาก็ยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง แล้วขยับปากยั่วยวนชายหนุ่มว่า ‘มุกรักเก้าอยู่นะ’
“หนูนาจะไปเดินซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าตัวเล็กต่อไหม หรือว่าจะกลับบ้าน” เมื่อเข้าใจในสิ่งที่มุกดาพูดทำให้พิสุทธิ์หายใจไม่ทั่วท้อง เขารีบเมินหน้าหนีหันไปเอาใจใส่เมีย ซึ่งความอบอุ่นอ่อนโยนของชายหนุ่มทำให้มุกดาเกิดความอิจฉาริษยา
“หนูมึนหัวอยากกลับบ้านค่ะ” ปากบอกว่าไม่หวงไม่หึง แต่เอาเข้าจริง ๆ คนท้องก็หวงสามี และไม่อยากให้สามีเจอหน้าอดีตภรรยาด้วยซ้ำ
“มึนหัวเหรอ งั้นพี่พากลับบ้านนะ” พิสุทธิ์ยื่นมือเข้าไปสัมผัสหน้าผากนุ่ม
“ให้มุกติดรถไปด้วยนะ” มุกดารีบลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นพิสุทธิ์อุ้มลูกสะพายกระเป๋าให้พัชชา และชายหนุ่มยังประคองเมียให้ลุกขึ้นอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ผมว่าคะ...” พิสุทธิ์ไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘ผมว่าคงไม่สะดวกมั้ง’ มุกดาที่ไม่อยากฟังคำปฏิเสธของชายหนุ่ม เธอก็หันไปพูดกับพัชชาว่า
“หนูนาให้พี่ติดรถไปด้วยนะจ๊ะ...”
“หนูนาละ...” พัชชามองหน้าพี่เก้า ถามสามีไม่จบประโยคว่า ‘หนูนาแล้วแต่พี่เก้าค่ะ’ มุกดาไม่รอฟังคำตอบของพิสุทธิ์ เธอก็เดินไปเกาะแขนของพัชชา
“พี่ขอบใจหนูนามากนะที่ให้พี่นั่งรถไปด้วย มาเก้าเอาของมา เดี๋ยวมุกช่วยถือค่ะ นี่ซื้อของใช้สำหรับเด็กผู้ชายทั้งนั้นเลย มุกดีใจด้วยนะคะ ที่เก้ามีลูกสาวและกำลังจะมีลูกชาย” มุกดาเดินเคียงข้างเกาะแขนกำยำข้างที่อุ้มลูกสาว ส่วนแขนอีกข้างจับมือน้องไว้แน่นพาเดินไปยังรถ
เมื่อมาถึงรถ...
“ทำไมหน้าซีดจังหนูนา ยังเวียนหัวอยู่เหรอ” พิสุทธิ์ถามน้องแล้วเปิดประตูด้านข้างปล่อยลูกให้นั่งเบาะนิรภัย แล้วถามน้องที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างรถ
“นิดหน่อยค่ะ” พัชชาก้มหน้าแอบเช็ดน้ำตาแล้วปรับสีหน้าหวาดหวั่นให้เป็นปกติเมื่อได้สบสายตาเป็นหวงอาทรของสามี
“ดมนี่หน่อยนะ” พิสุทธิ์จับพวงแก้มที่เคยแดงระเรื่อ ซึ่งในเวลานี้ซีดขาวไม่มีสีเลือดเลยสักนิด เขาเอายาดมที่ตัวเองชอบพกติดตัวให้น้องดม
“ค่ะ” พัชชายิ้มเมื่อได้กลิ่นหอมจากยาดมที่สามีจ่อตรงปลายจมูก
“เก้าเอาของไปใส่ท้ายรถเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูนามุกจะดูแลเอง” ภาพของพัชชายืนซบหน้าบนแผ่นอกกว้าง และวงแขนกำยำโอบกอดเอาอกเอาใจคนท้องนั้นทำให้มุกดาเดินเข้าไปยืนใกล้พิสุทธิ์แล้วยื่นถุงหลายใบให้ชายหนุ่ม
“หนูนายืนรอพี่ไหวไหม ถ้าไม่ไหวนั่งตรงนี้ก่อนนะ” พิสุทธิ์กระซิบเสียงเบา ปล่อยให้น้องนั่งหมิ่นตรงเบาะข้างรถฝั่งลูกสาวนั่ง
“มุกจะพาหนูนาไปนั่งในรถเองค่ะ” มุกดาหวังดีผสมร้าย เธอพยุงให้พัชชายืนขึ้นแล้วพาเดินไปอีกฝั่งของรถ ซึ่งไม่ใช่ด้านหน้า
“นั่นคุณจะพาหนูนาไปไหน” พิสุทธิ์ถามเสียงดังไม่พอใจ เมื่อเห็นเมียถูกอดีตภรรยาพาไปนั่งด้านหลัง
“มุกว่าให้หนูนานั่งหลังจะดีกว่านะคะ จะได้นอนพักสบาย ๆ ไปในตัวด้วย” มุกดาเจ้ากี้เจ้าการ เมื่อบอกให้พัชชาเข้าไปนั่งในรถแล้ว เธอก็ช่วยดึงสายเข็มขัดนิรภัยรัดให้คนท้อง
“ผมว่า คุณนั่นแหละที่ต้องไปนั่งหลัง” พิสุทธิ์รีบเก็บของใส่หลังรถ แล้วเดินตรงไปหาน้องและอดีตภรรยา
“เก้าคะ มุกหวังดีกับหนูนาและหลานในท้องนะคะ” เมื่อช่วยคนท้องให้นั่งในรถแล้ว มุกดาก็ถอยออกจากรถไปยืนเกาะแขนชายหนุ่ม เธอกำลังจะปิดประตูแต่ก็ถูกพิสุทธิ์ดันไว้
“พี่พาไปนั่งด้านหน้านะหนูนา” พิสุทธิ์มุดเข้าไปจะอุ้มน้องออกจากรถ แต่ก็หยุดชะงักเมื่อน้องห้าม
“พี่เก้าคะ หนูนั่งหลังกับลูกก็ได้ค่ะ” อารมณ์ของคนท้องปั่นป่วนน้อยใจสามีไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอผลักให้เขาออกไปยืนด้านนอกแล้วรีบปิดประตูใส่หน้าเขาทันที
“ขอบใจหนูนามากนะที่เสียสละให้พี่นั่งหน้า” มุกดายิ้มมุมปากเมื่อได้เข้าไปนั่งในรถข้างคนขับ เธอเหลือบตามองข้างดีใจสุด ๆ ที่เห็นพิสุทธิ์เข้ามานั่งในรถเช่นกัน
“...” ด้านพัชชาไม่ตอบ เธอเอนหลังพิงเบาะรถ ดวงตาคลอน้ำใสเอียงมองหน้าลูกสาว แล้วยิ้มให้แกยามแกยื่นมือมาจับผมเหน็บข้างหูให้
“คุณแม่เหนื่อยเหรอคะ?” หนูน้อยพิชญาเป็นห่วงแม่จึงถาม และเมื่อแม่พยักหน้าให้ เด็กน้อยก็บอกแม่ว่า “งั้นคุณแม่นอนหลับตานะคะ พาน้องพักผ่อนนะคะ” หนูน้อยพิชญาพูด พร้อมทั้งลูบปลอบประโลมน้องในท้องของแม่
“พ่อฝากแม่กับน้องด้วยนะคะลูกพีช” เสียงพูดของลูกสาวทำให้พิสุทธิ์เหลือบตามองเมียและลูกผ่านกระจกตรงที่มีพวงมาลัยแขวน
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ลูกพีชจะเป็นหมอดูแลคุณแม่กับน้องเองค่ะ” พิชญายิ้มจนเห็นฟันน้ำนมเต็มปาก เมื่อได้สบตาของพ่อในกระจกมองหลัง
“ไปหมู่บ้านผูกพันพูนสุขนะคะ” มุกดาไม่ต้องการเห็นความสุขของเด็กน้อยและพัชชา เธอจึงพูดขัดจังหวะขึ้นทันที
“ฮื้อ” พิสุทธิ์ทำเพียงแค่พยักหน้ารับฟัง เขาคอยมองลูกและเมียสลับมองถนนด้านหน้ายามขับรถออกจากห้างสรรพสินค้า
“ใจคอเก้าจะไม่ถามมุกเหรอคะ ว่าไปอยู่ไหนทำอะไรบ้าง” มุกดานั่งหันหน้าเข้าหาคนขับรถ เธอยิ้มเย้ยเมื่อปรายหางตามองพัชชาที่นั่งเมินหน้ามองทางด้านข้างรถ
“ถ้าคุณอยากเล่า คุณก็คงบอกผมเองแหละ” พิสุทธิ์ละสายตาจากเมียลูก หันมองหน้าอดีตภรรยาที่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ
“พอเราเลิกกัน มุกก็แต่งงานไปอยู่อังกฤษค่ะ นี่กะว่ามาไทยครั้งนี้ มุกก็จะอยู่ยาวเลย ไม่กลับไปอังกฤษอีกแล้วค่ะ” ก่อนที่จะหยอกล้อชายหนุ่มตีแขนกำยำ มุกดาก็ชำเลืองตามองพัชชา ซึ่งในเวลานี้คนท้องรีบแกล้งเกยหัวบนพนักเบาะ แล้วหลับตาไม่อยากเห็นสามียิ้มมีความสุขยามเขาคุยเรื่องในอดีตกับภรรยาเก่า
“แล้วสามีของคุณ เขายอมให้คุณอยู่ที่เมืองไทยเหรอ” พิสุทธิ์เริ่มอยากรู้ว่าอดีตภรรยาจะมีความสุขจริงอย่างที่เธอคุยโวไหม
“คุณแดนนี่เขารักมุกจะตาย ทำไมจะไม่ยอมค่ะ” มุกดาไม่ได้มีความสุขและสมหวังในความรักที่ตัวเองเลือก เธอเก็บความรู้สึกอันแสนเจ็บปวดร้าวรานหัวใจไว้ได้อย่างดี
“ให้ผมไปทางไหน ซ้ายหรือขวา” มุกดาทำให้พิสุทธิ์ลืมเมียและลูกที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขาไม่ได้มองพวกเธอเพราะสนใจแต่จะถามความเป็นอยู่ของอดีตภรรยา
“ตรงไปค่ะ บ้านเลขที่ห้าสิบค่ะ” มุกดาคุยเรื่องสมัยที่เธอเละพิสุทธิ์มีกันและกันอย่างถูกคอ ซึ่งชายหนุ่มก็คล้อยตอบและคอยพูดเสริม
“ผมจอดตรงนี้ได้นะ” ก่อนที่พิสุทธิ์จะจอดรถข้างรั้ว เขาก็หันไปหัวเราะหึ ๆ เมื่อมุกดาทำหน้างอคอหักยามเขาพูดตำหนิเธอที่เธอเป็นฝ่ายขอเลิกเขาเอง
“ใจคอจะไม่ลงจากรถเหรอคะ” มุกดาพูดเสียงอ่อนหวานอ้อนอดีตสามี เธอนั่งรอให้พิสุทธิ์ลงจากรถมาเปิดประตูรถให้
“...” ด้านพิสุทธิ์ไม่พูด ปากหยักได้รูปยกยิ้มลังเลอยู่พักหนึ่งเมื่อหันไปมองลูกเมีย ซึ่งเธอทั้งสองหลับไปตอนไหนไม่รู้ พิสุทธิ์จึงตัดสินใจลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูให้มุกดา
“ว้ายย!!!” มุกดาร้องกรี๊ดเมื่อก้าวเท้าลงจากรถ ซึ่งเธอแกล้งเดินสะดุดขาตัวเองเซถลาไปข้างหน้าจะล้มไปกองบนพื้นดิน เป็นไปตามแผนของเธอ พิสุทธิ์เร็วกว่าคำพูด เขารีบคว้าข้อมือฉุดเบา ๆ ให้ร่างเพรียวลมเข้ามายืนอยู่ในอ้อมกอด
“เดินระวังหน่อยสิ” พิสุทธิ์บอก
“โอ๊ย! เจ็บข้อเท้าจังค่ะ” มุกดายิ่งร้องเมื่อพิสุทธิ์จับบ่าสองข้างให้เธอหันหน้ามาเผชิญกัน แล้วชายหนุ่มก็ดันให้เธอยืนชิดข้างรถ
“นี่คุณยังใส่ส้นสูงแบบนี้อยู่อีกเหรอ” พิสุทธิ์มองเท้าไล่สายตาตามมองเรียวขาขาว แล้วมาหยุดตรงหน้าอกอิ่มเอิบที่กระเพื่อมขึ้นลงยามเธอหายใจ
“เก้าก็รู้มุกเดินไม่ถนัดนี่ถ้าไม่ได้ใส่ส้นสูง” เสียงของมุกดาทำให้พิสุทธิ์ละสายตาจากทรวงอกอิ่ม เขาเงยหน้าสบตามุกดา ซึ่งเธอยิ้มหวานยั่วยวนดีใจสุด ๆ
“ขะ...ข้อเท้าคุณคงแพลง เดี๋ยวผมดูให้นะ” พิสุทธิ์หายใจไม่อิ่มท้องพูดเสียงตะกุกตะกัก เมื่อได้สบตาของอดีตภรรยา
“เบา ๆ นะเก้า มุกเจ็บ” มุกดาครางเสียงกระเส่าเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งลงตรงปลายเท้า ซึ่งเท้าข้างที่เจ็บถูกเขาจับแล้วถอดรองเท้าปลายแหลมสีแดงออก แล้วเขาก็เอาเท้านุ่มไปวางไว้ตรงหัวเข่าของเขา
“เจ็บหน่อยนะ” พิสุทธิ์นวดเท้าให้หญิงสาวสักพักก็ใส่รองเท้าให้เธอ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทำให้เขาและเธอใกล้ชิดกันจนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน
“ช่วยพยุงมุกเข้าบ้านได้ไหมคะ?” มุกดายืนเกาะแขนกำยำสองข้าง ดวงหน้างามเซ็กซี่แต่งแต้มเครื่องสำอางราคาแพงแหงนขึ้นสบตาสีเข้ม ซึ่งชายหนุ่มก็ก้มจ้องหน้าเธออยู่แล้ว
“เอาถุงมาเดี๋ยวผมช่วยถือ” พิสุทธิ์เหลือบตามองเมียและลูกผ่านกระจกรถด้านข้าง เขาโล่งใจที่เห็นลูกสาวและเมียยังหลับอยู่ในรถ
“ขอบคุณมากค่ะเก้า เก้ายังเหมือนเดิม ใจดีกับมุกเสมอเลยนะคะ” ก่อนที่มุกดาจะเกาะแขนของพิสุทธิ์เดินเข้าบ้าน เธอได้หันไปมองคนในรถ เธอยิ้มเยาะเย้ยเมื่อเห็นภรรยาของอดีตสามีไม่ได้หลับจริง
ด้านพัชชานั่งหัวใจเต้นตุบ ๆ เมื่อเห็นและได้ยินทุกการกระทำของสามีที่ปฏิบัติต่ออดีตภรรยา พัชชาเช็ดน้ำตาผสมอายไลเนอร์สีดำออกจากตาคู่งามยามมองสามีประคับประคองกอดมุกดาเดินเข้าไปในบ้าน
“อึกก พิ...พี่เก้า” พัชชาร้าวรานเจ็บจี๊ดกลางหัวใจ เธอร้องไห้ไม่มีเสียงมีเพียงน้ำใสที่กลายเป็นสีดำเท่านั้นที่ไหลเป็นสายผ่านแก้มสองข้างหยดลงบนมือข้างซ้ายที่โอบอุ้มหน้าท้องนูน ส่วนอีกข้างโอบกอดลูกสาวที่นั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ‘นี่พิสุทธิ์คิดอะไรอยู่ถึงทิ้งเธอและลูกให้นั่งอยู่ในรถแบบนี้ เขาไม่ยอมปลุกให้พวกเธอตื่นและบอกกล่าวกันเลยสักคำ’
สิบนาทีแล้วที่พัชชายังนั่งในท่าเดิม เธอเอาแต่เช็ดน้ำใสที่ไหลไม่ขาดสายออกจากดวงตายามจ้องมองทางเข้าบ้าน รอคอยสามีว่าเมื่อไรจะออกมาสักที
“อึกกก...เราต้องเชื่อใจพี่เก้า พี่เก้าแค่ไม่ต้องการรบกวนเวลาเรานอนหลับ พะ...” พัชชาตั้งคำถามมากมายในใจ แต่ก็ต้องหยุดถามตัวเองว่า ‘พี่เก้าคงไม่คิดกลับไปหาพี่มุกหรอกนะ’ เมื่อเสียงงัวเงียของลูกเรียกหา
“คุณแม่ขา” เสียงสะอึกไห้ดังรบกวน ทำให้หนูน้อยพิชญาตื่น สีหูสีตามองไปรอบรถ แล้วหันมองแม่ที่นั่งจ้องกระจกรถด้านข้าง
“ตื่นแล้วเหรอคะ” เสียงพูดอู้อี้ของลูกทำให้พัชชาหยุดสะอื้น เธอเช็ดน้ำใสผสมคราบอายไลเนอร์สีดำออกจากแก้มอย่างรีบ ๆ แล้วหันมายิ้มให้ลูกรัก
“คุณพ่อไปไหนคะ?” เมื่อไม่เห็นพ่อเด็กน้อยก็ถามหา มือป้อมน้อยยื่นเข้าไปเช็ดคราบน้ำตาสีดำออกจากแก้มขาวซีดให้แม่อย่างเบามือ
“ระ...ร้อนเหรอคะ” ความน้อยเนื้อต่ำใจ เจ็บร้าวจนหัวใจแตกเป็นเสี่ยง ๆ ที่ถูกสามีทิ้งให้นั่งอยู่ในรถร้อนอบอ้าว เขาลืมเปิดแอร์หรือว่าจงใจปิดเครื่องและไม่ยอมเปิดแอร์ไว้ให้พวกเธอ คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของคุณแม่ลูกสอง
“ค่ะ” หนูน้อยพิชญาพยักหน้า พร้อมทั้งช่วยแม่ใช้กระดาษพัดให้แม่เช่นกัน
“เดี๋ยวแม่เปิดหน้าต่างให้นะคะ” พัชชาหายใจไม่อิ่มท้อง แม้แต่หน้าต่างรถเธอก็ไม่สามารถปลดล็อกได้ เพราะสามีได้ล็อกกุญแจรถ ‘นี่พี่เก้าอยากให้หนูกับลูกร้อนตายในรถเหรอคะ’ พัชชาถามสามีในใจ น้ำตาก็คอยแต่จะไหลออกมาให้ลูกเห็น
“คุณแม่ขาลูกพีชหิวน้ำค่ะ” ความร้อนภายในรถทำให้เด็กน้อยพิชญาเริ่มงอแงร้องขอกินน้ำ ซึ่งคุณแม่ก็เอาน้ำให้ลูกสาวดื่ม
“ฮืออ ร้อนค่ะ น้ำร้อนมันร้อนลูกพีชไม่กิน ฮืออ” ยัยหนูพิชญาร้องไห้จ้า พร้อมทั้งโยนขวดน้ำของตัวเองทิ้ง
“ไม่ต้องร้องไห้นะคะ เดี๋ยวแม่พาไปซื้อน้ำเย็น ๆ ดื่มนะคะ” พัชชาปวดหัวใจมากที่เห็นยัยหนูร้องไห้ เธอปลอบขวัญลูก แล้วอุ้มแกให้มานั่งบนท้องนูน
“คุณพ่อไปไหนคะ ทำไมทิ้งเราสองคนให้นั่งอยู่ในรถล่ะคะ” เด็กน้อยพิชญาทำตามแม่บอกให้กอดคอของแม่ไว้แน่น ๆ ดวงหน้าคล้ายคลึงพ่อก็ซบลงบนบ่าของแม่ ดวงตาฉ่ำน้ำใสมองแม่กำลังเอากระเป๋ามาสะพาย
“...” คำถามของลูกทำให้พัชชาแทบไม่มีแรงอุ้มลูก แต่คนท้องก็ฝืน อดทนอุ้มลูกอย่างทุลักทุเลออกจากรถ แล้วเดินไปตามทางตรงไปยังถนนใหญ่
“คุณแม่ขาลูกพีชร้อนค่ะ” ไอแดดร้อนระอุของเวลาบ่ายสาม ทำให้สองแม่ลูกต้องโอบกอดช่วยกันใช้เสื้อคุมบังแดดให้กันและกัน
“เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วค่ะ” พัชชาเดินผ่านละอองแสงแดดไหวสะท้าน พร้อมทั้งพูดปลอบขวัญลูกด้วยริมฝีปากซีดเซียว บอกแกว่าให้อดทนอย่าร้องไห้ แต่เป็นคุณแม่เองที่แอบร้องไห้เมื่อถูกสามีใช้เท้าขยี้หัวใจของเธอจนแตกละเอียด…