bc

หัวใจร้าว(รัก)ในวันวาน

book_age16+
449
FOLLOW
2.7K
READ
HE
age gap
heir/heiress
kicking
mystery
loser
office/work place
childhood crush
like
intro-logo
Blurb

“ผมพิสุทธิ์พูดครับ” ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครโทรมา แต่เขาก็กดรับแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างแก้มทั้งที่ยังนอนหงายหลับตา

“เก้าคะ? นี่มุกพูดค่ะ...”

เสียงใสพูดลิ้นพันกันของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มลืมตาโพลงแล้วรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เขารีบเปิดอินสตาแกรมเข้าแอคเคานต์ของคนที่โทรมาหา ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างเท่าไข่ห่านมองภรรยาสุดดวงใจนั่งดี๊ด๊า มีผู้ชายหลายคนคลอเคลียอย่างใกล้ชิด

“มุกอยู่ไหน นั่นคุณอยู่กับใครทำไมไม่กลับห้อง” พิสุทธิ์ถาม เพราะเวลาตีสามแบบนี้ภรรยาของเขาน่าจะกลับเข้าห้องพักได้แล้ว แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอยังนั่งดื่มอยู่กับพวกผู้ชายแปลกหน้าหลายสิบคน

เขาโกรธเธอมากแต่เพราะรักมากจึงเลือกที่จะไม่สนใจมองภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์ พิสุทธิ์รู้สึกเจ็บขั้วหัวใจสุดทานทน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นพฤติกรรมอันโสมมของภรรยารัก

“พรุ่งนี้มุกยังไม่กลับบ้านนะ มุกจะอยู่ที่นี่อีกสักสามสี่วัน...”

“ทำไมเหรอ” พิสุทธิ์ถามภรรยา

“ก็เจ้านายมุกน่ะสิคะ โทรมาเมื่อตอนบ่ายบอกว่ามีงานให้มุกทำต่ออีกสักสามสี่วันค่ะ”

“...” พิสุทธิ์ไม่มีคำถาม เขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรู้ว่าภรรยาสุดดวงใจโกหกและจะนอกกายนอกใจเขา ชายหนุ่มรู้ว่างานที่เธอไปทำนั้นเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

“แค่นี้ก่อนนะเก้า เดี๋ยววันมะรืนมุกจะโทรหาค่ะ...”

“เดี๋ยวก่อนสิมุก” พิสุทธิ์บอกให้เธออย่าเพิ่งวางสาย

“มีอะไรอีกคะ...”

“มุกจำได้ไหม พรุ่งนี้เป็นวันของเราสองคนนะ” พิสุทธิ์ตัดสินใจถามเพราะตลอดสองปีที่แต่งงานกันมา ภรรยาของเขาไม่เคยจดจำวันสำคัญระหว่างเขาและเธอเลย

“วันอะไรคะ มุกจำไม่ได้ค่ะ...”

พิสุทธิ์ยิ้มสมเพชและหัวเราะเยาะตัวเองในใจเมื่อได้ยินคำถามของภรรยา ทำไมหัวใจของเขามันไม่เลวและคิดหักหลังเธอบ้าง ทำไมเขาจะต้องยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นด้วย

พิสุทธิ์เจอมุกดาครั้งแรกก็ตกหลุมรักเธอทันที พวกเขาทั้งสองคบกันได้เพียงแค่สองเดือน และนี่ก็ครบสองปีแล้วที่เขาแต่งงานกับเธอ

“เมื่อกี้นี้เก้าว่าอะไรคะ มุกไม่ได้ยินค่ะ...”

พิสุทธิ์ยิ่งหายใจไม่ออกเมื่อเห็นกิริยาของภรรยา เธอยอมให้ผู้ชายแปลกหน้าหลายคนที่ต่างรุมล้อมคอยเทเหล้าและป้อนน้ำเมาให้เธอดื่ม

“ก็วะ...” เพราะรักมากพิสุทธิ์จึงยอมทำเป็นคนหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นจุดบกพร่องของภรรยา เขาจะพูดว่า ‘ก็วันครบรอบแต่งงานของเราไง’ ภรรยารักของเขาก็พูดขึ้น

“เก้าแค่นี้ก่อนนะคะ...”

ตู๊ดด!!!

“ฮัลโหลมุก เดี๋ยว อย่าเพิ่งวางสาย มุก! นี่มุกฟังผมอยู่ไหม” พิสุทธิ์ถูกภรรยาตัดสาย เขาล้มตัวนอนหงาย ดวงตาสีนิลสั่นสะท้านคลอน้ำตามองรอยด่างเป็นจุดดำ ๆ บนเพดานห้อง ช่างเหมือนเขาที่ถูกเท้าของภรรยาเหยียบขยี้หัวใจจนแตกละเอียดเลือดกระอักออกมาเป็นลิ่ม ๆ…

chap-preview
Free preview
บทที่ 1 รักไปช้ำไป
บทที่ 1 รักไปช้ำไป ตืดด...ตืดดด... เสียงไอโฟนรุ่นใหม่สั่นครืน ๆ อยู่บนโต๊ะข้างเตียง ทำให้ชายหนุ่มงัวเงียตื่นขึ้นมา เขาผงกหัวมองหาเสียงมือถือฝ่าความมืดมิด มือไม้สะเปะสะปะหยิบเอาโทรศัพท์ “ผมพิสุทธิ์พูดครับ” ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครโทรมา แต่เขาก็กดรับแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างแก้มทั้งที่ยังนอนหงายหลับตา “เก้าคะ? นี่มุกพูดค่ะ...” เสียงใสพูดลิ้นพันกันของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มลืมตาโพลงแล้วรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เขารีบเปิดอินสตาแกรมเข้าแอคเคานต์ของคนที่โทรมาหา ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างเท่าไข่ห่านมองภรรยาสุดดวงใจนั่งดี๊ด๊า มีผู้ชายหลายคนคลอเคลียอย่างใกล้ชิด “มุกอยู่ไหน นั่นคุณอยู่กับใครทำไมไม่กลับห้อง” พิสุทธิ์ถาม เพราะเวลาตีสามแบบนี้ภรรยาของเขาน่าจะกลับเข้าห้องพักได้แล้ว แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอยังนั่งดื่มอยู่กับพวกผู้ชายแปลกหน้าหลายสิบคน เขาโกรธเธอมากแต่เพราะรักมากจึงเลือกที่จะไม่สนใจมองภาพเคลื่อนไหวในโทรศัพท์ พิสุทธิ์รู้สึกเจ็บขั้วหัวใจสุดทานทน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นพฤติกรรมอันโสมมของภรรยารัก “พรุ่งนี้มุกยังไม่กลับบ้านนะ มุกจะอยู่ที่นี่อีกสักสามสี่วัน...” “ทำไมเหรอ” พิสุทธิ์ถามภรรยา “ก็เจ้านายมุกน่ะสิคะ โทรมาเมื่อตอนบ่ายบอกว่ามีงานให้มุกทำต่ออีกสักสามสี่วันค่ะ” “...” พิสุทธิ์ไม่มีคำถาม เขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรู้ว่าภรรยาสุดดวงใจโกหกและจะนอกกายนอกใจเขา ชายหนุ่มรู้ว่างานที่เธอไปทำนั้นเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว “แค่นี้ก่อนนะเก้า เดี๋ยววันมะรืนมุกจะโทรหาค่ะ...” “เดี๋ยวก่อนสิมุก” พิสุทธิ์บอกให้เธออย่าเพิ่งวางสาย “มีอะไรอีกคะ...” “มุกจำได้ไหม พรุ่งนี้เป็นวันของเราสองคนนะ” พิสุทธิ์ตัดสินใจถามเพราะตลอดสองปีที่แต่งงานกันมา ภรรยาของเขาไม่เคยจดจำวันสำคัญระหว่างเขาและเธอเลย “วันอะไรคะ มุกจำไม่ได้ค่ะ...” พิสุทธิ์ยิ้มสมเพชและหัวเราะเยาะตัวเองในใจเมื่อได้ยินคำถามของภรรยา ทำไมหัวใจของเขามันไม่เลวและคิดหักหลังเธอบ้าง ทำไมเขาจะต้องยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นด้วย พิสุทธิ์เจอมุกดาครั้งแรกก็ตกหลุมรักเธอทันที พวกเขาทั้งสองคบกันได้เพียงแค่สองเดือน และนี่ก็ครบสองปีแล้วที่เขาแต่งงานกับเธอ “เมื่อกี้นี้เก้าว่าอะไรคะ มุกไม่ได้ยินค่ะ...” พิสุทธิ์ยิ่งหายใจไม่ออกเมื่อเห็นกิริยาของภรรยา เธอยอมให้ผู้ชายแปลกหน้าหลายคนที่ต่างรุมล้อมคอยเทเหล้าและป้อนน้ำเมาให้เธอดื่ม “ก็วะ...” เพราะรักมากพิสุทธิ์จึงยอมทำเป็นคนหูหนวกตาบอดมองไม่เห็นจุดบกพร่องของภรรยา เขาจะพูดว่า ‘ก็วันครบรอบแต่งงานของเราไง’ ภรรยารักของเขาก็พูดขึ้น “เก้าแค่นี้ก่อนนะคะ...” ตู๊ดด!!! “ฮัลโหลมุก เดี๋ยว อย่าเพิ่งวางสาย มุก! นี่มุกฟังผมอยู่ไหม” พิสุทธิ์ถูกภรรยาตัดสาย เขาล้มตัวนอนหงาย ดวงตาสีนิลสั่นสะท้านคลอน้ำตามองรอยด่างเป็นจุดดำ ๆ บนเพดานห้อง ช่างเหมือนเขาที่ถูกเท้าของภรรยาเหยียบขยี้หัวใจจนแตกละเอียดเลือดกระอักออกมาเป็นลิ่ม ๆ… สามวันต่อมาที่บริษัทออกแบบบ้าน ‘Architect Home’ เป็นบริษัทของพิสุทธิ์ที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนรักอีกสองคน เอกภพและโชคชัย “คุณโชค คุณเอก สวัสดีครับ” ‘ลิซ่า’ สาวแก่ทอมบอยเลขาส่วนตัวของพิสุทธิ์ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเอกภพและโชคชัยเดินเข้ามายืนตรงโต๊ะทำงานของเธอ “พี่ลิซ่า ไอ้เก้าอยู่ไหมครับ” โชคชัยถามลูกน้องที่เป็นหญิง แต่เธอพูดคุยเฉกเช่นผู้ชายแม้แต่การแต่งตัวก็เหมือนผู้ชาย “อยู่ครับ” ลิซ่าทำหน้างง เพราะเมื่อสักครู่เธอยังเอาของว่างเข้าไปให้พิสุทธิ์อยู่เลย “อยู่ แต่ไม่ยอมรับสายนะไอ้บ้าเก้า” เอกภพหันไปบ่นว่าพิสุทธิ์ให้โชคชัยฟัง “ให้พี่โทรบอกคุณเก้าไหมครับ” ลิซ่าถามเจ้านายรุ่นน้องทั้งสอง ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองมีอายุเท่า ๆ กับพิสุทธิ์ และพวกเขามีอายุน้อยกว่าเธอหลายปี “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพวกผมเข้าไปหามันเองครับ” เอกภพบอกลิซ่า แล้วเดินตามเพื่อนตรงไปที่ประตู โชคชัยถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานของพิสุทธิ์โดยที่ไม่ได้เคาะ และเมื่อได้เข้ามายืนอยู่กลางห้องทำงาน โชคชัยก็พยักหน้าให้เอกภพดูพิสุทธิ์ ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวในท่าเอนหลังพิงเบาะหัวเกยพนักโซฟา “ดูมัน ทำยังกะคนอกหักรักคุดเลยนะมึง” โชคชัยยืนเท้าเอวมองพิสุทธิ์ “จะไม่ให้มันเป็นแบบนี้ได้ไงวะ เมียไฮโซของมันเล่นไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องหลายวันแล้วนะโว้ย” เอกภพกอดอกมองเพื่อนที่ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกรู้สา ทั้งที่พวกเขาคุยกันเสียงออกจะดัง “ไอ้ห่า ดูสภาพเหมือนคนถูกเมียทิ้งเลยนะมึง” โชคชัยเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพิสุทธิ์ “สงสัยเมียไฮโซยังไม่กลับมาจากเชียงใหม่แน่เลย” เอกภพไม่ยอมนั่ง เขายังยืนกอดอกมองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมา “สงสัยเมีย...” โชคชัยพูดเสียงเบากระซิบกระซาบข้างหูของเอกภพว่า “สงสัยเมียคนสวยของมันคงจะเจอผู้ชายใหม่แน่เลยถึงไม่ยอมกลับบ้าน ทั้งที่งานที่ไปทำก็เสร็จแล้วนี่” “เอ้ย! นี่ไอ้โชค มึงอย่าพูดให้ไอ้เก้าได้ยินนะโว้ย กูสงสารมันว่ะ มึงก็รู้ว่าไอ้นี่มันรักเมียมันมากแค่ไหน พวกเราเคยเตือนมันแล้วนะ แต่มันเคยเชื่อเราไหม ไม่เลย ไอ้นี่มันไม่เชื่อใครเลย” เอกภพรีบพูดดักคอไม่ให้โชคชัยพูดต่อ “กูไม่พูดหรอกโว้ย ถึงกูพูดไป ไอ้บ้าเก้ามันก็ไม่เชื่อกูหรอก” โชคชัยไม่อยากจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายปัญหาครอบครัวความรักของเพื่อน “ไอ้บ้านี่ก็รักเมียจนไม่ยอมลืมหูลืมตา เมียจะสวมเขาให้ มันยังไม่รู้ตัวอีก” เอกภพรู้จักมุกดาดีกว่าใคร ๆ เพราะเธอได้สร้างวีรกรรมไว้กับอนันต์ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งเอกภพเคยเตือนพิสุทธิ์แล้ว แต่อย่างว่าแหละความรักย่อมทำให้ทุกคนตาบอดเฉกเช่นพิสุทธิ์ที่รักมุกดาจนไม่ยอมมองจุดบกพร่องของหญิงสาวเลย “นี่พวกมึงจะนินทากูก็พูดกันเบา ๆ ได้ปะวะ กูได้ยินนะโว้ย ไอ้พวกเวร” พิสุทธิ์พูดทั้งที่ยังเอนหลังพิงเบาะโซฟา หัวหนักอึ้งก็ยังเกยอยู่ตรงพนักโซฟา “กูไม่ได้นินทาโว้ย แต่พวกกูพูดเรื่องจริงและตั้งใจให้มึงได้ยินด้วยแหละ” โชคชัยยื่นบุหรี่ให้เพื่อนเมื่อพิสุทธิ์ผงกหัวขึ้นมองเขาทั้งสอง “มึงเป็นไรวะ ทำไมไม่รับสาย” เอกภพรู้ว่าเพื่อนเป็นอะไร แต่เขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ “พวกมึงมีอะไรวะ” พิสุทธิ์โบกมือไม่เอาบุหรี่แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นชูน้ำอัดลมและเบียร์กระป๋องให้เพื่อนดู ซึ่งพวกเพื่อน ๆ ก็ขอเบียร์กระป๋อง “ไอ้นี่ มึงนัดพวกกูให้มาประชุมงานไม่ใช่เหรอวันนี้ แล้วยังมีหน้ามาถามพวกกูอีกนะ” โชคชัยด่าเพื่อนพร้อมทั้งรับเบียร์มาถือไว้ จิบเล็กน้อย ตาก็เหลือบมองพิสุทธิ์ที่กระแทกก้นนั่งที่เดิม “เอ่อ กูขอโทษว่ะ” พิสุทธิ์นั่งลงบนโซฟาตัวเก่า เขาเอนหลังพิงเบาะ ใบหน้าเครียด ๆ หันไปทางหน้าต่าง ดวงตาสีเข้มมองความว่างเปล่าด้านนอกผ่านกระจกใส “มึงว่าไง พวกกูลงความเห็นกันว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาที่มาฝึกงานนะ มึงโอเคไหมวะ” เอกภพมองหน้าเพื่อนทั้งสอง “กูแล้วแต่พวกมึงว่ะ” พิสุทธิ์ยื่นมือไปหยิบบุหรี่ของโชคชัยมาดูด แล้วยื่นให้เอกภพ ซึ่งพวกเขาทั้งสามก็ดูดบุหรี่มวนเดียวกันวนไปอย่างนั้น “งั้นเอาตามที่ไอ้เอกมันพูดนะ จัดเลี้ยงพนักงานต้อนรับน้อง ๆ ที่มาฝึกงานอาทิตย์หน้าละกัน” โชคชัยถามความเห็นของเพื่อนทั้งสอง เพราะถ้าเพื่อนโอเค เขาก็จะได้ให้เลขาส่วนตัวของเขาจัดการทุกอย่างเลย “นี่มึงฟังไอ้โชคพูดอยู่หรือเปล่าวะไอ้เก้า” เอกภพตกลงตามโชคชัยบอก แต่ไม่ได้ยินพิสุทธิ์พูดอะไร เขาก็เลยหันไปสะกิดเพื่อน “ฟังอยู่ ก็เอาตามที่พวกมึงว่านั่นแหละ จัดที่ไหนก็บอกกูก็แล้วกัน” พิสุทธิ์บอกเพื่อนทั้งที่ดูดบุหรี่แล้วพ่นควันสีเทาออกมา เหมือนเขากำลังพ่นความทุกข์ในใจออกมาอย่างยากลำบาก “นี่มุกดาเธอยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ” โชคชัยแกล้งถามไปอย่างนั้น “มุกเขาโทรมาเมื่อกี้บอกว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว” เพราะเพื่อนชอบพูดถึงมุกดาในเรื่องไม่ดี พิสุทธิ์จึงโกหกเพื่อนไปแบบนั้น “เมียจะกลับพรุ่งนี้แล้ว มึงจะมานั่งทำหน้าอมทุกข์เหมือนคนอกหักทำไมวะ” เอกภพทำเสียงประชดประชันเพื่อน “นั่นน่ะสิ ไป! วันนี้กูจะพามึงไปเปิดหูเปิดตา” โชคชัยได้ทีเพราะวันนี้ภรรยาของเขาก็ไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด “พวกมึงไปกันเถอะ กูรู้สึกเบื่อ ๆ ยังไงไม่รู้ว่ะ” พิสุทธิ์ก้มมองเวลาบนข้อมือก็เป็นเวลาเลิกงานพอดี เขาไม่อยากไปไหนแม้แต่บ้านที่ไม่มีเมียเขาก็ไม่อยากกลับไปนอน “เอ้ย ได้ไงวะ วันนี้เป็นวันโสดของพวกเรานะโว้ย นี่เมียกูก็ไม่อยู่เหมือนกันว่ะ” เอกภพบอกเพื่อน ๆ “เมียมึงไปไหนวะ” โชคชัยถามเมื่อเห็นสีหน้าดีใจของเอกภพ “จอยเขาพายัยน้องน้อยไปหาพ่อแม่ของเขาที่ต่างจังหวัดน่ะ ไอ้เก้าไปดื่มกันนะ นี่กูไม่ได้ออกไปสังสรรค์กับพวกมึงนานแค่ไหนแล้ววะ” เอกภพทำหน้าดี๊ด๊าดีใจบอกเพื่อน “ลุกสิวะไอ้เก้า เดี๋ยวคืนนี้กูเลี้ยงพวกมึงเอง” โชคชัยชวนเพื่อน ๆ พร้อมทั้งช่วยเอกภพดึงพิสุทธิ์ให้ลุกขึ้น ซึ่งพิสุทธิ์ที่ไม่อยากไปกับเพื่อนก็จำใจลุก เขาถูกเพื่อนทั้งสองดันให้เดินนำหน้าออกจากบริษัทไปขึ้นรถของตัวเอง มุ่งหน้าไปยังสถานที่เริงรมย์สำหรับหนุ่มโสดที่หนีเมียมาเที่ยว… สองวันต่อมา... ในขณะที่พิสุทธิ์นั่งคุยงานกับเพื่อน ๆ อยู่นั้น เขาก็รีบลุกแล้วเดินออกไปยืนคุยโทรศัพท์ สีหน้าเมื่อครู่ดูหม่นหมองอมทุกข์ไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่พอได้ยินเสียงของคนที่โทรมาเขาก็ยิ้มจนแก้มแทบแตก พร้อมทั้งรับปากทันทีว่า “บ่ายสองนี้มุกจะถึงสนามบินแล้วเหรอครับ ได้ ๆ เดี๋ยวผมจะรีบไปรอที่สนามบินเดี๋ยวนี้เลยครับ” ถึงจะถูกทางโน้นโทรมาบอกข่าวและตัดสายไปโดยไม่เอ่ยคำใด ๆ แต่พิสุทธิ์กลับมีความสุข เขาเดินเข้าไปในห้องไม่ยอมบอกอะไรเพื่อน ๆ “ไอ้เก้า มึงจะไปไหนวะ?” เอกภพถามเพื่อนที่เดินเข้ามาในห้อง แต่เพื่อนกลับเดินไปที่โต๊ะทำงานหยิบเอาเสื้อสูทและพวงกุญแจเดินตรงไปที่ประตูห้อง “พวกมึงคุยงานกันต่อได้เลย ไม่ต้องรอถามความเห็นจากกูก็ได้นะ พวกมึงว่าอย่างไรกูก็ว่าตามพวกมึงนั่นล่ะ” พิสุทธิ์หันมาบอกเพื่อน “มึงจะรีบร้อนไปไหนของมึงวะไอ้เก้า” โชคชัยถามเพื่อน “เมียกูกลับมาแล้วว่ะ เครื่องบินถึงสนามบินบ่ายสอง กูต้องไปรอรับมุกนะ” ถึงจะถูกมองอย่างกวน ๆ แต่พิสุทธิ์ไม่ได้สนใจสายตาล้อเลียนของเพื่อน “นี่ไอ้เก้า มึงดูเวลาหรือยังวะ นี่มันเพิ่งจะสิบเอ็ดโมงเช้าเองนะโว้ย” ตลอดสี่ห้าวันมานี้ โชคชัยเพิ่งจะเห็นรอยยิ้มดีใจของเพื่อนก็วันนี้แหละ “นั่นสิวะ มึงจะรีบร้อนไปทำไมวะ มานั่งคุยงานกันก่อนสิ” เอกภพมองหน้าโชคชัยแล้วหันไปมองพิสุทธิ์ที่ยังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง “วันนี้กูไม่เข้าบริษัทนะโว้ย พวกมึงมีเรื่องอะไรก็โทรหากูละกัน” พิสุทธิ์โบกมือไม่ยอมฟังเสียงของเพื่อน ๆ “เออ มึงจะลางานก็ได้นะ พวกกูไม่ว่าหรอก” เอกภพกระซิบเสียงเบามากบอกโชคชัยว่า ‘ปล่อยมันสักวันเถอะ’ ซึ่งโชคชัยก็พยักหน้าให้เอกภพแล้วพูดแหย่เพื่อนรักว่า “นี่ไอ้เก้า มึงอย่าลืมซื้อน้ำมะพร้าวดื่มด้วยนะโว้ย เขาว่าถ้าดื่มแล้วไอ้นั่นมันจะซู่ซ่าอยู่ตลอดเวลานะมึง...” “ไอ้เชี่ย! อย่าให้ถึงคราวของพวกมึงละกัน เวลาขาดเมียที่มึงรักชีวิตมันเป็นยังไง” เสียงหัวเราะชอบใจของเพื่อน ๆ ทำให้พิสุทธิ์หันไปชี้หน้าด่าเพื่อน แล้วเขาก็รีบเปิดประตูเดินออกไปจากห้องตรงไปยังรถแล้วขับมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง… สนามบินดอนเมือง... นานหลายชั่วโมงที่เขาเดินวนเวียนอยู่ในโถงขนาดใหญ่ และพอถึงเวลาพิสุทธิ์ก็ไปยืนปะปนกับผู้คนที่มารอรับญาติเช่นเดียวกับเขา ชายหนุ่มชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟมองหาเมีย แล้วเขาก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูเมื่อเห็นเธอเดินออกมา “มุกทางนี้ครับ” พิสุทธิ์ดีใจมากจนไม่ได้สังเกตว่าเมียของตัวเองเดินมากับผู้ชายอีกคน ซึ่งเขาคนนั้นหน้าตาหล่อและดูดีมาก “แล้วฉันจะโทรหานะคะ” เสียงของพิสุทธิ์ดังผสมผู้คนมากมาย ทำให้มุกดาแกะมือของชายคนนั้นออกจากมือ แล้วโบกมือให้สามี “ผมจะรอคำตอบจากคุณนะครับ...” “ค่ะ” มุกดายิ้มหวานปานน้ำผึ้งเมื่อถูกชายหนุ่มจูบแก้ม แล้วเธอก็รีบบอกให้ชายคนนั้นรีบไป ก่อนที่พิสุทธิ์จะเดินเข้ามาหา “ผมช่วยถือกระเป๋าให้นะมุก” สองอาทิตย์ที่มุกดาไปดูงานที่เชียงใหม่ และเมื่อเห็นเมียกลับมาทำให้เขาดีใจจนไม่ได้สนใจผู้ชายอีกคนที่เมียรักยืนคุยให้ความสนิทสนมเหมือนพวกเขาทั้งสองเป็นคนคนเดียวกัน “ไม่เป็นไรค่ะ มุกถือเองได้ค่ะ” มุกดาเบี่ยงหน้าหนีไม่ยอมให้สามีหอมแก้ม และแม้แต่มือเธอก็ไม่ยอมให้เขาจับ เธอรีบเดินนำหน้าสามีตรงไปที่ลานจอดรถ พิสุทธิ์หน้าแห้งรีบดันรถเข็นวิ่งตามเมีย และรีบเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งรอในรถ เขาจัดการขนของใส่ท้ายรถ แล้วชายหนุ่มก็รีบเข้าไปในรถ เอียงหน้าถามเธอ “กลับบ้านเลยไหมมุก” “ฉันอยู่ในรถแล้วค่ะ เดี๋ยวถึงบ้านฉันจะบอกข่าวดีกับคุณนะคะ” มุกดาทำเพียงแค่เหลือบตามองด้านข้าง แล้วรีบวางสายทันทีเมื่อเห็นสามีเข้ามานั่งในรถ “ใครโทรมาเหรอครับ” เพราะรักมากจึงทำเป็นคนโง่ในสายตาของเมีย และต้องทนเจ็บจนหัวใจแตกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อได้ยินเพียงแค่เมียคุยกับคนในสายว่า ‘รอฟังข่าวดีนะคะ’ ซึ่งพิสุทธิ์ก็แกล้งถามพร้อมทั้งขับรถตรงไปบ้าน…

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook