บทที่11
สัญญา ซื่อสัตย์ มั่นคงมีเมียเพียงคนเดียว (2)
กิจวัตรประจำวันที่ทุกคนอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อและทำไมผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานแล้วต้องทำ ยุคสมัยสองพันปีกว่าแล้วที่ผู้ชายผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่สำหรับพัชชาแล้วเธอมีความสุขมากที่ต้องตื่นแต่เช้าทำนั่นทำนี่ไว้รอสามี เฉกเช่นวันนี้ก็เหมือนทุกเช้า
พัชชาตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าผมเผ้ายุ่งเหยิงใบหน้างามไร้สิวฝ้าเป็นมันวาววับเพราะยังไม่ได้ล้างหน้า ซึ่งเธอไม่มีเวลาแม้แต่จะแต่งสวยและดูแลตัวเอง เพราะเวลาส่วนตัวของเธอทั้งหมดได้ยกให้ลูกและสามี
“คุณแม่ขา...”
“คะ?” คุณแม่ท้องโตขานรับลูกสาวทั้งที่ยังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว เธอสาละวนทำอาหารเช้าไว้รอสามี ซึ่งในเวลานี้พี่เก้าก็คงจะนอนอยู่หรือว่าตื่นแล้วและคงกำลังจะอาบน้ำอยู่ข้างบน พัชชากังวลใจตลอดเพราะเวลานี้เธอไม่ได้ขึ้นไปปลุกชายหนุ่ม
“ลูกพีชไม่กินมะเขือเทศค่ะ” เด็กน้อยงอแงแม่
“ทำไมคะ ไม่อร่อยหรือคะ” พัชชาหยุดทำอาหาร เธออุ้มท้องเดินอุ้ยอ้ายไปยืนเกาะเก้าอี้ตัวที่ยัยหนูนั่ง
“ลูกพีชอิ่มแล้วค่ะ” แม่ตักข้าวไข่เจียวผสมมะเขือเทศยื่นให้ แต่หนูน้อยกลับยกมือปิดปาก ดวงหน้าคล้ายพ่อส่ายหน้าไม่ยอมกินข้าว
“กินอีกคำนะคะ” พัชชาไม่ได้ดุลูก แต่เธอก้มหอมหัวของแก พร้อมทั้งปะเหลาะให้ยัยหนูกินข้าวที่เหลือนิดเดียวให้หมดจานข้าวเด็ก
“ลูกพีชไม่กินอันนี้ค่ะ” พิชญาชี้บอกแม่ไม่กินต้นหอมที่ติดอยู่ในไข่เจียว
“แม่เอาออกให้แล้วนะ กินอีกคะ...” พัชชาพูดไม่ทันจบประโยคว่า ‘กินอีกคำนะคะ’ ก็ต้องหยุดเมื่อเสียงถามดังมาพร้อมเสียงเดินลงบันไดตรงมาหาพวกเธอ
“ไงครับสาว ๆ เช้านี้ทำอะไรให้พ่อกินครับ” พิสุทธิ์แต่งตัวหล่อดูภูมิฐานทุกวัน ซึ่งเสื้อแต่ละชุดพัชชาจะเป็นคนจัดไว้ให้สามีใส่ทุกเช้า
เขาเดินยิ้มตรงเข้าไปหาเมียและลูก และก่อนที่เขาจะนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งข้างยัยหนู ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะกอดน้องและลูกอีกคนในท้องของเมีย
“พี่เก้าปล่อยหนูค่ะ เดี๋ยวเสื้อพี่จะเลอะคราบอาหาร ดูสิคะผ้ากันเปื้อนของหนูมีแต่เศษอาหารทั้งนั้นเลย” พัชชามองความเรียบร้อยบนตัวของสามี เน็กไทที่พี่เก้าผูกเองดูเบี้ยวพัชชาจึงทำให้ใหม่
“หอมจังแก้มเมีย” พิสุทธิ์ไม่ฟัง เขายังคงกอดเธอไว้ เป็นเพราะน้องตัวเล็กสูงเพียงแค่หน้าอก พี่เก้าจึงยืนกางขาย่อตัวทำให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วเขาก็จูบหน้าผากจูบดวงตาคู่งามและพวงแก้มขาวผ่องสองข้าง
“มีแต่กลิ่นเหม็นของอาหารทั้งนั้นจะหอมได้ไงคะ” พัชชาว่าพี่เก้า แล้วขัดขืนยืนหันหลังให้เขากอด
“พี่หอมของพี่ก็แล้วกัน” พิสุทธิ์ไม่ยอมปล่อยเมีย เขากอดเธอจากทางด้านหลัง คางหนาเกยหัวของน้อง พร้อมทั้งจูบเส้นผมนุ่ม
“ปล่อยหนูได้แล้วค่ะ อายลูกบ้างสิคะ” เมื่อสามีไม่ฟัง เธอจึงบอกให้พี่เก้ามองลูกสาว
“เด็กแสนซนแอบมองพ่อกับแม่หอมแก้มเหรอฮะ” พิสุทธิ์หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ เมื่อเหลือบตาขึ้นมองลูกสาวตัวแสบ
“ลูกพีชไม่ได้มองค่ะ แฮ่ ๆ ๆ” หนูน้อยพิชญาทำตาโตเมื่อได้สบตาพ่อ แล้วรีบยกมือสองปิดหน้าปิดตา
“ไงคะ นางฟ้าของพ่อ งอแงอะไรคุณแม่เหรอคะ” พิสุทธิ์มองหน้าเมีย เขาทั้งสองหัวเราะชอบใจในความเจ้าเล่ห์ของลูกสาว ซึ่งยัยหนูแกล้งเอามือปิดหน้าปิดตา แต่ก็ยังแอบมองพ่อแม่ผ่านง่ามนิ้วมือเรียวอวบ
“ลูกพีชไม่กินมะเขือเทศค่ะ” เมื่อถูกคุณพ่อหอมผมตรงกลางกระหม่อม หนูน้อยพิชญาก็พูดอ้อนพ่อเสียงกระจุ๋มกระจิ๋ม
“ถ้าลูกพีชอยากโตและผิวสวยเหมือนคุณแม่ก็ต้องกินมะเขือเทศด้วยนะคะ” พิสุทธิ์นั่งเก้าอี้ข้างลูกสาว เขาปะเหลาะชวนยัยหนูกินข้าว
“ลูกพีชกินแค่นี้นะคะ ส่วนนี้คุณพ่อกินนะคะ” หนูน้อยฉลาดเกินอายุ เมื่อพ่อแบ่งผักส่วนที่เป็นของตัวเองเยอะเกินไป พิชญาจึงขอกินส่วนที่เป็นของพ่อ ซึ่งมีผักน้อยนิด
“ใครกินหมดก่อนคนนั้นชนะนะคะ” ความเจ้าเล่ห์ของยัยหนูทำให้พิสุทธิ์อดยิ้มไม่ได้ เขาพยักหน้าให้ลูกแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมขมับด้านข้างของแก
“พี่เก้าจะเอากาแฟหรือว่าจะกินข้าวต้มดีคะ” ด้านพัชชาวุ่นวายจัดอาหารบนโต๊ะ และเธอยังไม่ลืมที่จะเอาใจใส่สามี
“เช้านี้พี่ขอกาแฟละกัน” พิสุทธิ์ป้อนข้าวยัยหนู พลางเหลือบตามองเมีย
“เอาขนมปังทาแยมด้วยนะคะ” พัชชาทำกาแฟรสชาติที่พี่เก้าชอบมาให้ แล้วเธอก็ยังสาละวนทาเนยเค็มใส่ขนมปังปิ้งแล้วทาแยมสตรอว์เบอร์รีบนเนยเค็มอีก
“ขอบคุณครับ” พิสุทธิ์ดื่มกาแฟ พร้อมทั้งกินปังปิ้งที่เมียทำให้
“ลูกพีชจะเอาเหมือนคุณพ่อเหรอคะ” พัชชายิ้มให้ยัยหนู เมื่อลูกสาวแย่งขนมปังปิ้งของพ่อมากิน
“กินของพ่อก็ได้นะลูกพีช หนูนามานั่งเถอะ” พิสุทธิ์เห็นน้องวุ่นวายทำนั่นทำนี่ไม่หยุด เขาก็รีบลุกขึ้นยืนจับให้เมียนั่งเก้าอี้ตัวที่เขานั่ง
“พี่จะไปทำงานแล้วเหรอคะ” พัชชานั่งเก้าอี้ก้นยังไม่อุ่นและกินข้าวไปเพียงแค่สองคำ คนท้องอุ้ยอ้ายก็รีบวางช้อนและรีบลุกขึ้นยืน
“อื้อ สายแล้ว หนูนาไม่ต้องไปส่งพี่หรอก นั่งกินข้าวต่อเถอะ” เมื่อใส่เสื้อสูทแล้ว พิสุทธิ์จูบหน้าผากของน้องแล้วจับบ่ามนให้เธอนั่งลงที่เดิม
“หนูถือให้ค่ะ” พัชชาไม่เคยขาดตกบกพร่องเรื่องงานบ้านและเอาใจใส่สามี เธอไม่ทำตามเขาบอกแล้วรีบเอากระเป๋าของพี่เก้ามาถือไว้
“คุณแม่ขา เอารองเท้าคู่ไหนให้คุณพ่อใส่คะ” ด้านหนูน้อยพิชญาจูงมือของแม่เดินตามหลังพ่อไปยังโถงเปลี่ยนรองเท้าตรงประตู เด็กน้อยเห็นแม่ทำบ่อยจึงนำหน้าพ่อไปนั่งแบะขาเหมือนกบข้างตู้เก็บรองเท้า
“สีน้ำตาลค่ะ คู่นี้เข้ากับชุดที่คุณพ่อใส่” พัชชานั่งทับขาสองข้าง เธอยิ้มเมื่อยัยหนูเปิดตู้รองเท้า ซึ่งลูกสาวมองหารองเท้าสีที่แม่ต้องการ
“หนูนา มะ พี่ใส่เอง” พิสุทธิ์เห็นเมียลุกยากเดินลำบากเพราะท้องโต เขาก็รีบเอาถุงเท้ามาใส่เอง
“หนูอยากทำให้พี่ค่ะ” พัชชามัวแต่สนใจขัดรองเท้าของสามี เธอเลยไม่ได้เห็นแววตาสีนิลเปล่งประกายมีความสุขมองเธออย่างรักใคร่
“พี่รักเธอนะ หัวใจของพี่มีเพียงเธอ” พิสุทธิ์ใส่รองเท้าแล้ว และก่อนที่เขาจะลุกขึ้นชายหนุ่มก็ยื่นมือเข้าไปลูบหัวของเมีย
“หนูก็รักพี่ค่ะ” พัชชามือหนึ่งอุ้มท้อง อีกข้างเกาะแขนกำยำลุกขึ้น เธอยืนอยู่ในวงแขนแข็งแรงของสามี
“ลูกพีชก็รักคุณพ่อคุณแม่ค่ะ” หนูน้อยพิชญาเข้าไปแทรกกลางระหว่างพ่อและแม่ ดวงหน้าจิ้มลิ้มคล้ายคลึงพ่อและแม่แหงนขึ้นมองหน้าพ่อและแม่
“ดวงใจของพ่อ รู้ไหมคะ ลูกพีชเป็นดั่งหัวใจของพ่อนะคะ” พิสุทธิ์อุ้มยัยหนูขึ้นให้ขาสองข้างของแกขนาบเอว แล้วไม่ลืมที่จะจูงมือของเมียเดินตรงไปยังรถ
“มาหาแม่มะ” พัชชาขอลูกสาวมาอุ้ม แต่พี่เก้าไม่ยอม เขาคงรู้ว่าเธออุ้มยัยหนูไม่ไหว ชายหนุ่มจึงปล่อยให้ยัยหนูยืนบนพื้น
“พี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วตอนเย็นพี่จะรีบกลับมากินข้าวด้วย” พิสุทธิ์ย่อตัวนั่งยอง ๆ ตรงหน้าลูกสาว เขาหอมแก้มแกแล้วลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเข้าไปนั่งในรถ พี่เก้าก็ไม่ลืมที่จะจูบลาเมีย
“หนูจะทำของโปรดของพี่ไว้รอนะคะ” เมื่อเห็นพี่เก้ากดกระจกเลื่อนลงแล้ว พัชชาก็จูงมือลูกสาวเดินไปยืนเกาะขอบประตูรถฝั่งพี่เก้านั่ง
“พ่อไปทำงานก่อนนะครับ” พิสุทธิ์ยื่นมือแตะแก้มของเมียและยีเส้นผมของลูกสาว และก่อนที่เขาจะสตาร์ตรถเขาก็ไม่ลืมสัมผัสลูกชายในท้องของเมีย
“ขับรถดี ๆ นะคะ” พัชชาจูงมือลูกสาวเดินถอยหลังมายืนข้างทาง เธอมองชายหนุ่มขับรถออกจากบ้าน โบกมือให้เขาเมื่อสบสายตาสีเข้มในกระจกข้างรถ...
ไม่ถึงสิบนาทีพิสุทธิ์ก็ขับรถมาถึงปากทางหมู่บ้าน และกำลังจะหักพวงมาลัยขับรถมุ่งหน้าสู่ถนนใหญ่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบหูฟังไร้สายมาใส่หู
“ผมพิสุทธิ์พูดครับ” พิสุทธิ์พูดแนะนำตัวเอง เขาไม่ได้สนใจสำรวจมองหมายเลขในจอโทรศัพท์ เพราะชายหนุ่มต้องใช้สายตามองทางถนนข้างหน้า
“เก้า นี่มุกพูดเองค่ะ...”
“มุก! คุณโทรมะ...” เสียงของคนในสายทำให้หัวคิ้วหนาเป็นปื้นย่นเข้าหากัน พิสุทธิ์รีบชะลอรถจอดข้างทาง พร้อมเอ่ยถามเธอเสียงกระท่อนกระแท่นและยังไม่ทันจบประโยคว่า ‘คุณโทรมาหาผมมีอะไรเหรอ’ คนฝั่งโน้นก็พูดขัดขึ้นว่า
“มุกโทรหาเก้าเป็นร้อยครั้ง ทำไมไม่รับสายมุกคะ เก้าเป็นอะไรหรือเปล่า” มุกดาถาม เพราะตั้งแต่โทรคุยกันเมื่อสามวันก่อนโน้น ชายหนุ่มก็เงียบหายไปถึงเธอจะพยายามติดต่อแต่เขาก็ไม่ยอมตอบ
และเมื่อคนฝั่งโน้นเอาแต่เงียบไม่ตอบคำถาม มุกดาจึงถามชายหนุ่มอีกว่า “เก้าได้อ่านข้อความที่มุกเขียนส่งไปให้ไหมคะ?”
“คุณโทรหาผม มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” พิสุทธิ์สะอึกรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเขาได้อ่านข้อความทุกครั้งที่เธอส่งมา และก็รีบลบทิ้งทุกครั้งเพราะไม่อยากให้พัชชามาเห็นและคิดมาก
“มุกโทรหาเก้าต้องมีธุระด้วยเหรอคะ?” เป็นเพราะเธอมั่นใจว่าอดีตสามียังรักและห่วงหาอาทรในตัวเธอ มุกดาจึงใช้มารยาหญิงพูดเสียงสั่นเครือให้ฝั่งโน้นได้ยิน
“ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรผมวางสายนะ” เสียงอ้อนวอนของเธอ ทำให้พิสุทธิ์ร้อนวูบวาบไปตามรูขุมขน ทำไมเขาจะต้องคิดถึงเรือนร่างเปล่าเปลือยผิวพรรณเนียนสีน้ำผึ้งของเธอด้วย
“มุกอยากเจอเก้าค่ะ วันนี้มะ...” มุกดาไม่ทันได้พูดเสียงหวานจบประโยคว่า ‘วันนี้มุกไปหาเก้าที่ทำงานได้ไหมคะ’ ฝั่งโน้นก็ยิงคำตอบมาตามสายว่า
“เราไม่ควรเจอกันนะมุก” พิสุทธิ์เอ่ยเสียงขึงขังบอกเธอไปตามความรู้สึกที่เขาไม่อยากเจอเธอ และไม่อยากมีปัญหากับพัชชา นี่ถ้าน้องรู้ว่าเขายังติดต่อกับมุกดาทางโทรศัพท์เธอคงจะโกรธเขาน่าดู
“ทำไมคะ หรือว่าหนูนาห้ามไม่ให้เก้าเจอมุก” มุกดาพูดถึงพัชชาเพราะอยากฟังน้ำเสียงของชายหนุ่มว่าจะมีอาการแบบไหน
“ถึงหนูนาไม่ห้ามผม ผมก็ไม่ต้องการเจอคุณ เราสองคนอย่าเจอกันอีกเลย” พิสุทธิ์ไม่ได้สนใจความรู้สึกของมุกดา จึงพูดไปโดยไม่ต้องคิดเยอะ
“ทำไมคะ ไหนเก้าบอกว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไงคะ” มุกดาเอาคำพูดของชายหนุ่มที่เคยพูดไว้เมื่อหลายวันก่อนมาอ้าง
“...”
ความเงียบของพิสุทธิ์ทำให้มุกดาไม่ยอมทิ้งโอกาส เธอจึงถามชายหนุ่มว่า “แล้วถ้ามุกจะปรึกษาเรื่องงานล่ะคะ เก้าจะให้มุกไปหาที่ทำงานได้ไหม คือมุกอยากทำสระว่ายน้ำที่บ้านน่ะ”
“ถ้าคุยเรื่องงาน เดี๋ยวผมจะให้เบอร์โทรติดต่อลูกน้องของผมอีกทีละกัน” พิสุทธิ์ทำเหมือนไม่อยากคุยงานกับเธอ
“ไม่ค่ะ! มุกอยากคุยงานกับเก้าคนเดียว ถ้าไม่ให้มุกไปหาที่บริษัท เก้ามาหามุกที่บ้านได้ไหม มาดูพื้นที่ว่ามุกสามารถทำสระว่ายน้ำตรงไหนได้บ้าง” มุกดายิ้มมุมปากใส่โทรศัพท์ เมื่อคิดหาข้ออ้างเพื่อได้เจออดีตสามี
“วันนี้ผมไม่ว่าง เดี๋ยวผมจะให้เบอร์ที่บริษัท คุณโทรไปเบอร์นี้ก็แล้วกัน” พิสุทธิ์ถอนหายใจแรง ๆ ทำเสียงขึ้นจมูกใส่คนในสาย และเมื่อบอกหมายเลขของพนักงานบริษัทแล้วเขาก็ปิดโทรศัพท์อีกต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้เธอโทรมากวนใจเขาอีก…
‘ตืดด!! ตืดดด!!! หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
“อ้าว เมื่อกี้นี้สายไม่ว่าง แล้วนี่ทำไมพี่เก้าถึงปิดเครื่องเสียล่ะ” พัชชาเอาโทรศัพท์ออกจากข้างหู เธอทำหน้างุนงงดวงตาที่เหลือบมองยัยหนูที่นั่งเล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ ก็มองไอโฟนในมืออย่างสงสัย
“คุณแม่ขา คุณพ่อไม่รับสายเหรอคะ” หนูน้อยพิชญาถามแม่ทั้งที่ยังวุ่นเล่นของเล่น
“สงสัยแบตเตอรี่โทรศัพท์คุณพ่อหมดมั้งคะ” พัชชาลองกดหมายเลขโทรศัพท์ของสามีอีกรอบ แต่ก็มีคำตอบเหมือนเดิมว่า ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
“คุณพ่อไม่รับสาย แล้วตอนเที่ยงคุณพ่อจะไปกินข้าวที่ไหนคะคุณแม่” หนูน้อยพิชญาวางของเล่นแล้วคลานเข้าไปนั่งข้างแม่
“เราเอาข้าวไปให้คุณพ่อดีไหมคะ” พัชชาถามลูกสาวแล้วถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกว่าเธอบกพร่องหน้าที่ภรรยา มัวแต่ทำนั่นทำนี่จนลืมสนใจข้าวของสำคัญของสามี
“ไปค่ะ ลูกพีชจะเอาข้าวไปให้คุณพ่อที่ทำงาน แล้วจะไปหาลุงโชคกับลุงเอกด้วยค่ะ” เด็กน้อยพยักหน้า
“งั้นเราทำอาหารเที่ยงเพิ่มอีกสองกล่อง เอาไปให้ลุงโชคกับลุงเอกด้วยดีไหมคะ” ยัยหนูตื่นเต้นดีใจ ทำให้พัชชายิ้มชิดพวงแก้มย้วยของแก
“ดีค่ะ ลูกพีชจะทำแซนด์วิชทูน่าไปฝากคุณลุงลิซ่าด้วยค่ะ” เมื่อตกลงกันแล้ว พัชชาก็พาลูกสาวเข้าครัวทำอาหารง่าย ๆ หลายอย่างเพื่อเอาไปแจกพนักงานในบริษัท
พัชชาใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะทำอาหารและต้องอาบน้ำแต่งตัวก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า และเธอใช้เวลาขับรถพาลูกออกจากบ้านมาถึงที่บริษัทก็สิบเอ็ดโมงครึ่ง
“เย่ ๆ ถึงแล้ว คุณแม่ขาลูกพีชไม่ได้นอนหลับในรถ ลูกพีชเก่งไหมคะ” เมื่อแม่จอดรถตรงหน้าบริษัท หนูน้อยพิชญาก็ร้องไชโยด้วยความดีใจ
“อย่ามาร้องงอแงกับแม่อยากนอนหลับทีหลังนะ” ก่อนที่คุณแม่จะอุ้มท้องโตลงจากรถ เธอได้เหลือบตามองและส่งยิ้มให้ยัยหนูผ่านกระจกรถมองหลัง
“ลูกพีชจะไม่ร้องไห้งอแงคุณแม่ค่ะ” เมื่อคุณแม่อุ้มลงจากรถ หนูน้อยพิชญารักสวยรักงามหมุนตัวไปมาเพื่อให้แม่ดูว่าเจ้าหนูน้อยสวยไหม
“ค่ะ เจ้าหญิงของแม่เก่งอยู่แล้ว” ความน่ารักและไม่เคยดื้อเชื่อฟังเธอตลอดทำให้คุณแม่ยื่นมือไปจับปลายจมูกเล็กโยกไปมาหยอกล้อลูกเล่น
“คุณแม่ขา ลูกพีชช่วยถือค่ะ” หนูน้อยพิชญาเดินตามไปยืนมองแม่กำลังเอาห่ออาหารหลายอย่างใส่ในตะกร้าปิกนิก
“อุ้มเจ้าแมวเน่าก็แล้วกันค่ะ” พัชชาบอกยัยหนู พร้อมทั้งยื่นมือข้างที่ว่างให้ลูกจับ แล้วเธอก็จูงมือลูกเดินตรงไปยังทางเข้าบริษัท
“คุณพ่อขา ลูกพีชมาหาค่ะ” เมื่อแม่พาเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นสอง เด็กน้อยพิชญาก็ปล่อยมือแม่แล้ววิ่งกระโดดกระต่ายสามขาตรงไปยังห้องทำงานของคุณพ่อ
“ลูกพีชอย่าวิ่งค่ะเดี๋ยวหกล้ม” พัชชาเดินอุ้ยอ้ายไม่ทันลูกที่วิ่งไปไกลแล้ว มือหนึ่งอุ้มท้องอีกมือถือของพะรุงพะรังสาวเท้าตามยัยหนู ปากก็ร้องห้ามแก เธอได้ยินยัยหนูวิ่งไปปากก็เรียกหาพ่อไป
“นี่หนู ทำไมซนแบบนี้คะ แล้วนี่พ่อแม่หนูไปไหนทำไมปล่อยให้หนูขึ้นมาวิ่งเล่นข้างบนนี้ล่ะ” พนักงานหน้าห้องรีบออกจากโต๊ะทำงานเดินออกมายืนขวางทางหนูน้อยพิชญา
“ลูกพีชจะไปหาคุณพ่อค่ะ” พิชญาบอกพร้อมทั้งมองประตูห้องทำงานของคุณพ่อ
“ลงไปข้างล่างได้แล้ว ละ...” พนักงานหน้าห้องไม่ทันได้พูดเสียงดุจบประโยคว่า ‘แล้วข้างบนนี้ก็ไม่มีพ่อแม่ของหนูหรอก ไป๊ ลงไปเล่นข้างล่างโน่น’ หล่อนก็ต้องหยุดและหันไปมอง
“ลูกพีช รอแม่ด้วย” พัชชาวิ่งตามยัยหนูจนเหนื่อยหายใจหายคอแทบไม่ทัน เธอไม่ได้สนใจพนักงานหน้าห้องของสามี เพราะจุดสนใจของเธอคือลูกสาว
“คุณแม่ขา” หนูน้อยพิชญาเมื่อเห็นแม่ก็เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ มือข้างที่ไม่ได้อุ้มเจ้าแมวเน่ายกขึ้นจับมือของแม่ไว้
“คุณเป็นแม่ของเด็กคนนี้เหรอคะ” พนักงานถามพัชชาเสียงไม่พอใจ
“ใช่ค่ะ” ก่อนที่พัชชาจะตอบพนักงาน เธอก็ก้มมองยัยหนูที่แหงนหน้ามองสบตากันอยู่แล้ว
“คุณเป็นแม่แบบไหนทำไมปล่อยให้ลูกมาวิ่งซนแบบนี้คะ รู้ไหมที่นี่ไม่ใช่สนามวิ่งเล่นสำหรับเด็กนะ...”
“เอ่อ ฉัน...” พัชชาพูดไม่ออกเมื่อโดนพนักงานหน้าห้องของสามีตำหนิอย่างแรง
“แล้วนี่คุณขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง ข้างบนนี้เป็นเขตหวงห้ามนะ ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบริษัท คุณก็ขึ้นมาไม่ได้” พนักงานถาม
“คือฉันมาหาพี่เก้าค่ะ พี่เก้าอยู่ไหมคะ” พัชชาตอบพนักงาน
“มาหาคุณพิสุทธิ์เหรอ แล้วคุณได้โทรนัดไว้หรือเปล่าล่ะ” หล่อนถามอีก
“ไม่ได้โทรค่ะ” พัชชาก็บอกอีก
“การที่คุณจะมาพบคุณพิสุทธิ์คุณต้องโทรนัดไว้ก่อนนะ” พนักงานตำหนิคนท้องด้วยคำพูดและสายตา ซึ่งหล่อนมองคนท้องตั้งแต่เท้าจนถึงใบหน้า
“ค่ะ” พัชชาทำเพียงแค่พยักหน้า ถึงเธอจะไม่พอใจท่าทีไม่ดีของพนักงานที่แสดงกิริยาไม่ดีต่อเธอ แต่เธอก็ไม่อยากโทษหล่อน เพราะเธอรู้ว่านี่คงจะเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานเลยไม่รู้ว่าเธอกับลูกเป็นอะไรกับเจ้านายของหล่อน
“ไปนั่งรออยู่ตรงโน้น เดี๋ยวฉันจะโทรถามคุณพิสุทธิ์ก่อน ว่าจะมีเวลาให้คุณเข้าพบไหม” เมื่อเห็นสองแม่ลูกทำตามไปนั่งตรงมุมห้องรับแขกแล้ว พนักงานสาวก็เดินกลับไปนั่งทำงานต่อ
“หนูนา น้องลูกพีช” เสียงเอะอะดังจนลิซ่าที่เดินผ่านมาได้ยิน เขาก็เลยเข้าไปดู และได้เห็นพนักงานคนใหม่ทำกิริยาไม่ดีกับลูกเมียของเจ้านาย
“คุณลุงลิซ่าขา” หนูน้อยพิชญากระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งเข้าไปหาลิซ่า ซึ่งเขาก็ย่อตัวนั่งยอง ๆ แล้วอุ้มเด็กน้อยเดินไปหาแม่ของแก
“สวัสดีค่ะพี่ลิซ่า” พัชชายกมือไหว้ลูกน้องของสามี ซึ่งลิซ่ายังคงแต่งตัวเป็นผู้ชาย และเขายังบอกให้ยัยหนูเรียกเขาว่าลุงอีก
“ทำไมไม่เข้าไปหาคุณเก้าล่ะครับ” ลิซ่าถาม แต่เมื่อหันหลังไปมองพนักงานสาว เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสองแม่ลูกนี้ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้
“พี่คนนั้นไม่ให้คุณแม่กับลูกพีชเข้าไปหาคุณพ่อค่ะ” หนูน้อยพิชญาบอกลุงลิซ่า
“เด็กใหม่น่ะ เพิ่งเข้ามาทำงานไม่ถึงอาทิตย์ เธอเลยไม่รู้ว่าหนูนาเป็นใคร” ลิซ่ากวักมือเรียกพนักงานคนใหม่ให้มาหา
“พี่ลิซ่ามีอะไรเหรอคะ” พนักงานฝึกงานถามลิซ่า
“ถ้าเธออยากทำงานที่นี่ก็รู้จักคุณพัชชาภรรยาของคุณเก้าไว้สิ” ลิซ่าแนะนำให้พนักงานรู้จักภรรยาและลูกสาวของเจ้านาย
“ภรรยาของคุณพิสุทธิ์” เมื่อได้รู้ความจริง หญิงสาวนักศึกษาฝึกงานก็แทบจะไม่มีแรงยืน หน้าของหล่อนซีดเหลือง ดวงตาก็ไหวระริกอยากจะร้องไห้เหลือเกินในตอนนี้
“ใช่ นี่ก็ลูกสาวของคุณเก้า” ลิซ่าย้ำคำเดิม
“พี่ลิซ่าหนูขอโทษ หนูไม่รู้ว่าคุณเค้าเป็นภรรยาของคุณพิสุทธิ์” พนักงานยืนก้มหน้า ไม่กล้ามองหน้าพัชชา แม้แต่หน้าของหนูน้อยพิชญาหล่อนก็ไม่กล้ามอง
“คนที่เธอจะขอโทษคือคุณพัชชาไม่ใช่ฉัน” ลิซ่าดุลูกน้อง
“คุณคะ ฉันขอโทษนะที่ทำกิริยาไม่ดีกับคุณ” พนักงานสาวยกมือไหว้พัชชา พร้อมทั้งย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของเด็กน้อยพิชญา ซึ่งหล่อนก็พูดขอโทษเด็กน้อยพิชญาเช่นกัน
“พอแล้วอย่าไหว้ฉันบ่อยนัก ฉันไม่ได้โกรธเธอหรอก” พัชชาบอกให้พนักงานลุกขึ้น ซึ่งเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรหล่อนมากมาย
“คุณคะ คุณอย่าไล่ฉันออกนะคะ” พนักงานสาวพูดเสียงเหมือนจะร้องไห้
“ไปทำงานของเธอได้แล้ว” ลิซ่าบอกพนักงานแล้วลิซ่าก็จูงมือหนูน้อยพิชญาเดินนำหน้าพัชชาตรงไปห้องทำงานของพิสุทธิ์
“ขอบคุณพี่ลิซ่ามากค่ะ นี่หนูทำมาฝากค่ะ” เมื่อประตูห้องเปิด แต่พัชชาไม่ยอมเข้าไป เธอปล่อยให้ลูกเข้าไปในห้องทำงานของสามีคนเดียว ส่วนเธอยังยืนคุยกับพี่ลิซ่า
“ลาภปากอีกแล้ววันนี้” ลิซ่าทำท่าทางดีใจเมื่อเห็นกล่องอาหาร ซึ่งข้างในมีแซนด์วิชทูน่าหน้าตาน่ากินมาก
“หนูฝากพี่ลิซ่าเอาไปฝากพี่ ๆ น้อง ๆ พนักงานด้วยนะคะ” พัชชาบอกลิซ่าว่า เธอทำมาให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ยามและแม่บ้านทำความสะอาดบริษัท
“นี่เธอมานี่สิ” ลิซ่าเรียกพนักงานคนเก่าให้มาหา
“พี่ลิซ่ามีอะไรเหรอคะ” พนักงานสาวทำหน้างงนิดหน่อย เมื่อเห็นลิซ่ายื่นตะกร้าปิกนิกให้
“เอานี่ไปแจกให้พนักงานทุกคนด้วย บอกว่าคุณพัชชาทำมาฝาก” ลิซ่าบอก
“ค่ะ” พนักงานทำตาม และกำลังจะเดินออกไป หล่อนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อภรรยาของเจ้านายเรียก
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป อันนี้ของเธอนะ” พัชชาเอาห่อแซนด์วิชส่วนที่เป็นของเธอให้พนักงานสาว
“คุณคะ หนูขอบคุณมากค่ะ” พนักงานยกมือไหว้ขอบคุณพัชชาอีกครั้ง แล้วหล่อนก็รีบเดินออกไปเมื่อลิซ่ากวักมือไล่ให้รีบเอาของไปแจกพนักงานทุกคน
“นี่ใกล้เที่ยงละ พี่ว่าหนูนาเข้าไปหาคุณเก้าเถอะ” เมื่อพนักงานหน้าห้องเดินลงไปชั้นล่างแล้ว ลิซ่าก็หันมาคุยกับพัชชา
“พี่ลิซ่าก็อย่าลืมกินข้าวเที่ยงด้วยนะคะ” พัชชามองนาฬิกาบนข้อแขน ใช่ใกล้เที่ยงแล้ว เธอจึงบอกให้พี่ลิซ่าลงไปกินข้าวเที่ยงเช่นกัน
“พี่ขอบใจหนูนาอีกครั้งนะครับ” ลิซ่าเปิดกล่องอาหาร ยกขึ้นดมเล็กน้อย แล้วเขาก็หยิบแซนด์วิชในกล่องขึ้นมากินคำหนึ่ง
“หนูเข้าไปหาพี่เก้าก่อนนะพี่” พัชชายิ้มดีใจเมื่อพี่ลิซ่าชมว่าแซนด์วิชที่เธอทำอร่อย
“เชิญครับ” และก่อนที่หญิงสาวแต่แต่งตัวเป็นทอมบอยจะเดินออกจากตรงนั้น เขาก็ช่วยเปิดประตูให้คนท้องอีกครั้ง…