“คุณ...” พัทธิราได้ยินเสียงเปิดประตูก็เดินมาหาอย่างดีใจ เธออยากรู้ว่าแมวของเธอจะมาถึงตอนไหน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อคนที่เดินเข้ามาในห้อง ไม่ใช่คนที่เธอเอ่ยปากขอความเห็นใจ
“อาหารเย็นครับ” แดนวางถาดอาหารกับเครื่องดื่มลงบนโต๊ะเสร็จแล้ว แต่ยังไม่เดินออกไป เขารอให้เธอถามคำถามเขาอยู่
“ขอบคุณค่ะ... คุณพอจะรู้ไหมคะว่าแมวฉันจะมาถึงที่นี่ตอนไหน”
“ไม่ทราบครับ ผมจะไปถามนายให้นะครับ”
“เดี๋ยวค่ะคุณ! คุณชื่ออะไรคะ”
“ผมชื่อแดนครับ”
“คุณแดนคะ... ฉันอยากดูทีวีค่ะ ฉันไม่มีอะไรทำ แต่ฉันลองต่อสายที่มีอยู่แล้ว ทีวีก็ยังไม่ติดค่ะ รบกวนคุณช่วยทำให้มันดูได้ให้หน่อยได้ไหมคะ”
“เดี๋ยวผมไปถามนายให้นะครับ”
“แค่จะดูทีวียังต้องขออนุญาตก่อนด้วยเหรอคะ?” พัทธิราไม่คาดคิดเลยว่า ชีวิตเธอจะเหมือนนักโทษขนาดนี้ นี่ถ้าจะกระพริบตา ต้องบอกเขาก่อนหรือเปล่า
“ใช่! เธอจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตฉันก่อน ถ้าฉันไม่ได้สั่ง...”
“ฉันดูทีวีได้ไหมคะ” พัทธิราพูดแทรกขึ้นมา เหมือนที่เขาอยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
“ไม่ได้”
“แล้วแมวฉันจะมาถึงที่นี่ตอนไหนคะ”
“ไม่รู้สิ ข่วนลูกน้องฉันจนเลือดออกเต็มแขน ถูกปล่อยทิ้งในป่าข้างทางแล้วมั้ง”
“ไม่นะคะ อย่าทำแบบนั้น คุณอย่าให้ลูกน้องคุณทิ้งแมวฉันนะคะ แมวฉันแค่ไม่คุ้นกับคนอื่น อย่าทิ้งแมวฉันนะคะ” เธอเดินไปบอกเขาด้วยความร้อนรน คำพูดของเขาศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าน้ำมนต์จากสวรรค์ชั้นเจ็ด ต่อให้ลูกน้องเขาโดนแมวของเธอข่วนจนตาบอด แต่ถ้าเขาสั่งให้พาแมวมาถึงที่นี่ให้ได้ ลูกน้องคนนั้นก็จะต้องพาแมวมาที่นี่ก่อนจะพาตัวเองไปโรงพยาบาล
“ห่วงชีวิตตัวเองก่อนเถอะว่าจะรอดไปจากที่นี่หรือเปล่า มากินข้าว” ลูคัสเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร และใช้ปลายเท้าเขี่ยเก้าอี้ให้พัทธิรามานั่งเหมือนที่เขาทำเมื่อตอนบ่ายเป๊ะๆ
“แดน... กูหิว” เมื่อเธอนั่งลงประจำที่ เขาก็หันบอกลูกน้อง ที่เข้าใจทันทีว่านี่คือการบอกให้ไปเอาอาหารมาเพิ่ม เขาจะนั่งทานข้าวกับเธอที่นี่ แต่สำหรับความคิดในหัวของพัทธิรานั้น เธอตลกเขาสิ้นดี หิวก็ต้องบอกลูกน้องด้วยเหรอ
“เดี๋ยวผมตักข้าวมาเพิ่มให้ครับ” เมื่อแดนตอบกลับ เธอก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ได้พูดเพื่อบอกเล่า แต่เป็นการออกคำสั่งและบอกให้รู้ว่า เขาจะกินข้าวกับเธอที่นี่ และเวลาที่ผ่านไปอย่างเงียบๆ สำหรับการทานอาหารบนโต๊ะเดียวกันของทั้งคู่นั้น ทำให้พัทธิราอึดอัดไม่น้อย แต่เธอก็พยายามทานข้าวให้เยอะที่สุด เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะถามคำถามบางอย่างกับเขา
“เมื่อคืน... เรา... มีเซ็กส์กันเหรอคะ” พัทธิราถามขณะที่เขาดื่มน้ำจนหมดแก้ว และคำถามของเธอก็ทำเอาคนฟังอย่างลูคัสเกือบจะสำลักน้ำ
“ใช่” เขารีบกลืนน้ำลงไป เพื่อตอบคำถามเธอ
“แล้ว... คุณได้ป้องกันหรือเปล่าคะ” เธอถามต่อด้วยความกังวล ในเมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ รอยแดงบนหน้าอกที่เริ่มจางลงก็เป็นหลักฐานชัดเจน แต่เขามีโรคติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า เรื่องนี้แหละที่เธอเป็นห่วง
“ไม่”
“ไม่ได้ป้องกันเลยเหรอคะ!”
“กลัวท้องเหรอ... สบายใจได้ ฉันดึงมันออกมาแตกบนตัวเธอ ไม่ใช่ในนั้น” ลูคัสมองเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ในสมองก็คิดถึงภาพที่เธอนอนบิดตัวไปมาด้วยความเสียวและหน้าอกนุ่มๆ ที่เขาบีบอย่างเมามันเมื่อคืน
“เปล่าค่ะ ไม่ได้กลัว คนอย่างคุณคงไม่ได้อยากรับผิดชอบชีวิตฉันอยู่แล้ว ฉันแค่กลัวว่าคุณจะเป็นโรคติดต่ออะไรหรือเปล่า”
“ถึงฉันจะหื่น แต่ฉันก็ไม่ได้มั่วจนทำตัวเองเดือดร้อนหรอกนะ”
“ค่ะ” พัทธิราฝืนยิ้มให้เขา เธอควรดีใจใช่ไหม ที่คู่นอนของเธอเมื่อคืน เป็นผู้ชายที่รักตัวเองมากกว่าคนอื่น เธอนั่งมองเขาที่อยู่ดีๆ ก็ลุกไปจัดการต่อสายโทรทัศน์ต่างๆ จนในที่สุดมันก็ดูได้
“คืนนี้ล็อคห้องให้ดี ถ้าไม่ใช่ฉันมาเคาะ ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด” ลูคัสเดินกลับมาบอกเธอใกล้ๆ และใช้มือลูบไล้ต้นคอของเธออย่างแผ่วเบา
“คุณ!” พัทธิราสะดุ้ง เมื่อเขาใช้แขนอีกข้างโอบเอวและดันตัวเธอเข้ามาใกล้
“คืนนี้ฉันจะมาแก้ตัวที่ทำให้ตกใจเมื่อเช้า เตรียมเสียงครางไว้ให้ดีๆ ล่ะ ฉันชอบ...” เขาโน้มหน้าลงไปพรมจูบเบาๆ ที่มุมปากของเธอ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นทักทายริมฝีปากบางที่สั่นระริกด้วยความกลัว
“ฉันยอมอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมคุณต้องทำร้ายฉันอีก” เธอไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหนเพราะความกลัว แต่ปากก็ยังถามเขาอย่างทวงคำสัญญา
“ฉันไม่ได้สัญญากับเธอเลยสักคำ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ลูคัสใช้มือลูบไล้แก้มที่ร้อนผ่าวของเธอ ตอนที่เธอยกมือไหว้ขอร้อง เขาไม่ได้ตอบตกลงที่จะไม่ทำอะไรเธอ แค่เดินออกจากห้องไปเท่านั้น
“คุณไม่ได้พูด... แต่ว่าคุณไม่ได้ปฏิเสธ”
“ซึ่งแปลว่าฉันไม่ได้ตกลงไง อย่าทำตัวให้ฉันต้องโมโหแบบเมื่อเช้า เธอจะได้รู้ว่าเมื่อคืนเธอมีความสุขแค่ไหนที่ถูกฉันดูด... และยัดไอ้นี่เข้าไปตรงนี้” เขาดันหลังและสะโพกของเธอให้แนบชิดกับหน้าอกและแก่นกายของเขา ก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระและเดินออกไปจากห้อง พัทธิราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เก็บจานอาหารใส่ถาดและนำไปวางไว้หน้าห้อง ก่อนจะล็อคประตูและย้ายโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ทุกๆ อย่างที่สามารถกีดขวางเขาได้อย่างรวดเร็ว เธอจะไม่ยอมให้เขาได้ทำอะไรตามใจแน่
ตกดึกพัทธิรายังนอนไม่หลับ แม้แต่โทรทัศน์ที่อยากดูก็ไม่อยากดูแล้ว เธอได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายเสียงดังอยู่ไกลๆ แต่ก็มีเสียงเพลงดังอยู่ตลอด กลุ่มคนแปลกหน้าสำหรับเธออาจจะกำลังปาร์ตี้กันอยู่ล่ะมั้ง และเมื่อคิดได้ดังนี้ ความกลัวก็เกิดขึ้นในจิตใจอีกครั้ง เพราะเหตุนี้หรือเปล่า เขาถึงสั่งให้เธอล็อคประตูและห้ามเปิดประตูให้ใครหากไม่ใช่เขา แต่เขาจะเป็นห่วงเป็นใยเธอทำไมล่ะ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดจะปกป้องเธอเลยสักนิด
“เปิดประตู” เธอสะดุ้งตกใจสุดขีด แค่นึกถึงเสร็จไปไม่ถึงเสี้ยววินาที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พัทธิราก้าวขาปีนป่ายสิ่งกีดขวางต่างๆ ไปส่องที่ประตู เธอเห็นเขายืนกระดกขวดเบียร์เข้าปาก ก่อนจะเรียกเธออีกครั้ง
“เปิด!” คนไม่ชอบรอนานๆ เคาะประตูและสั่งเสียงดังอีกครั้ง
“คุณ... ฉันจะนอนแล้ว มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม” เธอแกล้งทำน้ำเสียงงัวเงียสุดขีด
“จะเอาไหม? หรือจะให้เอาไปให้หมาแถวนี้มันกัดเล่น” ลูคัสก้มลงไปหยิบกรงแมวมาถือ ตามองไปยังช่องมองที่ประตู เพราะรู้ว่าเธอมองอยู่แน่ๆ และเมื่อพัทธิราเห็นว่าสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของเธอมาถึงแล้ว เธอก็เลื่อนสิ่งกีดขวางต่างๆ ออกจากประตูอย่งารวดเร็ว
“เหมียววววววววววววววว” ทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของ แมวในกรงก็ร้องออกมาทักทายเหมือนคิดถึงเจ้าของมาก จนคนถือกรงอย่างลูคัสก้มลงไปมองด้วยความไม่เข้าใจ เขารู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ความจงรักภักดีน้อยกว่าสุนัข นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ชอบแมว เพราะมันไม่เชื่อฟัง และไม่รู้จักบุญคุณ
“ไก่กุ๊กกกกกกกกกกกกก” พัทธิราเดินไปแย่งกรงจากเขา และเดินเข้าห้องอย่างรวดเร็ว เธอวางกรงลงบนพื้น เตรียมจะปล่อยให้เจ้าแมวเดินออกมา แต่ก็หันไปบอกลูคัสก่อน
“ปิดประตูด้วยค่ะ เดี๋ยวมันตกใจแล้วจะวิ่งหนีไป” เธอมองจนเขาปิดประตูเรียบร้อยก็เปิดกรง เมื่อมันเป็นอิสระก็ออกมานอนกลิ้งที่ขาของพัทธิรา ก่อนจะเดินมานั่งบนตักของเธอด้วยความคิดถึง
“คิดถึงแม่เหรอคะ แม่ก็คิดถึงหนู หิวไหมคะ พี่ๆ เค้าเอาอะไรให้หนูทานหรือยัง” เธอลูบหัวแมวน้อยอย่างทะนุถนอม ก่อนจะอุ้มมันมากอดไว้เหมือนเป็นเด็กทารก
“ขอบคุณนะคะที่พาไก่กุ๊กมาหาฉัน ขอบคุณมากๆ ค่ะ” เธอเดินมาบอกลูคัสที่กำลังยืนมองสถานการณ์ที่เขาไม่คุ้นชินมาก่อน โทนเสียงที่เธอใช้คุยกับแมวนั้นอยู่ในโทนเสียงที่เรียกว่าดัดจริตได้เหมือนกันนะ
“ขอบคุณคุณพี่เค้าสิไก่กุ๊ก พี่เค้าพามาหาแม่นะ” เธอยื่นอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยก้อนขนปุกปุยให้เข้าใกล้ลูคัส แต่เขาก็ถอยหลังเดินหนี แล้วเดินไปลากเก้าอี้มานั่งกระดกเบียร์ในขวดต่อ
“นายครับ ให้ผมเอาของเข้าไปเลยไหมครับ” เสียงดังจากด้านนอก ทำให้พัทธิรายิ้มออกมาอีกครั้ง อยากเทอาหารให้แมวของเธอกินจะแย่อยู่แล้ว
“เอาเข้ามา” ลูคัสตอบและมองไปรอบๆ ห้อง ข้าวของกระจัดกระจาย อยู่ไม่ถูกที่ แต่วางอยู่ใกล้ๆ ประตู เขาหัวเราะออกมาเบาๆ คงจะกลัวเขามากสินะ ถึงต้องทำขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ได้แมวตัวนี้มาเป็นตัวต่อรอง สงสัยเขาได้ยืนเคาะประตูจนถึงเช้าแน่ๆ
“ให้วางไว้ตรงไหนครับ” ลูกน้องหันถามผู้เป็นเจ้านาย แต่เขาไม่ตอบอะไร นอกจากหันไปมองพัทธิรา
“วางไว้ตรงมุมห้องนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจัดเอง” เธอปล่อยแมวจากอ้อมกอด และเหมือนเจ้าแมวจะฉลาดและเข้าใจคำว่าอยู่เป็น มันวิ่งไปนั่งบนตักของลูคัส ที่ตกใจจนเกือบจะตกเก้าอี้
“เอามันลงไป...” เขาสั่งพัทธิรา แต่ตามองสิ่งมีชีวิตตัวขาวๆ อ้วนๆ ที่เงยหน้ามามองเขา ก่อนจะร้องเหมียวววว
“มันพูดว่าอะไร” ลูคัสเงยหน้าไปถามเธอด้วยความไม่เข้าใจ สายตาของมันไม่ได้ดุร้าย แต่เขาก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี
“ฮ่าๆ มันบอกว่า ขอนั่งด้วยค่ะ” พัทธิราตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วฉันต้องทำไง”
“ก็นั่งต่อไปค่ะ”
“ไม่!” เขาลุกจากเก้าอี้จนแมวของเธอหล่นหลงพื้น แล้วเดินไปนั่งบนเตียง
“จะตามมาทำไมวะ” ลูคัสลุกหนีเจ้าแมวที่เขานั่งเพียงไม่ถึงห้าวินาที ก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตักเขาอีก และครั้งนี้เขารำคาญจนใช้เท้าเขี่ยมันไปให้พ้นๆ ด้วย
“ไก่กุ๊ก... นั่งเฉยๆ ก่อน อย่าทำให้พี่เค้าโมโห” พัทธิราเข้าไปอุ้มแมวใส่กรง และวางไว้ที่มุมห้อง เธอเกือบลืมไปว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะรักและชอบแมวเหมือนเธอ
“ขอโทษแทนไก่กุ๊กด้วยนะคะ มันมีนิสัยชอบอ้อนเฉยๆ มันไม่ได้คิดว่าคุณจะรำคาญค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาเพื่อแสดงความรู้สึกผิด นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เธอต้องขอโทษเขาด้วยความนอบน้อมแบบนี้ แต่เพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอด เธอไม่มองว่ามันเป็นการเสียศักดิ์ศรีหรอก
“หมดหรือยัง” ลูคัสมองหน้าเธอนิ่งๆ ก่อนจะหันไปถามลูกน้อง ที่วางลังใบใหญ่ลงบนพื้น
“หมดแล้วครับนาย”
“ล็อคประตูด้วย” คำสั่งของเขาทำเอาพัทธิราขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เธอทำเป็นนิ่งสยบความเคลื่อนไหว จะอยู่ในห้องนี้ก็อยู่ไปสิ แต่ถ้าจะทำอะไรมากกว่านั้น เธอขอสู้สุดชีวิต
“แพท” เมื่อทั้งห้องมีเขาและเธอ ลูคัสก็เดินไปนั่งพิงหัวเตียง
“คะ...” เธอหลุดปากตอบไป ทั้งๆ ที่สมองสั่งการว่าอย่าพูด แต่เพราะตกใจที่เขาเรียกชื่อของเธอ เหมือนที่คนอื่นๆ เรียก
“นวดขาให้หน่อย” เขาดื่มเบียร์จนหมดขวด และใช้สองมือตีหน้าตักตัวเอง ก่อนจะหยิบปืนที่เหน็บอยู่ที่สะโพกมาวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ เพียงแค่เธอเห็นปืน ร่างบางก็เดินมานั่งข้างๆ และยื่นแขนมาบีบขาเขาอย่างว่าง่าย
“ถะ... ถอดทำไมคะ!” เธอเห็นเขาถอดเสื้อก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ แอร์ก็เย็นจะตายไป
“ร้อน” ลูคัสยักคิ้วตอบเธอ แล้วโยนเสื้อลงพื้นไปแบบคนไม่มีระเบียบ เขาเห็นเธอแอบมองท่อนบนของเขาที่ไร้สิ่งบดบัง ก่อนจะทำเป็นมองไปรอบๆ ห้อง
“นวดตรงนี้... เมื่อย” เขาชี้ไปที่ต้นขา เพราะเธอเอาแต่นวดหน้าแข้งเขาอยู่นั่นแหละ
“ไม่นวดได้ไหมคะ” พัทธิราถามกลับ
“งั้นก็นวดตรงนี้” ลูคัสปลดเข็มขัดกางเกง รูดซิบ และถอดกางเกงยีนส์ของตัวเองออก เหลือไว้เพียงกางเกงบ็อกเซอร์เท่านั้น
“นวดสิ” เขาจับมือเธอวางไว้บนแก่นกายของเขา และแม้ว่าเธอจะดึงมือออก แต่เขาก็จับมันมาวางที่เดิม และทำให้เธอดูว่าเธอควรทำอย่างไร เขาจับมือพัทธิราลูบขึ้น ลูบลง ที่แก่นกายของเขา จนมันขยายใหญ่แทบจะทะลุออกมาจากเนื้อผ้า
“นวดอีก...” ลูคัสเพลิดเพลินกับสัมผัสนี้ และเมื่อแน่ใจว่าเธอจะไม่ดึงมือกลับไป เขาก็ยกสองแขนไว้เหนือหัว และมองเธอที่พยายามมองไปทางอื่นอีกครั้ง
“หันหน้ามามองฉัน”
“...ค่ะ”
“มานั่งบนนี้” เขามองไปที่ต้นขาของเขา เพื่อบอกตำแหน่งที่เธอควรวางก้นสวยๆ ที่เขาติดใจเมื่อคืนเอาไว้
“ชักช้า!” ลูคัสเบื่อกับท่าทีอ้อยอิ่งและลีลาของเธอ จนต้องขยับตัวเธอมานั่งคร่อมเขาเอาไว้ เขาปัดผมยาวๆ ของเธอไปด้านหลัง ก่อนจะจับยางมัดผมที่อยู่บนข้อมือของเธอไปรวบผมไว้ จนสามารถเห็นต้นคอสวยๆ ได้อย่างชัดเจน เขาสำรวจรอยแดงช้ำจาการขบกัดเมื่อคืน ไม่มีแล้วร่องรอยที่เขาแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ เขาเงยหน้ามองเธอ ก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ และหอมเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ
“คุณ... อย่า...”
“อย่าห้ามฉัน! ไม่อย่างนั้นเธอได้เห็นแมวเธอเป็นวันสุดท้าย” เขาวางนิ้วชี้ลงบนปากของเธอก่อนที่จะเธอจะพูดจบ และแหย่นิ้วเข้าไปในริมฝีปากสวย
“ดูดสิ” เขาสั่งให้เธอทำในสิ่งที่เขาต้องการ ผู้หญิงคนนี้มีสิ่งที่รักมากกว่าตัวเอง และเขาก็นำมันมาใช้เป็นตัวต่อรอง
“ดี...” เขามองตาเธอที่มองเขาด้วยไม่พอใจ แต่สำหรับเขา ปากดีที่ทั้งอม ทั้งดูดมือเขา และสายตาที่มองมานั้นมันช่วงยั่วยวนเขาเหลือเกิน สิ้นความคิด ลูคัสก็ดึงนิ้วออกและใช้ลิ้นชื้นของตัวเองสอดแทรกเข้าไปแทน เขาจูบเธออย่างใจเย็น สองมือกอบกุมท้ายทอยของเธอเอาไว้ ในเมื่อเขาให้เธอฝึกจูบกับนิ้วมือแล้ว เธอก็ต้องจูบเขาได้อย่างไม่ติดขัด และมันก็เป็นผล ลิ้นของเธอสลับสับเปลี่ยน วนเวียนพลวันกับลิ้นของเขา แต่สายตาของเธอนั้นไม่ได้เคลิบเคลิ้มเลยสักนิด เขาลองปล่อยมือจากท้ายทอย เธอก็หยุดจูบเขา และมันทำให้เขารู้ว่า เธอทำทุกอย่างเพราะมีเขาคอยควบคุม
ลูคัสใช้วิธีเด้งสะโพกขึ้นลง เพื่อให้แก่นกายของเขาได้ทักทายกึ่งกลางหว่างขา ตรงจุดที่เธอนั่งคร่อมอยู่อย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอ สายตาของเขาจ้องมองเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“อาห์...” เขาแกล้งครางออกมา ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ มือเขาปล่อยออกจากท้ายทอยและลูบไล้ไปตามสองแขน และเอวบาง ก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อ พัทธิราจับมือเขาห้ามเอาไว้ แต่ลูคัสก็รวบมือเธอให้ยกสูง และถอดเสื้อเธอออกจนเหลือเพียงบราเซียสีเนื้อเนียนเรียบไปกับผิว เขาถอนจูบ และใช้ปลายลิ้นเลียปากตัวเอง ลืมตามองเธอด้วยความเสน่หา ตอนนี้สายตาของเธอเปลี่ยนไปแล้ว มันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากลอง และหลงใหลในสิ่งที่เขาทำ
“อย่าค่ะ” พัทธิราเอนตัวไปด้านหลัง เมื่อเขาใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเสื้อชั้นในของเธอออก จนเผยให้เห็นปลายยอดถัน
“เธอนั่นแหละอย่า... อย่าดิ้น... อยู่เฉยๆ” ลูคัสพูดจบก็หอมแก้มเธอเบาๆ เขารู้จักผู้หญิงมามาก สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกอบอุ่นใจ รองลงมาจากการกอดก็คือการหอมแก้ม และก็เป็นอีกครั้งที่ทฤษฎีของเขาได้ผล พัทธิราอยู่นิ่งๆ ให้เขาได้ลองลิ้ม ชิมรสหน้าอกสวยๆ อีกครั้ง เขาทั้งดูด ทั้งเลียยอดอกทั้งสองข้าง ก่อนจะปลดตะขอเสื้อชั้นในและโยนมันทิ้งลงพื้น เมื่อความเกะกะหายไป อกใหญ่ก็เด่นให้เห็นเต็มสองตา
“อย่าปิดสิ... นมเธอสวยมาก สวยจนฉันอยากกินทั้งคืน” เขาจับมือเล็กที่พยายามจะปิดสองเต้าไว้ออก
“อาห์!” พัทธิราสะดุ้ง เมื่อเขาใช้ฟันกัดที่ยอดอกของเธอเบาๆ
“เสียวก็ร้องออกมา...” ลูคัสพูดจบก็ปลุกอารมณ์เธอให้ลุกโชนอีกครั้ง แต่เขาไม่ขบกัดยอดถันนั้นแล้ว เพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บ เขาตวัดลิ้นเลียอย่างทะนุถนอม จนคนที่นั่งคร่อมเขาอยู่ตอนนี้เสียวได้ที่ จากมือที่วางไว้อย่างเกะกะ ก็วางไว้บนหลังของเขา
“ดีมากคนเก่ง... โยกตัวตามฉันสิ” ลูคัสพอใจมากที่เธอเดินตามเกมส์ของเขา เธอจะไม่มีสิทธิ์ว่าเขาล่วงเกินเธออีกไป เพราะเธอยินยอมให้เขาแต่โดยดี
“ดี” เขามองหน้าอกที่เด้งขึ้นลงอย่างชื่นชม มันสวยงามจนเขาละสายตามองไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาต้องอดใจเอาไว้ เขาอุ้มเธอลงมานอน ก่อนจะถอดกางเกงเธอออกจากเรียวขาสวย จนตอนนี้ร่างกายของเธอเปลือยเปล่า ไม่มีอะไรปิดบังเสียแล้ว
“ถอดของฉันออกสิ” เขาบอกเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“...ค่ะ” พัทธิราถอดบ็อกเซอร์ของเขาออก เขาไร้อาภรณ์บดบังร่างกายไม่ต่างจากเธอ และเรือนร่างของเขาก็ทำให้เธอสติหลุดอย่างกู่ไม่กลับ เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อได้เห็นเขาใกล้ๆ เขาเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากแมกกาซีน กล้ามแขนของเขาล่ำสัน หน้าท้องมีลอนกล้ามเนื้อสวยไร้ไขมัน
“อยากรู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันทำอะไรเธอบ้าง” ลูคัสเห็นเธอมองก็อดภูมิใจในตัวเองไม่ได้ นี่แหละสายตาที่เขาอยากเห็น สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
“ไม่ค่ะ” เธอหันหน้าหนีไปทางอื่น คิดตำหนิตัวเองในใจที่เผลอไผลอ่อนไหวกับความต้องการของร่างกาย
“อยากรู้หน่อยสิ...” เขาทำตาออดอ้อน และจับขาเรียวทั้งสองข้างแยกออกจากกัน
“ไม่ค่ะ”
“อยากรู้ไหม ฉันให้โอกาสเธอตอบใหม่...” ลูคัสอยากได้ยินคำตอบที่ถูกใจ จึงใช้ปลายหัวของลำกายใหญ่ ลากขึ้นลงจนทั่วทั้งกลีบแสนสวยที่มีน้ำหล่อลื่นไหลออกมาต้อนรับเขา
“แพท...” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบ เขาเองก็ยิ่งทรมาน พัทธิรามองหน้าเหยกาและฟันสวยที่กัดปากของตัวเองของลูคัสก็รู้ว่าจริงๆ แล้ว ตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างจากเขาเลยสักนิด เธออยากยอมรับว่ากำลังเสียว แต่เสียงครางที่เปล่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ก็ทำให้เธอต้องยอมรับความจริง
“ตอบฉันสิว่าเธออยากรู้ ตอบฉัน” ลูคัสถามด้วยเสียงที่ดังขึ้น เขาพาปลายหัวสีแดงระเรื่อไปจ่ออยู่ที่ปากทางรักอับคับแคบ และออกแรงกระทกเล็กน้อย
“อยากค่ะ...” พัทธิราสุดจะทนกับความรู้สึกนี้ พูดจบเธอก็หลับตาลง สองมือกำผ้าปูที่นอนเอาไว้ เพื่อระบายความรู้สึกที่ปะปนกันไปหมด มันทั้งเสียว ทั้งเจ็บ แต่มันก็รู้สึกดียิ่งกว่าความรู้สึกไหนๆ ที่เธอเคยสัมผัส เสียงดังแจ๊ะๆ ของน้ำรักจากร่างกายของเธอที่ออกมาช่วยให้เขาพาลำกายเข้าไปได้ง่ายขึ้นนั้น ชวนฟังยิ่งกว่าเพลงรักทุกเพลงที่เคยฟัง และเมื่อเขาพาแก่นกายเข้าไปได้จนสุด ลูคัสก็ออกแรงดึงมันเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากจังหวะช้าๆ ให้เธอได้ปรับตัว ก็เปลี่ยนเป็นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงดังตับๆ ไปทั่วทั้งห้อง เขาก้มลงดูดยอดอกของพัทธิราด้วยความหื่นกระหาย เมื่อดื่มนมจนพอใจ เขาก็จูบเธออย่างเร่าร้อนและเธอก็ตอบสนองเขาเป็นอย่างดี ร่างกายทุกส่วนของทั้งคู่ เคลื่อนไหวไปพร้อมๆ กันอย่างรู้ใจ โดยเฉพาะจุดที่เชื่อมต่อคนทั้งสองให้เป็นคนๆ เดียวกัน โพรงสวาทของเธอตอดรัดเขาเอาไว้ เหมือนไม่อยากให้ลำกายของเขาหลุดหายไปไหน
“สุดยอด...” ลูคัสกล่าวคำชมอย่างจริงใจ ในเมื่อมันดีต่อใจและกายของเขาขนาดนี้ เขาก็ต้องให้รางวัลเธอสักหน่อย
“คุณ... ฉัน...” ความเสียวซ่านที่มีตอนนี้ ไม่ต้องอธิบายให้มากความก็รู้ว่าเธอนั้นใกล้จะถึงฝั่งฝันมากแค่ไหน แต่เธออายเกินกว่าที่เอ่ยปากบอกไปตรงๆ แต่สำหรับเขา หากเธอไม่พูดอะไร ทุกอย่างก็อธิบายไว้ผ่านทางสายตาและร่างกายของเธอแทบจะทุกส่วน เขาออกแรงชักลำกายเข้าออกให้แรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ
“เสียวไหม ตอบฉัน!” เขาผ่อนแรงให้ช้าลง จนเกือบจะหยุดนิ่ง และมันทำให้พัทธิราหายใจไม่ทั่วท้อง
“เสียวค่ะ..” เธอตอบและใช้สองมือบีบคลึงที่ก้นของเขาอย่างหาที่ระบาย ได้โปรดเอามันเข้ามาอีกได้ไหม ได้โปรดเถอะ เอาแก่นกายของเขาเข้ามาทำให้เธอหายทรมานสักที
“เธอจะอยู่ที่นี่อย่างเต็มใจใช่ไหม” ลูคัสจ่อลำกายเข้าไปไม่กี่เซนติเมตร เขาจะไม่ทำตามที่เธอต้องการแน่ หากเธอไม่ให้คำมั่นสัญญากับเขา
“ค่ะ... ฉันจะอยู่ที่นี่...” หญิงสาวพูดต่อมากไม่ได้ เพราะความเสียวที่เขาดันลำกายเข้ามาอีกนั้นมันทำให้เธอลืมคำพูด
“แล้วจะเป็นเมียฉันหรือเปล่า”
“ฉันจะเป็นเมียคุณค่ะ...” พัทธิราตอบพร้อมกับหลับตาพริ้ม เมื่อท่อนเอ็นใหญ่ของเขาเข้ามาจนสุดเท่าที่จะทำได้ เธอก็ดื่มด่ำกับจังหวะรักที่เขามอบให้อีกครั้ง เขาทำให้เธอรู้สึกเป็นผู้หญิงเต็มตัว มันเป็นความรู้สึกทางกายที่ใครก็ต่างโหยหา และเขาทำให้เธอมีความสุขเหลือเกิน ไม่มีความเจ็บ ไม่มีสิ่งใดทำให้เธอคิดที่จะขอร้องให้เขาหยุดในตอนนี้ เธอหลงใหลกับเสียงที่หายใจขาดห้วงของเขา จนต้องลืมตามามองเขา ลูคัสที่อยู่ด้านบนของเธอนั้น ใบหน้าเขาที่มองเธอมาช่างหล่อเหลา แขนล่ำของเขาก็ดูแข็งแรง กล้ามท้อง และทุกอย่างบนเรือนร่างเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกโชคดีเหลือเกิน ที่ได้ร่วมรักกับเขา
“เธอจะต้องเป็นของฉันคนเดียว” ลูคัสมองผู้หญิงที่นอนอยู่เบื้องล่างอย่างวางอำนาจ ของดีๆ แบบนี้ เขาจะไม่ยอมให้หลุดมือไปไหนแน่ ผู้หญิงที่ทำให้เขามีความสุขทางกาย จะต้องอยู่ข้างกายเขาไปจนกว่าเขาเบื่อ
“ฉัน... จะเป็น... ของคุณค่ะ” สิ้นคำพูดของเธอ ลูคัสและเธอก็มาถึงปลายทางของราคะอย่างพร้อมเพรียง ปากทางรักที่ตอดรัดลำกายของเขาค่อยๆ คลายตัวออก แต่ลูคัสก็ยังดึงมันเข้าออกอีกสักพัก เพราะอยากจะร่วมรักกับเธออีก
“อยากเป็นเมียฉันอีกไหม” เขาถามอย่างให้โอกาส ถ้าเธอตอบว่าไม่ เขาก็จะไม่ฝืนใจ แต่เมื่อเห็นสายตาลังเล เขาก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไม่ค่ะ” คำตอบของเธอทำให้เขาหุบยิ้ม แต่ก็ยอมดึงแก่นกายออกแต่โดยดี
“มานี่” ลูคัสช้อนร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน เขาพาเธอเข้าไปในห้องน้ำ และชำระร่างกายเธอให้สะอาด กลิ่นสบู่และร่างกายเปลือยเปล่าที่เขากำลังหลงใหล ทำให้เขาหยุดเอามือลูบไล้ไปตามเนื้อนุ่มนี้ไม่ได้เลยสักนิด และยิ่งเธอไม่ห้ามปราม แถมยังเปิดทางให้เขาสัมผัสอย่างเต็มใจ เขาก็รู้สึกดีเป็นบ้า
“ต่อไปนี้เธอต้องจำให้ได้ว่าฉันเป็นผัวเธอ” เขาจับเธอโก้งโค้งและสอดลำกายเข้าไปในโพรงสวาทอีกครั้ง สายน้ำอุ่นๆ ที่ไหลกระทบตัวของเขาและเธอ ยังอุ่นไม่เท่าความรู้สึกที่ได้เข้าไปในถ้ำแห่งราคะ
“แพท...” เขามองก้นกลมกลึงที่เด่นอยู่ตรงหน้า ก่อนจะใช้มือตีเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว เธอแอ่นสะโพกให้เขาได้ใช้ลำกายอย่างถนัดถนี่ จนเขาเสร็จสมอารมณ์หมาย และเธอเองก็เช่นกัน
“ฉันเช็ดตัวเองค่ะ คุณอาบน้ำเถอะค่ะ” พัทธิราพูดจบก็ส่งยิ้มให้เขา เธอเดินออกมายืนมองตัวเองในกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมกับน้ำตา ที่ค่อยๆ ไหลรินลงมา เกลียดตัวเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ เกลียดตัวเองที่หลงใหลไปกับรูปลักษณ์ภายนอกของผู้ชายที่ภายในจิตใจเขานั้นโหดร้าย เขาเป็นใคร ทำงานอะไร แม้แต่ชื่อของเขาเธอก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่ทำไมถึงต้องอ่อนไหวไปกับเขา เธอเช็ดน้ำตาเมื่อไม่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ปลอบใจตัวเองว่าไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อย เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็มีความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนได้ทั้งนั้น เธอยิ้มให้กำลังใจตัวเองในกระจก โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคมของลูคัสแอบมองเธออยู่
“นอนพักซะ... พรุ่งนี้ฉันจะพาเธออกไปข้างนอก” เขาเดินมากอดเธอจากด้านหลัง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ในสภาพที่ไม่ต่างจากเมื่อวานเลยสักนิด นั่นก็คือการมีผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวปกปิดท่อนล่างเอาไว้
พัทธิรามองเขาเดินจากไป ก่อนจะแต่งตัวและเปิดกรงเจ้าแมวที่นอนหลับอยู่ เธอจัดของต่างๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะนอนลงบนเตียงอย่างใช้ความคิด จะมีใครเป็นห่วงเธอบ้างไหมนอกจากปฐพี แล้วเขาจะกล้าหาญพอที่จะมาช่วยเธอออกจากที่นี่หรือเปล่า ยิ่งคิดถึงคนที่เป็นความหวังเดียวของเธอ น้ำตาก็ไหลรินลงมากอีกครั้ง ภาพวันเก่าๆ เมื่อเขาและเธอยังเป็นคนรู้ใจกัน แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลง เมื่อเขาแอบปล่อยใจไปกับน้องสาวต่างแม่ของเธอ จนเธอให้อภัยเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิด และเธอเองก็ให้อภัย แต่คำขอจากผู้เป็นพ่อ ที่ไม่ได้ใยดีเธอมากนัก แต่ก็เป็นผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด เธอจึงเลือกที่จะจบความสัมพันธ์กับปฐพีด้วยความทรมานใจ “ผู้ชายมันนอกใจเรา ก็แปลว่ามันไม่ได้รักเราแล้ว ให้น้องมันไปเถอะนะแพท เราเป็นพี่ ต้องเสียสละสิ พ่อไม่อยากให้ใครนินทาว่าพี่น้องบ้านนี้ แย่งผู้ชายคนเดียวกัน”