“ผมเอาเสื้อผ้ามาให้ครับ” แดน ลูกน้องคนสนิทของลูคัส เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถุงกระดาษมากมาย แต่เมื่อเห็นพัทธิราขยับตัวนั่งชิดติดหัวเตียง เขาก็รู้ว่าเธอกำลังหวาดระแวง แม้ว่าเขาจะส่งยิ้มให้เธอแล้วก็ตาม
“ผมไม่ได้เข้ามาทำร้ายคุณครับ แค่เอาเสื้อผ้าที่นายสั่งมาให้ หิวไหมครับ ผมจะได้จัดอาหารมาให้”
“...เจ้านายคุณไม่อยู่เหรอคะ” เธอมองหน้าเขาอย่างใช้ความคิด รอยยิ้มของเขาที่ส่งมานั้นปลอบใจตัวเองว่าเขาไม่เข้ามาทำร้ายเธอจริงๆ
“อยู่ครับ” แดนเห็นสายตาผิดหวังของเธอ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง
“เดี๋ยวผมไปเอาอาหารมาให้นะครับ”
“ขอน้ำเปล่าด้วยได้ไหมคะ!” เธอถามเขาก่อนที่เขาจะเดินออกไป
“กี่ขวดครับ”
“สองก็ได้ค่ะ...” เธอตอบเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เมื่อเขาพยักหน้าและส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง เธอก็โล่งอก ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงไปหาเสื้อมาใส่ หลังจากต้องเปลือยอกอยู่นาน
“กูเอาเข้าไปเอง” ลูคัสมาดักรอถาดอาหารจากแดนอยู่หน้าห้องของพัทธิราสักพักแล้ว เขาเคาะประตูและยื่นมือไปรับถาดอาหาร โดยมีแดนเปิดประตูให้
“ผิดหวังหรือไงที่เป็นฉัน” เขาเห็นเธอหุบยิ้มก็อดไม่ได้ที่จะกระแนะกระแหน
“เปล่าค่ะ” พัทธิราพยายามตอบอย่างมีมารยาท หลายชั่วโมงที่ผ่านมา เธอนอนคิดแล้วว่าทำตัวอวดเก่งไปก็ไร้ประโยชน์ นอกจากจะเสี่ยงถูกคุกคามทางเพศ ยังเสี่ยงต่อการถูกลูกกระสุนในกระบอกปืนที่เขาเหน็บไว้ที่เอวตลอดเวลายิงใส่ด้วย
“เริ่มปรับตัวได้แล้วนิ” เขายิ้มอย่างพอใจ แต่รอยยิ้มของเขาก็ไม่ได้ทำให้คนมองรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ระหว่างที่เธอกินข้าว เรามาคุยข้อตกลงกันไปด้วย นั่งตรงนี้สิ” แม้จะฟังเหมือนไม่ได้สั่ง แต่การเอาปลายเท้าเขี่ยขาเก้าอี้ ก็ไม่ต่างอะไรกันนัก
“ฉันต้องนั่งฟังเงียบๆ ใช่ไหมคะ”
“เข้าใจง่ายดีนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอจะคิดว่าเขาชมแล้วกัน จิตใจเธอจะได้รู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้ขึ้นมาบ้างเล็กน้อยถึงน้อยที่สุด
“เธอคงจะต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก คนของฉันรายงานมาว่า ตั้งแต่ลูกน้องฉันจับเธอสลับกับแฟนตัวจริงของมันมัน มันไม่สนใจใยดีน้องเธอที่กำลังดิ้นพล่านเป็นไก่ทอดในน้ำมันร้อนๆ ว่าแฟนตัวเองหายไปไหน ทำไมไม่โทรหา แถมยังไปเฝ้าเธอที่บ้านด้วย แล้วมันยังส่งตำรวจนอกเครื่องแบบไปเฝ้าที่ร้านอาหารของเธออีก โชคดีนะที่เธอกำลังปิดปรับปรุงร้านพอดี ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงสงสัยกันแย่ แล้วตอนนี้มันก็โทรศัพท์หาเธอจนแบตเธอหมดไปแล้ว อีกสักพักมันคงจะแจ้งความว่าเธอหายไป ฉันก็เลยตัดสินใจยกเลิกแผนจับตัวน้องสาวเธอมาเปรียบเทียบว่าผู้หญิงคนไหนสำคัญกว่ามันมากกว่ากัน เพราะคนไม่สำคัญกับมันอย่างเธอ มันยังเดือดร้อนจนเกินความคาดหมายของฉัน แต่ไม่ต้องกลัวนะ เรื่องที่เธอหายตัวมาอยู่ที่นี่จะไม่เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวฉันจะส่งสัญญาณบอกมันสักหน่อย ว่าเธอยังไม่ตาย”
“คุณจะทำแบบนี้อีกนานไหมคะ”
“ก็จนกว่ามันจะยอมเปิดทางให้ฉันทำงานได้สะดวก แต่ฉันว่าอาจจะนานสักหน่อย เพราะคนอย่างมันคงต้องชั่งใจก่อนว่าเธอกับกฏหมายบ้านเมืองอะไรจะสำคัญกว่ากัน”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอร้องคุณได้ไหม คุณช่วยเอาแมวที่บ้านฉันมาที่นี่หน่อย แมวฉันอยู่บ้านคนเดียว ฉันขอร้องนะคะ แล้วฉันจะอยู่ที่นี่ จนกว่าคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการ” พัทธิราบอกเขาอย่างขอความเห็นใจ เธอปลงตกแล้วว่ายังไงก็ต้องอยู่ แต่จะอยู่โดยที่ต้องทิ้งสิ่งมีชีวิตที่เธอรักที่สุดไม่ได้
“ฉันไม่ชอบแมว”
“ฉันขอร้องนะคะ แมวฉันอยู่บ้านคนเดียว ป่านนี้ข้าวในจานคงหมด แล้วก็คงจะร้องหาฉันจนข้างบ้านสงสัยว่าฉันหายไปไหน แล้วก็คง...”
“ได้!” เขายกมือห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ แค่เหตุผลที่ว่าข้างบ้านจะสงสัย ก็มีน้ำหนักมากพอให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นฝากหยิบอาหารกับห้องน้ำแมวมาด้วยได้ไหมคะ”
“ได้”
“เอ่อ... จับแมวฉันใส่กรงมานะคะ กรงแมวอยู่ตรง...”
“จะเอาอะไรบ้างก็จดมา บอกด้วยว่าอะไรอยู่ตรงไหน น่ารำคาญ” ลูคัสเห็นดวงตาที่เป็นประกายของเธอ การยอมให้เธอพาแมวมาอยู่ที่นี่ คงจะทำให้เธอยินดีที่จะช่วยเหลือเขาอย่างที่พูดจริงๆ
“เอามาให้ได้หลายอย่างเลยเหรอคะ!” พัทธิราวางช้อนและถามเขาอย่างตื่นเต้น
“อือ”
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ” เธอจับมืออย่างเผลอตัว ก่อนจะต้องวางมันลงบนโต๊ะ เพราะเห็นหน้าเขามองมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ขอโทษค่ะ...” พูดจบเธอก็ตักข้าวเข้าปาก จะได้ไม่เผลอพูดอะไรไม่เข้าหู
“กินเสร็จแล้วก็เอาไปวางหน้าห้อง แต่ไม่ต้องออกมา”
“ขอยืมกระดาษกับปากกาด้วยได้ไหมคะ” แม้จะไม่อยากพูด แต่ก็ต้องพูด ถ้าเขาเดินออกจากห้องไปตอนนี้ แล้วไม่มีใครกลับเข้ามาอีก เธอจะทำยังไงล่ะ
“เรื่องมาก...” ลูคัสหันมาตอบสั้นๆ และเดินจากไป เขานั่งอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ เพราะรอยยิ้มที่เธอดีใจจนต้องจับมือเขานั้น มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ จนต้องออกมาตั้งสติกับตัวเองก่อน
“พวกคุณเป็นใคร...” ปฐพีหรือผู้กองดิน มองหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์สามคน ที่เดินมายืนหน้าบ้านของพัทธิรา ผู้หญิงที่เขากำลังเป็นห่วงสุดหัวใจ หลังจากติดต่อเธอไม่ได้เกือบสองวัน
“หลีกทางด้วยครับ ต้องเข้าไปเอาของในบ้านหลังนี้ พอดีเจ้าของบ้านฝากให้มาเอาของกับแมวครับ” หนึ่งในสามคนนั้น ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่มีลายมือคุ้นตาของพัทธิราให้ปฐพีดู
“เจ้านายผมฝากรูปนี้มาให้คุณตำรวจดูด้วยครับ”
“พวกมึง!” ปฐพีอยากจะชกหน้าคนพวกนี้เรียงตัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ภาพที่เขาเห็นผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือคือภาพของพัทธิราที่กำลังนอนหลับ
“ขอทางด้วยนะครับ พอดีว่าคุณผู้หญิงคนนี้ เค้าอยากเจอแมวเค้าเร็วๆ” ตำรวจเพียงหนึ่งเดียวได้ยินก็หลบทางให้กลุ่มโจรได้เปิดบ้านของพัทธิราด้วยกุญแจบ้านของเธอเอง โดยที่เขาทำได้แค่ยืนดูเท่านั้น คนพวกนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากกลุ่มของลูคัส หัวหน้าแกงค์ค้ายาเสพติดที่เขาเพิ่งสกัดจับการขนยาล็อตใหญ่ไปเมื่อเดือนที่แล้ว และหากว่าเขาจะทำอะไรตามอารมณ์ คงไม่เป็นผลดีกับพัทธิราแน่
“ยังไงถ้าคุณตำรวจพร้อมจะเจรจาแล้วก็บอกนะครับ” เมื่อหยิบของครบตามคำสั่ง รวมถึงแมวอ้วนสีขาวปุกปุยที่อยู่ในกรง ลูกน้องของลูคัสก็ยื่นกระดาษอีกแผ่นให้ปฐพี ในนั้นแสดงสถานที่นัดหมายไว้อย่างชัดเจน
“สวัสดีครับคุณตำรวจ” กลุ่มคนเลวทำเป็นก้มหัวทำความเคารพปฐพีอย่างนอบน้อม แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่ามันเป็นการแสดงทั้งนั้น
“แดน... ไปดูสิว่าหิวข้าวเย็นหรือยัง” ลูคัสเงยหน้าจากแฟ้มบัญชีมาสั่งลูกน้องคนสนิท
“ถ้าหิวแล้วจะให้ผมยกเข้าไปเลย หรือนายจะเป็นคนยกเข้าไปครับ” แดนพูดถึงถาดอาหาร เขากลัวว่าถ้าเอาเข้าไปเอง จะเป็นการทำเกินหน้าที่
“ทำไมกูต้องยกเข้าไปเสิร์ฟด้วย มึงก็ทำไปสิ” เขาตอบกลับเรียบๆ ตอนนี้ยังไม่อยากเจอหน้าพัทธิราให้เกิดอะไรแปลกๆ ขึ้นกับตัวเองอีก แค่รอยยิ้มเมื่อตอนบ่ายที่เธอส่งมาให้ เขายังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าทำไมต้องใจสั่น
“ครับ” ผู้เป็นลูกน้องรับคำสั่งด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่เสียแรงที่รู้จักกันมากว่าสิบปี ตั้งแต่ลูคัสออกมาจากห้องของพัทธิรา เขาก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป โดยที่ตัวเจ้านายเองอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่สำหรับเขา เขาเห็นมันอย่างชัดเจน