หลินซูหนี่ว์ถอนหายใจออกมาหลายรอบจนเยว่เหมย ผู้จัดการส่วนตัวอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้ เธอไม่ได้รู้เรื่องทุกเรื่องของซุปตาร์สาว เพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะบอกเรื่องที่หญิงสาวอยากให้ผู้จัดการส่วนตัวแบบเธอรู้เท่านั้น
“ซูหนี่ว์ หนูเป็นอะไรไปคะ พี่เห็นหนูถอนหายใจรอบที่สิบของวันแล้วนะ”
“อึดอัดค่ะ” ซุปตาร์สาวตอบออกมา ก่อนที่มือบางจะคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“หืม.... อึดอัดหรอ อึดอัดอะไรคะ อย่าบอกว่าเรื่องที่จะต้องเข้าฉากกับหุ้ยหรูหรู” ผู้จัดการส่วนตัวสาวเอ่ยถามออกมาอีกครั้งด้วยความแปลกใจ
“เปล่าค่ะ... ซูหนี่ว์ไม่ได้ลำบากใจที่จะทำงานร่วมกับใครหรอกค่ะพี่เยว่เหมย พอดีเครียดเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย”
ซุปตาร์สาวตอบออกมาเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหยิบบทขึ้นมาอ่าน เยว่เหมยมองหญิงสาวที่ตนดูแลด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจ
ถึงแม้ซุปตาร์สาวจะมีเรื่องให้คิดมาก แต่พอเข้าฉาก ความเป็นมืออาชีพก็ทำให้เธอทำงานผ่านไปได้ด้วยดี สร้างความโล่งใจให้กับผู้จัดการส่วนตัวที่มองเห็นปัญหาของซุปตาร์สาวอยู่เพียงผู้เดียว ร่างระหงตั้งใจจะเดินกลับไปที่รถตู้ของเธอหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แต่เท้าเล็กก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงโปร่งของคนที่เธอยังไม่อยากเห็นหน้ายืนพิงอยู่ที่รถตู้ของเธอ
“เลิกงานแล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีแดงอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี
“พี่ลู่ชิงมาทำไมคะ เดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยกันพอดี” ร่างระหงรีบเดินเข้าไปใกล้เขาก่อนที่จะเอ่ยปากออกมา
“ก็มารับคู่หมั้นกลับบ้านไง” เขาตอบออกมาหน้าตาเฉยจนเธอรีบมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวมีคนมาได้ยิน
“ไม่มีใครหรอกน่า หึๆ ทำเป็นกลัวไปได้ ทำไมเป็นคู่หมั้นพี่มันน่าอายมากเลยหรือยังไง”
“หยุดพูดเลยนะ คนบ้า! หลีกทางให้ซูหนี่ว์ด้วยค่ะ ซูหนี่ว์จะขึ้นรถ เดี๋ยวพี่เยว่เหมยก็ออกมาแล้ว” เธอยังดื้อไม่ยอมกลับไปกับเขา
‘โดนขโมยจูบครั้งก่อนภาพและสัมผัสยังติดตาติดริมฝีปากเธออยู่ เรื่องอะไรจะนั่งรถไปกับเขาให้หัวใจหวั่นไหวกันอีกล่ะ’
หลินซูหนี่ว์คิดในใจ ก่อนที่จะเดินไปผลักร่างสูงให้พ้นจากประตู หากแต่รองเท้าส้นสูงที่เธอสวมใส่มากับพาเธอล้มไปข้างหน้าจนริมฝีปากบางประกบเข้ากับริมฝีปากหนาของคนตรงหน้าทันที พวกนักแสดงและทีมงานที่กำลังเดินออกมาต่างยืนตกตะลึงกับภาพที่เห็น
“อุ้ย!! นี่มันอะไรกันคะ พี่เยว่เหมย อย่าบอกนะคะว่าน้องซูหนี่ว์เป็นคู่ควงกับคุณชายลู่ชิงอยู่”
เสียงของช่างแต่งหน้าอุทานออกมาพร้อมกับเอ่ยถามผู้จัดการส่วนตัวสาวที่กำลังมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงเช่นกัน
ร่างบางรีบพยายามทรงตัวและยืนขึ้นในทันที มือหนาของซือลู่ชิงโอบประคองเอวคอดของเธอ สายตาคมก็เหลือบไปมองยังกลุ่มคนที่กำลังมองเข้ามาที่เธอและเขา ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเพียงเล็กน้อย
‘มาได้ถูกจังหวะดีจริง ฮึๆ’
“น่ะ....น่ะ...นี่ คุณชายลู่ชิงมาทำอะไรที่กองถ่ายของเราคะ” เสียงของเยว่เหมยเอ่ยถามชายหนุ่มออกมาทันทีที่รู้สึกตัว
“มารับน้องซูหนี่ว์กลับบ้านครับ” คำตอบของชายหนุ่มเรียกเสียงฮือฮาจากคนทั้งกลุ่มได้เป็นอย่างดี
“เอ่อ... คือคุณแม่น่ะค่ะ คุณแม่วานพี่ลู่ชิงมารับ พอดีวันนี้ที่บ้านเราสองครอบครัวมีดินเนอร์กัน”
หลินซูหนี่ว์รีบแก้ตัวในทันที จนทุกคนร้องอ๋อออกมาและพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ แต่ก็ต้องอ้าปากค้างอีกรอบเพราะคำพูดของคุณชายใหญ่ของตระกูลซือ
“แล้วที่เมื่อกี้บอกว่าคู่ควงคงไม่ถูกต้องนะครับ เพราะเธอคือว่าที่คู่หมั้นของผม ผมมารับว่าที่คู่หมั้น... ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกครับ ไม่ต้องตกใจ” ทั้งๆ ที่กำลังจะดีอยู่แล้ว แต่คนปากสว่างก็เอ่ยออกมาจนได้ ซุปตาร์สาวหันไปจ้องหน้าเขาตาเขม็ง
‘คนบ้า! มาแสดงตัวอะไรเวลาแบบนี้’
“จริงๆ หรือคะน้องซูหนี่ว์ พวกพี่ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะคะ ว่าแล้ว พวกพี่ก็สังเกตตั้งแต่งานมอบรางวัล”
นักแสดงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น หุ้ยหรูหรูที่เดินตามมาทีหลังได้ยินเข้าพอดี จิตใจของเธอร้อนรุ่มดังไฟ
‘นี่ยัยซูหนี่ว์มันกำลังจะหมั้นกับพี่ลู่ชิงอย่างนั้นหรอ ไม่จริง!! พี่ลู่ชิงต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น’ หุ้ยหรูหรูคิดในใจ ก่อนที่จะจ้องมองไปที่ซุปตาร์สาวด้วยสายตาอิจฉาปนแค้นเคือง
“ไม่จริงหรอกค่ะพี่ลู่ชิงแค่ล้อเล่น พวกเราไปก่อนนะคะ พี่เยว่เหมยคะ ซูหนี่ว์กลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะทุกคน”
ซุปตาร์สาวบอกก่อนที่จะลากลำแขนล่ำของซือลู่ชิงให้เดินตามไป เขาเดินตามเธอไปแต่โดยดีแต่ไม่วายหันกลับมาก้มหน้าเพียงเล็กน้อยให้ทีมงานละครที่ซุปตาร์สาวทำงานด้วย
“พี่เยว่เหมย สรุปว่าน้องซูหนี่ว์เป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณชายลู่ชิงจริงๆ ไหมเนี่ย” ช่างแต่งหน้าเอ่ยถามผู้จัดการสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที
“ไม่รู้สิ แต่ที่ผ่านมา คุณชายลู่ชิงไม่เคยมาเจอน้องซูหนี่ว์เลยนะ จะไปเป็นว่าที่คู่หมั้นกันตอนไหน ไม่รู้อะ พี่งงไปหมดแล้วเนี่ย ขอตัวก่อนนะ” เยว่เหมยตอบก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถตู้ที่รอรับอยู่ทันที
หุ้ยหรูหรูสะบัดหน้าเดินหนีไปเช่นกัน เธอไม่อยากได้ยินอะไรที่มันเสียดแทงจิตใจของเธอ ที่มันแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นฝ่ายแพ้ให้กับรุ่นน้องอย่างหลินซูหนี่ว์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทีมงานในกองถ่ายมองตามนางเอกสาวอีกคนของเรื่องด้วยสายตาเย้ยหยัน ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าหุ้ยหรูหรูก็แอบปลื้มคุณชายซือลู่ชิงอยู่เช่นกัน
ภายในรถสปอร์ตคันหรูที่มีคนขับหล่อเหลาราวกับเทพบุตร หากแต่มีนิสัยน่าหมั่นไส้จนหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างมาอดที่จะเบือนหน้าหนีไม่ได้
“พี่เป็นบ้าอะไรไปพูดแบบนั้น อยากให้ฉันเป็นข่าวดังหรือยังไง” เสียงหวานแว้ดขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน
“หึ! พี่ผิดตรงไหน แค่ไปรับ...คู่หมั้นกลับบ้าน”
เขาเอ่ยออกมาราวกับว่าตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่เคยออกมาแสดงตัวเลยสักครั้งว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ แต่ตอนนี้ในชีวิตที่เธออยู่ได้โดยไม่ต้องการเขา เขากลับมาอยากหมั้นกับเธอ
“คู่หมั้น!! พี่จะเก็บมาคิดจริงจังทำไมคะ ตอนนั้นซูหนี่ว์อายุแค่เจ็ดขวบ ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร”
ประโยคที่หญิงสาวเอ่ยออกมาทำเอาซือลู่ชิงหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง ซุปตาร์สาวตกใจกับการกระทำของชายหนุ่มก่อนที่จะหันไปมองเขาด้วยแววตาสงสัยปนหวาดระแวง
“จ่ะ....จะ...จอดรถทำไมคะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“พี่จะให้เธอได้รับผิดชอบกับการที่พูดอะไรไปแล้วไม่รักษาคำพูด"
มือหนาปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากกายแกร่งก่อนที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปหาเธอ เขาดึงร่างบางให้เข้ามาใกล้พร้อมกับส่งริมฝีปากร้อนประกบลงบนริมฝีปากอิ่มที่มีลิปสติกสีชมพูเคลือบอยู่
“อื้อ...อ่า อ๊ะ.........”
เสียงหวานอุทานออกมาพร้อมกับกำปั้นเล็กที่ทุบลงบนไหล่หนาทั้งสองข้าง ซือลู่ชิงส่งลิ้นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานจากโพรงปากของคู่หมั้นสาวอย่างเอาแต่ใจ จนเขาสัมผัสได้ถึงหยดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มของหลินซูหนี่ว์ ริมฝีปากหนาจึงยอมผละออกมาอย่างแสนเสียดาย หัวใจของเขาก็รู้สึกปวดหนึบที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา
“จำไว้ซูหนี่ว์ ถ้าเธอยังดื้อกับพี่ไม่เลิก ระหว่างเรามันจะไม่จบเพียงแค่จูบ!!”
เสียงเข้มดังออกมาหลังจากที่เขากลับไปนั่งตรงที่นั่งของตนเองและรัดเข็มขัดนิรภัยตามเดิมแล้ว มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาและเช็ดริมฝีปากของตนอย่างแรงๆ ราวกับต้องการประชด หางตาของซือลู่ชิงแลไปเห็นการกระทำของหญิงสาวก่อนที่เขาจะส่งเสียงอยู่ในลำคอ
“หึ!!”
นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มกดปุ่มสตาร์ทรถก่อนที่จะขับเคลื่อนออกไป หลินซูหนี่ว์ไม่อยากจะมองหน้าเขาอีก
‘เธอผิดหรอ ที่พูดออกไปแบบนี้ก็ในเมื่อเขาไม่สนใจสถานะคู่หมั้นระหว่างเขากับเธอตั้งแต่แรก แล้วตอนนี้อยากจะมาเรียกร้องทำไม’
ซุปตาร์สาวสะบัดใบหน้างามหันไปมองวิวด้านข้างของเธอโดยไม่สนใจมองหน้าเขาอีก พี่ชายที่เป็นสุภาพบุรุษและคอยปกป้องเธอในวัยเด็กคนนั้นไปไหนเสียแล้ว ทำไมเหลือแต่คนเอาแต่ใจชอบฉวยโอกาสกับเธอคนนี้ หลินซูหนี่ว์คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตจนหลับไปในที่สุด ซือลู่ชิงหันไปมองคนข้างๆ ด้วยสายตาเอ็นดู
ผ่านไปไม่นานร่างระหงที่ผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลียจากการทำงานและคิดมากมาทั้งวันก็รู้สึกตัวตื่นเมื่อรถสปอร์ตคันหรูของคู่หมั้นหนุ่มจอดลงที่หน้าบ้านของเธอ ซุปตาร์สาวไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณหรือหันกลับไปมองหน้าคนที่ขับรถมาส่งเธออีก พอปลดเข็มขัดได้ร่างระหงก็แทบจะปลิวลงจากรถและรีบเดินเข้าบ้านไป ซือลู่ชิงมองตามคนขี้งอนไปด้วยแววตาขบขันปนเอ็นดู
‘ถึงยังไงเธอก็หนีพี่ไปไม่พ้นหรอก..ซูหนี่ว์ เธอเป็นของพี่มาตั้งแต่แรก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ยังเป็นของพี่’ ซือลู่ชิงคิดในใจก่อนที่จะขับรถออกไป
หลินซูหนี่ว์ไม่ได้ทักทายใคร ทว่าเธอนั้นกับรีบเดินขึ้นไปบนห้องนอน เธอรู้ดีว่าเวลานี้บิดาและมารดาของเธอคงจะกำลังดูข่าวหรือไม่ก็ละครอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านขวาของบ้าน แต่เธอไม่มีอารมณ์ที่จะเดินเข้าไปหาท่านทั้งสอง ด้วยกลัวว่าจะแสดงความทุกข์ใจออกมา
‘นี่เธอทุกข์ใจอย่างนั้นเหรอ แล้วตกลงเธอยังรู้สึกดีกับพี่ชายอยู่ไหมนะ’ ซุปตาร์สาวฉุกคิดก่อนที่จะพาร่างระหงของตนเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายและลบล้างรอยจูบจากคนเอาแต่ใจนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากระทำกับเธอแบบนี้ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขาต้องการอะไร
'หรือว่าจะเป็นอย่างที่เขาบอก เพราะเธอทำให้เขาเสียเวลาไปกับเธอถึงสิบห้าปี เขากำลังจะให้เธอชดใช้อยู่สินะ'
หลินซูหนี่ว์ถอดชุดที่สวมใส่มาทั้งวันออก และใส่ไว้ในตะกร้าก่อนที่จะเดินไปหยุดยืนอยู่ใต้ฝักบัวแบบเรนชาวเวอร์ มือบางเปิดน้ำให้ไหลลงมากระทบกับเส้นผมสีดำสลวยและผ่านตามร่างกายสาวที่ยังไม่เคยมีใครได้สัมผัส หญิงสาวหลับตาลงพรางนึกทบทวนว่าเธอยังรู้สึกกับเขาแบบเดิมอยู่ไหม แต่คำตอบที่มันร้องดังอยู่ภายในใจก็คือ ‘เธอรักเขา' และอยากได้ยินคำว่ารักจากปากเขาบ้างก็เท่านั้นเอง