กว่าที่หลินซูหนี่ว์จะทำใจแข็งไม่ให้สนใจซือลู่ชิงได้เหมือนในทุกวันนี้นั้นมันไม่ง่ายเลย เมื่อก่อนตอนที่เธอได้ยินข่าวความฮอตของเขาลอยมาเข้าหูเธอก็อดที่จะร้อนรนไม่ได้ แต่เพราะการที่เธอได้เติบโตและไปเรียนถึงเมืองนอกกลับมา ทำให้เธอนั้นเก่งเรื่องการเก็บอารมณ์และความรู้สึก การเข้าวงการนั้นเป็นเส้นทางที่เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อน แต่เพราะซือลู่เหลียนแนะนำ เธอจึงเดินบนเส้นทางนี้เพื่อที่จะทำให้ใครบางคนเห็น ว่าเธอก็จะไม่ง้อเขาเหมือนกัน
ที่ผ่านมาหลินซูหนี่ว์พยายามควงหนุ่มๆ ให้เป็นข่าว แต่ก็ไม่มีสำนักข่าวไหนเลยที่จะทำข่าวเรื่องคาวๆ ของเธอ และหนุ่มๆ เหล่านั้นก็มักจะหลบหน้าหลบตาหรือไม่ก็เงียบหายภายในวันถัดไปจนเธออดคิดไม่ได้ว่า
‘เธอสวยไม่พอ ไม่ดีพอให้ใครมาคบสินะ’
เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้จนวันหนึ่งของเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาซือลู่เหลียนหลุดปากออกมาว่ามีคนสั่งจัดการข่าวและหนุ่มๆ ของเธออยู่ลับหลัง
บทสนทนาเมื่อสามเดือนก่อน
“น้องซูหนี่ว์อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่ลู่ชิงนะ ไม่อย่างนั้นพี่โดนกักบริเวณแน่ๆ” ซือลู่เหลียน พี่สาวคนสวยผู้รักอิสระรีบบอกซุปตาร์สาวด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกมาถึงความหวั่นใจ
“ขอบคุณที่บอกน้องนะคะพี่ลู่เหลียน เรื่องนี้รับรองน้องไม่บอกใครหรอกค่ะ หึ! สนุกดีแห๊ะ” หลินซูหนี่ว์เอ่ยออกมาเพื่อให้ซือลู่เหลียนสบายใจ
“ขอบใจนะจ๊ะ แต่พี่ว่าหนูจะไม่คุยกับพี่ลู่ชิงหน่อยหรอ พี่เห็นทำมึนตึงใส่กันตลอด”
ซือลู่เหลียนอดที่จะเอ่ยถามน้องสาวคนสวยออกมาไม่ได้ ทั้งๆ ที่รักกันแท้ๆ ทำไมไม่ยอมเปิดใจคุยกัน หรืออาจจะเป็นความผิดของเธอที่ยุยงส่งเสริมให้น้องทำตัวสวย รวยและโสดในตอนนั้น
“หึ... พี่ลู่เหลียนดูพี่ลู่ชิงก่อน ที่ผ่านมาเขาสนใจน้องที่ไหน น้องไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ลู่ชิงต้องทำมาเป็นหวงน้องด้วย ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร” หลินซูหนี่ว์เอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจ
“ใครบอกล่ะว่าพี่เขาไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าพี่เขาไม่รู้สึกเขาไม่ทำแบบนี้กับน้องซูหนี่ว์หรอกนะคะ เชื่อพี่สิ.. พี่รู้จักพี่ชายคนนี้ของพี่ดี” ซือลู่เหลียนบอกน้องสาวอย่างมั่นใจ หญิงสาวได้แต่ส่งยิ้มให้ เพราะเธอนั้นรู้สึกว่าเขาแค่หวงก้างเธอมากกว่า
ปัจจุบัน
ในขณะที่หลินซูหนี่ว์กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ตระกูลหลินที่บิดาและมารดาพากันสร้างขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรง รวมไปถึงคุณตาคุณยายที่ให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่น้อยก็ต้องหันไปมองตามเสียงที่ดังเข้ามาจากห้องรับแขก
“ไม่เจอกันนานเลยนะหลานรัก นึกยังไงถึงมาบ้านน้าได้” หลินซือซือเอ่ยทักทายหนุ่มหล่อ บุตรชายของเพื่อนสนิทและยังมีอีกสถานะคือคู่หมั้นวัยเด็กของบุตรสาวคนเดียวของเธอ
“ขอโทษนะครับช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยได้เยี่ยมคุณน้าเลย พอดีเข้าไปรับตำแหน่งแทนพ่อ ผมเลยไม่ค่อยว่าง” ซือลู่ชิงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ อดีตซุปตาร์สาวส่งยิ้มให้
“ผมมาหาน้องซูหนี่ว์ครับ” เป็นแบบที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา
“น้องอยู่ห้องนั่งเล่นน่ะ ลองเดินไปดูสิ เดี๋ยวน้าให้เด็กเตรียมของว่างไปให้”
หลินซือซือเปิดทางให้ชายหนุ่ม เธอพอจะมองออกว่าบุตรชายของเพื่อนสนิทนั้นมีใจให้บุตรสาวของเธอมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลินซูหนี่ว์จึงพยายามตีตัวออกห่างจากชายหนุ่ม
เมื่อมารดาของหญิงสาวเปิดทางให้ ซือลู่ชิงจึงคำนับเธอและเดินไปทางห้องนั่งเล่นที่เขาเคยมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก สายตาคมจ้องมองไปด้านในเห็นร่างระหงในชุดเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นนอนดูละครที่เธอแสดงอยู่โดยไม่สนใจว่ามีแขกมาบ้านเลยสักนิด ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปนั่งลงข้างๆ เธอจนหลินซูหนี่ว์ถึงกับสะดุ้ง
“อุ้ย!!” เธอร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจด้วยไม่คิดว่าเขาจะมานั่งลงข้างๆ เธอ
“พี่ลู่ชิง ที่นั่งมีเยอะแยะ พี่จะมานั่งอะไรตรงนี้เนี่ย”
หลินซูหนี่ว์บ่นออกมาพร้อมกับขยับตัวออกห่างจากเขา ก็เขาเล่นมานั่งซะชิดเธอเลย ถ้านั่งตักได้คงทำไปแล้วมั้ง หญิงสาวทำหน้างอจนอีกฝ่ายอดที่จะขำออกมาไม่ได้
“หึๆ ..ดื้อนะเราเนี่ย” อยู่ๆ ซือลู่ชิงก็เอ่ยคำที่ทำเอาซุปตาร์สาวงุนงงขึ้นมา
“ดื้อ... ดื้ออะไรคะ ใครดื้อ”
หลินซูหนี่ว์หันไปจ้องหน้าเขาตาเขม็ง หากแต่อีกฝ่ายยังแสดงสีหน้าเฉยชาจนเธอเดาความคิดของเขาไม่ออก
“หึ!!” หญิงสาวไม่เข้าใจกับคำว่าดื้อที่เขาพูด ก็เธอไม่ได้ดื้อสักหน่อย
“ลืมแล้วใช่ไหมว่าพี่กับเธอเป็นอะไรกัน” เสียงเย็นชาเอ่ยถามออกมา
“ไม่ได้ลืม แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นี่คะ”
หลินซูหนี่ว์ตอบออกมาราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งที่ในใจนั้นอดที่จะหวาดหวั่นกับแววตาของคนที่กำลังจ้องมองมาไม่ได้ เธอเดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“รู้ไหม ว่าเด็กดื้อต้องโดนทำโทษยังไง” เสียงเข้มติดเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากแดงอมชมพู
“ม่ะ...ม่ะ...ไม่รู้ค่ะ”
ซุปตาร์สาวตอบออกมากพร้อมกับขยับกายหนี หากแต่ช้าเกินไปร่างระหงของเธอถูกผลักให้นอนราบไปกับโซฟาตัวยาว
“ว๊าย!!!...”
“ก็ต้องลงโทษให้เธอรู้น่ะสิ ว่าไม่ควรดื้อกับพี่ที่เป็นคู่หมั้นของเธอ!” เขาบอกพร้อมกับแสยะยิ้มออกมาจนหญิงสาวอดที่จะหวั่นใจไม่ได้
“พี่ลู่ชิง!! ปล่อยซูหนี่ว์นะ ค่ะ..คุณ...”
เสียงหวานที่กำลังจะร้องเรียกมารดาให้มาช่วยถูกกลืนไปจากการถูกริมฝีปากหนาสีแดงอมชมพูของคู่หมั้นวัยเด็กประกบลงมาพร้อมส่งลิ้นร้อนเข้าไปรุกรานกวาดชิมความหวานด้านใน มือบางกำหมัดเล็กขึ้นมาพร้อมกับทุบลงไปที่หน้าอกหนั่นแน่นของอีกฝ่าย แต่เขาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยสักนิด จนเสียงของเด็กรับใช้ดังขึ้นขัดจังหวะ
“อุ๊ย!!! ขอโทษค่ะคุณหนู คุณนายให้เอาขนมมาเสิร์ฟค่ะ”
เด็กรับใช้หลับตาปี๋ เธอเข้ามาทันเห็นจังหวะที่คุณหนูถูกปล้ำจูบพอดี แต่เธอพอจะรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คือคู่หมั้นของคุณหนู เธอจึงไม่ได้คิดมากอะไร เพียงแต่เขินเท่านั้นเอง
สองร่างผละออกจากกันราวกับโดนของร้อน ใบหน้าหวานของซูหนี่ว์เห่อร้อนขึ้นมาด้วยความอายก่อนที่สายตาคู่สวยจะตวัดไปมองเขาอย่างโกรธเคือง ส่วนคนที่ลงโทษเด็กดื้อไปเมื่อสักครู่ก็แสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
‘จูบแรกอย่างนั้นหรอ หึๆ’
“มันจะมากไปแล้วนะพี่ลู่ชิง! พี่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมกับกอดอกมองเขา เธอต่อว่าเขาออกมาหลังจากที่เด็กรับใช้ออกไปแล้ว
“มันไม่มากหรอก ซูหนี่ว์ พี่แค่ทวงสิทธิ์ของพี่ เธอก็ควรทำตัวให้มันเหมาะสมกับการเป็นคู่หมั้นของพี่ด้วย”
เสียงเย็นชาเอ่ยออกมาพร้อมกับนิ้วเรียวที่ลูบไล้บนริมฝีปากของตนเอง ซูหนี่ว์มองการกระทำของเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง ที่ผ่านมาไม่มาแสดงตัว ไม่สนใจ ปล่อยให้เธอรู้สึกราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนในชีวิตมาตั้งหลายปี ตอนนี้อยากจะมาทวงสิทธิ์
“ซูหนี่ว์ว่าเรายกเลิกสัญญาไปเลยก็ได้นะคะ เพราะเรื่องนี้ก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว” หลินซูหนี่ว์เอ่ยออกมาอย่างไม่นึกถึงคนฟังว่าจะรู้สึกอย่างไรหรือตนเองจะรู้สึกอย่างไร
“หึ!! เธอทำพี่เสียเวลามาสิบห้าปี เธอจะมายกเลิกง่ายๆ อย่างนั้นหรอ ซูหนี่ว์... รอดูเถอะว่าพี่จะจัดการเด็กดื้อไม่รักษาคำพูดของตัวเองยังไง”
เสียงเย็นชาของซือลู่ชิงดังออกมาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป หลินซูหนี่ว์น้ำตาคลอ เธอไม่เคยคิดจะยกเลิกสัญญาหรือความตั้งใจที่จะเป็นเจ้าสาวของเขาเลยสักนิด แต่เพราะเขาไม่มีหัวใจ เขาไม่ได้รักเธอเหมือนที่เธอรักเขา
ซือลู่ชิงเดินออกจากห้องที่มีคู่หมั้นวัยเด็กอยู่ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินไปหามารดาของหญิงสาวที่นั่งดูทีวีอยู่อีกห้องหนึ่ง
“คุณน้าซือซือครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มเรียกความสนใจจากอดีตซุปตาร์ให้หันมองไปที่เขา
“ว่ายังไงคะ” หลินซือซือเอ่ยถาม ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง
“ผมอยากจัดงานหมั้นระหว่างผมกับน้องซูหนี่ว์อย่างเป็นทางการครับ” ซือลู่ชิงบอกความต้องการของเขาต่อมารดาของเด็กดื้อ
“คุยกับน้องแล้วหรอลูก” หลินซือซือถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“น้อง.... อยากยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย แต่ผมเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง” ซือลู่ชิงบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ยกเลิกสัญญา! แล้วมันไม่ถูกต้องยังไงล่ะ” หลินซือซือตกใจในคราแรกก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างยิ้มๆ
“ผมล่วงเกินน้องแล้ว ผมต้องการรับผิดชอบน้องครับ และน้องก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตของผม ที่ผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตกับเธอ” คนที่แอบฟังถึงกับอ้าปากค้าง
‘ล่วงเกิน แค่จูบเนี่ยนะ อีตาบ้าเอ๊ย’
หลินซูหนี่ว์อดที่จะบ่นเขาในใจไม่ได้ แต่ก็แอบรู้สึกดีกับประโยคที่เขาบอกว่า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะใช้ชีวิตด้วย หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีด้วยความเขินอาย ก่อนที่ร่างระหงจะสะดุ้งเพราะเสียงของบิดาที่เดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียงจากทางด้านหลัง
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะลูก” สองหนุ่มสาวต่างวัยหันมองไปตามเสียง ซือลู่ชิงยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
‘หึ! ได้ยินหมดแล้วล่ะสิท่า’
“คุณพ่ออะ มาเงียบๆ หนูตกใจหมดเลยค่ะ”
หญิงสาวตำหนิบิดาก่อนที่จะหันไปมองมารดาและคู่หมั้นวัยเด็กที่หันมามองเธอเช่นกัน
“คุณน้าเจียอี สวัสดีครับ” ซือลู่ชิงเอ่ยทักทายบิดาของหญิงสาว
“อ้าว....ลู่ชิงนั่นเอง ไปไงมาไงล่ะเรา”
“ลู่ชิงมาบอกว่าอยากจะจัดงานหมั้นระหว่างเขากับซูหนี่ว์น่ะค่ะ” หลินซือซือบอกสามียิ้มๆ ส่วนบุตรสาวที่อยู่ในบทสนทนาได้แต่ทำหน้างอ
“อ้อ.... แล้วตกลงจะเอายังไง จัดแบบไหนกันดีล่ะ” หลินเจียอีเอ่ยถามสองหนุ่มสาวโดยที่ไม่ลืมที่จะหันไปมองหน้าของบุตรสาวที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
‘เมื่อก่อนอยากเป็นเจ้าสาวของเขา แต่ตอนนี้จะมาเปลี่ยนใจ ไม่มีทางเสียหรอก ยัยเด็กดื้อ ไม่รักษาคำพูด’ ซือลู่ชิงคิดในใจก่อนที่จะส่งยิ้มแบบผู้มีชัยชนะไปให้กับหญิงสาว