ร่างระหงแต่ทว่าอวบอิ่มของนักแสดงสาวที่เติบโตมาพร้อมกับความคาดหวังของมารดากำลังเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางหงุดหงิด เธอเหวี่ยงกระเป๋าถือแบรนด์ดังลงพื้นไปอย่างไม่ไยดี ก่อนที่จะเยื้องย่างไปนั่งที่โซฟาตัวสวยของบ้าน คนรับใช้รีบวิ่งเข้ามาดูแลคุณหนูผู้เอาแต่ใจ ภาพเบื้องหน้าของการเป็นนักแสดงนั้นหุ้ยหรูหรูดูเรียบร้อย อ่อนหวาน หากแต่พอหลังกล้องเธอมักจะแสดงกิริยาท่าทางแตกต่างออกไป
“โมโหอะไรมาคะคุณหนู” คนรับใช้ที่ค่อนข้างสนิทกับเธอเอ่ยถามขึ้น
“นี่ป๊ากับม๊าไปไหน” เสียงแหลมแว้ดถามออกไปอย่างคนเอาแต่ใจ
“นายท่านกับคุณนายยังไม่กลับจากบริษัทเลยค่ะ” ยี่หรุนตอบก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปเอาน้ำส้มคั้นเย็นๆ มาเสิร์ฟให้คุณหนูอย่างรู้ใจ
นักแสดงสาวหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมากระดกก่อนที่จะคว้ากระเป๋าที่คนรับใช้เพิ่งจะหยิบขึ้นมาวางลงบนโต๊ะให้ขึ้นมา วางแก้วที่น้ำส้มเหลือเพียงครึ่งแก้วแล้วเดินขึ้นห้องไปโดยไม่เอ่ยคำขอบคุณกับยี่หรุนสักคำ แต่เธอก็ชินกับคุณหนูมาตั้งนานแล้วจึงไม่ได้คิดมากอะไร
ปัง!!! เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นบ่งบอกได้ว่าคุณหนูของบ้านอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเวลาแบบนี้ไม่ควรที่จะเสนอหน้าไปให้เธอได้รำคาญสายตา คนรับใช้ในบ้านรู้ดี ตอนที่หุ้ยหรูหรูยังเป็นเด็กนั้นมีนิสัยน่ารัก ยิ่งเวลาอยู่กับบิดาเธอจะอ่อนโยนและเป็นเด็กเรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่าคุณนายไปสอนอะไรให้เธอพอเริ่มโตเรียนโรงเรียนประถมคุณหนูของทุกคนก็เปลี่ยนไป
ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง รถเบนซ์คันหรูที่นายท่านและคุณนายได้ใช้เป็นพาหนะเดินทางไปบริษัทในยามเช้าก็กลับมา ร่างระหงที่ยังงามสง่าถึงวัยจะล่วงเลยไปเลขห้าแล้วก็ตามลงจากรถก่อนที่จะก้าวเดินเข้ามาในบ้าน มีหุ้ยไป๋ถิงผู้เป็นสามีเดินตามหลังเข้ามาไม่ห่างกันเท่าไหร่
“ยัยหรูหรูกลับมาหรือยัง” เสียงของคุณนายเอ่ยถามยี่หรุนขึ้น
“มาแล้วค่ะ ตอนนี้น่าจะพักผ่อนอยู่ข้างบนห้อง ให้ยี่หรุนไปตามคุณหนูลงมาพบคุณนายไหมคะ” ยี่หรุนรีบรายงานคุณนายหุ้ยทันที
“ลูกไม่สบายหรือเปล่าคุณ ไปดูลูกหน่อยสิไม่ต้องให้แกลงมาหรอก” หุ้ยไป๋ถิงหันไปบอกกับภรรยา หุ้ยจินเฉินหันไปมองหน้าเขาครู่เดียวก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านหลังใหญ่และตรงไปที่ห้องนอนของบุตรสาวในทันที
ก๊อก...ก๊อก....ก๊อก........
เสียงเคาะประตูดังอยู่ที่หน้าห้องเรียกสติของหุ้ยหรูหรูให้หันไปมอง เธอละสายตาจากข่าวเม้าท์จากกองถ่ายว่าวันนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง นักแสดงสาวที่ไม่เคยคิดว่าตนด้อยไปกว่าใครในเมืองแอลเลยถึงกับกำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความอิจฉาริษยา รุ่นน้องที่ดูจะมาเหนือเธอทุกอย่างตั้งแต่เด็กๆ ในทุกครั้งเธอมักจะได้เป็นตัวสำรองของยัยเด็กนั่นเสมอ
“นี่ม๊าเอง เปิดประตูให้ม๊าหน่อยค่ะ....หรูหรู” เสียงหวานของมารดาดังเข้ามา ร่างระหงจึงรีบลุกจากที่นอนแล้วตรงไปปลดล็อกประตู
“ล๊อคห้องทำไมคะ แล้วนี่กลับมานานหรือยัง ถ่ายละครวันนี้เป็นยังไงบ้างคะลูก”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามออกมาแสดงออกถึงความห่วงใยทำให้หุ้ยหรูหรูน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเธอเข้าไปสวมกอดมารดาเอาไว้ น้อยครั้งที่หุ้ยจินเฉินมารดาของเธอจะถามออกมาเพราะความห่วงใยเธอจริงๆ และครั้งนี้เธอสัมผัสได้จากน้ำเสียงที่ต่างออกไปของมารดาว่ามันมาจากใจ
“ฮึก...ฮือ......ม๊า..... หนูแพ้นังนั่นอีกแล้ว......” หุ้ยหรูหรูรีบเล่าเรื่องราวที่เธอพบเจอวันนี้ให้มารดาฟังทันที
“วันนี้พี่ลู่ชิงมารับยัยนั่นถึงกองและยังประกาศต่อหน้าทุกคนว่ายัยซูหนี่ว์นั่นคือว่าที่คู่หมั้นของเขา ม๊าขา... หนูแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มเลยด้วยซ้ำฮือๆๆ .........” เสียงหวานพยายามเล่าออกมาให้มารดาได้ฟัง
หุ้ยจินเฉินพอได้ฟังก็ผละอ้อมกอดจากบุตรสาวทันที ก่อนที่จะใช้มือของเธอจับไปที่บ่าบอบบางของหุ้ยหรูหรูและบีบอย่างแรงจนทำให้หญิงสาวมองมารดาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“แกจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้นะยัยหรูหรู แกรู้ไหมว่าเพื่อนสนิทของแม่ยัยเด็กนั่นมันทำให้คุณชายซือลุ่มหลงจนขับไล่ม๊าออกไปจากเมืองแอล ความแค้นครั้งนั้นแม่ไม่เคยลืม แต่คนแก่แบบม๊าจะทำอะไรได้ ก็ตอนนี้ยัยนั่นมันได้กลายเป็นคุณนายซือโดยสมบูรณ์แถมยังมีทายาทให้ตระกูลซือถึงสามคน ถึงความแค้นระหว่างม๊ากับยัยนั่นจะจบไปแล้ว แต่เรื่องนี้ม๊าต้องขอฝากความหวังเอาไว้ที่หรูหรูแล้วนะ ลูกต้องทำให้คุณชายลู่ชิงหันมามองลูกให้ได้ และทำให้ยัยนั่นได้รู้ว่า ลูกก็ไม่ใช่คนแพ้ในทุกๆ เรื่อง”
คำสอนที่เหมือนฝากความหวังถูกปลูกฝังลงในจิตใจของหุ้ยหรูหรูจนทุกวันนี้เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเธอควรมีชีวิตเพื่อใครและเพื่ออะไร แต่เพื่อความสุขของมารดาแล้ว คนเป็นลูกสาวอย่างเธอก็ต้องทำให้แม่สมหวังให้ได้
“หนูจะทำให้คุณชายลู่ชิงหันกลับมามองหนูให้ได้ค่ะม๊า และหนูจะทำให้ยัยนั่นได้รู้ว่า มันไม่ได้ชนะหนูไปทุกเรื่อง”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วยไหม แต่เพื่อความสบายใจของมารดาทำให้นักแสดงสาวต้องตกปากรับคำออกไป หุ้ยจินเฉินเผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะรวบร่างระหงหากแต่อวบอิ่มของบุตรสาวเข้าไปในอ้อมกอด
“ดีมากลูก จำไว้ว่าหนูคือความหวังเพียงอย่างเดียวของม๊า และม๊าเชื่อว่าคุณชายลู่ชิงจะต้องชอบผู้หญิงสวยๆ และบริสุทธิ์อย่างลูกสาวของม๊าอย่างแน่นอน”
เสียงหวานเอ่ยออกมาราวกับว่ารู้สึกภูมิใจในตัวของหุ้ยหรูหรู ใช่! ตั้งแต่เด็กจนโตอายุยี่สิบสามปีเธอยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยสักคน เธอไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความรักที่แท้จริงนั้นคืออะไร เพราะผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอจะรักและมีหน้าที่ที่ต้องรักคือซือลู่ชิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ปะ... ไปทานมื้อเย็นกันดีกว่านะคะ ป๊ารออยู่”
สองแม่ลูกพากันเดินจูงมือกันลงไปที่ห้องอาหาร หุ้ยไป๋ถิงส่งยิ้มให้กับบุตรสาวและภรรยาที่เพิ่งจะเดินเข้ามา หุ้ยหรูหรูมองบิดาด้วยสายตาเทิดทูน เธอภูมิใจในตัวของบิดาเป็นที่สุด หากเธอไม่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กว่าเธอต้องรักซือลู่ชิง ป่านนี้เธอก็คงจะมองหาผู้ชายที่รักเธอและมองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่นเหมือนบิดา แต่เพราะเธอคือความหวังของมารดา เธอจะทำให้มารดาเสียใจได้อย่างไรกัน
มื้ออาหารผ่านไปตามปกติ นักแสดงสาวนั้นรับประทานอาหารเย็นเพียงนิดเดียวเป็นเรื่องชินตาของบิดามารดา หุ้ยหรูหรูขออนุญาตผู้ใหญ่ทั้งสองขึ้นห้องทันที เธออยากจะคิดทบทวนอะไรบางอย่าง และอยากจะวางแผนว่าเธอจะต้องทำอย่างไรให้คุณชายซือลู่ชิงหันมามองเธอบ้าง
เช้าวันใหม่เจียลี่ผู้จัดการส่วนตัวของหุ้ยหรูหรูก็เดินทางมารับนักแสดงสาวที่ตนดูแลที่บ้านของหญิงสาว เป็นเวลาที่นายท่านและคุณนายหุ้ยจะออกไปทำงานพอดีจึงได้เอ่ยทักทายตามมารยาท
“สวัสดีตอนเช้าค่ะนายท่านหุ้ย คุณนายหุ้ย กำลังจะไปบริษัทหรือคะ”
“สวัสดีเจียลี่ ใช่ผมกับคุณนายกำลังจะไปบริษัท ผมขอฝากยัยหรูหรูด้วยนะ” หุ้ยไป๋ถิงเป็นคนตอบออกมาก่อน
“ได้ค่ะนายท่านหุ้ย ดิฉันจะดูแลน้องหรูหรูให้เป็นอย่างดี” ผู้จัดการส่วนตัวสาววัยสามสิบตอบรับพร้อมรอยยิ้มพรางคิดในใจ ‘ทำไมน้องหรูหรูไม่ได้คุณพ่อมาบ้างนะ’
“เจียลี่ ฝากดูแลยัยหรูหรูหน่อยนะ อ้อ.... อย่าให้ผู้ชายที่ไหนมาจีบเด็ดขาดนอกจากตระกูลซือเท่านั้น”
ประโยคที่เอ่ยออกมาจากปากของภรรยาทำเอาหุ้ยไป๋ถิงถึงกับส่ายหน้าให้กับความเจ้าคิดเจ้าแค้นที่มีอยู่ภายในใจของภรรยา ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่ปีหุ้ยจินเฉินก็ยังคงไม่ปล่อยวาง และดูท่าจะฝากภาระที่หนักอึ้งเอาไว้บนบ่าของบุตรสาวเพียงคนเดียวอีก
หุ้ยไป๋ถิงเดินไปขึ้นรถที่คนขับรถสตาร์ทรถรออยู่สักพักหนึ่งแล้ว พอผู้จัดการสาวรับปาก หุ้ยจินเฉินก็เดินตามสามีไปด้วยความสบายใจ เธอไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด เพราะเธออยากจะให้บุตรสาวได้คู่ครองดีๆ มันเป็นหน้าที่ของแม่ที่ดีต่างหาก เธอคิดแบบนั้น
“ผมว่าคุณปล่อยวางเรื่องบ้านนั้นบ้างเถอะนะ”
เสียงของผู้เป็นสามีทำเอาอารมณ์ดีๆ ของหุ้ยจินเฉินสะดุด ดวงตาดุจเหยี่ยวมองสามีตาขวางก่อนที่จะสะบัดใบหน้าให้เขาด้วยความขัดใจ
“คุณไม่รู้อะไรหยุดพูดไปเลยดีกว่า คุณไม่เป็นฉัน ไม่มีวันรู้หรอกว่าที่ผ่านมาฉันรู้สึกแย่แค่ไหน”
หุ้ยจินเฉินไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นมันผิด เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยสาวๆ แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะซือมู่อันบีบบังคับครอบครัวของเธอในตอนนั้นให้เธอย้ายออกไปจากเมืองแอลและห้ามกลับมา รับรองว่าภรรยาคนที่อยู่เคียงข้างกับเขาในปัจจุบันอาจจะเป็นเธอไปแล้วก็ได้
หุ้ยไป๋ถิงได้แต่ส่ายใบหน้าไปมาด้วยความระอา กับความดื้อรั้นของภรรยา นึกไปถึงวันที่เขาพิชิตใจเธอเขาก็ใช้เวลานานอยู่ไม่น้อย เพราะเธอนั้นมีผู้ชายคนอื่นอยู่ในใจ แต่เขารักเธอจึงทำทุกวิถีทางจนพิชิตใจเธอได้ในที่สุด ฐานะที่ต่างกันมันก็เป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่ไม่น้อย แต่เพราะความมานะบวกกับความขยันทำให้เขารับช่วงต่อของบิดามารดาของเธอได้ราบรื่น บริษัทมีผลกำไรเป็นอย่างดี
และที่เขาไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งกับตระกูลซือก็เพราะว่าตระกูลนั้นสามารถทำให้ธุรกิจของครอบครัวเขาสะดุดได้เหมือนกัน ไม่มีใครในเมืองแอลอยากลองดีกับตระกูลซือ เพราะถึงแม้ซือมู่อันจะถอดเขี้ยวถอดเล็บเก็บไปบ้าง แต่ก็มีทายาทที่ดูจะเข้มงวดกว่าบิดาขึ้นมาแทนที่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากจะมีเรื่องกับตระกูลซือ เขาก็หวังว่าภรรยาจะทำใจได้ในสักวัน ก่อนที่จะทำให้ชีวิตของบุตรสาวต้องพังลงไม่เป็นท่า