“แยมขอโทษค่ะคุณทศ...”
“เก็บคำขอโทษเอาไว้ชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมกับแม่ต้องสูญเสียไปจนหมดจะดีกว่า!”
“คุณทศ!”
โดยไม่ทันตั้งตัวมือเรียวบางก็ถูกมือหนาหนักราวคีมเหล็กคว้าไปบีบไว้แน่น ความตื่นตระหนกยิ่งทำให้หญิงสาวชาไปทั้งตัวทำอะไรแทบไม่ถูก ทศรัสมิ์จ้องมองเธอด้วยแววตาอัดแน่นไปด้วยความเจ็บแค้นและมันยิ่งทำให้งเขาบีบมือบางแน่นเหมือนอยากขยป้ำให้แหลกคามือ
“คุณทศ...แยมเจ็บค่ะ!”
อณัศยาร้องออกมาหากเธอกลับเห็นมุมปากหยักหนาบนใบหน้าคมคร้ามเลิกขึ้นก่อนเขาจะก้มลงมาใกล้พร้อมเสียงหนักถูกเค้นออกมาจากลำคอ
“เป็นยังไงบ้างล่ะ ความรู้สึกของการได้เป็นเมียและลูกสาวมหาเศรษฐีระดับหมื่นล้านมันทำให้คุณกับแม่ของคุณดูดีขึ้นมากมั้ย จากผู้หญิงชั้นต่ำที่แทบไม่มีอะไรแต่ได้ชุบตัวใหม่เป็นสาวสังคมไฮโซมันก็ดูโก้หรูเป็นบ้า!”
คนตัวใหญ่สะบัดมือหนาหนักออกจากมือเรียวบางและทำให้อณัศยาเซไปด้านหลัง หากนั่นก็ไม่ทำให้หญิงสาวเจ็บแสบได้เท่ากับคำพูดดูแคลนที่เขาใช้มันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอ
“คุณทศ...แยมไม่เคยเป็นอย่างที่คุณคิด”
“แล้วคุณเป็นแบบไหน!” เขาตวาดกลับ “ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงินที่จ้องฉวยโอกาสสูบเลือดสูบเนื้อจากคนอื่น หรือว่าเป็นพวกหน้าด้านที่มีความสุขเวลาเห็นชีวิตคนอื่นพังพินาศ!”
“คุณทศ...คุณกำลังพูดในสิ่งที่พวกเราไม่ได้เป็น ตลอดเวลาที่ผ่านแยมไม่ได้มีความสุขกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยนะคะ”
“นี่คุณกำลังแก้ตัวให้แม่ของคุณหรือกำลังแก้ต่างให้ตัวเองกันแน่ ผู้หญิงที่เคยทำเรื่องต่ำทรามแล้วคิดจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงดี ๆ คิดว่าน่าเชื่อถือที่ตรงไหน!”
อณัศยาเจ็บจุกกับทุกคำเหยียดหยามอันเผ็ดร้อนที่ทศรัสมิ์สาดใส่ให้เจ็บปวด น้ำใสคลอเต็มหน่วยตาของหญิงสาว เขาไม่ใช่แค่เกลียดชังเธอกับมารดาแต่ความเคียดแค้นนั้นฝังแน่นเข้าไปถึงกระดูกเลยทีเดียว ร่างบางรวบรวมกำลังอีกครั้งก่อนพูดขึ้น
“คุณทศ...ถ้าคุณเกลียดแยมกับแม่ พวกเราก็ยินดีที่จะไปจากชีวิตของคุณ ทนายพิธานบอกแม่ก่อนมาที่นี่ว่าคุณลุงธนาดลทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลให้คุณทศ ขอให้สบายใจเถอะนะคะ แยมกับแม่จะไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น คุณทศจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืน”
“แต่มันทดแทนกันไม่ได้กับโลกของผมที่มันล่มสลายไปแล้ว โลกที่เหลือแต่ซากปรักหักพังมีแต่ความสิ้นหวังและความเจ็บปวด ผมไม่อยากได้หรอกนะไอ้ทรัพย์สินมหาศาลพวกนั้น หัวใจต่างหาก...คุณจะคืนหัวใจของแม่ผมที่แตกสลายไปแล้วกลับมาได้หรือเปล่า!”
อณัศยานิ่งอึ้ง ในความนึกคิดอึงอนไปด้วยความปวดร้าวที่อีกฝ่ายไม่อาจมองเห็น ทำไมเธอจะไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยมีความสุขที่เห็นคนที่ตัวเองรักต้องทุกข์ใจ แต่ตอนนี้ทศรัสมิ์ไม่ได้รักเธออีกแล้ว คำพูดสิ้นเยื่อขาดใยนั้นคือประจักษ์พยาน คงเหลือแต่ความผูกพันที่ยังฝังลึกอยู่กับเธอเท่านั้น คิดได้แค่นี้น้ำตาก็ไหลริน
“คุณทศ...”
“ผมไม่มีวันปล่อยพวกคุณ!”
ชายหนุ่มเสียงกร้าว แววตาขุ่นเข้มราวกับสุมด้วยไฟที่กำลังจะผลาญเผาหัวใจของหญิงสาว อณัศยามือเย็นเฉียบ เธอเคยเห็นด้านที่อบอุ่นของทศรัสมิ์ หากแต่ด้านมืดที่สำแดงออกมาให้เห็นวันนี้มันช่างน่ากลัวอย่างที่เธอคาดไม่ถึง ร่างบางก้าวถอยและหันหลังให้แต่แล้วต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงดุดันของชายหนุ่มดังขึ้น
“จำเอาไว้อณัศยา...ว่าวันหหนึ่งคุณกับแม่ของคุณต้องอยู่ในโลกที่พังพินาศเหมือนที่ผมกับแม่ของผมเคยอยู่มาก่อน!”
ร่างแน่งน้อยไม่รอฟังและก้าวออกมาทั้งน้ำตา หากแต่คำคาดโทษนั้นยังอื้ออึงในหู หญิงสาวกลับเข้าไปที่ศาลาฟังสวดอภิธรรมแต่แล้วก็ต้องรีบยกมือขึ้นปากรอยน้ำตาบนแก้มเมื่อเห็นมารดาเดินตรงเข้ามาแล้วถามขึ้น
“แยม...ไปไหนมาน่ะลูก”
“หนูไปเดินเล่นแถวนี้น่ะค่ะ นี่แม่จะไปไหนเหรอคะ?”
ลีลาพลิกข้อมือดูเวลาบนนาฬิกาฝังเพชรสักครู่ก่อนตอบ
“แม่ว่าจะกลับแล้วล่ะ”
“อ้าว...แล้วแม่ไม่คอยพบคุณทศก่อนหรือคะ นี่ก็ยังไม่ดึกเท่าไหร่เลย”
“ไม่ล่ะ...แม่คิดว่าจะไปพบทศรัสมิ์พรุ่งนี้เพราะทนายพิธานจะนัดให้แม่กับเขาไปรับฟังเกี่ยวกับการเปิดพินัยของคุณธนาดลที่บริษัท บางทีในพินัยกรรมของคุณธนาดลอาจจะระบุว่าแม่ได้รับทรัพย์สินอะไรบ้าง เพราะยังมีบางส่วนที่ทนายพิธานยังจัดการไม่เรียบร้อย...แยมจะไปกับแม่หรือเปล่า?”
“คงไม่ล่ะค่ะ พรุ่งนี้หนูมีนัดกับพี่พีท จะคุยกับเขาเรื่องงานเพราะพี่พีทติดต่อให้แยมไปทำงานที่บริษัทเพื่อนของเขา”
“ก็ตามใจ...แต่ว่า...” ลีลาหรี่นัยน์ตาลง “หนูเองก็ยังไม่ได้เจอคุณทศนี่นะ จะไม่ไปพบเขาสักหน่อยล่ะหรือ”
อณัศยารู้ดีว่ามารดากำลังคิดอะไรหากแต่หญิงสาวกลับเก็บงำเรื่องที่เธอได้พบกับทศรัสมิ์มาแล้วเมื่อครู่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ยังไง...หนูก็ต้องได้พบเขาอยู่แล้ว”
“แยม...ที่หนูไม่ไปนี่คงไม่ใช่เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับทศรัสมิ์หรอกนะ เห็นทนายพิธานบอกแม่ว่าที่เขาไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีน่ะ เขายังไม่แต่งงานหรือมีแฟนเลย”
ไม่มีเสียงตอบจากอณัศยาหากลีลาก็พอจะเดาอะไรออก สาวใหญ่ถอนใจเบา ๆ
“พรุ่งนี้ถ้าทนายพิธานเปิดพินัยกรรมทั้งหมดแล้วแม่ไม่ได้ทรัพย์สินอะไรเลยจริง ๆ แม่ก็คงต้องคุยกับทศรัสมิ์เป็นการส่วนตัว แม่จะขอให้เขาช่วยเหลือพวกเรา อย่างน้อยทศรัสมิ์ก็ต้องเห็นแก่ลูกบ้าง เขาควงไม่ใจจืดใจดำปล่อยให้เราสองแม่ลูกต้องลำบากหรอกนะ”