น่าแปลกนัก...ทั้งที่โต๊ะดังกล่าวไม่ได้อยู่ใกล้กับตรงที่เขานั่ง แต่เหตุใดจึงเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนนักชัดเจนทั้งความรู้สึกและสายตา
สิ่งแรกที่สายตาของเขาปะทะอย่างจังคือเรียวขา
เจ้าหล่อนขาสวยชะมัด!
ทักษกรรีบดึงสายตากลับมามองน้องเขยที่นั่งอยู่ตรงข้ามในฉับพลัน ไม่บ่อยครั้งนักที่ตัวเขาจะให้ความสนใจกับเพศตรงข้าม ใช่ว่าจะเบี่ยงเบนแต่เป็นเพราะผู้หญิงสมัยนี้น่าเบื่อหน่าย ทว่าคงต้องยกเว้นขวัญชีวาน้องสาวของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ตกลงคุณยังหาเวลาพาหนูวาไปฮันนีมูนไม่ได้หรือ” ชายหนุ่มถามน้องเขยเพื่อกลบเกลื่อนอาการ
บางอย่างที่เกิดขึ้น
“ตอนนี้กำลังเคลียร์งานอยู่ครับ คาดว่าคงจะว่างช่วงเดือนหน้า”
ฌอนตอบแล้วพานอยากรู้นักว่าเมื่อกี้พี่ชายผู้สุขุมคัมภีรภาพของภรรยาเผลอตัวมองใครอยู่ เขาจึงมองไปยังจุดหมายที่อีกฝ่ายมองอีกครั้ง และเป็นเพราะจุดที่เขานั่งอยู่สามารถมองเห็นบริเวณด้านล่างของผับได้ค่อนข้างชัดเจน
แล้วฉับพลันดวงตาของชายหนุ่มลูกครึ่งก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวรูปร่างระหงคุ้นตาคนหนึ่ง กำลังยกแก้วขึ้นชนกับคนร่วมโต๊ะแล้วยกขึ้นดื่มลงคอรวดเดียวหมดแก้ว
ฉิบหายละ! นั่นมันพี่พลูพี่สาวของเขาเองนี่หว่า หรือว่าเขาตาฝาด
ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วมองไปที่จุดเดิมอีกครั้งก็ยังคงเห็นเป็นเฉกเช่นเดิม มองอย่างไรร่างที่เห็นก็คือพี่สาวเขาอยู่นั่นเอง แม้จะเห็นเพียงด้านหลังก็ตามแต่เขาก็จำได้อย่างแม่นยำว่าเป็นใคร
ดื่มแบบนั้นเดี๋ยวก็เมาแย่หรอก ฌอนคิดอย่างกลัดกลุ้ม
“แล้วคุณล่ะอ๋อง กำลังมองอะไรอยู่”
ทักษกรชอบเรียกน้องเขยผู้มีอายุเท่ากันเป็นชื่อภาษาไทยมากกว่าชื่อภาษาอังกฤษ คนถูกถามซึ่งกำลังตกอยู่ในอาการไม่ปกติอดสะดุ้งโหยงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันได้ตอบคนถามก็พูดต่อออกมาอีกว่า
“ผู้หญิงคนนั้นสวยดีนะ”
“ผู้หญิงคนนั้นใครหรือครับ”
ถามออกไปแล้วฌอนก็อดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นที่ทักษกรพูดถึงหวังว่าคงไม่ใช่พี่สาวเขาหรอกนะ
“คนสวมกางเกงยีนส์ขาสั้นกับเสื้อสีขาวนั่นไง”
ฌอนลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลางสังหรณ์เขานี่ช่างแม่นเสียจริง หรือว่า...ที่อีกฝ่ายจ้องมองอยู่เมื่อกี้คือพี่สาวเขาเอง แบบนี้คงตรงกับสำนวนไทยที่ว่าจุดไต้ตำตอเป็นแน่แท้
“ผู้หญิงดื่มเหล้า” คนเป็นน้องเขยแกล้งพูดเปรยขึ้นน้ำเสียงหมิ่นๆ เพื่อหยั่งท่าที “ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ”
“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงสมัยนี้ดื่มเหล้า”
คำพูดไม่แสดงอาการยี่หระของพี่ภรรยาทำเอาคนฟังอดเงยหน้าขึ้นมองคนพูดไม่ได้
“คุณกรไม่ถือเรื่องแบบนี้หรือครับ”
“ถ้าอยู่ในขอบเขต ผู้หญิงสมัยนี้ควรต้องดื่มเหล้าให้เป็นจะได้ไม่ถูกใครมอมเหล้าได้ง่ายๆ “
ทักษกรพูดน้ำเสียงเรียบเรื่อย มองไปยังจุดเดิมอีกครั้ง พลางยกแก้วเหล้าขึ้นหมุนเล่นไปมา ราวกับตกอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์
“ดูท่าทางคุณกรจะสนใจผู้หญิงคนนี้”
คนถูกถามนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มจางๆ ทำให้ดวงหน้าหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
“ผมชอบผู้หญิงขาสวย”
คนถูกถามตอบไม่ตรงกับที่ถูกถาม ซึ่งคำตอบดังกล่าวทำเอาคนถามนึกขบขันอยู่ในใจ สนใจผู้หญิงเพราะขาสวยนี่นะ! แล้วถ้าขาสวยอย่างเดียวหน้าไม่สวยล่ะเจ้าตัวจะชอบไหม
“แล้วถ้าขาสวยอย่างเดียวหน้าไม่สวยล่ะครับ” คนเป็นน้องเขยเผลอหลุดพูดออกไปตามความคิด
“ถ้าบอกว่าไม่เป็นไรก็จะดูใจเร็วไปหน่อย รอให้เจอแบบนั้นก่อนค่อยพูดก็ยังไม่สาย”
ณอนฟังแล้วยิ้มจางๆ แล้วเกือบจะหลุดปากบอกออกไปแล้วว่าผู้หญิงที่อีกฝ่ายให้ความสนใจ และชมว่าขาสวยคือพี่สาวเขาเอง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าหิรัญญิการ์เคยเอ่ยปากออกมาว่า ไม่ค่อยชอบทักษกรนักถ้าเขาจำไม่ผิด สาเหตุมาจากเพื่อนตัวเองคลั่งไคล้ในตัวทักษกร
ซึ่งฟังแล้วไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ และตัวภรรยาเขาก็เคยบอกว่าพี่ชายเคยตั้งสเปกเอาไว้ว่า ผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนหรือภรรยาต้องไม่ใช่ผู้หญิงที่อายุมากกว่า พูดตรงๆ ก็คือไม่ชอบคนอายุมากกว่านั่นเอง
ซึ่งหิรัญญิการ์อายุมากกว่าเขาสามปีก็ย่อมมากกว่าทักษกรสามปีด้วยเช่นกัน เรียกว่าตกสเปกตั้งแต่ยังไม่ทันแนะนำให้รู้จักกันเลยก็ว่าได้
ฌอนคิดแล้วก็อดขำไม่ได้ เรียกว่าทั้งคู่น่าจะไม่มีวาสนาต่อกัน
ด้วยเหตุผลที่ว่านี้เขาก็คิดว่าชีวิตของทั้งคู่คงยากที่จะโคจรมาเจอกันอีก ดังนั้นไม่บอกน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ฌอนจึงหันเหหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นในทันควัน
“ได้ยินหนูวาบอกว่าคุณกรจะเปิดบริษัทใหม่หรือครับ”
พอพูดถึงเรื่องงานที่ตัวเองกำลังจดจ่ออยู่ทักษกรก็เบนสายตากลับมาทันที
“ใช่ ผมจะเปิดบริษัทสำหรับรีโนเวท เพราะไหนๆ เราก็มีบุคลากรด้านนี้ที่มีความสามารถพร้อมอยู่แล้วตอนนี้บริษัทที่รับทำแล้วมีฝีมือดีๆ มีอยู่ไม่กี่แห่ง ดังนั้นเราต้องฉวยโอกาสนี้ไว้”
“ผมเห็นด้วยครับ ตอนนี้คนหันมานิยมรีโนเวทบ้านกันมากกว่าจะรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่ ผมเคยเห็นตึกแถวบางแห่งรีโนเวทออกมาจนจำสภาพเดิมไม่ได้เลยครับ”
“ใช่ ผมจะใช้ชั้นที่เคยเป็นห้องประชุมเก่าของบริษัทเปิดเป็นบริษัทกำลังเฟ้นหามัณฑนากรฝีมือดีๆ มาตกแต่งสถานที่ใหม่อยู่” ทักษกรบอกคนเป็นน้องเขย