หิรัญญิการ์รับมาดื่มอึกใหญ่ก่อนจะทำตาโต
“อืม...อร่อยจริงอย่างที่แต๋นว่า มีรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ชอบชื่อจริงๆ ใช้ชื่อว่ามะปี๊ดโซดาในเมนูนะเพราะเห็นชื่อก็บ่งบอกถึงความแซ่บ แล้วถ้าอย่างนี้ทำน้ำมะปี๊ดขึ้นมาอีกอย่างสิแต๋น ต้องอร่อยแน่ๆ”
“ค่ะคุณพลู แต๋นกำลังจะบอกอยู่พอดี นิดหน่อยลองทำให้กินแล้วอร่อยอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ”
“แล้วเด็กใหม่สองคนนั่นมาทำงานวันนี้หรือเปล่าจ๊ะแต๋น”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวถ้าคุณพลูเห็นรับรองว่าต้องหัวเราะก๊ากอย่างแน่นอนค่ะ”
เสียงของสมาร์ตโฟนที่ดังขึ้นทำให้การสนทนาที่กำลังออกรสออกชาติต้องหยุดชะงักลง หิรัญญิการ์หยิบจากในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ขึ้นมาดูครั้นเห็นชื่อของคนโทร. มาหญิงสาวก็ยิ้มอย่างดีใจ เพราะเป็นฌอนน้องชายของเธอนั่นเอง กำลังคิดว่าเดี๋ยวจะโทร. ไปเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้เจ้าตัวฟังอยู่พอดี
“อ๋อง พี่กำลังจะโทร. ไปหาอยู่พอดี...”
ขวัญชีวามองสีหน้าและท่าทางแปลกๆ ของผู้เป็นสามี หลังจากเสร็จสิ้นการคุยโทรศัพท์กับพี่สาวอย่างสงสัยเพราะแทบจะไม่ได้ยินอีกฝ่ายพูดอะไรเลยคล้ายเป็นเพียงผู้ฟังมากกว่า
“มีอะไรหรือคะ แล้วคุยอะไรกับพี่พลู หนูฟังแป๊บเดียวก็วางหูแล้ว”
“พอดีคุณยายโทร. มาน่ะจ๊ะเลยต้องวางก่อน”
“แล้วทำไมพี่อ๋องต้องทำหน้าแปลกๆ ด้วยล่ะคะ”
ฌอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นหน้าไปหอมแก้มคนถามฟอดใหญ่ แล้วนั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะวกเข้าเรื่องสำคัญ
“พี่อ๋องลืมเล่าเรื่องเมื่อคืนให้หนูวาฟัง”
“เรื่องเมื่อคืน? ที่พี่อ๋องไปดื่มเหล้าที่ผับประจำของพี่กรน่ะหรือคะ”
“ใช่จ้ะ”
“พี่อ๋องพูดยังกับเมื่อคืนมีเรื่องอะไรยังงั้นแหละ” ขวัญชีวาเอ่ยถามออกไปโดยไม่คิดอะไร
“เมื่อคืนพี่ชายหนูวาถูกผู้หญิงอ้วกใส่”
“อะไรนะคะ!” ขวัญชีวาอุทานเสียงดัง ดวงตาคู่โตเบิกกว้าง “พี่กรน่ะเหรอคะถูกผู้หญิงอ้วกใส่”
“ใช่จ้ะ พี่อ๋องจะเอาพี่ชายหนูวามาพูดล้อเล่นได้ไงล่ะ”
แม้จะไม่ติดใจอะไรกับเรื่องเก่าก่อนแล้ว แต่บางครั้งฌอนก็อดพูดถึงพี่เขยด้วยน้ำเสียงติดรวนนิดๆ ไม่ได้
“แหม...หนูวาก็แค่สงสัยเท่านั้นเองค่ะ แล้วพี่กรถูกผู้หญิงที่ไหนอ้วกใส่ แล้วไม่โกรธแย่หรือคะ”
ขวัญชีวานึกสภาพของพี่ชายคนเล็กผู้หล่อเนี๊ยบตั้งแต่หัวจดเท้าไม่ออกจริงๆ ว่าหลังจากถูกสิ่งที่เรียกว่าอ้วกราดรดใส่ตัวแล้วจะดูไม่จืดเพียงไหน นอกเหนือจากนั้นคือความรู้สึกที่ตามออกมา
“โกรธเหรอ”
ฌอนทวนคำพูดพลางนึกถึงเรื่องที่พี่สาวโทร.มาเล่าให้ฟังสดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้ว่า เมื่อคืนมึนหัวเพราะดื่มเหล้าเข้าไปเยอะเลยอ้วกใส่ผู้ชายคนหนึ่ง แต่ยังเล่าไม่จบเพราะผู้เป็นยายโทร. เข้ามาเสียก่อน
หรือว่า...
ทำไมสองเหตุการณ์ถึงมาพ้องกันได้ แล้วฌอนก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนจะมีเหตุการณ์ที่ว่าเกิดขึ้น ทักษกรเห็นพี่สาวเขาแล้วเอ่ยชมว่าผู้หญิงคนนี้ขาสวยดี
จะเป็นไปได้ไหม!
ว่าผู้ชายที่พี่สาวเขาอ้วกใส่คือทักษกร เพราะตอนที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังว่าถูกผู้หญิงอ้วกใส่นั้นไม่ได้มีท่าทางโกรธอะไรนักหนา แถมยังพูดว่าอ้วกแล้วหนีอีกต่างหาก จำได้ว่าตอนนั้นเขาก็คิดตงิดๆ ถึงพี่สาวขึ้นมา เหตุเกิดที่ผับแห่งเดียวกัน คงไม่มีใครเมาแล้วอ้วกเหมือนกันหรอกน่า
แล้วที่เขาคิดว่าน่าจะไม่มีวาสนาต่อกัน ก็ชักจะยังไงๆ ซะแล้ว อาจต้องถอนความคิดซะแล้วกระมัง
“ทำไมเงียบไปล่ะพี่อ๋อง ตกลงพี่กรไม่โกรธแย่หรือคะ”
ฌอนยิ้มแห้งๆ
“ตามที่ดูด้วยตาแล้วไม่น่าจะแย่เท่าไหร่นะจ๊ะ”
“เอ้อ...แปลกดีนะคะ แล้วยังไม่ตอบที่หนูถามเมื่อกี้เลยว่าคุยอะไรกับพี่พลู”
ฌอนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เมื่อคืนพี่อ๋องเจอพี่พลูที่ผับนั่นด้วยนะ...”
นอกจากไม่ตอบคำถามฌอนยังพูดเรื่องเมื่อคืนให้ภรรยาฟัง เพราะเขารู้สึกตงิดๆ อย่างไรบอกไม่ถูก
“อ้าว...เหรอคะ แล้วพี่พลูเห็นพี่อ๋องหรือเปล่าคะ”
ฌอนส่ายหน้าแล้วจึงเล่าต่อ
“ไม่เห็นหรอกจ้ะ พี่พลูมากับเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าฉลองอะไรกันแต่ท่าทางเมาเอาเรื่อง แล้วที่พี่พลูโทร. มา
เมื่อกี้ก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนอ้วกใส่ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้”
“อ้วกใส่ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ เอ...ทำไมถึงมาพ้องกับเรื่องของพี่กรล่ะคะหรือว่าคนที่พี่พลูอ้วกใส่คือพี่กร”
“นั่นแหละที่พี่อ๋องกำลังคิดอยู่ถึงได้ทำหน้าแปลกๆ ไงล่ะจ๊ะ คนที่จะให้คำตอบเราได้ก็คือพี่พลู”
เสียงของสมาร์ตโฟนที่ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่พากันหันไปมองด้วยความหวังแล้วต่างก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นชื่อคนที่โทร. มา ฌอนหยิบมาแล้วกดรับทันทีหลังจากคุยอยู่พักใหญ่ก็วางหูก่อนจะฝืนยิ้มให้ภรรยา
“เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ”
“หมายความว่าผู้หญิงที่อ้วกใส่พี่กรคือพี่พลู แต่พี่พลูรู้จักพี่กรด้วยหรือคะ หนูจำได้ว่าทั้งคู่ยังไม่เคยเจอกันเลย”
ขวัญชีวาพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งสงสัย เพราะตอนงานทำบุญที่โรงงานทักษกรไม่อยู่ไปต่างประเทศ ส่วนตอนงานแต่งงานของเธอกับฌอนนั้นหิรัญญิการ์ก็ป่วยเป็นอีสุกอีใส
“คืออย่างนี้...”
ฌอนเล่าเรื่องที่เคยได้ยินผู้เป็นพี่สาวพูถึงพี่ชายของภรรยาให้ฟัง
“อ๋อ แสดงว่าพี่พลูรู้จักพี่กรจากเพื่อนนี่เอง”
ขวัญชีวาพูดแล้วดวงหน้าสะสวยก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ซึ่งคนเป็นสามีมองแล้วเสียวสันหลังวาบ
“ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงจ๊ะหนูวา”
“พี่อ๋องคิดว่าเหตุการณ์ของพี่กรกับพี่พลูเป็นเรื่องแปลกไหมล่ะคะ คนสองคนที่สมควรจะเจอกันนานแล้วแต่ไม่เจอกัน กลับมาเจอกันในเหตุการณ์ชวนอิหลักอิเหลื่อ คล้ายๆ กับตอนที่หนูเจอพี่อ๋องครั้งแรกเลยนะคะ แต่ของพี่พลูหนักกว่าตรงฝากรักพี่กรด้วยอ้วกนี่แหละค่ะ”
ฌอนยิ้มกว้าง ยกนิ้วจิ้มหน้าผากมนของคนพูดอย่างเอ็นดู
“อย่าบอกนะหนูวาจะจับคู่พี่ชายตัวเองกับพี่สาวพี่อ๋อง”
“แน่นอนค่ะ น่าจับคู่จะตาย แล้วพี่อ๋องก็บอกว่าพี่กรไม่ได้มีท่าทีโกรธอะไรที่ถูกอ้วกใส่ทั้งที่เป็นเรื่องน่าโกรธจะตาย”
ฌอนเล่าเรื่องที่ทักษกรชมขาหิรัญญิการ์ว่าสวยให้ฟังอีกเรื่อง ซึ่งขวัญชีวาฟังแล้วถึงกับยิ้มกว้างอย่างถูกอกถูกใจ
“พี่กรชอบผู้หญิงขาสวย ทุกคนในบ้านรู้เรื่องนี้ดี แต่ว่า...” ขวัญชีวาหน้าม่อยลงทันทีเมื่อนึกถึงเรื่อง
บางอย่างขึ้นมา “พี่กรไม่ชอบผู้หญิงอายุมากกว่านี่สิคะที่เป็นปัญหา”
“พี่พลูก็ดูไม่ชอบหน้าพี่ชายหนูวาทั้งที่ยังไม่เคยรู้จักเหมือนกันจ้ะ”
“โชคดีนะที่พี่อ๋องไม่แนะนำพี่พลูให้พี่กรรู้จัก ไม่งั้นลุ้นไม่ขึ้นแน่นอน”
“พูดยังกับตอนนี้ลุ้นขึ้นอย่างนั้นแหละ แล้วพี่อ๋องมองว่าวงจรชีวิตของทั้งคู่ไม่น่ามาเจอกันได้หรอก”
ฌอนพูดตามความคิดตัวเอง ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับภรรยานักเพราะฟังจากคำพูดก็รู้ว่าพี่สาวไม่ปลื้มทักษกร แล้วตัวทักษกรเองก็ไม่ชอบผู้หญิงอายุมากกว่าอีกต่างหาก
“เรื่องนี้ปล่อยให้หนูจัดการเอง พี่อ๋องเป็นผู้ชมห่างๆ ก็พอค่ะ”