บทที่ 3 ผู้ชายคนนี้ชื่อทักษกร E.2

1170 คำ
ทักษกรมองเจนจิราหรือชื่อเดิมว่าสมเจตน์ที่อยู่ในชุดสูทหรูคัตติ้งเนี๊ยบ เหมาะสมกับตำแหน่ง เลขานุการส่วนตัวของเขา รวมทั้งหน้าตาสะสวยจนผู้หญิงแท้ๆ อายด้วยสายตาขบขัน ตัวเขาและอีกฝ่ายเป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย และที่สำคัญเมื่อก่อนเจ้าตัวไม่ได้มีวี่แววหรืออาการบ่งบอกว่าจะเบี่ยงเบนทางเพศเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังเคยร่วมไล่เตะเพื่อนกะเทยที่มาเจ๊าะแจ๊ะเขาอีกต่างหาก ไม่นึกว่าหลังจากตนเองไปเรียนอยู่ต่างประเทศไม่กี่ปี กลับมาจะเจอเพื่อนสนิทกลายมาเป็นหญิงสาวสวยที่ไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เมื่ออีกฝ่ายมาหาที่บริษัทและบอกว่าตัวเองคือสมเจตน์ ตอนแรกเขายังไม่เชื่อจนกระทั่งต้องมีหลักฐานยืนยัน และนับจากวันนั้นเจ้าตัวก็กลายมาเป็นเลขาฯ ของเขา ที่มีความสามารถหลากหลาย ทำงานได้ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ และมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเจนจิราเป็นอดีตผู้ชายมาก่อน “คุณบอสขา นั่งเงียบแบบนี้คิดอะไรกับจีจี้อยู่รึเปล่าคะ” เจนจิราหรือชื่อดั่งเดิมว่าสมเจตน์พูดลาก เสียงยาวอย่างหยอกเย้า แกล้งช้อนตาหวานมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นเจ้านาย “แล้วคนสวยตั้งแต่ศีรษะจดเท้าแบบเดี๊ยนจะให้ชื่อสมเจตน์ คุณบอสคิดว่ามันเหมาะสมแล้วหรือค้า” “แกไม่ต้องมาทำเสียงกระแดะและมองฉันด้วยสายตาแบบนี้เลยนะเจตน์ เดี๋ยวเกิดหมั่นไส้ขึ้นมาจะ เตะโด่งแกออกไปนอกห้องไม่ทัน แกก็รู้นี่นาว่าฉันเตะคนแบบแกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว หรืออยากจะลอง” คนเป็นเจ้านายพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ไม่ได้มองว่าคู่สนทนาของตัวเองเป็นหญิงสาวที่สวยตั้งแต่ศีรษะจดเท้าอย่างที่เจ้าตัวพูดออกมาปาวๆ แต่อย่างใด ทั้งยังไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นสตรีเพศเลยสักครั้ง เพราะไม่สามารถลบภาพเก่าๆ สมัยตอนเป็นบุรุษเพศได้ ตัวคนแกล้งพูดยั่วก็รู้จุดเดือดจุดนี้ของคนเป็นเจ้านายกึ่งเพื่อนดีจึงลดท่าทีลง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกเย้าออกไปอีกนิดหนึ่งว่า “แหม บอสจะใจร้ายเตะโด่งคนสวยอย่างจีจี้ได้เชียวหรือคะ” ตาดุวาบที่ส่งมาจากดวงหน้าหล่อเหลา ทำให้เลขาฯ ขี้แกล้งเลิกเล่นแล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง “แหม...ไอ้กร ฉันเห็นแกหน้าเครียดๆ เลยพูดหยอกเล่น แค่นี้ก็ทำเป็นโมโหไปได้” คำพูดที่เปลี่ยนกลับมาเป็นสถานะเพื่อนเหมือนเดิมทำให้สีหน้าของทักษกรค่อยคลายลง “คราวหน้าหยอกก็หัดมองทิศทางลมด้วย” เจนจิรามองหน้าเจ้านายพลางคิดในใจอย่างสงสัย หญิงสาวที่เข้ามาพรีเซนต์งานก็ล้วนแต่หน้าตาสวยๆ ทั้งนั้น เหตุไฉนเจ้านายของเธอถึงอารมณ์ไม่ดีอีก “ตกลงว่าบอสไม่ถูกใจใครเลยสักคนหรือคะ” แม้จะอยู่กันตามลำพัง แต่เจนจิรามักจะใช้คำพูดกับเพื่อนสนิทด้วยถ้อยคำให้เกียรติและเป็นงานเป็นการทุกครั้ง ยกเว้นเวลาอยากพูดกระเซ้าเย้าแหย่ยามอยู่กันตามลำพังอย่างเมื่อกี้เท่านั้น “ถูกใจอะไรเล่า ฉันอยากรู้นักว่าแต่ละคนจะมาพรีเซนต์งานหรือจะมาพรีเซนต์ตัวเองกันแน่ แต่งตัวกันยังกับอยู่ในงานมอเตอร์โชว์ก็ไม่ปาน” คนเป็นเลขาฯ หัวเราะคิก ไม่แปลกใจกับความปากร้ายของคนเป็นเจ้านายนัก “แหม...ปากจัดนะคะ เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่ หน้าตาหรือการแต่งตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการพรีเซนต์ตัวเองก่อนเรื่องงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักหรอกค่ะ” ทักษกรนึกถึงหญิงสาวจากบริษัทรับตกแต่งภายในชื่อดังเมื่อครู่นี้ ที่เขาแทบจะไล่ตะเพิดออกไปตั้งแต่เข้ามา เพราะแม่เจ้าประคุณนุ่งสั้นมากซึ่งถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจนึกไปถึงไหนต่อไหน แม้ตัวเขาจะชอบผู้หญิงขาสวยแต่ที่เห็นก็ไม่ใช่สเปก อะไรที่เกินงามมากไปก็มักไม่น่ามอง เมื่อนึกถึงเรื่องขาสวยขึ้นมา ภาพของหญิงสาวในผับเมื่อหลายคืนก่อนก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพ ทันทีทันใด เพราะนอกจากขาจะสวยไม่แพ้หน้าตา ยังฝากอ้วกเหม็นๆ ไว้ที่ตัวเขาแล้วเผ่นหนี นอกจากนั้นยังทำให้เขาเกือบถูกกะเทยหื่นปลุกปล้ำในห้องน้ำอีก ทุกอย่างต้องโทษผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว! โลกคงไม่กว้างเกินไปสำหรับเขาหรอกน่า ชายหนุ่มมั่นใจว่าสักวันต้องเจอผู้หญิงคนนั้นอีกแน่ จะช้าหรือเร็วเท่านั้นแหละ “อ้าว...ทำไมเงียบไปล่ะคะบอส” คำถามของเลขาฯ ส่วนตัวทำเอาทักษกรที่กำลังไพล่ไปคิดถึงเรื่องของผู้หญิงที่อ้วกใส่เขา ต้องรีบไล่ ภาพที่ว่านั่นออกไปในทันทีแล้วกลับมาพูดเรื่องานที่คั่งค้างกันอยู่ “ต่อไปนี้แกไม่ต้องนัดพวกบริษัทรับตกแต่งภายในมาให้ฉันแล้วนะเจตน์” คำเรียกว่าเจตน์ของเจ้านายทำเอาเจ้าของชื่อพ่นลมหายใจออกจากปากอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แต่คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะบอกแล้วบอกเล่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ก็ไม่เห็นได้ผล เอาวะ อยากเรียกก็เรียกไปเอาตามที่สบายใจเลยนะบอส “ไม่นัด แล้วจะทำยังไงล่ะคะ” คนเป็นเจ้านายนั่งนิ่งไปชั่วครู่ราวกับกำลังใช้ความคิดแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ “แกจำล็อบบี้ของโรงแรมแถวๆ สีลมที่เราไปประชุมกับลูกค้าเมื่อเดือนก่อนได้ไหม” เจนจิรานั่งนึกอยู่ครู่หนึ่งก็คลี่ยิ้มออกมา “จำได้ค่ะ ที่บอสบอกว่าล็อบบี้โรงแรมนี้ตกแต่งไม่เหมือนโรงแรมทั่วไป นั่งแล้วเหมือนอยู่ในบ้านตัวเองอย่าบอกนะคะว่าจะแต่งบริษัทให้เป็นบรรยากาศแบบนั้น” “แกว่าไม่ดีหรือไง สร้างบรรยากาศให้พนักงานเกิดความเป็นกันเองจะได้ทำงานกันอย่างไม่เคร่งเครียดอย่าลืมนะเจตน์ว่างานรีโนเวทน่ะยากกว่าก่อสร้างใหม่อีก แต่มันเป็นงานที่ท้าทายความสามารถ อริยะสัตย์กรุ๊ป รับแต่งานก่อสร้างสิ่งใหญ่ๆ ทั้งนั้น ฉันเลยอยากทำของเล็กๆ อย่างบ้านบ้าง” ทักษกรพูดยิ้มๆ ความจริงเรื่องตกแต่งภายในนั้นหาคนมาทำไม่ยาก เพราะบริษัทเขาเป็นบริษัท ก่อสร้างอยู่แล้ว เพียงแต่เขาต้องการงานตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเท่านั้น “ค่ะ เดี๋ยวจีจี้จะสืบเสาะว่าบริษัทไหนตกแต่งล็อบบี้โรงแรมนั้นให้ค่ะไม่เกินสองวันค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม