ตอนที่ 6
ลู่หลินจึงเอ่ยถาม “จะไปไหนหน่ะ” นางถาม ม่านอิงที่เห็นเดินไปยัง ชายชนชั้นสูงของหอบุหลันที่พวกเขานั้นนั่งอยู่ด้วยกันเพียงสองคน
และมีสตรีข้างกายที่ออดอ้อนเช่นลูกแมวน้อยคลอเคลียให้เจ้านายของมันหยอกเย้า แต่ว่าบุรุษที่สวมหน้ากากนั่น แสดงทีท่าว่าเขาอยากจะหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เมื่อเถาม่านหลิวเยาะยิ้มเย้ยใส่สามีของตนเอง นัยน์สุกสกาวก็วาวโรจน์ขึ้นมาทันใด
กลิ่นอายที่มักจะแผ่ออกมาช่างมหาศาลนักและวันนี้คาดว่าสามีของนางคงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มถ้าหากโชคดี และโชคร้ายละก็หนังสือหย่าขาดจากนางส่งถึงเขาแน่นอน
“คือข้ารู้จักพวกเขาอยากเข้าไปทักทายตามประสาคนคุ้นเคย” เถาม่านหลิวเอ่ยขึ้น อาปาเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ
“เอ่อ เช่นนั้นหรือ งั้นเดี๋ยวข้าจะไปเรียนนายหญิงเรื่องค่าตัวของเจ้าก็แล้ว” ลู่หลินกล่าวแล้วก็หมุนกายออกไปยังห้องใหญ่ของนายหญิงของหอบุหลัันแล้ว
เถาม่านหลิวเดินอย่างองอาจและทระนงตนเอง เมื่อถึงบุรุษที่นางหมายตาว่าจะจัดการพวกเขาทั้งสองแล้วละก็นางจึงได้เริ่มแผนที่วางเอาไว้ในหัวออกมา “คารวะพี่ใหญ่” นางยอบกายลงอย่างอ่อนช้อย
ไท่จื่อถึงขั้นสำลักสุราจนหน้าแดงซ่านทีเดียวเขาไม่คิดว่าน้องเขยจะพูดเรื่องจริง
สตรีสองนางก็มองที่ร่างบางเดินมากล่าวคำทักทายบุรุษของพวกนาง “นี่เจ้าออกไปเสีย อย่าได้มายุ่งกับคุณชายของข้า” สตรีที่นั่งข้างไท่จื่อเอ่ยขึ้น ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ในใจของนางนั้นก็ยากจะคาดเดาว่าคิดเช่นไรอยู่แน่
“ขออภัยแม่นางทั้งสองด้วย ข้าให้เจ้าถือว่าเป็นรางวัล” เถาม่านหลิวโยนถุงอัฐให้ในนั้นมีเหรียญทองอยู่สี่เหรียญ “หากไม่ออกไปดีๆ ละก็...คงได้นอนใต้ฝ่าเท้าของข้า” นางกล่าวเสริมขึ้นมา แต่กลิ่นอายที่ทำให้พวกนางนั้นหวาดกลัวก็คือคุณชายทั้งสองนั้นแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เห็นทีว่าพวกนางก็คงต้องลุกออกไปจากที่นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว “แม่นางเจ้าชื่ออะไร ข้าชอบเจ้ามากคืนนี้อยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่” บุรุษรูปงามที่อยู่ในห้องโถงกลางเอ่ยถาม ม่านหลิว นางแย้มยิ้มใต้ผ้าคลุม
“หากไม่อยากตายก็จงหุบปากของเจ้าเสีย” นางกล่าวอย่างเดือดดาล จนบุรุษรูปงามชักสีหน้าไม่พอใจ และหันกลับไปดื่มสุราย้อมใจตนเอง เขายกสุราทั้งกาใส่ปากตนเองจนหมดกา มิมีใครกล้าดูถูกเขาเช่นนี้มาก่อน
“น้องหญิงใจเย็นๆ ก่อนเถิด เอาเป็นว่าไปคุยกันที่ห้องก็แล้วกันนะ” ไท่จื่อเห็นท่าไม่ดีจึงได้เอ่ยเตือนน้องสาว ที่เขานั้นรักและเอ็นดู ส่วนสามีของนางได้แต่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ไม่กล้าเอ่ยความอันใดออกมา นางยกยิ้มชำเลืองมองด้วยหางตา
อาปาเอ่ยคำใบ้อยู่ด้านหลังให้เจ้านายของตนได้รู้ความพลางชี้มือชี้ไม้ใส่นายหญิงของตน พลางส่ายหน้าเป็นระวิง นางรู้ว่าอาปาทำอะไรบ้าง แต่นางต้องกำราบสามีของตนเองให้ได้เสียก่อนมิเช่นนั้นเหล่าเงาของเขาก็จะไม่เชื่อฟังนางและวันนี้นางจะประกาศเสียเลย
นางเป็นถึงบุตรีของขุนพลใหญ่แต่สามีตัวดีกล้าหยามหน้าของนางถึงเพียงนี้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น บิดาสอนสั่งให้เข้มแข็ง มารดาสอนสั่งให้อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ให้ใช้สมองมากกว่ากำลัง กลยุทธ์นั้นขึ้นอยู่ที่เราเริ่มวางหมาก หากอยากให้ผู้ใดอยู่ใต้เงื้อมมือเราคอยดูแลเขาเอาใจใส่เขา หมั่นหาของที่เขาชอบ แต่หากถึงเวลาเราก็ต้องจัดการอย่าให้เหลือค้างคา
บุตรีของขุนนางขั้นต่ำได้รับสมรสพระราชทานกับแม่ทัพไร้พ่ายก็มีข่าวลือหนาหูว่านางนั้นอัปลักษณ์ยิ่งนักเพราะงานใดๆ ในวังหลวงจัดนางมิเคยได้ย่างก้าวออกไป หากเพียงแต่นางนั้นอยู่ดูแลฮองเฮา คอยหาหยูกยาให้พระนางยามเมื่อพระนางประชวร
งานรื่นเริงใดๆ ล้วนเป็นเพราะเถาม่านหลิวไม่ชอบเหล่าคุณหนู บุตรีของขุนนางที่มักทำตัวโอ้อวดและกดข่มผู้อื่น นางจึงไม่อยากเข้าไปร่วมงาน
“ไม่เจ้าค่ะ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้สบายดีหรือไม่ อีกสองวันข้าจะไปเยี่ยมนะเจ้าคะ” นางเอ่ยกล่าวกับพี่ชายของนาง พลางล้วงเข้าไปใต้แขนเสื้อส่งกระดาษใบหนึ่งส่งไปให้สามีของนางที่สวมหน้ากากปีศาจสีแดง
“ท่านพี่ น้องให้ท่านนะเจ้าคะและหวังว่าท่านจะหาสตรีที่พึงใจสักคนกลับจวนคืนนี้” นางเอ่ยออกมาท่าทางยิ้มแย้ม แต่เปล่าเลยนางให้เกรียติเขาถึงที่สุด
ส่วนสามีก็รับมาแบบงุนงงระคนสงสัย แต่ก็ยังไม่เปิดออกมา ในใจเขาคิดว่าภรรยากินอะไรถึงได้ใจดีเช่นนี้
เถาม่านหลิว เดินออกไปพร้อมอาปา ทั้งคู่รีบเดินอย่างรวดเร็วใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ ตอนนี้นางเก็บอารมณ์ไม่อยู่จนอยากจะระเบิดออกมาแล้ว
ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมมิมีรอยยิ้มเช่นเมื่อครู่ให้เห็นสักนิด พลางดึงผ้าคลุมหน้าออกอย่างไม่ไยดี ผ้าผืนบางร่วงหล่นบนพื้นนางไม่สนใจกับผ้าที่ไร้ค่าไร้ราคา
“น้องหญิงให้อะไรเจ้าไม่เปิดออกดูหรือไร” ไท่จื่อกล่าวพลางชะเง้อดูกระดาษที่อยู่ในมือของฟางเทียนหมิง
“พี่ใหญ่ ท่านดูน้องสาวท่านช่างกล้านัก ริอาจจะหย่าสามีเช่นข้า เห็นทีว่าข้าคงจะใจดีกับนางมากเกินไปแล้วกระมัง” เขาแกล้งเอ่ยกับไท่จื่อ พลันรีบลุกขึ้นหวังจะกลับจวนให้ทันภรรยาของเขา
‘วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้า ไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อ ฟางเทียนหมิง’
จวนท่านแม่ทัพ
สองนายบ่าวควบม้าอย่างรวดเร็วออกจากหอบุหลัน ก็ตรงดิ่งกลับมาที่จวนทันที ร่างบางของฮูหยินก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งรีบเข้าไปที่เรือนใหญ่ของนาง เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เสี่ยวชุนก็เตรียมอ่างน้ำสำหรับล้างหน้าและอาภรณ์ที่ไว้ใส่นอน
ร่างบางของฮูหยินนั้นก็ได้เอ่ยให้เสี่ยวชุนกลับเรือนของตนเองและให้เก็บอาภรณ์ของนางใส่หีบพรุ่งนี้จะไปที่จวนตระกูลเถา เสี่ยวชุนสาวใช้ก็พยักหน้าอย่างงุนงงกับเจ้านายของนาง แต่ก็มิเอ่ยถามความอันใดกับฮูหยิน และคาดว่าน่าจะเป็นท่านแม่ทัพอีกแล้วที่ทำให้ฮูหยินเหลืออด
เมื่อเสี่ยวชุนออกจากห้องนอนแล้ว นางก็ลงกลอนประตูทันที พลางจัดเก็บอาภรณ์ที่จำเป็นเพราะนี่ก็ดึกมากแล้วจึงไม่อยากออกไปพักโรงเตี้ยมหรือกลับจวนตอนมืดค่ำ เกรงว่าบิดาจะไม่พอใจ ว่าที่อดีตสามีผู้นี้