การพูดเรื่องลูกนำมาขู่ใส่หล่อนก็แค่คำอ้างของเขา เพราะคนอย่างเมนิกาพยศไง เขาต้องใช้วิธีแบบ นี้ แล้วหล่อนก็ล้าแรง เพราะสารพัดจะใช้วิธีการก็สะกัดและหยุดยั้งเขาไม่ได้ ข้างนอกนั้นเงียบ ลูกชายไม่ได้มากวน แหม ลูกชายของหล่อนอีกคน ช่างเป็นใจพร้อมใจที่จะเข้าข้างพ่อนัก เมื่อเมนิกาล้ามากเธอจึงตัดพ้อเขา
ให้เวลาผ่านไปนานพอสมควร การออกเรี่ยวแรงทำให้ฝ่ายชายเหนื่อยและหอบนิดไม่ต่างไปจากหล่อน จนร่างสูงนั้นขยับฝีเท้าเข้าไป มือทั้งสองของเขาคว้าจับที่ข้อมือน้อยให้ทรุดนั่งที่ขอบเตียงบนที่นอน เมนิกาตกใจเช่นกันที่ปุบปับแบบนี้ ดูเหมือนเมื่อมือแข็งแรงของเขาจับที่ข้อมือน้อยพอหล่อนยอมทรุดนั่งกับเขาแล้วจึงปล่อยมือ เมนิกาอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายนัก แต่ก็กลั้นอารมณ์เอาไว้
“ขอโทษด้วยที่ใช้ความรุนแรง” คำพูดที่ยอมหลุดจากปากของเขาเป็นครั้งแรก เหมือนอีกฝ่ายสำนึกและคิดได้ แต่เมนิกากลับเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะคำพูดที่เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังของเขา น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนลง
“ถ้าคุณจะเชื่อผม ทำตามผมบ้าง เราก็ไม่ใช่คนอื่นไกล” เมนิกาก้มหน้าลงต่ำมองพื้น ท่าทีขัดขืนอย่างนี้ของเธอนี่สิ เรียกอารมณ์หมั่นไส้ของเขาได้เร็วรี่นัก จนอยากจะจัดการให้เลยเถิดอย่างนั้น
“พยศ” คำนี้หนักและดังจากปากเขา เมนิกาจะทำอะไรได้อีกเพราะเธอก้มหน้าลง ได้ยินคำพูดที่เหมือนด่าทอค่อนใส่หล่อน
“ยิ่งคุณเงียบ ผมยิ่งได้ใจนะเมนิกา” เสียงดังนั้นห้วนตามมาอีก เมนิกาค่อยๆช้อนดวงตาพร้อมกับเงยขึ้นมอง
“คุณจะทำอะไรได้นอกจากเป็นผู้ร้ายเป็นเหมือนโจร” คำจากหล่อนเขาสะอึก เมนิกาก็ยังไม่ปราณีเวทนาเขาเลย จนมาคิดในบัดนี้ เขาควรปล่อยหล่อนดีมั๊ย มันหลายครั้งหลายคราแล้ว หัวใจของหล่อนไม่ได้มอบให้เขาแล้วเหมือนอย่างทีแรก ที่เคยมีต่อกัน เจ็บแปลบ เมื่อ ชารุตหวนย้อนไปถึงรักครั้งแรกที่เพิ่งพบเจอกัน มันไม่ใช่แบบนี้ แต่ทั้งสองรักกันล้นใจ มันคืออดีตที่เขายังพิมพ์ประทับใจ และเธอคงไม่ประทับใจเหมือนเขา อารมณ์ที่เป็นแบบนี้ของเธอ ทำให้แววตาแข็งกร้าวของเขานั้นลดลง พร้อมกับชักมือของตัวเองออกพร้อมกับร่างสูงยินยอมที่จะก้าวออกจากตรงนั้น จนเมนิกาแสนแปลกใจกับท่าทีของเขา ที่การกระทำและคำพูดของหล่อนแบบนี้ มีอิทธิพลต่อเขา
ชารุตตรงมาหาบุตรชายพร้อมกับกอดและหอมบอกลูกชายด้วยเสียงกระซิบที่ริมกกหูด้านซ้ายว่า
“พ่อกลับก่อนนะ รีบเข้านอนเถอะลูก พรุ่งนี้ต้องไปเรียน” เมนิกาก้าวตามมา หล่อนชะงัก บุตรชายของเธอเดินไปเปิดประตูให้พ่อพร้อมทั้งส่งเขาด้วยรอยยิ้มและมือที่ทักโบกไปมาต่อการอำลามื้อค่ำใกล้จะดึกอย่างนี้ เอาเข้าจริงเมนิกายังวางอารมณ์ไม่ถูก ประตูปิดอีกครั้งพร้อมกับร่างที่หายไปของอดีตสามี และหล่อนเห็นแววตาเศร้าแกมขมขื่นผิดหวังจากดวงตาคมเข้มของเขา
กลับทำให้เมนิกามานอนครุ่นคิดว่ เธอทำผิดหรือเปล่า เธอคือสาเหตุ ทำไมเธอพยายามคิดเรื่องนี้ ในเมื่อเธอโทษเขา แต่ใจเธอกลับพยศ โอนเอนให้เขา ใจอ่อนลงให้เขาไปอีกหน จนลูกนอนหลับแล้วแต่เธอหลับไม่ลง คือมีความกระวนกระวายเต็มกระบอกตา ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ ทำไมคราวนี้ชารุตเย็นชากับเธออย่างหนักหนา ไม่มีความรักแรงสวาทเจือปน แต่คิดไปอีกทาง เมนิกาคิดว่าสมใจเธอแล้วนี้ มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการเช่นนั้น แต่ทำไมหัวใจของเธอกลับเจ็บแปลบหม่นอารมณ์แทน
เธอไม่อาจจะอดรนทนได้ เมื่อเมนิกาตัดสินใจลุกจากที่นอนบุตรชายหลับปุ๋ยสนิทในชุดเดิมของหล่อนคือชุดนอน ก้าวออกจากห้องกดลิฟต์ เธอเข้ามารบกวนเขาอีก ดึกแล้วก็ตาม เสียงของเธอดังพอสมควร “นี่ชารุตเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ มาคุยกันอีก”
ด้านในมีเสียงขลุกขลักแสดงว่าเขาไม่นอนและประตูก็เปิดอีกครั้งพร้อมกับแสงไฟด้านในที่สว่างเพียงมุมหนึ่ง เจ้าของห้องเปิดประตูแล้วสีหน้าของเขาเฉยเมยหนักไปจนถึงกับเย็นชา
“ฉันขอเข้าไปได้มั๊ย”
“คุยกันอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ” เจ้าของห้องสำทับเสียงตึงดุ
“ฉันขอโทษ” เธอเป็นคนกล่าวคำนี้บ้าง คิดว่ามันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เปล่าเลยเขากลับนิ่งเงียบ และเย็นชาลึกกว่าเดิมอีก ไม่พูดจาอะไรตอบด้วย เมนิกายิ่งเหมือนคนเหวอไปใหญ่ ที่อารมณ์ของหล่อนมันขึ้นลงก็จริง แต่เมื่อถูกเขากระทำเย็นชาใส่หล่อนอย่างหนักหน่วงกว่า เธอก็เจ็บแปลบและไม่ต้องการรับรู้รสอารมณ์แบบนั้น
“กลับไปเสียเถอะ ต่อไป ผมจะไม่ยุ่งกับคุณแล้วนะ เราจะไม่ได้มาเกี่ยวข้องกันอีกครั้ง สิ่งที่เกี่ยวข้องมีแค่ เรามีลูกด้วยกันที่ต้องรับผิดชอบ” เสียงพูดของเขาชัดเจน เมนิกาไม่ได้พูดอะไรตอบโต้เลย เขาก็ปิดประตูลงทันที จนหล่อนยืนนิ่งตัวชาอยู่หน้าห้องของเขาพร้อมกับสะกดอารมณ์ตัวเอง
และในที่สุดเมนิกาพร้อมด้วยใบหน้าที่เรียกว่าซีดเหมือนแผ่นกระดาษเปล่า กับหัวใจที่เศร้าลงเพราะคำพูดของเขา ทำไม หล่อนสับสนอยู่ในใจ ถ้าชารุตจะง้องอนหล่อนบ้างก็ดี เขาควรจะทำแต่เขาก็ไม่ทำ จนกลับเข้ามาที่ห้องทรุดตัวลงนอนใกล้ลูกกอดลูกอีกครั้ง เมนิกาพร่ำเพ้อเหมือนคนละเมอในตอนดึก หล่อนไม่รู้ว่าหล่อนละเมอพูดอะไรขึ้นบ้าง ในตอนที่ไร้สติ หล่อนก็จดจำอะไรไม่ได้จนถึงรุ่งเช้า