ในความคิดที่ดูไม่พอใจเมนิกาอย่างมากของชารุต เพราะหนุ่มตาน้ำข้าวคนนั้น หมอนั่นที่เขาเคยคุ้นและรู้จักมาก่อน ตั้งใจจะมาทำงานที่เมืองไทย มานานหลายเดือนแล้ว เขารู้ดีว่าหมอนั่นต้องการอะไร ชารุตคิดอย่างคนมีภาษีดีกว่า ยังไงเขาก็เป็นพ่อของลูก ตรงนี้เขาได้แต้มากกว่า เมนิกาอีกอย่างในตอนนี้ลูกเริ่มติดเขามาก
เธอจะยั่วฉันด้วยวิธีนี้หรือเมนิกา เมื่อครุ่นคิดแล้วใจเองก็ครุ่นลอยตามไปด้วย มีการคาดคิดอีก เขาจะต้องทำอย่างไรดี ตอนนี้มันก็ดีแล้ว การได้เทียวไปเทียวมาหาลูก และพักอยู่ในคอนโดเดียวกัน
วันนี้กลับมาถึงที่พักแล้ว ก็มีความคิดที่จะไปหาลูก ในเมื่อแม่อย่างเธอช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ลูก เขาเป็นพ่อก็ต้องทำหน้าที่แทน เมนิกาจะมาปฏิเสธเขาไม่ได้ เธอทำหน้าที่การเป็นแม่ที่บกพร่อง ด้วยการทิ้งขว้างลูก แม้อีกอย่างเขารู้ว่าเธอทำงานหนัก งานของเธอมีหลายอย่างการเป็นผู้บริหารระดับสูงทำเองทุกอย่าง และมีลูกมือช่วย แต่เขาก็มองว่าเป็นงานที่หนัก คิดแวบนั้นแล้ว ชารุตก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่กับบ้านอยู่สบายกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด เดินเข้าไปกดที่ลิฟต์
“ฟารุตพ่อเอง” ชารุตให้เสียงหลังจากเดินมาหยุดหน้าห้อง แสดงว่าลูกชายอยู่คนเดียว เสียงจากด้านในเหมือนจะขลุกขลักและได้ยินพร้อมกับเดินมาเปิดประตูให้เขาทันที
“พ่อ”
“ทำอะไรอยู่ลูก”
“การบ้านครับ”
“ทำเองเลยหรือ”
“วันนี้แม่ไม่ได้มาสอน แม่บอกว่ามีธุระอยู่ข้างนอก” เสียงคำพูดของลูกชายที่เจื้อยแจ้ว ทำให้เขาคิดไปอีกทางว่า ธุระส่วนตัวนะสิในการเที่ยวบริหารเสน่ห์ให้พวกตัวผู้ตาโต
“ให้พ่อช่วยมั้ย พ่อสอนได้”
เมื่อพ่อพูดแบบนี้เด็กชายยังคงลังเลเพราะจำคำที่แม่สอนไว้บ้าง ที่แม่ของเด็กชายกำชับไว้
“แม่บอกว่าให้ผมทำเองก่อนครับ ต้องหัดทำเองด้วยมือก่อน เดี๋ยวทำไม่เป็น”
ชารุตได้ฟังแล้วอึ้ง กับวิธีการสอนลูกของเธอ มันก็น่าจะดีไปอีกแบบ
“ งั้นเอายังงี้ รุตเขียนการบ้านไป เสร็จแล้วพ่อจะช่วยตรวจ ถ้าถูกพ่อโอเค ถ้าผิด พ่อจะช่วยแก้ให้”
“ดีครับ” เด็กชายตอบตกลงทันที
“เอ้อ แม่บอกว่า พ่ออยู่คอนโดนี่ด้วยเหมือนกัน” เขียนไปสักพัก เด็กชายนึกได้จึงหันมาชวนเขาคุย ทำให้ชารุตคิดว่าเมนิกาคงบอกลูก จนเขาก็เงยหน้าขึ้นตอบ
“ใช่ ลูก พ่ออยู่ที่นี่ อยู่นานแล้ว หลังจากที่แม่ของลูกเอาลูกหนีพ่อมาอยู่ที่นี่”
เมื่อเด็กชายฟังแล้วแปลกใจ จากคำพูดของพ่อ
“แสดงว่า แม่ไม่อยากให้ผมเจอพ่อ”
“ก็ใช่ไง พ่อเลยต้องใช้วิธีนี้” ชารุตสรุปออกมา เด็กชายก็ไม่พูดอะไรออกมาเป็นเชิงตำหนิเมื่อรู้เหตุผล
เมนิกามาถึงบ้านอีกครั้งในครึ่งชั่วโมงต่อมา เพราะเป็นห่วงลูกด้วย ปล่อยให้แกอยู่คนเดียว จึงพบว่าคนที่อยู่ในห้องกับลูกคือ ชารุต ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่เหนือเกินคาดคิด แต่ก็ดีเสียอีกที่เขาผลัดมาช่วยเลี้ยงลูก เมนิกาออกไปทำธุระข้างนอก ใช่ว่า จะไปพบอังเดรคนเดียว
เธอรู้สึกเหนื่อย กำลังจะเดินไปเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และยังไม่ได้ทักสามีที่กลายเป็นอดีตเลยขณะกำลังจะก้มถอดชุดสวยที่ใส่ออกไปข้างนอกนั้นคนที่เดินตามมาด้านหลังทำให้หล่อนตกใจ
“นี่ ชารุต คุณเข้ามาได้ยังไง ไม่มีมารยาท” ฝ่ายชารุตยืนจ้องเธอพร้อมสะแยะยิ้ม ดวงตาที่เขามองมายังเธอยังกรุ้มกริ่ม
“ฉันบอกให้ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เธอถึงกับแหวขึ้นอีกรอบ ฝ่ายเขากลับไม่มีทีท่าสะทกสะท้านใดใส่เธออีก เหมือนการที่เขาก้าวเข้ามาไม่ใช่ความผิด ดวงตาคู่สวยของเมนิกาจึงวับวาวเต็มที่เหมือนนางเสือที่พร้อมขย้ำเหยื่อ เหมือนนางเสือหวงลูก
”ฮึ มาถึงก็ทำอาละวาดใส่ทันที ข้างนอกคงเที่ยวสนุกสินะ ผิดปกตินี่ พอเห็นผมเข้ามาอยู่ในห้อง ก็ทำท่าอีกอย่าง เกลียดชัง ขยะแขยง สารพัด”
“ก็คุณมันน่ารังเกียจ ขยะแขยงนี่” เหมือนเมนิกาจะพุ่งปากร้ายไปที่เขา
“ฉันขอร้องคุณ ออกไปเดี๋ยวนี้” เธอออกคำสั่งอีกครั้ง
“ผมไม่คิดรังแกคุณต่อหน้าลูกหรอกนะ แต่ถ้าอยากจะคุยกับผม เชิญลงไปที่ห้องผม”
ชารุตถึงกับสั่งออกมาด้วยปากเขา เห็นเมนิกาอ้าปากค้าง
“คุณสำคัญขนาดไหน ฉันจะต้องลงไปคุยด้วย”
“อ้าว รำลึกหน่อยไง ยังไงก็เป็นผัว ฟารุตนี่ก็ฝีมือผมเต็มๆนะ อย่ามาอ้างหรือปฏิเสธ” มันเป็นคำพูดจากเขาที่เมนิกาเถียงไม่ออก ที่คนเจ้าเล่ห์ใช้วิธีนี้กับเธอ
“ฉันขอคิดดูก่อน”
“อย่าคิดนานนะ ผมให้เวลาคุณแค่สิบห้านาที เดี๋ยวจะกลับมาเอาคำตอบ” เมื่อเขาพูดจบแล้วก็หันเดินหนีออกไปจากห้องส่วนตัวของหล่อน เมนิกาแทบจะปรี๊ดทันที เขาถืออภิสิทธิ์อะไรที่จะมาบังคับหล่อนกัน จนแต้มและก็เหมือนถูกเขาต้อนเสียแล้ว เมนิกาจะตัดสินใจอย่างไรดี ห้องนั้นนะหรือ ห้องเขา หาใช่พื้นที่ปลอดภัยกับตัวหล่อน จริงสิ ไม่ลืม ที่คราวนั้นเขาแตะต้องตัวหล่อน
เขาเดินมาอีกครั้งเมื่อถึงเวลาและเวลานี้เมนิกาก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
“ฉันขอบอกว่าจะไม่ลงไปกับคุณ เราตกลงกันที่นี่ได้” เมนิกาเปลี่ยนคำพูด
“เมนี่” เสียงตึงดังมาจากเขา เป็นน้ำเสียงที่เมนิการู้ว่าเขาไม่พอใจเป็นที่สุด แต่จะทำอย่างไรล่ะหัวสมองของหล่อนก็เวียนวนคิดไปสะระตาจนมาหยุดลงตรงที่ไม่ยินยอมที่จะไปที่ห้องของเขา เมนิกาก็จ้องเขาแบบไม่ครั่นคร้าม
“คุณชารุตอย่าลืมนะว่า ฉันมีสิทธิไม่ต้อนรับคุณได้และไล่คุณได้เหมือนกัน”
กรามทั้งสองของชายหนุ่มบดเข้าหากัน กับแม่ของลูกที่เล่นตัวกับเขานักหนา หากใบหน้านั้นกระหยิ่มพร้อมกับก้าวมาอีกโดยไม่ฟังเสียงทัดทานห้ามของเขา
“จะใช้วิธีแบบนี้หรือเมนี่ เอาซิ ลูกอยู่ข้างนอกด้วยและเป็นพยาน” จากน้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเมนิการู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“ลูกมาเกี่ยวอะไรด้วย” เมนิกาถามเขาอย่างงุนงง
“เกี่ยวสิ แกจะเป็นพยานไง ถ้าพ่อกับแม่จะนอนเตียงเดียวกันอีก ไม่แน่ แกอาจจะมีน้องเพิ่มอีกคนเป็นเพื่อน” เมนิกาอ้าปากค้าง กระบวนการปากร้ายทิ่มแทงเราะราย ยังคงเป็นเขาไม่มีใครเกิน เมนิกาไม่ยอมแน่ เธอตรงเข้าไปหาเขาพร้อมกับใช้สองมือผลักทั้งทุบดังพลักแรงพอสมควร ต้องการเพียงอย่างเดียว ให้เขาออกไปจากตรงนี้
ชารุตเม้มเรียวปากเป็นเส้นตรง กวาดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าที่เป็นภรรยาจอมพยศ ไม่มีรอยยิ้มมีแต่ความดุดัน และเย็นชา สองมือของหล่อนถูกมือแข็งแรงของเขารวบเอาไว้ เขาบีบจับข้อแขนน้อยของเธออย่างรุนแรง บีบจนเมนิการู้สึกเจ็บทันที เมื่อเธอทำอะไรไม่ได้กับคนตัวโตตรงหน้า
“นี่ปล่อยฉันนะ ปล่อย ฉันเจ็บ” เมนิการ้องโอดโอยพร้อมกับนิ่วหน้าอย่างรู้สึกว่าเจ็บปวดที่สุดกับการที่ไม่คิดปราณีของเขา
“เจ็บเป็นเหมือนกันหรือ” เสียงนั้นทั้งคุกคามและเยาะ
นี่จะเกิดอะไรขึ้นต่อ หัวสมองของเมนิกาคว้างและอึงอลสับสนไปหมด เธอปล่อยให้เขามาใกล้ชิดตัวอย่างนี้ แล้วคิดหาทางป้องกัน ชุดที่เธอสวมเป็นผ้าชีฟองคล้ายชุดนอนผ้าบางเบาสีชมพูจาง ถ้าหากเขาใช้ความรุนแรง สองมือกระชากมันก็ขาดได้ ชารุตมองจ้องแต่เขาไม่ใช่วิธีแบบนี้ ความป่าเถื่อนเขาไม่ได้ชอบ แต่เมนิกาก็มักจะบังคับให้เขากระทำเสมอ เนื้อแท้ของเขาไม่ใช่ผู้ชายที่เถื่อน ที่ชอบทำความรุนแรงกับผู้หญิง กระทั่งยามนี้เหมือนเมนิกาหมดทาง คนตรงหน้าที่กวาดสายตามองมาไม่ยิ้ม แต่เหมือนหมายมาดบางสิ่งบางอย่าง เพราะสิ่งที่เขาต้องการทำให้หล่อนคลายพยศ