งานเลี้ยง

1903 คำ
งานเลี้ยงเล็กๆ จัดขึ้นภายในบ้านมีอาหารมากมายวางเรียงราย เด็กชายตัวน้อยที่ไม่เคยได้กินเต็มอิ่ม เขารู้สึกตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยได้กินอาหารดี ๆ แบบนี้มาก่อน เพ่ยซูเเละหม่าเหลียงรู้สึกแปลกใจ ที่เห็นหลานชายดูหิวโหยตะกละตะกลาม เด็กชายรีบตักอาหารยัดใส่ปากแทบไม่เคี้ยวด้วยซ้ำ ราวกับกลัวใครจะมาแย่งไป ในแววตาผู้เป็นแม่ฉายความเจ็บปวดออกมา หลายปีที่ต้องทนอยู่ในบ้านหลังนั้นลูกของเธอได้กินข้าวแค่มื้อเดียวต่อวัน แต่เพราะเธอไม่อาจปล่อยให้ลูกทนหิวจึงต้องแอบออกไปซื้ออาหารมาเก็บซ่อนไว้ให้เฟยหรง และทุกครั้งก็ต้องรีบกินให้หมดเพราะหากสามีเข้ามาเห็นอาจโดนดุด่าและทุบตีได้ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ พยายามกะพริบตาถี่ไล่หยาดน้ำที่เอ่อล้น หลิวเฟยเฉิงเห็นเช่นนั้นก็กุมมือบางแน่นหวังปลอบประโลมเธอไม่ให้เศร้าเสียใจ “มาคุยกับแม่หน่อยได้ไหมซูฮวา” หญิงชราเอ่ยเรียกลูกสาวให้ไปช่วยเธอถอนหญ้าที่ขึ้นแทรกโคนต้นไม้ สองแม่ลูกนั่งคุยกันก่อนที่หญิงชราจะคาดคั้นเอาความจริงเรื่องเฟยหรง ซูฮวาไม่มีทางเลือกจำต้องเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟัง “แม่สามีเกลียดหนูมาก” หญิงสาวเอ่ยขึ้น นับตั้งแต่วันที่เธอแต่งงานกับหลิวเฟยเฉิง อีกฝ่ายก็ไม่เคยยินดี ทั้งยังปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นคนรับใช้ ตลอดหลายปีที่อาศัยอยู่บ้านสามี เธอถูกจิกหัวใช้จนแทบไม่ได้พัก ห้องหับก็คับแคบ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องอด ๆ อยาก ๆ โชคดีที่เธอพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ยามที่ไปตลาดจึงมีเงินซื้ออาหารให้ลูกชายกิน “แม่สามีให้หนูกับเฟยหรงอดอาหารเวลาที่ทำอะไรไม่ถูกใจ” หญิงชราได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เมื่อครั้งที่เธอเคยไปเยี่ยมลูกสาวที่ปักกิ่ง ฟูหย่งก็ดูต้อนรับขับสู้ดี ไม่คิดว่าลับหลังจะทำร้ายลูกสาวและหลานชายตัวน้อยของเธอได้ลงคอ หากรู้ก่อนหน้านี้ เธอคงไม่พลาดที่จะฟาดไม้เท้ากลางกระบาลสตรีชั่วช้าผู้นั้น! “พี่เฟยเฉิงยอมตัดขาดกับแม่ของเขาเพื่อหนู” หญิงสาวรู้สึกผิด อยู่ที่นี่มีแต่จะลำบาก กวางซีแห่งนี้เป็นถิ่นทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ แม้อุดมสมบูรณ์แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากที่หางานทำ ในปักกิ่งยังมีงานให้ทำ มีรายได้เข้ามาขาดมือ แต่สำหรับที่นี่แล้วนั้นคงไม่ได้ง่าย “นังเต้าหู้เหม็นนั่น กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายลูกสาวฉัน!” เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกลับอารมณ์ที่คุกรุ่น เพ่ยซูจึงระบายอารมณ์ด้วยการดึงหญ้าที่แทรกขึ้นมาตามรอยแตกระแหงของดินก่อนจะโยนลงไปในตะกร้าใบใหญ่ หญ้าเหล่านี้นิยมนำไปเลี้ยงวัว เธอจึงไม่เผาทิ้งเหมือนบ้านอื่น “ช่างเถิดแม่ หนูอยากเริ่มต้นใหม่ที่นี่ สิ่งใดไม่ดีไม่คิดหวนกลับไปนึกถึง” หญิงสาวเอ่ย เธออยากลบเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมด ไม่คิดโกรธแค้นแม่สามีกับน้องสาวของเขา แต่จะเดินหน้าใช้ชีวิตให้มีความสุข หญิงชราพาลูกสาวมาดูที่ดิน เธอบอกกับหม่าซูฮวาว่าตั้งใจจะมอบให้หญิงสาว หากวันใดวันหนึ่งที่นางและหม่าเหลียงจากไป ก็หวังว่าลูกจะกลับมาอยู่ที่นี่ “ที่ดินผืนนี้เพาะปลูกดี” แต่เดิมเคยปลูกต้นบ๊วย แต่ทว่าเมื่อหลายปีก่อนเกิดพายุพัดถล่มทำให้ต้นไม้ล้มตาย ที่ผืนนี้จึงกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า หญิงสาวมองหญ้าที่เริ่มแทรกตัวขึ้นมา หากต้องการเพาะปลูกก็คงต้องกำจัดหญ้าพวกนี้ทิ้งก่อน “พ่อกับแม่แก่มากแล้ว รู้จะไปปรโลกวันไหน ทุกสิ่งทุกอย่างบนที่ดินผืนนี้แม่ก็ขอยกให้ลูก” เพราะมีลูกสาวเพียงคนเดียวเธอจึงเป็นกังวลอยู่เสมอ หากว่าวันหนึ่งเธอและสามีจากไป หม่าซูฮวาจะอยู่อย่างไร แต่ทว่าเมื่อเห็นหลิวเฟยเฉิงรักใคร่ลูกสาวเธอดี หญิงชราก็คลายความกังวลใจ “อาเฉิง เขาดีกับลูกใช่หรือไม่” หญิงสาวชะงักก่อนพยักหน้า เฟยเฉิงผู้นี้ไม่เหมือนเฟยเฉิงที่เธอเคยรู้จัก ราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน ทั้งเรื่องเมื่อวานทำให้เธอเริ่มสงสัยในความเป็นมาของเขา หม่าซูฮวาไม่เชื่อเรื่องผีสางวิญญาณเทพ แต่เพราะมิติที่เธอหลุดเข้าไปเมื่อวาน ทำให้หญิงสาวนั้นเริ่มที่จะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าคนที่อยู่ในร่างของสามีอาจไม่ใช่หลิวเฟยเฉิงตัวจริง สองสามีภรรยาช่วยกันถางหญ้าออกจากดินก่อนจะปรับหน้าดินให้เรียบสม่ำเสมอด้วยคราดไม้ หลิวเฟยเฉิงแบ่งระยะห่างก่อนจะถางดินให้สูงขึ้นเพื่อเตรียมไว้สำหรับปลูกผัก หลิวเฟยหรงวิ่งเล่นไปมา โดยถือกลองป๋องแป๋งหรือกาวกู่ที่ผู้เป็นยายนั้นทำให้ เด็กชายนั่งลงก่อนจะขุดดินและนำใบไม้หยอดลงไป ทำทีเป็นเจ้าของร้านขายอาหาร หลิวเฟยเฉิงและหม่าซูฮวาเหลือบมองลูกชายก่อนยกยิ้มออกมา ทั้งสองเตรียมที่เพาะปลูกก่อนจะนั่งลงข้างหลิวเฟยหรงมองดูเขาที่กำลังปั้นดินเป็นรูปร่างต่าง ๆ พลางสนทนากันไปด้วย “ฉันอยากปลูกผักกาด กวางตุ้งและผักบุ้ง” ผักเหล่านี้ปลูกง่ายใช้เวลาไม่นาน แต่หลิวเฟยเฉิงไม่เห็นด้วย ตลอดทางที่เข้ามาในหมู่บ้านเขาเห็นว่ามีหลายครัวเรือนที่ปลูกผักเหล่านี้ ฉะนั้นหากปลูกเหมือน ๆ กันจะนำไปขายใคร “ฉันว่าปลูกข้าวสาลีกับข้าวโพดดีกว่า” แม้ว่าข้าวสาลีและข้าวโพดจะให้ผลผลิตนานราว ๆ สามเดือน แต่เพราะราคานั้นดีกว่ามากเขาจึงคิดว่าหากปลูกจำนวนเยอะ ๆ ก็อาจจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ หญิงสาวคิดคล้อยตามก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไว้คิดกันอีกทีดีกว่า เดี๋ยวฉันจะไปตลาดกับแม่ พี่จะเอาอะไรไหม” ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนที่เขาจะพาลูกชายไปอาบน้ำล้างตัว ส่วนหม่าซูฮวาก็แยกไปอีกทาง ช่วงเย็นเหล่าสตรีจะรวมตัวเพื่อเดินไปตลาดด้วยกัน หญิงสาวเดินรั้งท้ายมองผู้เป็นแม่ที่เดินร้องเพลงกับเหล่าสหายอย่างมีความสุข หลังจากที่หม่าซูฮวาและเพ่ยซูกลับมาจากตลาด ทั้งสองก็ลงมือทำอาหารโดยมีหลิวเฟยหรงเป็นลูกมือช่วยหยิบข้าวของให้อย่างขยันขันแข็ง หญิงสาวเห็นว่าวันนี้ลูกชายไม่ดื้อไม่งอแง จึงได้ให้รางวัลเขาเป็นขนมหนวดมังกร ซึ่งในยุคสมัยนี้นั้นหากินยากเนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีอำนาจเหนือแผ่นดินขณะนี้ไม่ต้องการให้ประชาชนทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เดิม หากอยากกินก็ต้องแอบทำ ไม่อย่างนั้นอาจถูกลงโทษได้ เด็กชายมีความสุขมากเพราะเขาไม่ค่อยเกินขนมดีๆ เหมือนคนอื่นๆ จึงได้ร้องขออีกสองสามชิ้นจนหญิงสาวต้องนำขนมไปซ่อนเอาไว้ก่อน ไม่อยากนั้นเฟยหรงคงจะร้องขอกินจนหมดจาน “อาเฉิง พรุ่งนี้ไปเข้าป่าล่าสัตว์กับฉันดีหรือไม่” ทุกๆ ช่วงใกล้สิ้นเดือน เหล่าชาวบ้านจะรวมตัวกันเดินทางเข้าป่าเพื่อออกล่าสัตว์น้อยใหญ่ โดยประเพณีนี้บุรุษจะต้องพาภรรยาไปด้วย แต่หลิวเฟยเฉิงกลัวว่าหม่าซูฮวานั้นจะเผชิญกับความยากลำบากในการเดินทางจึงตั้งใจที่จะไม่ชวนภรรยาไป “ยินดีครับพ่อ ผมมีบางอย่างอยากให้พ่อดูด้วยครับ” ว่าแล้วทั้งสองก็เดินลงไปชั้นใต้ดิน หม่าเหลียงตาโตเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อุปกรณ์เหล่านี้หาได้ยากยิ่งทั้งยังดูแข็งแรงและมีอานุภาพสูง ปืนกระบอกยาวคือสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนไม่เคยมี และเป็นสิ่งที่บุรุษที่นี่ใฝ่ฝันอยากครอบครองสักครั้ง “ได้มาจากไหนงั้นเหรอ” ชายหนุ่มเตรียมคำตอบที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว เขาบอกอีกฝ่ายว่าประมูลมาจากร้านแห่งหนึ่งในปักกิ่ง ตั้งใจมอบให้หม่าเหลียงยามเข้าป่า ชายชรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ยอมวางปืนนั้นลง พลิกดูไปมาอย่างสนอกสนใจ “มากินอาหารได้แล้ว” เพ่ยซูตะโกนเรียกสามีและลูกเขย ทั้งสองเดินขึ้นมาด้านบนก่อนจะนั่งที่โต๊ะอาหาร หลิวเฟยเฉิงสอบถามพ่อตาเกี่ยวกับการล่าสัตว์เพื่อที่เขาจะได้เตรียมสำหรับเดินทางเข้าป่าในวันพรุ่งนี้ ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอ ต่างจากหลายปีก่อนอย่างสิ้นเชิง “สัตว์ที่ล่ามาเอาไปขายที่ไหนเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม เขาพอรู้ว่ามีคนมารับซื้อแต่คิดว่าน่าจะมีแหล่งรับซื้อเพิ่มอีก “ปกติแล้วจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อ แต่หากอยากได้ราคาดีเอาไปขายในเมืองจะได้เงินมากกว่า แต่อาจไม่คุ้มเหนื่อย” แต่เมื่อหักลบกับค่าเดินทางแล้วอาจได้ไม่คุ้มเสีย ชาวบ้านจึงตัดใจขายให้พ่อค้าที่เข้ามารับถึงที่ “แต่หากเดินทางไปได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายก็อาจคุ้ม” เขาแนะนำลูกเขยอย่างจริงใจ มีข้อดีย่อมมีข้อเสียแม้ว่าสัตว์ที่ล่ามาอาจขายได้ราคาดี เสือหนึ่งตัวที่ล่ามาได้ หากนำเข้าไปขายให้กับเศรษฐีในเมืองอาจจะได้ราคามากถึงตัวละ 200-300 หยวน แต่ทว่าอาจบาดหมางกับผู้อื่นเอาได้ ฉะนั้นจะต้องตกลงส่วนแบ่งกันให้ถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เส้นทางนายพรานไม่ราบรื่น “แล้วสัตว์ป่าเขารับซื้อไปทำอะไรครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม นับตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ก็ได้กินแต่หมูและไก่ สัตว์ต่าง ๆ ที่พ่อตาล่ามาส่งขายให้พ่อค้าคนกลางหมด ชายชราถอนหายใจ หากไม่เพราะว่าอาชีพนี้ได้เงินดีเขาคงไม่คิดทำ “เศรษฐีในเมืองหลวงชอบกินสัตว์ป่าตัวเป็น ๆ พวกเขาสั่งซื้อจำนวนมาก แต่กว่าที่เงินจะมาถึงมือชาวบ้านก็ถูกหักออกไปไม่รู้เท่าไหร่ กว่าจะมาถึงพวกเราก็เหลือเพียง 40-50 หยวนเท่านั้น” เมื่อครั้งยังหนุ่มเขาเคยเป็นลูกจ้างพ่อค้าคนกลางรับซื้อซากสัตว์ป่า ทำให้รู้เรื่องราวอันดำมืดของเส้นทางนี้เป็นอย่างดี เงินที่นายหน้าได้รับมาถูกหักจนเหลือไม่ถึงครึ่งก่อนจะนำส่งให้พ่อค้าคนกลางไปกว้านซื้อซากสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ พ่อค้าคนกลางมีหรือจะยอมขาดทุน จึงได้หักเงินออกไปส่วนหนึ่งทั้งยังมาต่อราคาให้ลดลงไปอีก ชายชราไม่ได้อยากขายผ่านพ่อค้าคนกลาง แต่ครั้นจะเดินทางไปขายในตัวเมืองก็ไม่สะดวกนัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม