ร่างระหงเดินอยู่ข้าง ๆ พีทเข้าไปในสถานที่จัดงานนิทรรศการซึ่งเต็มไปด้วยแขกรับเชิญและศิลปินมากมาย สายตาของผู้ชายหลายคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียว ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นของปอไหม ทำให้เธอดูสวยและเย้ายวนมากขึ้น แม้จะอาศัยอยู่บนเกาะที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรหรูหราก็ตาม
หญิงสาวเดินไปรอบ ๆ เพื่อชื่นชมผลงานชิ้นเอกของศิลปินต่าง ๆ มองไปเห็นภาพวาดที่เธอเป็นแบบให้แล้วเกิดสงสัยขึ้นมาว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับภาพนี้ เธอคิดว่าสิ่งที่ดึงดูดผู้ชมของภาพนี้คือดวงตา เพราะความโศกเศร้าจากจิตวิญญาณของเธอนั้นสะท้อนอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอย่างชัดเจน มันทำให้คนมองเศร้าตามไปด้วยได้ ซึ่งเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ดวงตาของตัวเองจะดูโศกเศร้าขนาดนี้ กระทั่งพีทวาดมันออกมาให้เห็น
ระหว่างนั้นปอไหมได้ยินเสียงกระซิบจากคนรอบข้าง
“ผู้หญิงในภาพนั่นสวยจัง แต่ดูเศร้ามากเลย”
“นั่นสิ มองไปมองมาแล้วรู้สึกเศร้าตาม”
“เธอต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหนกันนะ ถึงได้ดูเจ็บปวดแบบนั้น”
บทสนทนาเหล่านั้นดังขึ้น ผู้คนมองดูภาพวาดด้วยความสนใจอย่างจริงจัง พวกเขายืนดูและฟังการบรรยายเกี่ยวกับผลงานชิ้นเอกของพีท โดยนักวิจารณ์ นักสะสมงานศิลปะ และแขกหลายคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานชิ้นนี้ เมื่อฟังพวกเขาทั้งหมดแล้ว ปอไหมรู้สึกทึ่งกับความคิดเห็นที่ต่างคนต่างแบ่งปันกัน เพราะทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับงานศิลปะอย่างกว้างขวาง
“ภาคิน เจนกิจโสภณครับ” ชายคนหนึ่งยื่นมือให้พีทจับ
“พีท นรากุลครับ” พีทจับมือตอบ หลังจากนั้นภาคินก็หันมาหาปอไหมด้วยรอยยิ้มอันมีเสน่ห์บนใบหน้า พลางยื่นมือมาให้
“ปอไหม วรกิจธาดาค่ะ” เธอยิ้มอย่างสุภาพพร้อมจับมือเขา เห็นเขาเลิกคิ้วราวกับกำลังพยายามคิดอะไรบางอย่างแล้วอดกังวลลึก ๆ ไม่ได้ นี่เขารู้จักเธอหรือเปล่า…
“ปอไหม วรกิจธาดา” ภาคินทวนชื่อเธอพร้อมรอยยิ้มกว้างยามจับมือเธอ และแม้ว่าเขาจะยังคงสุภาพ แต่ปอไหมกลับคิดว่าเขามีบางอย่างในใจที่เกี่ยวข้องกับเธอไม่มากก็น้อย “ยินดีที่ได้พบคุณทั้งสองครับ ทั้งศิลปินและผลงานชิ้นเอก”
ภาคินพูดอย่างสนุกสนาน ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทว่าปอไหมกลับหน้าแดง นานแล้วที่เธอไม่ได้รับคำชมจากคนแปลกหน้าแบบนี้…
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ”
“ปกติผมไม่ค่อยพูดชมใครครับ มีน้อยคนนักที่จะดึงดูดความสนใจของผมได้” ภาคินพึมพำขณะจ้องมองเธออย่างจริงจัง
“ขอบคุณค่ะ” ปอไหมตอบอย่างสุภาพ เธอคุ้นเคยกับคำชม แม้ว่ามันจะทำให้ไม่สบายใจไปบ้าง แต่เธอก็จะไม่ยอมให้มันมาขัดขวางความมั่นใจของเธอ
“นี่คือนามบัตรของผม คุณติดต่อผมได้เสมอที่ต้องการ โดยเฉพาะเวลาที่มีงานศิลปะประเภทนี้ ผมเป็นนักสะสมผลงาน และรู้จักผู้คนในแวดวงนี้พอสมควรครับ” เขายิ้ม พลางยื่นนามบัตรให้พีท
“ขอบคุณครับคุณภาคิน" พีทรู้สึกปลาบปลื้มใจเมื่อได้รับนามบัตรมา คงจะดีมากหากเขาได้คนสนับสนุนที่จริงใจ ด้วย หลังจากที่เพิ่งเข้ามาในวงการนี้ได้ไม่นาน
“ติดต่อหาผมด้วยนะครับ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักกับคนที่ชอบงานศิลปะประเภทนี้” ภาคินกล่าวเสริม นิ้วเรียวชี้ไปยังภาพวาดที่มีปอไหมเป็นแบบ “โดยเฉพาะผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้ แม้ว่าการมองเข้าไปในดวงตาของคุณจะทำให้ผมใจสลาย แต่ผมก็ยังอยากให้ภาพวาดนั้นมาอยู่บนผนังบ้านผมอยู่ดี”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยกยิ้ม ปอไหมมองภาพนั้นประกอบโดยไม่รู้ว่าภาคินกำลังมองเธออยู่ กระทั่งหันมาสบตากัน เธอถึงได้ตกใจ
“ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงดูเศร้าขนาดนั้น ผู้หญิงสวย ๆ อย่างคุณมีเรื่องอะไรหรือใครที่ทำให้เสียใจได้มากขนาดนี้เหรอครับ” ปอไหมยังคงเงียบงัน ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋าสบตากับเธอราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง “ภาพวาดนี้ทำให้ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ประมูลในงาน และผมก็หวังว่าสักวันหนึ่งคุณจะยอมตอบคำถามที่ผมถามไปนะครับ”
“ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกค่ะคุณภาคิน” ปอไหมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“เหรอครับ แต่มีสิ่งที่ใคร ๆ พูดกันว่า รูปภาพสามารถแทนคำพูดได้นับพันคำนะครับ ซึ่งผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ารูปภาพของคุณแทนคำพูดแบบไหนอยู่” เขายิ้มราวกับรู้ทัน
“เป็นคำพูดที่ดีจริง ๆ ค่ะ คุณเก่งเรื่องจิตวิทยาสินะ” ปอไหมจ้องตาเขากลับ เขาหัวเราะเบา ๆ
“ผมรู้ว่าคุณเป็นใครคุณปอไหม คุณรู้ใช่ไหมว่าผมหมายถึงอะไร”
ปอไหมอ้าปากอยากจะโต้ตอบ ทว่าพูดไม่ออก ภาคินจ้องเธอเขม็งจนเธอรู้สึกไม่สบายใจ สัมผัสได้ว่าเขารู้จักเธอลึกซึ้งอย่างที่เขาพูดจริง ๆ แววตาคู่นั้นแสดงให้เห็นความคุ้นเคยบางอย่าง ซึ่งเธอจำไม่ได้ว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า
“เอาละครับ สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว กรุณานั่งลงด้วยครับ” เสียงประกาศดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนจึงเริ่มทยอยไปยังที่นั่งของตน
“คืนนี้ผมคงโดนปล้นแน่ ๆ แล้วเจอกันนะครับคุณปอไหม” ภาคินพึมพำพร้อมขยิบตาให้ปอไหม
หญิงสาวมองตามเขาไปโดยมีพีทคอยจับผิดอยู่ใกล้ ๆ แม้จะสนุกกับงานนี้ แต่ปอไหมก็รู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกไม่สบายใจก่อนหน้านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น หน้าอกของเธอราวกับถูกบีบรัด หัวใจเต้นแรง เธอหายใจเข้าลึก ๆ พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดลง คิดเสียว่าตื่นเต้นเพราะการประมูลภาพวาดที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ระหว่างนั้นเองพีทพาเธอไปที่โต๊ะที่ระบุไว้
ปอไหมมองไปรอบ ๆ งาน ก่อนจะต้องหยุดนิ่งเมื่อมองเห็นคนคุ้นเคย… ใบหน้าสวยซีดเผือดเมื่อเห็นว่าสายฟ้ากำลังมองมาที่เธอ ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง วินาทีนั้นเธอไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง ภายในหัวเหมือนจะระเบิดให้ได้ หญิงสาวนึกเสียใจกับชุดที่สวมใส่มาในวันนี้ มันเผยเรือนร่างของเธอมากเกินไปจนทำให้ความหนาวเหน็บปกคลุมไปทั่วร่างกาย ไม่อยากเชื่อเลยว่าสายฟ้าจะยืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของเธอ และเขาก็กำลังมองเธอด้วยสายตาดุดัน
ปอไหมตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัว นึกอยากจะมองไปทางอื่น อยากจะวิ่งหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่สามารถออกไปจากตรงนี้ได้
“เธอโอเคหรือเปล่าไหม” พีทถามเมื่อสังเกตเห็นความกังวลของปอไหม ทั้งยังพยายามมองหาสิ่งที่ทำให้เธอซีดเซียวลงแบบนี้ เขามองไปรอบห้องโถงก่อนจะเจอกับชายคนหนึ่งซึ่งมีแรงดึงดูดเป็นอย่างมาก ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่ปอไหมกำลังมองอยู่ พีทหรี่ตาลงเมื่อตระหนักถึงบางอย่างขึ้นมา “นั่นเขาใช่ไหม ไหม…”
“พีท... ไว้คุยกันทีหลังนะ...” ปอไหมกระซิบขณะพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น เธอเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างสายฟ้ากำลังทำหน้าบึ้งอยู่ หล่อนคือทับทิมนั่นเอง ปอไหมจึงหันไปมองบนเวทีแทน
พีทมองสายฟ้าอย่างเปิดเผย และเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองปอไหมอยู่เช่นกัน กระทั่งผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ สายฟ้าก็ยังมองมาทางนี้