หลังจากออกจากโรงพยาบาล ปอไหมเลี้ยงดูปลื้ม หรือเด็กชายสกาย ลูกชายของเธอเพียงลำพัง โดยได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวนรากุลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อกับแม่เธอ อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีพีทเพื่อนสนิทของเธอด้วย หญิงสาวพยายามทุกอย่างเพื่อให้สกายมีความสุขสมวัย ทว่ามีข้อจำกัดหลายอย่างเพราะสุขภาพของเขาไม่เอื้ออำนวย ต้องรักษาด้วยยาตามอาการแต่ละวัน
ระหว่างนั้นปอไหมเริ่มออกแบบเสื้อผ้าของตัวเอง เงินที่เหลือที่เธอมีเก็บไว้นั้นเตรียมไว้สำหรับการผ่าตัดของสกายในอีกสองปีข้างหน้า การใช้ชีวิตตามประสาคุณแม่ผู้งานยุ่งในแต่ละวันนั้นทำให้เธอก้าวข้ามความคิดอันมืดมนไปได้ เธอบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้เพราะมันจะทำให้กังวล ซึ่งในเวลาต่อมา หลังจากได้รับการผ่าตัด สกายก็มีสุขภาพดีขึ้น ทำให้ปอไหมผ่อนคลายลง
“หม่ามี้” เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น ในขณะที่ปอไหมกำลังออกแบบชุดใหม่ภายในร้าน เธอเดินไปหาลูกชายพร้อมทั้งส่งเสียกเรียกเขาไปด้วย แต่ทันใดนั้นหญิงสาวต้องตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นลูกชายมีเหงื่อออกมากผิดปกติ และดูเหมือนจะหายใจลำบาก
“น้องปลื้ม...!” ปอไหมรู้สึกตื่นตระหนกมาก เธอรีบวิ่งไปหาเขาทันที
“ผม... หายใจไม่ออก... หม่ามี้” สกายพยายามจะพูด ตัวของเด็กชายเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหมือนก่อนที่จะได้รับการผ่าตัด ปอไหมอุ้มเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งไปที่ประตู พยายามควานหาโทรศัพท์ไปด้วย
“พีท... ช่วยด้วย... น้องปลื้มหายใจไม่ออก…”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงพาสกายไปส่งโรงพยาบาล กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เด็กน้อยต้องเข้ารับการรักษาตัวนานถึงสองเดือน…
“ฉันจะทำยังไงดีพีท ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าเอาบ้านไปจำนองก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้เงิน” ปอไหมเอ่ยอย่างท้อใจ
“ยังมีวิธีอื่นอยู่นะไหม” พีทตอบ พลางลูบหลังเธอ
“เงินเก็บก็หมดแล้ว เราจะเอาเงินที่เหลือมาจากไหนล่ะ นี่ผ่านไปสองเดือนแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”
ตอนนี้หมอตรวจพบว่าอาการของโรคกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้สภาพหัวใจของสกายเริ่มถดถอย พวกเขาจึงต้องกลับมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง
“ทำไมเราไม่ลองทำตามคำเชิญดูล่ะ มันอาจจะได้ผลนะไหม” พีทผละออก
“พีท มันน่าอายนะ” เธอจ้องมองเพื่อนสนิท
“ไม่เลยไหม มันคืองานศิลปะนะ ลองคิดว่าเราจะได้เงินส่วนแบ่งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์จากรายได้สิ”
“แล้ว... ถ้ามันขายไม่ได้ล่ะ หรือถ้าคนให้ราคาถูกกว่าที่เราคิดไว้ขึ้นมาจะทำยังไง ฉันไม่อยากให้คนเอารูปเกือบเปลือยของฉันไปแขวนที่ผนังหรอกนะ” ปอไหมพูดอย่างกลัว ๆ งานที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ คือเธอต้องใส่ชุดว่ายน้ำเป็นแบบวาดรูปให้พีท ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีชุดคลุม แต่มันก็บางมากจนมองเห็นด้านในอยู่ดี
“มันคือศิลปะไหม เธอไม่เชื่อใจฉันเหรอ มันไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้นหรอก” พีทหว่านล้อมด้วยคำพูดที่ดูซอฟต์ลง
"ฉันไม่ได้ไม่เชื่อใจนาย ฉันรู้ว่านายเป็นศิลปินที่เก่งมาก ความสามารถและทักษะของนายฉันไม่เถียงอยู่แล้ว แต่ฉันแค่ไม่สบายใจที่จะเป็นแบบให้ก็เท่านั้น…”
“ภาพวาดนี้อาจมีราคาแพงมากก็ได้นะไหม ตัวแทนบอกฉันมาแบบนั้น มันมีความลึกลับดึงดูดนักสะสม ลองดูก็ไม่เสียหายสักหน่อย เพื่อตาหนูของเราไง เธอไม่อยากได้เงินมาผ่าตัดเขาเหรอ”
“พีท...” หญิงสาวรู้สึกลังเลเมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของเพื่อนหนุ่ม เมื่อก่อนเธอก็เคยเป็นแบบให้พีทวาดมาบ้างเหมือนกัน เขาเป็นศิลปินที่มีความสามารถสูงและสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ผลงานของเขาได้รับการยอมรับในหอศิลป์หลายแห่งในประเทศ
"ลองดูเถอะไหม ฉันจะยกเงินทั้งหมดให้เธอเลยถ้ามันขายได้น่ะ ฉันคิดว่าเราน่าจะได้มากกว่าห้าหมื่นดอลลาร์จีเอชนะ ลองคิดดูอีกทีเถอะ แต่ถ้าเธอไม่อยากทำจริง ๆ ทางเดียวที่มีในตอนนี้ก็คือการติดต่อกับคุณสายฟ้าเพื่อให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงิน”
“ไม่ !” ปอไหมตอบกลับทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูเถอะ ตกลงไหม”
ปอไหมเริ่มคิดตามคำพูดพีท เธอชั่งน้ำหนักสถานการณ์ในตอนนี้ หญิงสาวต้องการเงินมาผ่าตัดลูกชาย ซึ่งเธอก็ไม่เหลืออะไรแล้วเว้นแต่จะจำนองบ้านอีกครั้ง ค่าผ่าตัดห้าถึงหกหมื่นหมื่นดอลลาร์จีเอชที่หมอบอกนั้นเหนือบ่ากว่าแรงเกินไป
“ข้อตกลงของงานนี้คืออะไร” ปอไหมถามออกมาอย่างเหม่อลอย เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของพีทจึงสดใสขึ้นมาทันที
“ข้อตกลงก็คือเราจะไปร่วมงานนิทรรศการในครั้งนี้ด้วยกัน เธอเป็นนางแบบของภาพ ถ้าไปโชว์ตัวในงาน คนดูอาจจะประมูลราคาแพงขึ้นก็ได้” พีทมองเธอขณะพูด ทั้งยังไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ “เราจะออกเดินทางวันมะรืนนี้ ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เอง จำเอาไว้นะไหมว่าเราทำเพื่อตาหนู ถ้าฉันมีเงินมากพอฉันคงให้เธอไปนานแล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าสุขภาพของแม่ฉันก็ไม่ได้ต่างกับลูกเธอสักเท่าไร…”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับกอดเพื่อนสาวอย่างปลอบใจ
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากนาย เราทั้งคู่ต่างก็มีภาระที่ต้องจัดการด้วยกันทั้งนั้น”
“โอเค สรุปว่าเธอตกลงใช่ไหม” พีทกระซิบขณะที่ยังคงกอดปอไหมไว้เพื่อให้กำลังใจ และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่อยากกลับไปที่ประเทศกรีนแลนด์อีก แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอเคยเล่าทุกอย่างให้พีทฟัง ซึ่งเขาก็อยู่เคียงข้างเธอมาตลอดหลายปี ทั้งยังช่วยดูแลเธอจนเธอค่อย ๆ ทำใจได้ เธอจึงรู้สึกขอบคุณที่เขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ
แม้จะผ่านมาห้าปีแล้ว ทว่าปอไหมกลับรู้สึกคุ้นเคยกับประเทศกรีนแลนด์เหมือนเดิม เธอมองไปรอบ ๆ กายด้วยความกังวล
"พร้อมนะ" พีทถาม
“อืม” หญิงสาวยิ้มบาง ๆ รู้สึกไม่สบายใจอย่างหาเหตุผลไม่ได้ หลังจากเรียกแท็กซี่แล้ว เธอก็เข้าไปนั่งด้านใน ส่วนพีทเอากระเป๋าไปเก็บที่ท้ายรถให้ ทั้งคู่เดินทางไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และจะเข้าร่วมนิทรรศการจัดงานศิลปะชื่อดังในตอนเย็น ปอไหมอยากจะทำงานนี้ให้เสร็จเร็ว ๆ พรุ่งนี้จะได้เดินทางกลับบ้านเสียที เธอไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินความจำเป็นนัก
เมืองนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม หญิงสาวกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวขณะเดินทางผ่านตึกที่สูงที่สุดในเมืองอันเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทเครือศศิวัตรกรุ๊ป หลังจากที่เธอกลับไปอยู่บนเกาะบ้านเกิด เธอก็ปิดการใช้งานบัญชีโซเชียลมีเดียทั้งหมด และซื้อโทรศัพท์รุ่นเก่ามาใช้แทน เพื่อที่จะได้ไม่ถูกล่อลวงด้วยข่าวของสายฟ้า เพราะเธอไม่อยากรับรู้ความเคลื่อนไหวของเขากับทับทิมอีก
“เธอโอเคไหมไหม” พีทสังเกตเห็นความกังวลของเธออย่างชัดเจน
“โอเค แค่เหนื่อยกับการเดินทางน่ะ”
“เราใกล้จะถึงโรงแรมแล้วละ มีเวลาให้เธอพักผ่อนหลังจากเช็กอินเสร็จอีกเยอะ” พีทลูบหลังเธอเหมือนเช่นเคย กระทั่งมาถึงโรงแรมที่เขาจองไว้ หัวใจของปอไหมก็เต้นรัวขึ้นมาเมื่อรู้ว่ามันคือโรงแรมอะไร…
พีทก้าวขาลงจากรถไปก่อน ส่วนปอไหมยังคงจ้องมองชื่อที่สลักอยู่ด้านหน้าของโรงแรมศศิวัตร พาเลท แอนด์ กาสิโน ชื่อนี้ทำให้เธอกังวลมากเหลือเกิน กลัวว่าจะเจอกับเจ้าของโรงแรมหนุ่มเข้า
หญิงสาวหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูรถ เดินเข้าไปด้านในโดยมีพีทเป็นคนลากกระเป๋าให้ ขณะที่อยู่ในล็อบบี ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ปอไหมสวมกางเกงยีนสีเข้ม และสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา คู่กับรองเท้าผ้าใบ แว่นกันแดดบางส่วนปิดบังใบหน้าสวยไว้ หากแต่เธอยังรู้สึกกังวลว่าอาจมีคนจำเธอได้ วินาทีนี้ความโล่งใจและความรู้สึกปลอดภัยของเธอจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อได้เข้าไปในห้องพักแล้วเท่านั้น
เมื่อมาถึงห้องพัก ปอไหมถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เธอรู้สึกหายใจไม่ออก แม้ว่าจะพยายามปิดกั้นความทรงจำในอดีตไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นนั้นจะยังอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ
ความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้วยังอยู่ในหัวของปอไหมเหมือนเดิม เธอหายใจไม่ออก ภายในอกพลันเจ็บปวดขึ้นมา หญิงสาวพยายามสงบจิตสงบใจไว้ พลางปลอบใจตัวเองว่า เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เธอคงจะไม่ได้พบกับสายฟ้าหรอก อีกอย่าง พรุ่งนี้เธอก็จะได้กลับไปหาลูกชายแล้วด้วย…
ปอไหมลากกระเป๋าเดินทางไปที่เตียง หลังจากอาบน้ำเสร็จและเตรียมชุดที่จะใส่ไว้เรียบร้อยแล้ว เธอก็พยายามทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ และคิดว่าจะงีบหลับสักพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานในค่ำคืนนี้ สมองของเธอยุ่งเหยิง ทำให้ตื่นตัวตลอดเวลา ทว่าความเหนื่อยล้าค่อย ๆ หายไปเมื่อได้หลับพักผ่อน หญิงสาวอธิษฐานในใจว่า ขอให้ไม่ได้พบกับสายฟ้าหรือทับทิมในระหว่างที่เธอยังพักอยู่ในโรงแรมแห่งนี้เถิด…เพราะเธอไม่พร้อมเลยสักนิดที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา