ตกเย็นของวันเดียวกัน คุณากรเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับน้องสาวและแขกของบ้านอีกสามคน คุณชิดชนกและสามีเดินเข้าไปต้อนรับ โอบกอดทักทายอย่างเป็นกันเอง
"ยินดีต้อนรับนะคะ ดีใจมากที่ให้เกียรติมาถึงบ้านในวันนี้"
"ก็ต้องมาอยู่แล้ว คุณนกเชิญทั้งทีนี่นา มากี่ครั้ง ๆ ก็ยังได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเหมือนเดิมเลยนะคะ"
คุณกมลวรรณหุ้นส่วนธุรกิจที่รู้จักและคบหากันมานานหลายสิบปียิ้มอย่างยินดีเช่นทุกครั้งที่ได้พบเจอหน้า
"หนูรสาสวยมากเลยนะจ๊ะ ไม่ได้เจอแค่สองปีเอง ได้แต่ถามข่าวผ่านตากรไป รายนี้ก็นะขยันเดินทางไปดูงานในเครือถึงสิงคโปร์ ไม่รู้ว่าไปดูงานหรือดูหนูรสาคนสวยกันแน่"
คุณากรที่ยืนอยู่ข้างกายกับสาวสวยคนที่โดนแซว ต้องหันไปยิ้มมองสบตากันเมื่อถูกหยอกเอินชวนให้ต้องเขินอายนัก
"อย่าแซวสิครับแม่ ไม่ดีหรือไงแม่จะได้เลิกบ่นผมเรื่องลูกสะใภ้สักที ผมคงหาว่าที่ภรรยามาได้ถูกใจแม่อยู่หรอกมั้ง"
"ถูกใจมาก ดีมากเลยคนนี้ แม่ปลื้มที่สุด ว่าแต่พรุ่งนี้แต่งเลยดีไหมจ๊ะหนูรสา?"
"คุณป้าคะ แซวอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้"
รสาหน้าแดงด้วยความเขินอายอีกครั้ง ทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนต้องหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูอย่างพร้อมเพรียง
"แหม...หนูนิดต้องไปเตรียมตัดชุดเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยไหมคะเนี่ย?" น้องสาวถึงกับรีบแซวพี่ชายกลับอย่างอารมณ์ดีเช่นเดียวกัน
"คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อยากมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เลี้ยงแต่ลูกคนอื่นมานาน นี่พี่เพิ่งรู้มานะว่าเพื่อนสาวเราเขากำลังท้องลูกคนที่สองแล้ว"
"รุ้งน่ะเหรอคะ ว้าว! เดี๋ยวหนูนิดจะต้องโทรไปถามข่าวซะหน่อยแล้วล่ะ"
"อย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่ตรงนี้เลย เข้าไปทานอาหารเย็นกันเถอะ ตั้งโต๊ะรอทานกันแล้วนะลูก"
คุณชิดชนกบอกกล่าว ก่อนที่ทุก ๆ คนจะเดินตามหลังกันเข้าไปภายในบ้าน
วาสิตาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะอาหาร เธอได้แต่ยืนจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่ยากจะอธิบาย ผู้หญิงที่ดูเหมาะสมและควรคู่ แล้วเธอล่ะเป็นแค่เด็กรับใช้ที่ไม่มีอะไรเลย ยังบังอาจที่อยากจะบินสูง ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวของตัวเอง หญิงสาวก้มมองที่หน้าท้องแบนราบของตัวเองอีกครั้ง ลูกของเธอที่มีเขาคนนั้นเป็นพ่อ สงสัยว่าจะไม่ได้เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้แล้วจริง ๆ
จะบอกเขาก็คงไม่ได้เพราะชีวิตของเขามีสิ่งที่คู่ควรมากกว่าอยู่แล้ว เธอเป็นแค่ผู้หญิงต่ำต้อยด้อยค่าที่ไม่มีสิทธิ์เสนอหน้าเรียกร้องความรับผิดชอบใด ๆ เลย หนึ่งคืนที่เผลอใจกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ไม่ควรจะโทษใครเพราะเป็นเธอที่จะต้องก้มหน้ายอมรับกับความเผลอไผลที่ไม่ยอมหักห้ามหัวใจของตัวเอง...
วาสิตายืนอยู่เคียงข้างกับป้ามาลาเพื่อคอยดูแลรับใช้หากว่าคุณ ๆ ทั้งหลายอยากเรียกใช้อะไร หญิงสาวยืนจ้องมองภาพอาหารบนโต๊ะ อยู่ ๆ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงจนต้องรีบปาดเช็ดออกอย่างไว
"เป็นอะไรน่ะวา แกร้องไห้อีกแล้วหรือไง ไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้นแล้ว เดี๋ยวอาทิตย์หน้าฉันว่างฉันจะพาแกไปยุติปัญหานี้ แกจะได้กลับมายิ้มได้เหมือนแต่ก่อนนี้สักที"
เสียงกระซิบกระซาบพูดคุยพอได้ยินกันสองคน วาสิตาฝืนยิ้มส่ายหน้าให้กับคนเป็นป้าอีกครั้ง
"เปล่าจ้ะป้ามา วาแค่คิดถึงแม่ ป่านนี้แม่จะทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้สินะ"
"คิดถึงก็โทรไปหายายพวงสิ ให้เขาเอาโทรศัพท์ไปให้แม่แกคุย"
"เกรงใจเขาจ้ะป้า กลัวแม่ไม่อยู่บ้านด้วย เดี๋ยวเดือนหน้าว่าง ๆ วาว่าจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านหน่อย จะซื้อโทรศัพท์ไปให้สักเครื่องเอาไว้โทรติดต่อหากัน"
"เออ ดี ๆ เป็นความคิดที่เข้าท่า"
"เราต้องยืนกันอยู่ตรงนี้อีกนานไหมป้ามา?"
วาสิตาหันไปมองจ้องที่โต๊ะอาหารอีกรอบ ความสนิทสนมและทีท่าหยอกเอินของสองหนุ่มสาว แลดูเป็นคู่รักที่น่าอิจฉามากมายเหลือเกิน จนต้องหันกลับมาดูสภาพของตัวเอง เป็นแค่คนรับใช้ที่ไม่มีอะไรจะเทียบเทียมใครเขาได้เลย
"มาลา มาลา มาเก็บจานออกไปได้แล้ว เอาของหวานมาเสิร์ฟต่อเลยนะ"
เสียงเจ้านายเรียกหาจนนางมาลาต้องรีบสะกิดแขนหลานสาวที่กำลังยืนเหม่อลอย ให้เดินออกไปช่วยกันเก็บจานชามเข้าไปไว้ในครัวเพื่อรอล้าง
วาสิตาเดินไปเก็บของคุณหนูนิด ผ่านหน้าคุณากร ชายหนุ่มปรายสายตาจ้องมองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจพูดคุยกับหญิงสาวคนที่นั่งข้างกายแทน
วาสิตาเดินอ้อมไปเพื่อเก็บของรสา เพียงแค่เอื้อมมือไปหยิบจับ กำลังจะยกขึ้นมารวมกับที่ถืออยู่ในมืออีกข้าง กลับเป็นจังหวะเดียวกันที่รสาจะขยับลุกออกจากเก้าอี้ เป็นเหตุให้จานในมือของวาสิตาหล่นลงกระทบกับพื้น เพล้ง!!! แตกกระจายจนเกลื่อนเต็มไปหมด
"ว๊าย ตายแล้ว!"
เสียงคนบนโต๊ะอาหารดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
"ขอโทษค่ะ วาขอโทษค่ะคุณผู้หญิง"
"รสาซุ่มซ่ามเองค่ะ รสาต้องขอโทษด้วยนะคะ"
สีหน้าของรสาแลดูรู้สึกผิดอยู่มาก หญิงสาวกำลังจะก้มลงไปหยิบจับช่วยวาสิตาเก็บจานชามที่แตก แต่ฝ่ามือหนาของคุณากรจับข้อมือเรียวนั้นเอาไว้เสียก่อน
"ไม่ต้องหรอกรสา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้านเขาทำไป เดี๋ยวบาดมือเลือดไหลหรอก"
"แต่รสาก็เป็นคนทำให้จานหล่นจากมือเขานะคะพี่กร"
"ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้วาสิตาจัดการไป มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว รสาจะไปห้องน้ำก็ไปเถอะนะ เดินอ้อมมาทางนี้มา จะได้ไม่เหยียบเศษกระเบื้องแตกพวกนี้"
คุณากรขยับเก้าอี้ของตัวเองออก เพื่อที่จะให้อีกคนได้เดินผ่านทางที่ปลอดภัยไปยังห้องน้ำได้
วาสิตาลอบมองทุกการกระทำของเขา รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เขาดูห่วงใยเธอคนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทำไมตัวเองถึงรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจแบบนี้ด้วย