เราสามคน
บริเวณเวทีประลองขนาดเล็ก ที่มีผู้ชมเพียงคนเดียวซึ่งเป็นองค์ชายแห่งเมืองบุรินทร์นคร เขาจ้องมองนักรบหนุ่มที่ประสองฝีมือกันอย่างดุเดือด ฝ่ายหนึ่งคือการ์ปูผู้มีร่างกายกำยำกับผิวสีแทน ทึ่ดูสมชายชาตรีซึ่งมาพร้อมกับเครื่องหน้าที่คมเข้ม ส่วนนักรบอีกคนหนึ่งคือกวินทร์ซึ่งมาพร้อมกับผิวที่ขาวกว่าการ์ปู แต่รูปร่างบางกว่านิดหน่อย ส่วนใบหน้าหล่อใสแต่มีความคมแฝงอยู่
ทั้งสองสู้รบกันอย่างสูสี หาเพลี้ยงพล้ำต่ออีกฝ่ายไม่ แต่ความแข็งแร่งของร่างกายของการ์ปูค่อนข้างเหนือกว่า ส่วนไหวพริบกวินทร์มีความเหนือชั้นกว่ามาก แต่ทั้งสองหายอมแพ้ต่อกันไม่ ยังฟาดฟันเพลงดาบในสภาพเปลื่อยกายท่อนบน ที่มีแต่มัดกล้ามยามที่เยื้องดาบฟันกล้ามเนื้อทั้งสองหนุ่ม ขึ้นเป็นลูกและก้อนอย่างสวยงาม ยิ่งเหงื่อที่ไหลชะโลมกายไม่ขาดสาย ยิ่งทำให้อนันตยะองค์ชายหวั่นไหว โดยเฉพาะการ์ปูทึ่องค์ชายอนันตยะมีใจรักแต่เยาว์วัย
ทั้งสามนั้นเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก โดยมีองค์ชายอนันตยะเป็นศูนย์กลาง ส่วนนิสัยขององค์ชายอนันตยะค่อนข้างจะเรียบร้อย ส่วนรูปร่างบอบบางผิวพรรณขาวผ่องดุจคลายสตรี และพระองค์ชอบงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนการต่อสู้พระองค์หาได้ฝึกปรือไม่ แต่พระองค์ก็ศึกษาตำราพิชัยสงครามอย่างถ่องแท้ จากพระอาจารย์หลายสำนักที่ผลัดเปลื่ยนหมุนมาสอนสั่ง จึงทำให้องค์ชายเล็กเชี่ยวชาญด้านนี้จนหาตัวจับยาก
เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า และความมืดเริ่มปกคลุม จึงทำให้องค์ชายอนันตยะสั่งหยุดการประลอง
"พวกเจ้าหยุดประลองกันได้แล้ว"องค์ชายอนันตยะลุกขึ้นยืน
การ์ปูและกวินทร์จึงหยุดการประลอง พร้อมกับมีเสียงหอบเหนื่อย
"ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย ต่ออีกหน่อยได้มั้ยพระเจ้าค่ะ"การ์ปูเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
"องค์ชายรับสั่งถูกแล้ว"กวินทร์หันหน้ามาพูดกับการ์ปู เพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกเหนื่อย จึงอยากกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อน
"ใครว่าไม่รู้ผล เราจะเป็นคนตัดสินเอง"
"ก็ได้พระเจ้าค่ะ"การ์ปูเบิกตามององค์ชายอนันตยะ
องค์ชายจึงกวาดสายตามองการ์ปู และหันกลับไปมองกวินทร์ ซึ่งในห้วงความคิดตอนนี้องค์ชายอรันตยะอยากให้การ์ปูชนะ แต่ด้วยความเป็นเพื่อนและนายค้ำคออยู่ องค์ชายอนันตยะ จึงต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม
"ข้าตัดสินให้เสมอ มีใครคัดค้านมั้ย"
"ไม่มีพระเจ้าค่ะ"ทั้งคู่กล่าวขึ้นพร้อมกัน
"ถ้างั้นเราจะกลับแล้วนะ"
เมื่อองค์ชายอนันตยะพูดจบก็เดินกลับทันที โดยมีสหายหนุ่มสองนายเดินตามหลัง
"คืนนี้พวกเจ้าสองคนว่างมั้ย"
"หม่อมฉันไม่ว่างพระเจ้าค่ะ "กวินทร์รีบพูดขึ้นก่อน ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้องค์ชายอนันตยะอย่างมาก
"เจ้าล่ะการ์ปู"องค์ชายมองด้วยสายตาอย่างอ้อนวอน
"ว่างพระเจ้าค่ะ"
"ถ้าเจ้าอาบน้ำเสร็จมาหาเรานะ เดี๋ยวมาเสวยอาหารเป็นเพื่อนเราด้วย"
"พระเจ้าค่ะ"การ์ปูรับคำ
"ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้"หลังจากนั้นองค์ชายอนันตยะก็เดินกลับสู่ตำหนักของพระองค์
"ไม่ว่างไปไหน"การ์ปูหันมาถามกวินทร์
"ไม่ได้ไปไหนหรอก ข้าขี้เกียจนั่งนานๆให้องค์ชายวาดรูป"
"แต่พระองค์ทรงตรัสชวนก็น่าจะไป"
"ไม่เอาล่ะ เชิญเองไปคนเดียวเถอะ พระองค์ทรงสนิทเองมากกว่าข้าอีก"
"ไม่หรอก พระองค์ก็สนิทกับพวกเราเท่ากันนั่นแหละ"การ์ปูมีสีหน้าเคร่งเครียด
"เอาเถอะแล้วแต่เอ็งจะคิด ข้ากลับบ้านข้าดีกว่า" กวินทร์รีบเดินไปที่บ้านเขาทันที สาเหตุที่กวินทร์ไม่อยากไป เพราะเขาแสนจะเบื่อหน่ายที่ไปเป็นแบบให้องค์ชายอนันตยะวาดรูป ซึ่งแต่ละครั้งนั่งเป็นเวลานาน เขายังแปลกใจอยู่ว่าการ์ปูทนได้อย่างไร
ส่วนการ์ปูก็เช่นกันเขาก็รีบเดินกลับบ้าน เพื่อที่จะได้อาบน้ำและไปหาองค์ชายอนันตยะ
เมื่อมาถึงเรือนพัก การ์ปูก็รีบอาบน้ำแต่งตัว และเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็รีบออกจากห้องและกำลังจะลงบันได ผู้เป็นพ่อและแม่ที่พึ่งออกมาจากห้อง เพื่อกินอาหารเย็นที่ข้าทาสเตรียมไว้ให้
"เอ็งจะไปไหน มันจะมืดแล้ว"แม่ทัพการินซึ่งเป็นพ่อของการ์ปูตะโกนถาม เมื่อการ์ปูได้ยินก็หยุดเดินต่อทันทีและหันตัวกลับมา
"ไปหาองค์ชายเครับพ่อ"
"ไปหาเรื่องอะไรรึ วันนี้ทั้งวันก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่นี่"
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน ก่อนแยกกันพระองค์สั่งไว้"
"แล้วกวินทร์ไปด้วยมั้ย"สุมาลีผู้เป็นแม่ถามไถ่
"ไม่ได้ไปครับ"
"งั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยไป" สุมาลีผู้เป็นแม่ยืนรอฟังคำตอบ
"องค์ชายให้ไปกินข้าวกับพระองค์ด้วยครับ"
"ถ้างั้นก็รีบไปเดี๋ยวองค์ชายจะรอนาน"ผู้เป็นพ่อยิ้มแล้วพยักหน้าให้การ์ปู
เมื่อผู้เป็นพ่ออนุญาติแล้ว การ์ปูจึงรีบวิ่งลงบันไดเพื่อไปปหาองค์ชายอนันตยะ
ส่วนสุมาลีภริยาแม่ทัพใหญ่หันมามองสามี เพราะไม่เข้าใจ ในตัวลูกชายกับองค์ชายอนันตยะ ทำไมถึงได้สนิทกันเหมือนอย่างกับพี่น้องคลานตามกันมา
"ลูกเราวาสนามันดีกว่าพ่อของมัน"แม่ทัพใหญ่ยิ้มมีนัย
"แต่ทำไมสนิทกันเกิน ถ้าไม่มีกลางคืนคงไม่เห็นหน้า ไปคลุกอยู่แต่กับองค์ชาย ทีกวินทร์ไม่เห็นใคร่สนใจนัก"สุมาลีมีท่าทีครุ่นคิด
"มันไม่ดีเหรอ ที่องค์ชายเล็กคบลูกเราเป็นสหาย แล้วภายภาคหน้าพระองค์ได้เป็นราชาแน่นอน ลูกเราก็มีโอกาสได้ตำแหน่งใหญ่โตกว่าพ่อของมันแน่"
"ก็ใช่อยู่ แต่พระองค์ทรงแปลกนะ ไม่ชอบการต่อสู้ผิดวิสัยชาย เห็นได้แต่วาดรูปและท่องตำรา"
"น้องไม่รู้อะไร ตำราที่พระองค์ศึกษาน่ะเป็น ตำราพิชัยสงครามเชียวนะ พระองค์ศึกษาจนเชี่ยวชาญ ข้าว่าในแคว้นบุรินทร์นครหาใครเทียบได้"การินแม่ทัพใหญ่หยุดพูดเพื่อกลืนน้ำลายลงคอ
"และพระองค์ก็ฉลาดมากที่คบลูกเราเป็นสหาย ลูกของเราเก่งเชิงรบ พระองค์ก็คงอยากได้ลูกเราเป็นองค์รักษ์ ไว้คุ้มครองตัวพระองค์เองนั่นแหล่ะ"
"ปวดหัวน้องไม่อยากคิดตามแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ"ด้วยความที่สุมาลีเป็นหญิงจึงไม่ใคร่สนใจนัก ผิดกับแม่มัพการินที่รู้สึกยินดีเป็นที่สุด
การ์ปูใช้เวลาไม่นานนักในการเดินทางมาหาองค์ชายอนันตยะที่พระตำหนัก เมื่อการ์ปูมาถึงในห้องขององค์ชายเล็ก เขาก็เห็นบรรดาอาหารนับสิบชนิด ซึ่งมันมากมายกว่าครั้งก่อนที่เขามากับกสินทร์
"เราสั่งมาเพื่อการ์ปูโดยเฉพาะ"องค์ชายนั่งลงข้างสำรับอาหาร
"ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ"
"นั่งลงแล้วพูดกับเราธรรมดาก็ได้ "
"ขอรับ"
"กินซะอาหารดีๆทั้งนั้น"องค์ชายตักเนื้อแพะอบน้ำผึ้งใส่ในจานของการ์ปู
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวหม่อมฉันตักเองขอรับ"การ์ปูรู้สึกตื่นเต้นประหม่า เป็นครั้งแรกที่การ์ปูอยู่สองต่อสองกับองค์ชายอนันตยะ ทุกทีจะมีกวินทร์มาด้วยทุกครั้ง
"เราตักให้เจ้านะการ์ปู ก็รีบกินซะไม่ต้องเกรงใจ"คราวนี้องค์ชายก็ตักเนื้อแพะเพื่อเสวยเอง
"อร่อยมั้ยการ์ปู"
"อร่อยมากเลยขอรับ"การ์ปูตอบตามความจริง เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้กินเนื้อแพะ และเริ่มใช้คำพูดธรรมดาสามัญชน ตามคำสั่งขององค์ชายอนันตยะ
องค์ชายอนันตยะกับการ์ปูใช้เวลาในการกินอาหารค่ำ นานพอสมควรเพราะองค์ชายอนันตยะได้นำเหล้าหมักหลายสิบปี มาให้การ์ปูได้ลิ้มลองซึ่งทำให้การ์ปูติดใจในรสชาติ
"เป็นไงล่ะ ขอบมั้ยเหล้าหมักไว้เป็นสิบปีของเสด็จพ่อเชียวนะ"
"แล้วพระองค์ไม่ว่าเหรอขอรับที่นำมาเสวย"การ์ปูเริ่มรู้สึกกลัวนิดๆ
"ไม่ว่าหรอกเพราะเสด็จพ่อไม่รู้"องค์ชายอนันตยะหัวเราะร่วน ทั้งๆที่องค์ชายอนันตยะไม่ชอบในรสชาติ แต่ก็ฝืนทนดื่มเป็นเพื่อนการ์ปู
"เราว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าไม่ได้ทำงานกันพอดี ที่หลือเราให้การ์ปูเอาไปไว้ที่บ้านเลยนะ"
"ขอบพระทัยมากขอรับ"
"ไม่ต้องมาขอบใจหรอก เดี๋ยวเรามีงานให้การ์ปูทำ"
"งานที่ทำเป็นแบบวาดรูปเหรอครับ"
"ใช่"องค์ชายอนันตยะอมยิ้ม
"พระองค์ไม่ทรงเบื่อเหรอขอรับ ที่วาดรูปหม่อมฉันตั้งแต่เด็กยันโตเป็นหนุ่ม"
"เราไม่มีวันเบื่อการ์ปูหรอก"องค์ชายอนันตยะทรงยิ้ม
"ไม่เบื่อหม่อมฉันแต่ก็น่าจะเบื่อรูปร่างผมบ้าง มันก็เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ถ้าเปลื่ยนคนบ้างก็ว่าไปอย่าง"
"เรายังวาดการ์ปูไม่ครบทุกสัดส่วนเลย"
"หมดแล้วขอรับทั้งใส่เสื้อถอดเสื้อ ท่านั่งท่านอนท่ายืน ไม่รู้จะทำท่าไหนแล้ว ก็เหลือก็มีแต่แก้กางเกงอย่างเดียวขอรับ"
"ก็นั่นแหล่ะที่เราต้องการ"องค์ชายยิ้มพร้อมจ้องมองการ์ปู
"หม่อมฉันพูดเล่นขอรับ"การ์ปูรู้สึกเขิน
"แต่เราพูดจริง"
"องค์ชายก็ นางสนมกำนันมีตั้งเยอะ พระองค์ก็วาดสักคนซิ หม่อมฉันจะได้อยู่เป็นเพื่อนพระองค์"
"นางสนมไว้ทีหลัง ขอวาดของการ์ปูก่อนได้มั้ย"
"พระองค์ก็ หม่อมฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ"
"จะอายอะไรเราก็ผู้ชายเหมือนการ์ปูนั่นแหล่ะ"
"แล้วพระองค์จะวาดไปทำไมไอ้รูปแก้ผ้าผู้ชายเนี่ย มันไม่ได้หน้าดูเลย"
"แต่มันน่าดูสำหรับเรา"
"อะไรนะ"การ์ปูถลึงตาขึ้นด้วยความสงสัย
"เราหมายถึงมันเป็นงานศิลปะที่มีจิตวิญญาณ การ์ปูไม่เข้าใจหรอก"
"ใช่หม่อมฉันไม่เข้าใจองค์ชายจริงๆ" การ์ปูเริ่มเครียดจึงดื่มเหล้าเข้าไปอีกหลายแก้ว
"เดี๋ยวก็เมาหรอก"
"แค่นี้หม่อมฉันไม่เมาหรอก แต่ถ้าเมาก็ดีพระองค์จะได้ไม่ต้องตื้อหม่อมฉันอีก"
"เราขอร้อง การ์ปูจะว่าไง"
"โธ่ พระองค์"
"การ์ปูอยากได้อะไรเราจะหามาให้ ถ้าเป็นแบบให้เรา"
"หม่อมฉันไม่ได้อยากได้อะไร ขอแค่พระองค์เอ็นดูหม่อมฉันตลอดไปก็พอขอรับ"การ์ปูหันไปมองหน้าองค์ชายอนันตยะ ที่มีใบหน้างดงามราวกับอิสตรี รวมกับผิวพรรณที่ขาวผ่องใสยิ่งกว่านางสนมในพระตำหนัก การ์ปูมองเพ่งพิจารณาอยู่พักหนึ่ง ถึงกับต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงขององค์ชายอนันตยะดังขึ้น
"มองหน้าเราทำไม"องค์ชายอนันตยะมีท่าทีสงสัย
"หม่อมฉันคิดว่าพระพักตร์ของพระองค์งามเราวยังกับผู้หญิงขอรับ"
"การ์ปูชอบมั้ย"สายตาองค์ชายอนันตยะมองไปที่ดวงตาการ์ปู
"ถ้าพระองค์เป็นผู้หญิง หม่อมฉันคงชอบ แต่พระองค์เป็นผู้ชายเหมือนกับหม่อมฉัน คงเป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ"การ์ปูหลบตาต่ำลง
"เปลื่ยนเรื่องดีกว่า การ์ปูจะยอมเป็นแบบให้เราวาดรูปมั้ย"
การ์ปูมีทีท่าอึดอัด แต่ด้วยคนขอร้องเป็นถึงองค์ชาย ท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอม แต่ที่บ่ายเบี่ยงเพราะหวังว่าองค์ชายจะเปลื่ยนใจ แต่เมื่อการ์ปูดูสถานการณ์แล้ว ยากที่องค์ชายจะเปลื่ยนใจ การ์ปูจึงจำเป็นต้องยินยอมแต่โดยดี
"ก็ได้ขอรับ"
"เราขอบใจการ์ปูมากนะ ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว "สาเหตุที่องค์ชายอยากวาดรูปเปลื่อยกายของการ์ปู เพราะเขารู้สึกชอบการ์ปูมาตั้งแต่ย่างเข้าวัยหนุ่ม ซึ่งองค์ชายอยากจะเก็บรูปของการ์ปู ไว้ทั้งในความทรงจำและไว้ดูเป็นทึ่ระลึก องค์ชายอนันตะยะนั้นรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง การ์ปูต้องมีครอบครัวซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ทั้งองค์ชายและการ์ปูก็ต้องแยกจากกัน องค์ชายอนันตยะจึงอยากเก็บความรู้สึกดีๆกับภาพวันเก่าๆไว้ให้มากที่สุด
"ถ้าอย่างงั้นหม่อมฉันถอดเสื้อผ้าแล้วนะขอรับ"การ์ปูเริ่มปลดเสื้อออกจนเห็นกล้ามเนื้อที่แน่น สมดังชายชาตรี ซึ่งองค์ชายอนันตยะเห็นจนเคยชิน จึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่เมื่อการ์ปูเริ่มปลดกางเกงเลื่อนลง ทำให้หัวใจองค์ชายอนันตยะเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ