เวลา 2 ทุ่ม หอพักปรานนท์
แกร๊ก>>
อรสิตาเปิดเข้ามาในห้องที่เงียบสนิทของปรานนท์ เธอเรียนจบคาบสุดท้ายก็เอาแต่ไปนั่งร้องไห้ระบายความในใจกับสายไหมจนดึก เธอตั้งใจว่าจะกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่ห้องเขาและก็ตั้งใจว่าจะบอกเลิกเขาให้เด็ดขาด
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะอ้อม...”
ปรานนท์เดินถือขนมเค้กออกมาจากห้องนอน พร้อมมีแสงเทียนบนเค้กที่ส่องให้เห็นแค่หน้าเขาจางๆ เธอมองเขาอย่างอึ้งๆจนเขาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้เธอจบ แล้วยื่นเค้กมาตรงหน้าเธอ
“อธิษฐานซิ...แล้วก็เป่าเค้กนะ...”
เธอมองเค้กในมือเขานิ่งๆแล้วตาเธอก็เริ่มแดงขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลออกมา เธอหลับตาอธิษฐานสักพักแล้วก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ยื่นหน้าเข้าไปเป่าเค้กในมือเขาจนเทียนมันดับหมด
เขาเดินไปเปิดไฟภายในห้องจนมันสว่างแล้วเดินเข้ามาหาเธอ
“ที่นนท์หายไปเพื่อไปเอาเค้กมาให้อ้อมเลยนะ นี่แอบไปสั่งไว้ให้เมื่อวันที่ไปเตอะบอลนะเนี้ย...”
เธอมองหน้าเขานิ่งๆ
“ชอบไหม..? นี่นนท์รีบกลับมาจัดห้องรอนะ นนท์จะได้ฉลองวันเกิดกับอ้อมกัน 2 คนไง..”
“...”
“นี่ของขวัญวันเกิดจากนนท์...ขอให้อ้อมมีความสุขแล้วก็รักนนท์ให้มากๆอยู่กับนนท์ไปนานๆนะ...”
เขายื่นกล่องเล็กๆให้เธอ เธอรับมันมาเปิดออกดูเป็นสร้อยพร้อมกับจี้รูปหัวใจ เธอเห็นถึงกลับน้ำตาไหลออกมา เขาจึงยิ้มพอใจที่เห็นเธอชอบของขวัญที่เขาให้จนถึงกลับร้องไห้ด้วยความดีใจแบบนี้ เขาดึงตัวเธอเข้ามากอด
“นนท์รักอ้อมนะ...”
เธอยืนนิ่งให้เขากอดอยู่แบบนั้น แต่การได้รับอ้อมกอดจากเขาแบบนี้กลับทำให้เธอร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม การกระทำของเขาทุกอย่าง คำพูดที่เขาพูดออกมามันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด
“นี่ตื้นตันใจมากจนพูดไม่ออกเลยหรอ..?”
“...”
เขายื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ แล้วก็กำลังจะยื่นหน้าเข้าไปจูบเธอแต่เธอก็ตัดสินใจพูดประโยคหนึ่งออกมา
“อ้อมท้อง...”
เขาหยุดชะงักทันทีก่อนที่จะไปถึงริมฝีปากเธอ
“อะไรนะ..?”
“อ้อมท้อง...ท้องได้เดือนนึงแล้ว...”
“...”
เขาอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็ยิ้มออกมาเพราะคิดว่าอรสิตาคงจะล้อเขาเล่นอยู่แน่ๆ
“นี่อ้อมล้อนนท์เล่นใช่ไหม..?”
“อ้อมพูดจริง...อ้อมท้องจริงๆ...ประจำเดือนอ้อมไม่มาอ้อมก็เลยให้ไหมพาไปตรวจ ไม่เชื่อก็ลองไปถามไหมดูซิ..?”
“...”
เขานิ่งไปไม่พูดอะไรสักคำ อรสิตามองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิดหวังแล้วก็เสียใจ เธออยากรู้ว่าเขาจะตัดสินใจยังไง แต่ก็ยังไม่ได้คำพูดอะไรออกมาจากปากเขาสักคำ เธอจึงเดินหนีเข้าห้องไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลร่วงพลูออกมา
อรสิตานอนร้องไห้อยู่บนเตียงนอนคนเดียว เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าเขาจะพูดอะไร จนเขาเดินเข้ามาในห้องและนั่งลงบนเตียง
“เรายังเรียนกันไม่จบเลยนะ...อีกตั้งเทอมหนึ่งกว่าเราจะเรียนจบแล้วก็ทำงาน...ถ้าอ้อมท้องตอนนี้เราจะเลี้ยงลูกกันยังไง..?”
“...”
“อ้อมจะอุ้มท้องมานั่งเรียนหรอ...อีกแค่เทอมเดียวเราก็จะจบแล้วนะ..?”
“...”
“...”
ทั้ง 2 คนยังนั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรกันต่อ
“นนท์พูดมาเลยว่าอยากให้อ้อมเอาเด็กออก...ไม่ต้องมาพูดอ้อมค้อมไปมาหรอก...”
“นนท์นึกถึงอนาคตอ้อมนะ ถ้าอ้อมอุ้มท้องแล้วไปนั่งเรียนแบบนั้นอาจารย์ไม่ยอมแน่ๆ นี่มันเหลืออีกแค่เทอมเดียวเองนะเราก็จะจบกันแล้วด้วย...”
“แต่นี่มันลูกของเรานะ...นนท์ไม่สงสารลูกหรอ..?”
“นนท์รู้...แต่ถ้าเขาเกิดมาตอนนี้เราทั้ง 2 คนก็ยังไม่พร้อมนะที่จะเลี้ยงเขานะ...”
อรสิตาลุกขึ้นมองหน้าเขาด้วยความผิดหวัง แล้วก็เสียใจ
“เป็นอย่างที่อ้อมคิดจริงๆ...ว่านนท์จะต้องพูดแบบนี้...”
“...”
“รู้ไหมว่าสิ่งที่อ้อมอยากได้ยินจากปากนนท์มากที่สุดคืออะไร...?”
“...”
“ไม่เป็นไรนะ...เราจะเลี้ยงลูกไปด้วยกัน นนท์จะดูแลอ้อมแล้วก็ลูกให้ดีที่สุด...”
อรสิตาพูดออกมาทั้งน้ำตา มองจ้องเข้าไปในแววตาเขาอย่างคนหมดใจ
“คำสัญญาของนนท์มันไม่มีความหมายอะไรเลย มันเป็นแค่คำสัญญาลมปากที่นนท์ไว้ใช้พูดเพื่อให้อ้อมตายใจเท่านั้น ทำไมอะนนท์...ทำไมถึงทำร้ายหัวใจของอ้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้..?”
“อ้อม...”
อรสิตาลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา
“อ้อมจะบอกอะไรให้นะ...อ้อมจะบอกให้นนท์จำไว้ให้ขึ้นใจ...ว่าวันเกิดอ้อมคือวันที่ 26 มิถุนายน ไม่ใช่ 26 เมษายน...”
ปรานนท์อึ้งไปที่เขาจำวันเกิดอรสิตาผิดเดือน
“อ้อม...นนท์ขอโทษ...”
“คำขอโทษของนนท์อ้อมฟังจนเอียนแล้ว อ้อมทนมาพอแล้วนนท์...อ้อมเหนื่ิอยที่ต้องมานั่งผิดหวังกับเรื่องที่นนท์โกหกซ้ำๆซากๆแบบนี้...”
“นนท์ไม่เคยโกหกอะไรอ้อมเลยนะ...เต่เรื่องวันเกิดนี้นนท์ยอมรับว่านนท์ผิด...นนท์ขอโทษจริงๆนะ...”
ปรานนท์รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอ
“พอแล้ว...ไม่ต้องพูดแล้ว...”
“...”
“อ้อมว่าเราเลิกกันเถอะ..?”
“อะไรนะ..?”
“เรื่องลูกอ้อมจะจัดการเอง...นนท์ไม่ต้องห่วงว่าอ้อมจะเอาเขามาเป็นภาระให้กับนนท์...”
“นนท์ไม่เลิก...นนท์ไม่เลิกเด็ดขาด...”
“...”
อรสิตามองหน้าเขานิ่งๆแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเก็บเข้ากระเป๋า
“นนท์ไม่เลิกนะ...ยังไงนนท์ก็ไม่มีวันเลิกกับอ้อมเด็ดขาด...”
“...”
เขาเดินเข้ามาแย่งกระเป๋าจากมือเธอ จนเธอหันมามองอย่างไม่พอใจ
“เรื่องของนนท์...แต่อ้อมจะเลิก...”
เธอพูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้ปรานนท์ยืนทำสีหน้ากังวลและเครียดอยู่คนเดียว