กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ พระราชวังในเมืองอันใหญ่โตแห่งหนึ่ง มีเด็กทารกน้อยเพศหญิงคนหนึ่ง กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายกายสบายใจอยู่ในไกวเปล เคียงข้างกับบิดาและมารดาของตน...ที่มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าเมืองหรือเรียกง่าย ๆ ว่ากษัตริย์นั่นเอง
แต่ในฝากฝั่งหนึ่งของผืนป่าในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง กลับมีเหล่าแวร์วูฟออกอาละวาดและกำลังเดินทางไปยังเมืองใหญ่ด้วยความหิวโหยที่ไม่อาจจะต้านทานความต้องการได้...จึงก่อให้เกิดผู้พิทักษ์อย่างเซฟซิฟเตอร์ ที่ออกล่าสัตว์ร้ายไร้จิตใต้สำนึกเหล่านั้น และขวางทางของพวกมันเอาไว้ก่อนที่พวกมันจะเดินทางไปถึงเมืองใหญ่และไปทำร้ายผู้คน
เซฟซิฟเตอร์และแวร์วูฟเป็นตระกูลหมาป่าเฉกเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเซฟซิฟเตอร์จะไม่กำจัดเหล่าแวร์วูฟ แต่จะเป็นการขับไล่เสียมากกว่า บางทีพวกแวร์วูฟที่รู้ตนว่าไร้หนทางที่จะต่อสู้ พวกมันก็จะยอมล่าถอยกลับไปแต่โดยดีและออกล่าสัตว์ป่าแทนการล่ามนุษย์
แต่ถ้าหากพวกมันตนใดที่กล้าแข็งข้อ...ก็ต้องมีการลงไม้ลงมือกันเสียหน่อยแต่ไม่ถึงปางตาย เพราะพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นพี่น้องตระกูลของเราเฉกเช่นเดียวกับพวกมนุษย์ ที่บรรพบุรุษของเหล่าเซฟซิฟเตอร์คอยดูแลมานับพัน ๆ ปี
พวกมนุษย์ที่นอนหลับพักผ่อนนั้นไม่ได้รู้ความอันใดเลยว่าเกือบจะกลายเป็นอาหารอันโอชะให้กับเหล่าแวร์วูฟพวกนั้นไปเสียแล้วหากไร้การดูแลรักษาจากพวกเราเหล่าเซฟซิฟเตอร์
เสียงขู่กรร์ของเหล่าหมาป่าที่มีขนาดใหญ่โตกว่า สามารถขวางทางให้พวกแวร์วูฟชะงักและยอมล่าถอยกลับไปแต่โดยดี
เซฟซิฟเตอร์ได้มีการจัดเวรเฝ้ายามกันบางส่วนเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพวกมนุษย์จนกว่าที่จะรุ่งสาง บางส่วนก็เดินทางกล้บที่พักเพื่อกลับไปดูแลเด็ก ๆ ของพวกเราที่ยังไม่เติบโตพอที่จะเป็นหมาป่า
แต่กลับมีเซฟซิฟเตอร์ตนหนึ่งที่ไม่ได้เดินทางกลับยังที่พักเนื่องจากว่านางมีภารกิจบางอย่าง และเป้าหมายของหมาป่าดวงตาสีเหลืองอร่ามตนนั้น...ก็คือพระราชวังที่มีเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นอาศัยอยู่นั่นเอง
เป็นเพราะว่ามีคำทำนายถึงข่าวร้ายเกี่ยวกับพวกเราเผ่าพันธุ์เซฟซิฟเตอร์ เธอที่เป็นภรรยาของหัวหน้าจ่าฝูงจึงอาสาว่าจะไปนำพาตัวเด็กหญิงคนนั้นมาด้วยตัวของนางเอง เพื่อที่ต้องการจะรักษาเผ่าพันธุ์ของเซฟซิฟเตอร์ให้คงอยู่ แต่มันก็แลกมาซึ่งการที่บิดามารดาของเด็กหญิงคนนั้นจะต้องหัวใจแตกสลาย
แต่ใครสนใจเรื่องนี้กันล่ะ...นางเองก็รักเผ่าพันธุ์และวงตระกูลไม่ต่างจากกษัตริย์ทั้งสองพระองค์เช่นกันที่รักเด็กสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรธิดาหรือองค์หญิงของประชาชน
หมาป่าดวงตาสีเหลืองอร่ามตากระโดดข้ามกำแพงที่สูงใหญ่เข้าไปภายในเมืองใหญ่ที่ผู้คนกำลังหลับใหล เดินผ่านลัดเลาะไปด้วยร่างของหมาป่าที่สวยสง่าแต่แฝงเต็มไปด้วยความว่องไวและปราดเปรียว จนในที่สุดกลิ่นของมวลมนุษย์ที่นางตามหาก็อยู่ใกล้กับนางเพียงแค่ลมหายใจกั้นขวาง
ภรรยาของหัวหน้าเผ่าเซฟซิฟเตอร์แปลงกายกลับไปเป็นมนุษย์ตามเดิมด้วยเครื่องนุ่งห่มของนางสนมอย่างที่ใจคิด เธอย่ำกรายเดินเข้าไปในห้องด้วยความเงียบสงบของสัญชาตญาณนักล่า และหยุดยืนอยู่ที่ไกวเปลสบมองเด็กน้อยน่ารักน่าชังด้วยความเอ็นดู...พร้อมกับที่นางตกหลุมรักองค์หญิงตัวน้อยตั้งแต่แรกเห็น
ดวงตาสีเหลืองอร่ามหันไปทางเตียงของสองกษัตริย์ซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ทั้งเธอก็ยังเฝ้าภาวนาในใจและให้การสัญญาแบบไม่ออกเสียงเพราะเธอรู้ดีว่าผู้เป็นมารดาที่หัวใจแตกสลายจากการต้องสูญเสียบุตรนั้น...มันจะรู้สึกอย่างไร
“ข้าจะดูแลเด็กน้อยคนนี้ด้วยชีวิตทั้งหมดของข้า...ได้โปรดท่านทั้งสองให้อภัยแก่ข้าด้วย”
เธอว่าจบก็ไม่รอเวลาให้ไหลผ่าน จับเด็กน้อยขึ้นมามัดผูกผ้าเอาไว้ให้แน่นหนา ก่อนจะแปลงกายกลับเป็นหมาป่าตามเดิม พร้อมทั้งกระโจนออกไปที่นอกหน้าต่างด้วยความเงียบสงบ ราวกับที่แห่งนี้ไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน
และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา...ก็ไม่เคยมีใครได้พบเห็นองค์หญิงองค์น้อยคนนั้นอีกเลย
รวมไปถึงคำทำนายที่ภรรยาของหัวหน้าจ่าฝูงได้กล่าวถึงในตอนต้นนั้น ก็ไม่มีผู้ใดรู้ข้อเท็จจริงได้...ว่ามันร้ายแรงถึงขั้นที่ต้องพรากเด็กสาวออกจากอ้อมอกของมารดาที่เป็นมนุษย์เลยอย่างนั้นหรือ
“จบแล้ว!”
เสียงหวานใสของเด็กน้อยวัยสิบหกปีร้องออกมาด้วยความดีใจพลางสบมองเหล่าเด็ก ๆ ที่นั่งเรียงรายกันตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส แต่เจ้าเด็กน้อยพวกนั้นกลับสบมองมาที่เธอด้วยแววตาเบื่อหน่ายอย่างไม่มีปิดบัง
“ท่านพี่เล่าเรื่องนี้ให้พวกข้าฟังเป็นพันครั้งแล้วเห็นจะได้!”
เด็กน้อยวัยแปดขวบดวงตาสีน้ำตาลเข้มเอ่ยท้วงออกมา พร้อมกับหันหน้าไปหาเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ราวกับกำลังขอความคิดเห็นจากบุคคลเหล่านั้นที่นั่งอยู่เคียงข้างกับเจ้าเด็กตัวน้อยคนนี้ ก่อนที่จะเกิดเป็นเสียงโห่ร้องโวยวายขึ้นมาให้เธอต้องยิ้มแหย่และพยายามที่จะยกมือห้ามปรามให้พวกเขาใจเย็นลงก่อน
แต่กลับมีใครบางคนสบมองเจ้าหล่อนด้วยดวงตาสีฟ้าครามและกรอกตาขึ้นลงไปมาอย่างเบื่อหน่าย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกรซถูกเด็ก ๆ กลั่นแกล้ง แม้ว่าตัวเองจะมีอายุมากกว่าก็ตามที
แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะไม่ได้เติบโตขึ้นไปตามวัยเลย ผิดกับเขาลิบลับที่เริ่มมีมัดกล้ามออกมาทุกวัน เนื่องจากใกล้ถึงช่วงวัยที่เขาจะกลายเป็นหมาป่าแบบเต็มตัวแล้วเมื่ออายุครบสิบหกปีบริบูรณ์
และมันทำให้อีธานประหลาดใจกับความเป็นจริงข้อนี้...เพราะว่าเราสองคนนั้นเป็นฝาแฝดที่เกิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
เกรซเกิดก่อนเขาหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ จากการบอกเล่าของผู้เป็นมารดาที่เป็นภรรยาของหัวหน้าจ่าฝูง...
“เกรซ...” อีธานโพล่งออกไปเมื่อดูท่าแล้วคงไม่ดีแน่ เพราะหล่อนสู้แรงเด็ก ๆ พวกนั้นไม่ได้เลยแม้จะตัวโตกว่ามากโข
เจ้าหล่อนหันมาสบมองใบหน้าของเขาและยกยิ้มออกมาจนเต็มใบราวกับดีใจนักหนาที่มีคนมาช่วยเหลือกัน ก่อนที่นางจะวิ่งเข้ามาหาเขา และหลบอยู่ด้านหลังให้เจ้าเด็กน้อยวัยกำลังซนสามถึงสี่คนหยุดชะงักอย่างหวาดกลัวเขาในทันที
“เจ้าแกล้งเกรซอีกแล้วเหรออาเธอร์?” เด็กตัวน้อยหน้าซีดเผือกเมื่อถูกจับได้
“ก็ท่านพี่เอาแต่เล่านิทานเดิม ๆ ให้พวกข้าฟัง มันเป็นตำนานที่มันไม่มีอยู่จริง...แต่พี่เกรซก็เอาแต่พร่ำบอกกับข้าว่ามันมีจริงแต่เกิดขึ้นมานานแล้ว!” เจ้าเด็กตัวน้อยเอ่ยท้วงอย่างนึกโมโห
และมันทำให้เขาเข้าใจดีเลยล่ะว่าเด็ก ๆ พวกนี้กำลังรู้สึกอย่างไรที่ได้ยินเรื่องราวจากปากของเจ้าหล่อน เพราะมันเป็นเรื่องจริงอย่างที่เด็กเหล่านี้ว่า...เกรซเอาแต่พร่ำบอกว่านิทานเรื่องนี้มันเป็นความจริง ทั้ง ๆ ที่ท่านพ่อเคยบอกด้วยตัวของท่านเองแล้วว่ามันเป็นแค่นิทานเรื่องหนึ่งที่เอาไว้เล่าให้พวกเด็ก ๆ ฟังเท่านั้น
“แล้วไยเจ้าถึงไม่ยอมหานิทานเรื่องอื่นมาเล่าให้พวกเด็ก ๆ ฟังบ้างล่ะ?” แม้อยากจะต่อว่า แต่เขากลับรู้สึกว่าเจ้าหล่อนดูเปราะบางมากเกินกว่าที่พวกเรารู้สึก
หากเขาเจอเกรซในเมืองใหญ่และเดินกับเหล่ามนุษย์ปะปนกันอยู่ ผมสีบลอนด์ทองกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเจ้าหล่อนรับกับผิวขาวสว่างกระจ่างใส...มิอาจจะทำให้เขามองออกได้เลยว่าเจ้าหล่อนเป็นเซฟซิฟเตอร์เหมือนดั่งเช่นพวกเรา
แม้เธอจะมีกลิ่นของพวกเราปะปนอยู่...แต่มันก็เจือจางมากราวกับว่าเธอแค่คลุกคลีอยู่กับพวกเราเท่านั้น
หาใช่ได้เป็นเซฟซิฟเตอร์ดั่งเช่นพวกเราที่สัมผัสและรับรู้กันได้ถึงความรู้สึกเพราะเป็นสัญชาตญาณของพวกเหล่าหมาป่า...ไม่เว้นแม้กระทั่งแวร์วูฟที่พวกเราสัมผัสถึงกันได้เฉกเช่นเดียวกัน
“ก็ท่านแม่เคยบอกข้าว่ามันเป็นเรื่องจริง...และข้าก็ชอบเรื่องเล่านี้ด้วย!” เจ้าหล่อนพองลมและขยับออกจากแผ่นหลังของเขา ทั้ง ๆ ที่ในคราแรกยังใช้เป็นที่หลบภัยจากเจ้าเด็กหมาป่าเหล่านี้อยู่เลย
“แม่เจ้าก็คือแม่ข้า...” และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีธานพูดประโยคนี้เฉกเช่นเดียวกัน
เจ้าหล่อนมักจะทำตัวราวกับเป็นเด็กเล็กอยู่เสมอ และยังไม่มีอาการอะไรที่แสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงไปให้ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นหมาป่าเลย ทั้ง ๆ ที่ช่วงหลังจากวันเกิดครบสิบหกปีที่ผ่านมาจะทำให้เขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืนเพราะร่างกายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง แต่เจ้าหล่อนกลับยังนอนหลับได้อย่างสบายใจราวกับว่าเราไม่ใช่ฝาแฝดกันอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านพี่สองคนไม่เห็นจะเหมือนคนเป็นฝาแฝดกันเลยสักนิด!” อีธานหันหน้าไปสบมองเจ้าเด็กตัวน้อยอีกครั้งพร้อมกับหันสลับไปสบมองใบหน้าของเกรซที่กำลังทำสีหน้าไม่สู้ดีอยู่ “พี่อีธานเหมือนหมาป่า แต่กับพี่เกรซ...พี่ไม่เห็นจะเหมือนกับพวกเราตรงไหน!”
“อาเธอร์!” เขาเอ็ดใส่เด็กเล็กในทันทีให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยง
เกรซที่ได้ยินดังนั้นก็ดวงตาสั่นไหวและวิ่งจากออกไปในทันทีให้เขาต้องชี้หน้าเจ้าเด็กตัวน้อยอย่างฝากเอาไว้ก่อนและเดินตามเกรซไปในทันใด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่เจ้าหล่อนได้ยินประโยคนี้จากปากของเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน และมันเป็นคำที่เธอเกลียดที่สุดเพราะมันทำให้เกรซรู้สึกแปลกแยกเพราะลึก ๆ ในใจนั้นเธอก็รู้สึกเช่นกันว่าพวกเราแทบจะไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโขดหินและร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงให้เขาต้องสบมองด้วยความสงสาร พลันหัวใจของตัวเองดวงนี้ก็เต้นอย่างอ่อนแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่
ก่อนที่ร่างของเขาจะทรุดลงเพราะความรู้สึกร้อนรุ่มและเริ่มส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวดจนทำให้เกรซที่กำลังร้องไห้อยู่ถึงกับหันมาสบมองและลุกขึ้นมาหากันในทันใดด้วยความร้อนใจเพราะกลัวว่าเขาจะบาดเจ็บที่ตรงไหน
“อีธาน เจ้าเป็นอะไร?”
“ข้าไม่รู้!” เขาตอบออกมาและพยายามจะระงับเสียงของตัวเองที่กำลังจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง “กรร์!” แต่มันกลับออกมาเป็นเสียงของหมาป่า และมันทำให้เขาพอประติดประต่อเรื่องราวได้ว่าตัวเองอาจจะกำลังกลายร่างในอีกไม่ช้า
และมันจะเป็นการกลายร่างครั้งแรกของเขาในช่วงวัยสิบหกปีบริบูรณ์นี้...
ต่างจากเกรซที่เกิดก่อนเขาเสียด้วยซ้ำแต่เจ้าหล่อนกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนองให้เหมือนจะกลายร่างเป็นหมาป่าเลย
หรือว่าจริง ๆ แล้วเธอจะไม่ใช่หมาป่าเหมือนดั่งพวกเรา แต่เป็นองค์หญิงน้อยคนนั้น...ที่อยู่ในเรื่องเล่าที่พวกเราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่ยังเป็นวัยเยาว์
จากปากมารดาของพวกเราทั้งสองคน...หรือเรียกอีกอย่างก็คือภรรยาหัวหน้าจ่าฝูงของเซฟซิฟเตอร์ในปัจจุบันนั่นเอง