Chapter II

1856 คำ
เราสองคนเดินทางกลับมาที่บ้านของตัวเองหลังจากที่อีธานได้กลายร่างเป็นหมาป่าแล้วและมีเกรซที่เดินอยู่เคียงข้างกันไม่ห่างด้วยใบหน้าเศร้าหมองที่เขาพอจะสัมผัสได้ว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ก่อนที่เราจะเดินทางกลับกันมาและในระหว่างที่ตัวของเขากำลังร้อนรุ่มเพราะตัวกำลังขยายใหญ่ขึ้นจนเสื้อผ้าฉีกขาด อีธานได้ยินประโยคหนึ่งที่ออกมาจากปากของเกรซและในรูปประโยคนั้นมันแฝงเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจนเขาสัมผัสได้ ‘เหตุใดไม่เป็นข้าบ้าง...’ พร้อมกับความรู้สึกในหัวใจของตนที่ราวกับถูกบีบรัดให้แตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำตาของเธอรินไหลเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะหดหายไปพร้อมกับร่างของอีธานที่กลายมาเป็นหมาป่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีธานในร่างหมาป่าดวงตาสีครามสวยจดจ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าซึ่งเจ้าหล่อนก็สบมองมาทางเขาไม่วางตาด้วยแววตาที่มีแต่คำถามและความสับสนจนเต็มไปหมด เกรซกำลังพยายามกลั้นไห้อย่างสุดความสามารถ แต่เขาที่สังเกตเธออยู่เสมอตั้งแต่วัยเยาว์เข้าใจเธอเป็นอย่างดี...จึงเดินย่ำกรายเข้าไปหาและทิ้งตัวนั่งลงเอาหัวซบลงบนตักของเธอราวกับต้องการจะปลอบประโลมเจ้าหล่อนอยู่กราย ๆ ให้ไม่ต้องคิดสิ่งใดให้มากความ อีธานเองก็รู้สึกอึดอัดเช่นกันเพราะในร่างนี้เขาไม่สามารถเปิดปากพูดได้ดั่งใจที่ต้องการ...เนื่องจากว่าเขากลายร่างมาเป็นหมาป่าแล้วหาใช่มนุษย์ ณ เวลานี้ เกรซที่เหมือนจะเข้มแข็งแต่สุดท้ายเธอก็ร่ำไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกับก้มลงมาโอบกอดกันเอาไว้ให้อีธานได้แต่อยู่นิ่ง ๆ และเป็นเพื่อนปลอบใจของเธออยู่ตรงนี้ด้วยร่างของหมาป่า...ที่เขาไม่ได้มีความสุขเลย ทั้ง ๆ ที่ตนเคยเฝ้าฝันอย่างจะแปลงกายมาตลอดสิบหกปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเห็นว่าฝาแฝดของตนนั้นไม่ได้แปลงกายเหมือนอย่างที่เราได้เคยคุยกันเมื่อตอนยังเป็นเด็ก เขากลับรู้สึกเจ็บปวดหัวใจและเศร้าหมองไปพร้อม ๆ กับเธอที่กำลังร่ำไห้อยู่อย่างเช่นตอนนี้ และเขาคิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างบ้างแล้วเพื่อไม่ให้เกรซต้องรู้สึกแปลกแยกเหมือนดั่งเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังน้อยเนื้อต่ำใจในร่างกายของตัวเองอยู่... และเขารู้ว่าเธอกำลังเฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ...ว่าเธอหาใช่เซฟซิฟเตอร์เหมือนอย่างพวกเราอย่างนั้นหรือ “อีธาน แม่...ท่านพี่!” ท่านแม่ที่ได้ยินเสียงย่ำเท้าเข้ามาใกล้เจ้าหล่อนก็เดินออกมาเพื่อหวังที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อท่านเห็นว่าตอนนี้อีธานได้กลายร่างแล้ว ท่านเอ่ยก็เรียกท่านพ่อในทันใดและไม่นานท่านทั้งสองก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเราทั้งสองคน “ถึงเวลาของลูกแล้วสินะ” ท่านพ่อพูดออกมาอย่างไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ แต่กลับสำรวจมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ลักษณะดีใช้ได้...เหมือนปู่ของลูกไม่มีผิด” อีธานที่อยู่ในร่างของหมาป่าก็สบมองไปที่คนทั้งสองอย่างไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาสนใจคนข้างกายมากกว่าที่ทุกคนกำลังมองข้ามเธอและหันมาสนใจเขา เขาเห็นว่าตอนนี้มือของเกรซกำแน่นเข้าหากันพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล เสียงพูดคุยของบิดาและมารดายังดังอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายด้วยความชื่นชมเขาในร่างของหมาป่า แต่เขากลับสนใจเพียงแค่เธอคนนี้ที่อยู่ข้างกาย พร้อมกับอาการของเธอที่พยายามจะฝืนทนฟังแม้ในใจของเธอกำลังจะแตกสลายและเขาสัมผัสมันได้ แต่แล้วในที่สุดเกรซก็ราวกับทนไม่ไหวและเธอเลือกที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นและตรงสู่ห้องนอนของตัวเองในทันทีให้ท่านทั้งสองต้องหันกลับไปสนใจราวกับคิดขึ้นมาได้แล้วว่ามันไม่สมควรเลยที่ยังเอาแต่ชื่นชมเขาอยู่เช่นนี้ เขาเห็นว่าตอนนี้บิดาและมารดาของเขากำลังสบมองหน้ากันไปมาและแสดงสีหน้าออกมาถึงความลำบากใจที่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ ก่อนที่ท่านพ่อของเขาจะแยกตัวออกไปก่อนให้ที่ตรงนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ “อยากกลับร่างมนุษย์หรือยังลูก?” หมาป่ากะพริบตาหนึ่งครั้งให้เจ้าหล่อนเข้าใจในทันทีว่าเขาต้องการที่จะกลับร่างแล้ว “เดี๋ยวแม่เดินไปเอาผ้ามาคลุมให้ อย่าพึ่งกลับร่างล่ะ...ครั้งแรกมันจะไม่มีผ้าชิ้นใดอยู่บนกายเลย” เธอพูดติดตลกอย่างพยายามที่จะขบขัน แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่าท่านแม่กำลังฝืนยิ้มอยู่ และในใจของท่านนั้นกำลังเต็มไปด้วยความกังวลใจอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาสามารถสัมผัสมันได้จากการที่เราเป็นเซฟซิฟเตอร์เฉกเช่นเดียวกัน แต่กับเกรซ...เขาสัมผัสอารมณ์และความรู้สึกของเธอได้ด้วยหัวใจของเขาจริง ๆ อย่างที่เขาไม่เคยเป็นกับใคร และเขากำลังไม่เข้าใจตัวเองในตอนนี้ได้อย่างแน่ชัด ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเกรซ...มันหมายความว่าสิ่งใดกันแน่ ตอนนี้เขากับท่านแม่พากันมานั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวพร้อมกับที่ร่างของอีธานนั้นมีผ้าคลุมอยู่เพียงผืนเดียว มันเป็นเพราะว่าห้องนอนของเขากับเกรซคือห้องเดียวกันและเรานอนด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ ซึ่งเขารับรู้ได้จากหัวใจว่าตอนนี้เกรซคงไม่อยากจะให้มีใครเข้าไปวุ่นวายกับพื้นที่ของเธอ ตนเองจึงได้แต่นั่งห่อผ้าคลุมผืนเดียวอยู่เช่นนี้เพราะไม่ต้องการที่จะรบกวนคนในห้องให้ยิ่งลำบากใจมากไปกันใหญ่ และโชคดีหน่อยที่หมาป่านั้นจะเลือดอุ่นกว่ามนุษย์อยู่มากโข แม้สภาพอากาศในตอนนี้จะหนาวเหน็บเพียงใดก็มิอาจจะทำอันใดคนที่พึ่งกลายร่างเป็นหมาป่าหมาด ๆ อย่างเขาได้เลยแม้แต่น้อย “ดื่มอะไรอุ่น ๆ เสียหน่อยก่อน เดี๋ยวค่อยเข้า...” “เกรซ...หาใช่พวกเราใช่หรือไม่ท่านแม่” มือของมารดาที่กำลังจะวางแก้วน้ำลงตรงหน้าของเขาหยุดชะงักไปในทันใด “ลูกพูดอันใดเช่นนั้น หากพี่มาได้ยินเข้าคงเสียใจน่าดู!” แต่กลับโดนเจ้าหล่อนเอ็ดกลับมาในทันใดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง แต่ในความรู้สึกของเจ้าหล่อนนั้นมันดันบอกกับเขาได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ท่านแม่กำลังโกหกกันอยู่ ดวงตาสีฟ้าครามกำลังพยายามที่จะหรี่ตาสบมองเพื่อจับผิด แต่ผู้เป็นแม่ที่อาวุโสมากกว่าทั้งอายุและการใช้ชีวิตก็เก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดีจนเขารู้สึกขุ่นเคืองที่มิอาจจับได้คาหนังคาเขา “ลูกคงต้องแยกห้องนอนกับพี่แล้วล่ะ” “เหตุใดกัน!” เขาเผลอขึ้นเสียงใส่ท่านแม่จนเจ้าหล่อนหันมาสบมองใบหน้าของกันในทันใด “เพราะว่าลูกเป็นอัลฟ่าที่กำลังจะโตเต็มวัย ส่วนพี่ของลูกเป็นโอเมก้า...และมันก็สมควรแล้วที่จะกระทำเช่นนั้น” “แต่พวกเราเป็นพี่น้องกัน มันไม่มีทาง...” “อย่าให้แม่ต้องพูดจาซ้ำซาก!” ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยท้วงหยุดชะงักไปในทันใด ท่านแม่ไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ที่เขาจำความได้ แววตาสีเหลืออร่ามของเจ้าหล่อนมันแฝงเต็มไปด้วยความกังวลบางอย่าง และมันยิ่งทำให้อีธานมีแต่ความสงสัยจนเต็มไปหมดและคิดว่าเขาจะต้องหาคำตอบด้วยตัวของตนเองให้จงได้ เพราะดูเหมือนท่านพ่อและท่านแม่กำลังปิดบังตัวตนที่แท้จริงบางอย่างเกี่ยวกับเกรซ และเขาคิดว่าพวกท่านจะไม่มีวันยอมบอกอะไรกับเขาแน่ ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสทั้งหลายแหล่ในหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกันที่จะไม่มีวันยอมเปิดปาก เพราะคำสั่งของหัวหน้าเผ่าหรือจ่าฝูงของหมาป่านั้นถือสิ้นแล้วเป็นคำขาด พวกเรามีดีเรื่องความซื่อสัตว์ต่อหัวหน้าเผ่าพันธุ์ และเขาคิดว่าจะต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เป็นแน่แท้หากหวังพึ่งพวกเขาเหล่านั้น พลันนั่งคิดอะไรไปเพลิน ๆ ก็พอจะนึกออกได้ว่ายังมีอีกที่ ๆ หนึ่งที่พอจะเป็นเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องของเกรซได้ ถ้าหากตำนานที่เขาเคยได้ฟังจากปากของเกรซบ่อย ๆ เรื่องนั้นมันเป็นความจริง...แน่นอนว่าเกรซจะต้องเป็นมนุษย์ หาใช่พวกเราที่เป็นเซฟซิฟเตอร์เป็นแน่แท้ เขาจะเดินทางเข้าไปยังเมืองใหญ่เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับตำนานเรื่องนั้น และก็เพื่อที่เขาจะได้รู้ความจริงด้วยว่าเกรซเป็นมนุษย์...หาใช่เซฟซิฟเตอร์เหมือนที่พวกท่านทั้งหมดพยายามจะปิดบังทั้งเกรซและเขามาโดยตลอด สมมติว่าถ้าหากตำนานมันเป็นความจริง...แล้วอะไรคือเหตุผลของการปิดบังกันแน่? หรือว่าจะเป็นเพราะคำทำนายเรื่องนั้นที่พวกท่านไม่เคยปริปากบอกกับเราเลยว่ามันเป็นคำทำนายที่ร้ายแรงขนาดไหนถึงขั้นที่จะต้องลักพาตัว... เขาจะต้องไขเรื่องทั้งหมดให้กระจ่างเพื่อเกรซ...แล้วก็เพื่อตัวของเขาเองด้วย ที่ไม่เคยเข้าใจหัวใจของตัวเองเลย...ว่าทำไมต้องสั่นไหวทุกครั้งเวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มที่สวยงามของเธอ และจะต้องหัวใจราวกับแตกสลายทุกครั้ง...เวลาที่ได้เห็นน้ำตาของเธอที่กำลังจะรินไหล มันเหมือนกับว่าเขาเองก็รู้สึกอยากจะร่ำไห้ไปกับเธอด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าหากว่าเรื่องทั้งหมดมันผิดไปจากการคาดเดาของเขา...และเป็นเพราะว่าฮอร์โมนของเกรซยังไม่โตเต็มที่แต่เพียงเท่านั้นถึงยังไม่ได้กลายร่างในช่วงเวลานี้ มันก็แปลได้ว่าเขาอาจจะตกหลุมรักเธอ... ตกหลุมรักคนที่ไม่ควรตกหลุมรัก...อย่างพี่สาวฝาแฝดของตัวเองทึ่เกิดมาจากวงศ์ตระกูลเดียวกัน ทั้งเธอ...ยังเป็นพี่สาวแท้ ๆ ที่มีพ่อและแม่คนเดียวกันกับเขาอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม