“ไม่ค่ะ ฉันไม่ถือสาค่ะ”
“นีอา ตอนนี้ฟรานหิวแล้วนะ” พูดห้วนน้ำเสียงแข็ง
“ได้ค่ะคุณฟราน เดี๋ยวนีอาไปตั้งโต๊ะเลยนะคะ เชิญคุณทอฟฟี่ด้วยค่ะ จะได้กินด้วยกัน”
ฟรานสวนขึ้นอีก
“บนโต๊ะอาหารของบ้านเรา คนที่นั่งได้มีแต่ฟรานกับคุณพ่อเท่านั้น”
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้น้าทอฟฟี่เป็นแขกของคุณพ่อ ฉะนั้นตั้งแต่นี้ต่อไป น้าทอฟฟี่จะได้นั่งกินข้าวกับคุณฟรานค่ะ”
“ก็ฟรานจะกินคนเดียว ไม่อยากกินกับคนอื่น” พูดไม่รักษาน้ำใจ แสดงแผลงฤทธิ์ไม่เลิก
“กินข้าวคนเดียวเนี่ย มันจะอร่อยหรือจ๊ะ คุณพ่อก็ไม่อยู่บ่อย ๆ ใช่ไหม โอ๊ย! ถ้าเป็นน้านะ คงจะกินข้าวไม่ลง”
ฟรานถึงกับกลืนน้ำลาย ที่เขาผอมแบบนี้ ก็เพราะพ่อไม่อยู่บ้าน และฟรานต้องกินข้าวเพียงลำพัง
“เอ้า ๆ แต่ก็ไม่เป็นไร คุณนีอาคะตามใจคุณฟรานก็แล้วกันไปค่ะ ทอฟฟี่ไม่หิว”
พอรพิชายอมแพ้ ฟรานก็หมดสนุก ทำหน้าย่นเข้าใส่ และหมุนตัวหันหลังเดินไปอีกทาง
“อ้าว... จะไปไหนล่ะคะคุณฟราน ก็ไหนบอกว่าหิวข้าวไงคะ มากินข้าวก่อน”
“ตอนนี้ฟรานไม่หิวแล้ว ไปเล่นดีกว่า” แล้วก็วิ่งหายเข้าไปในห้องของเล่นของเขาเอง
นีอาทำท่าปวดหัว “คุณคะอย่าถือสาคุณฟรานนะคะ วันนี้ทำไมเพี้ยนจัง”
“คุณนีอาต้องรับมือกับแกทุกวันแบบนี้หรือคะ”
นีอารีบสั่นหน้าทันที “ไม่ค่ะ เฉพาะวันนี้ นีอาก็ไม่รู้ว่าคุณฟรานเป็นอะไรเหมือนกันค่ะ เอ้อ...” ถอนหายใจยาว ๆ
“จะแกล้งมั้งคะ เหมือนทุกราย ที่ยังไม่ทันข้ามวันก็มี ก็หนีกระเจิง อยู่สามวัน อยู่สี่วัน และก็ทุกราย ยังไม่เคยมีใครเก่งอยู่ได้เกินสามเดือน ทุกคนยอมยกธงขาว พ่ายแพ้หมดรูป ยอมเก็บกระเป๋ากลับบ้านค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ” รพิชายิ่งมั่นใจว่าฟรานแค่เพียงเรียกร้องความสนใจจากพ่อของเขาต่างหาก ชีวิตของเด็กที่ขาดแม่ ต้องการอ้อมกอดใหญ่ ๆ ของพ่อ เด็กวัยนี้ต้องการคนคอยให้กำลังใจ และปลอบใจในตอนที่ผิดหวัง
‘โธ่หลานน้า หนูอยู่ยังไงตัวคนเดียวมาตั้งหลายปี’
ที่ฟรานเป็นแบบนี้ ก็ต้องโทษฟาอินที่ไม่ใส่ใจดูแล เธอต้องบอกเขาให้ดูแลลูกมากกว่านี้
“คุณทอฟฟี่ นีอาหวังมากนะคะว่าคุณจะอดทน และไม่ทิ้งแกเหมือนพี่เลี้ยงคนอื่น ๆ คุณฟรานแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจแกจริง ๆ นะคะ เจ้าหนูตัวน้อยเล็กจิ๋ว คุณก็เห็น แกจะทำฤทธิ์ทำเดชกับทุกคนได้ยังไง ในฐานะที่เป็นน้องสาวของคุณแม่ของคุณฟราน คุณอย่าหนีแกไปนะคะ แกต้องการแม่ค่ะ นีอาขอร้อง”
นีอายกมือไหว้ปลก ๆ ทั้งที่ไม่ใช่ธรรมเนียมของที่นี่ นีอาเป็นคนเดียวที่ฟรานไม่เหวี่ยงใส่
“ค่ะคุณนีอา ฉันสัญญาค่ะว่าจะดูแลฟรานอย่างดีที่สุด และจะไม่ทิ้งแกไปไหนค่ะ ปัญหาของฟรานจะต้องได้รับการแก้ไขโดยไว”
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณค่ะ”
“ฉันขอเข้าไปดูฟรานก่อนนะคะ คุณนีอาช่วยตั้งโต๊ะได้เลย เดี๋ยวฉันจะพาแกไปกินข้าวให้ได้ค่ะ”
“คุณทอฟฟี่” นีอามองรพิชาอย่างชื่นชม เธอเป็นคนอดทน และไม่ตอบโต้ฟราน นีอามองรพิชาอย่างมีความหวัง
รพิชาเดินเข้าไปในห้อง เธอเห็นฟรานรื้อของเล่นทุกอย่างออกมาจากกล่องมากองรายรอบตัวของเขามากมาย ถ้ารพิชาไม่ได้ยินจากปากของคุณนีอาเมื่อกี้ว่า ฟรานนั้นทุกทีเขาจะเป็นเด็กดีแต่วันนี้ทำฤทธิ์กับเธอ ทำให้เธอเห็น และก็ทำกับคนที่มาเป็นพี่เลี้ยงทุกคน
รพิชาจึงเดินเข้าไปแล้วนั่งลงใกล้ ๆ เธอนั่งมองฟรานที่จับของเล่นชิ้นนั้นโยนใส่ชิ้นนี้โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ รพิชาจึงนั่งดูเขาอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้ฟรานเล่นไป
เด็กชายชายหางตาเหลือบตามองรพิชาอยู่บ่อย ๆ แต่พอเห็นสายตาของเธอที่จ้องอยู่ เขาก็สะบัดหน้าหนี หญิงสาวรู้อยู่ว่าฟรานก็คงอยากจะคุยด้วยเล่นด้วย แต่ตอนนี้ยังอยากจะทำฤทธิ์เดชใส่เธออยู่ นี่คงเป็นบททดสอบรพิชาสินะ
ในใจของเธอรู้สึกสงสารเด็กชายตัวน้อยเป็นอย่างมาก หน้าตาไม่ค่อยสดชื่น ดูทรงแล้วก็ไม่น่าจะมีความสุขมากนัก มีเงินทองมากมาย แต่เลี้ยงลูกด้วยเงิน ให้แต่เงิน
อย่าว่าแต่คฤหาสน์หลังใหญ่ รพิชามองในห้องนี้ช่างใหญ่ และของเล่นมากยิ่งกว่าโซนเด็กเล่นที่อยู่ในห้างแถว ๆ บ้านของเธอเสียอีก ของเล่นมากมายเหล่านี้จะทำให้เด็กน้อยหนึ่งคนเติบโตมาแล้วได้ดิบได้ดีจริงหรือ แล้วใครจะบ่มเพาะนิสัยหรืออะไรต่าง ๆ ให้กับเขาได้ สภาพที่รพิชาคิด ฟรานต้องอยู่อย่างอ้างว้างและโดดเดี่ยว
เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดถ่ายรูป เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น ทำให้ฟรานหันมามองและจ้องเธอ “ทำไมถ่ายรูปฟรานโดยไม่ได้รับอนุญาต รู้ไหมว่าเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ”
เด็กอายุหกขวบพูดจาฉะฉานเป็นอันมาก รพิชาจึงรู้ว่าหัวสมองของฟรานไม่ใช่แค่เด็กหกขวบ เขามีความฉลาดเฉลียวที่จะพูดด้วย
“ขอโทษค่ะ น้าคิดว่าจะถ่ายรูปส่งไปให้คุณยายที่อยู่ที่ประเทศไทยดูน่ะ คุณยายแก้วไง คุณยายอยากจะคุยกับฟรานมาก ๆ และท่านก็อยากจะเห็นรูปของฟรานด้วยนะครับ”
ชื่อของคุณยายแก้วที่ส่งของขวัญวันเกิดมาให้ทุกปี ทำให้ฟรานจำได้ เด็กชายมีท่าทีตกใจคำว่าคุณยาย พ่อก็มักเอ่ยถึงบ่อย ๆ และให้ดูรูปของคุณยายด้วย
ดวงตากลมโตอยากรู้อยากเห็นกะพริบตาปริบ ๆ แต่ก็ยังสงวนท่าที
“แต่ถ้าฟรานไม่อนุญาต น้าก็ไม่มีสิทธิ์มาถ่ายรูปฟราน”
‘หัวหมออีกแน่ะ’ รพิชาคิด
“ถ้าอย่างนั้น น้าจะไม่ส่งไปให้คุณยายละ น้าลบดีกว่า”
ฟรานปรี่เข้ามาแย่งมือถือในมือของรพิชา แต่เธอก็ดึงเอาไว้ได้ทัน
“เอามาดูก่อนสิว่า รูปดูดีหรือเปล่า” เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ แม้ใบหน้าจะยังคงบึ้งตึง แต่รพิชาก็รู้ว่าเด็กชายกลบเกลื่อน
ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจเลื่อนลั่นดังคับอก ความดีอกดีใจที่ได้ยินข่าวของคุณยายทำให้ฟรานเปลี่ยนไป
รพิชายิ้มนิด ๆ แล้วเปิดให้ดูรูปที่เธอได้ถ่ายไปเมื่อสักครู่
“นี่ไงรูปที่น้าถ่ายไปเมื่อกี้”
“เห็นแต่ข้าง ๆ แล้วแบบนี้คุณยายจะเห็นหน้าฟรานได้ยังไง”
“อ้าว... จริงสินะ รูปนี้ไม่สวยจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถ่ายรูปของฟรานแบบเต็มหน้าให้เห็นหน้าของฟรานชัดใช่ไหม”
“ครับ”