บทที่7.2 แต่งงาน2

1619 คำ
ฉีหรานลุกขึ้นมาในตอนเช้า บ้านฉีนั้นกว้างมากพอ มีทั้งหมดสี่เรือนเก้าห้อง ดังนั้นพี่ชายแต่ละคนก็มีห้องของตนเอง หลังจากจัดยาและอาหารให้มารดาเรียบร้อย ก็เริ่มทำอาหารของครอบครัว ในตอนเช้าเช่นนี้ฉีหรานมักจะทำอาหารแห้ง แป้งแผ่นทอดหรือย่าง เพื่อใช้เป็นอาหารกลางวันด้วย จากนั้นงานต่อมาคือการขึ้นเขากับพี่ห้าและน้องหก พวกเขามักจะไปเก็บผักป่าขณะที่ฉีหรานมองหาเห็ดป่า ตอนนี้เห็ดป่าหมดฤดูกาลแล้วจริงๆ แทบมองไม่เห็นเลย น่าเสียดายการแลกเปลี่ยนกำลังเป็นไปด้วยดี ดังนั้นฉีหรานจึงไม่ได้ติดตามพี่ชายน้องชายตลอดเวลา หญิงสาวกลับบ้านก่อนเที่ยงและเริ่มเรียนรู้งานเย็บปักกับมารดาเหมือนช่วงที่ผ่านมา กระทั่งตอนเย็นจึงเห็นพี่ชายคนโตที่ออกมาอาบน้ำ ขณะที่ฉีหรานกำลังทำอาหารเย็นสำหรับมารดา พี่สะใภ้ก็มาถึงในครัวด้วยใบหน้าเขินอาย “น้องสาว...มีอะไรให้ข้าช่วยบ้าง” ฉีหรานมองพี่สะใภ้ที่ตัวแดงก่ำสวมเสื้อผ้ามิดชิดทั้งที่ยังอยู่ในฤดูร้อนอย่างนึกสงสาร นางรู้กฎของบ้านฉีดี คืนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของพี่ชายทุกคนไม่ธรรมดา ท่านพ่อยังอนุญาตให้พวกเขาหยุดสองสามวันเพื่อใช้เวลากับภรรยาใหม่ “พี่สะใภ้ กฎข้อนี้ของบ้านเราก็ค่อนข้างคล้ายครอบครัวทั่วไป เย็นนี้ท่านทำอาหารเย็นให้ครอบครัว เมื่อข้าทำอาหารและยาให้มารดาเสร็จแล้วจะเข้าครัวมาช่วยท่าน” “น้องสาวค่อยๆเดิน ไม่ต้องรีบ” เซี่ยฉินเห็นน้องสาวถือถาดใส่ชามโจ๊กเดินผ่านไป นางจึงเริ่มมองดูข้าวของในครัวบ้านฉี ต้องบอกว่าบ้านฉีมีพื้นฐานดีกว่าครอบครัวในหมู่บ้านจริงๆ บ้านยังใหญ่โตมากพอที่จะเหนื่อยทั้งวันหากต้องทำความสะอาด ครัวของพวกเขาจึงไม่เล็ก ด้านหลังเป็นพื้นที่เก็บเสบียง มีห้องเก็บฟืนต่างหาก ห้องครัวยังเป็นแบบยกพื้นเล็กน้อยในบริเวณหนึ่งและมีลานซักล้างอยู่ไม่ไกล อย่าพูดถึงเรื่องอุปกรณ์ บ้านฉีถึงขนาดมีหม้อใหญ่และกระทะกว้าง ว่ากันว่านี่เป็นทรัพสมบัติของตระกูลฉี ชาวบ้านที่เห็นครอบครัวฉีย้ายมาล้วนรู้เรื่องนี้ แต่เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาเห็นว่าบ้านฉียากจนมาก แม้มีบ้านใหญ่โตก็ไม่ได้มีข้อได้เปรียบใดใด อย่างไรก็ตามช่วงเดือนที่ผ่านมาบ้านฉีเริ่มมีทางทำมาหากินแล้ว ตอนนี้กล่าวได้ว่าบ้านฉีเป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนที่ต้องการแต่งงาน เซี่ยฉินหน้าแดงเมื่อคิดมาก สุดท้ายจึงปล่อยวางและเริ่มลงมือหยิบจับอาหาร ยังเหลือเนื้ออยู่มาก หญิงสาวเกรงใจและหยิบเนื้อมาเล็กน้อยเพื่อทำอาหาร อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงจำนวนคนในบ้าน หญิงสาวก็หยิบเนื้อเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อแบ่งออกมาแล้วจะมีจำนวนที่เหมาะสมเพียงพอกัน ที่น่าทึ่งกว่าคือบ้านฉีเต็มไปด้วยผักป่า ต้องรู้ว่าช่วงหน้าร้อนเช่นนี้ผักป่าเริ่มเหี่ยวเฉาและแก่เกินกิน ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงหยิบแต่ยอดผักลงมา แต่ในครัวมีผักป่าสองตะกร้า ยังถูกแบ่งแยกอย่างดี ยอดอ่อนในตะกร้าหนึ่ง ใบแก่ในตะกร้าหนึ่ง นี่บ่งบอกว่าบ้านฉีชำนาญการหาของป่าจริงๆ คงไม่มีคนในหมู่บ้านทำได้เหมือนพวกเขาแน่นอน ยิ่งเมื่อนางเซี่ยฉินเปิดไหรอบๆก็ยิ่งประหลาดใจ บ้านฉีร่ำรวยมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเกลือมากมาย น้ำตาล และข้าวขาวทั้งหมด เมื่อแน่ใจว่าตนเองมองไม่ผิดและหาธัญพืชหยาบไม่เจอ เซี่ยฉินก็ลังเลที่จะหยิบข้าวขาว “พี่สะใภ้ ข้าหุงข้าวเอาไว้ก่อนแล้ว ท่านทำเพียงอาหารก็เพียงพอ” ฉีหรานที่กลับเข้าครัวเห็นพี่สะใภ้ตะลึงกับไหเก็บข้าวก็กล่าวขึ้น “น้องสาว นี่...ธัญพืชหยาบอยู่ที่ใดหรือ ข้าตั้งใจจะนำมาแช่ไว้เพื่อทำแป้งแผ่นหรือเส้นก๋วยเตี๋ยวในตอนเช้า” “พี่สาวในบ้านไม่มีธัญพืชหยาบหรอก แช่ข้าวขาวนั่นแหละ” เซี่ยฉินได้ยินก็ตกตะลึง แต่ยังหยิบข้าวสารใส่ถังน้ำด้วยความแข็งทื่อ ต้องรู้ว่าชาวบ้านมักจะกินธัญพืชหยาบ ในชีวิตนางเคยลิ้มรสข้าวขาวเพียงสองครั้งเองกระมัง “พี่สาวท่านต้องรู้ว่าบ้านข้าต้องซื้อข้าวขาวเพื่อเป็นอาหารให้ท่านแม่ตลอดมา เมื่อไม่นานมานี้สหายของบิดาที่ปลดเกษียณตามหลังติดต่อมา เมื่อรู้ว่าเราต้องซื้อข้าวขาวเป็นประจำเขาจึงต้องการขายข้าวขาวให้เรา บิดามองเห็นลู่ทางจึงตัดสินใจรับข้าวขาวมาขายในเมืองด้วย ตอนนี้ในบ้านจึงมีแต่ข้าวขาว พี่สะใภ้ท่านก็รู้ว่าบ้านเราไม่มีทุ่งนา” เมื่อฉีหรานพูดยาว เซี่ยฉินก็รู้เหตุผลความมั่งคั่งของตระกูลฉี จึงไม่ได้พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนั้น อย่างไรนางก็เพิ่งแต่งเป็นสะใภ้เพียงคืนเดียว อยู่ๆไปก็คงรู้เรื่องบ้านฉีมากขึ้นเอง “น้องสาว เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะต้มถั่วหวานเป็นอาหารเช้าให้ท่านแม่” ถั่วที่ว่าเป็นถั่วแดงที่ซื้อมาเพื่อทำขนมหวานงานแต่ง ยังเหลืออยู่ก้นกระสอบ “พี่สะใภ้กตัญญู” ฉีหรานเลิกสนใจพี่สะใภ้และนั่งในมุมเดิมของตนเอง ใช้ถ่านที่ถูกเหลาเป็นแท่งและใช้ไม้ไผ่ประกบเพื่อวาดบางอย่างลงบนแผ่นกระดานไม้เนื้ออ่อน ฉีมู่เป็นคนทำของทั้งคู่ให้นาง เขาบอกว่าในเมืองมีขายสิ่งที่เรียกว่าดินสอ มันทำจากถ่านและไม้เขาจึงทำให้นางด้วย ส่วนแผ่นไม้เขานำไม้เนื้ออ่อนไปแช่น้ำและค่อยๆลอกออกมาให้น้องสาวเพื่อให้นางใช้วาดเล่นในมือ ฉีหรานชอบมันมาก หญิงสาวยังใช้เพื่อวาดเขียนเหมือนขีดเล่นๆ แต่หญิงสาวรู้พรสวรรค์ของตนเองดี นางวาดภาพได้สวยงามที่สุด ดังนั้นภาพที่วาดออกมาจึงกลายเป็นการออกแบบเหมือนที่ระบบบอก เขายังเสนอรูปแบบต่างๆให้หญิงสาวดูในความคิดเพื่อให้นางลองวาดออกมา เมื่อวันก่อนฉีมู่มอบปิ่นไม้แกะสลักให้นางชิ้นหนึ่ง มันเป็นของที่ทำขึ้นมาพร้อมๆกับอีกอันหนึ่งที่ให้พี่ใหญ่นำไปเป็นของขวัญแก่พี่สะใภ้ ปิ่นไม้แกะสลักใช้ไม้เนื้ออ่อนที่ล้มจากในสวน เนื้อไม้เป็นสีอ่อนแต่ยังสวยงามเมื่อแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ ฝีมือของฉีมู่ก็เป็นพรสวรรค์เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ฉีหรานจึงมีแรงบันดาลใจและเริ่มวาดแบบให้ฉีมู่ลองแกะสลักดู ปิ่นไม้ยังขายได้ในวันนั้นทันที บ่งบอกว่าผู้แลกเปลี่ยนมีความสนใจมาก ได้ยินว่าในการแลกเปลี่ยนยังแยกเกรดของเนื้อไม้อีกด้วย ประเภทไม้ต่างๆมีค่าสูงต่ำต่างกัน ฉีหรานได้ยินระบบบอกเช่นนั้นก็มีความคิดริเริ่มในใจ . เมื่ออาหารค่ำเสร็จลง ผู้คนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโต๊ะในห้องโถงแทนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ลูกสะใภ้คนใหม่อย่างเซี่ยฉินกังเวลเล็กน้อยเมื่อเห็นบรรยากาศบ้านฉี “ท่านพ่อ เมื่อไม่นานมานี้พี่ใหญ่เพิ่งขายข้าว ได้กำไรกลับมาบ้าง ลูกเห็นว่าพี่สี่ทำงานไม้ได้ดี หากเราเช่าภูเขาด้านหลังนี้เพื่อปลูกจิน และตัดไม้ดีหรือไม่” ฉีหยงมองลูกสาวอย่างแปลกใจก่อนจะมองลูกสะใภ้ เซี่ยฉินรู้สึกได้ก็รีบก้มหน้า นางไม่มีความเห็นใดใดและยังไม่กล้าจะแทรกแซงเรื่องราวในบ้านฉี “เราจะเอาต้นพันธุ์จินมาจากไหนมากมาย เช่นนั้นรอไปอีกสักพักเมื่อมีต้นพันธุ์จินแล้วข้าจะไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านก่อน” คำพูดของฉีหยงมีความเป็นเหตุเป็นผล ฉีหรานจึงไม่คัดค้าน การเช่าภูเขาก็เหมือนการสัมปทานพื้นที่ป่าในปากของระบบ โดยปกติชาวบ้านจะตัดต้นไม้บนภูเขาโดยตรงไม่ได้แต่ต้องเสียภาษีให้กับทางการ แต่หากเป็นพื้นที่เช่าของตนก็สามารถตัดไม้ได้ทันทีโดยไม่ต้องขอ แต่ยังมีข้อกำหนดคือตัดไม้ได้เพียงครึ่งเดียว หากต้นไม้หายไปมากทางการก็สูญเสีย การเช่าภูเขายังแตกต่างจากการบุกเบิกพื้นที่รกร้างที่สามารถทำได้ฟรี พื้นที่รกร้างคือสถานที่ที่ผู้คนไม่ไปทำทุ่งตรงนั้นอย่างแน่นอน แต่ถูกทางการกำหนดไว้ว่าเป็นพื้นที่ทุ่งนา อย่างเช่นตีนเขาตะวันตกทั้งแถบ บริเวณนั้นยังเป็นพื้นที่โล่ง ภูเขาที่อนุญาตให้เช่านั้นเตี้ยและเป็นเนินเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยต้นไม้และทรัพยากรป่า ผู้คนไม่อนุญาตให้ถางเพื่อเป็นทุ่งนา แต่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นๆได้และไม่มีข้อกำหนดว่าต้องปลูกธัญพืชครึ่งหนึ่ง แต่ราคาเช่าภูเขาก็แพงมากเช่นกัน ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่ค่อยนิยมการลงทุน เซี่ยฉินมองว่าบ้านฉีนั้นแตกต่างจริงๆ ต่อไปบ้านฉีจะต้องเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆแน่ ฉีหรานกลับมองเพียงว่าจะสามารถหาแต้มมาเพื่อซื้อยาให้มารดาได้เมื่อไหร่เท่านั้น นั่นต่างหากที่สำคัญที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม