บทที่7.1 แต่งงาน1

2083 คำ
บทที่7 แต่งงาน ฉีหยงรู้ว่าลูกสาวขายข้าวในเมือง แต่ไม่คิดว่านางจะซื้อวัวสองตัวและเกวียนเทียมวัวในวันนี้ด้วยเลย เขาตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะฟื้นตัวเมื่อภรรยาจับมือเบาๆ “แฮ่ม…เข้าบ้านก่อนเถอะ” ฉีหรานเข้าบ้านก่อนจะสงสัยเมื่อเห็นโจ๊กที่มารดากินไปแล้ว แต่ถูกเติมน้ำใส่ข้าวเพิ่มเป็นข้าวต้ม คาดว่าคนใดคนนึงในครอบครัวทำไว้ “กลัวว่าเจ้าจะกลับมาไม่ทันทำอาหารเย็น อามู่จึงทำไว้” “ข้ายังซื้อซาลาเปาเนื้อมาให้ทุกคนด้วย คนโตคนละสองลูก คนเล็กคนละลูก สำหรับท่านแม่ข้าซื้อขนมชิ้นเล็กๆมาให้ท่านห่อหนึ่ง” ฉีหรานวางตะกร้าลงจากหลังและรื้อของให้พี่น้อง “อาหรานซื้อของมามากมาย” นางฉีหนิงกล่าวอย่างละอาย แต่ยังรับของมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า ยังมีกล่องเงินที่ถูกฉีหยงหยิบมาวางไว้กลางโต๊ะอีกด้วย ฉีหรานเห็นเช่นนั้นและมองว่ามันยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นดี นางจึงเริ่มจัดแจงเรื่องในบ้านก่อน “สำหรับรอบนี้ข้าไม่นับส่วนแบ่งเพราะถือว่าช่วยกันจ่ายค่าวัวทั้งสองตัว วันนี้ขายข้าวขาวได้หกสิบจิน หกร้านค้า ได้รับเงินมายี่สิบเก้าเงินกับอีกเล็กน้อย ใช้ซื้ออาหาร วัวคู่ละแปดเงิน เทียมวัวห้าเงิน คันไถแปดร้อยอีแปะ จึงเหลือเงินสิบห้าเงินกับ300อีแปะ” “อาหราน เงินยังเหลือมากเหตุใดจึงไม่แบ่ง อย่างน้อยเจ้าที่เป็นคนแลกเปลี่ยน อาหรง อาเล่อที่ติดตามไปก็ควรได้ส่วนแบ่งหรือไม่” นางฉีหนิงถามอย่างสงสัย “ไม่จำเป็นต้องแบ่งเสมอไป ครั้งนี้ใช้จ่ายไปมากแล้ว ข้าไม่ต้องการส่วนแบ่ง พี่ใหญ่พี่รอง พวกท่านล่ะคิดเห็นอย่างไร”ฉีหรานหันไปถามพี่ชาย พวกเขาจึงรีบเห็นด้วยกับนาง “พวกเราไม่มีความเห็น” “ถ้างั้นก็ว่าตามที่อาหรานบอก” ฉีหยงสรุปให้ ก่อนฉีปิงจะลุกไปที่ครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็นมาให้ทุกคนกิน ขณะที่ฉีเมิ่งกับฉีมู่ กำลังดูแลวัวที่ถูกนำไปไว้ข้างบ้านชั่วคราว ตอนนี้ผูกกับต้นไม้ก่อนคืนหนึ่ง พรุ่งนี้จึงจะเริ่มทำคอกให้พวกมันอาศัย อาจเป็นเพราะฉีเมิ่งกังวลมาก เขาตัดสินใจปูเสื่อนอนนอกบ้านในวันนี้เพื่อนอนเฝ้าวัวทั้งสองตัว ไม่มีใครค้านเด็กหนุ่ม เพราะรู้นิสัยเขาดี . ในตอนเช้า บ้านฉียังคงไปทำงานเปิดทุ่งอีกครั้ง แต่เพราะใกล้ถึงฤดูเพาะปลูกภาคฤดูร้อนแล้ว พวกเขาจึงนำวัวและคันไถไปที่นาด้วย เพราะซื้อคันไถมาเพียงอันเดียว ยังมีวัวอีกตัวที่ว่างอยู่ ฉีหยงจึงใช้วัวตัวหนึ่งเพื่อช่วยในการขนของหนักเช่นท่อนซุง ก้อนหินออกจากที่ดิน นอกจากนี้ยังสามารถใช้วัวเพื่อดึงต้นไม้หรือก้อนหินที่ใหญ่เกินกว่าแรงคนออกไปได้ นั่นทำให้การบุกเบิกพื้นที่รกร้างเร็วขึ้นมาก หลายวันต่อมาฉีหรานก็ได้เก็บเห็ดหอมอีกรอบหนึ่ง ขณะที่พี่ชายคนโตและพี่ชายคนที่สามเข้าเมืองโดยเกวียนวัวเพื่อขายข้าว คราวนี้บ้านฉีใส่ข้าวขาวในกระสอบ หนึ่งเกวียนบรรจุได้สิบห้ากระสอบ หนึ่งกระสอบคือร้อยจิน น้ำหนักรวมของข้าวคือหนึ่งพันห้าร้อยจิน ในตอนเย็นขณะที่ฉีหรานกำลังต้มโจ๊กให้มารดา พี่ชายทั้งสองคนก็กลับมาพร้อมกับไหดินเผาหลายสิบใบ น้ำตาลและเกลือ ที่น้องสาวให้พวกเขาซื้อติดมือกลับมา “อาหราน นี่เครื่องปรุงของเจ้า และผักดองของท่านแม่ พี่ใหญ่ต่อแถวซื้อมาจากร้านดังเชียว” “พี่ชาย พวกท่านกลับมาเหนื่อยๆพักก่อน” ฉีหราน ฉีปิง ฉีปั๋วช่วยกันยกของลงจากเกวียนเทียม ขณะที่ฉีหรงปลดเกวียนเทียมออกจากวัวและพาพวกมันไปกินหญ้าบริเวณชายป่าหลังบ้าน บ้านฉีอยู่ห่างจากหมู่บ้านมาก แม้ผูกวัวให้กินหญ้าบริเวณป่าหลังบ้านก็ไม่มีเพื่อนบ้านบ่นอะไร ตอนนี้อาหารวัวยังเป็นหญ้าและผักป่าจากป่าหลังบ้านอยู่เลย ส่วนผู้รับผิดชอบส่วนใหญ่จะเป็นพี่ห้าน้องหก “ท่านแม่กินข้าวก่อน” ฉีหรานไม่ได้พูดเปล่า นางยังหยิบยาออกมาเตรียมสองเม็ด นางฉีหนิงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มขึ้นมา ต้องบอกว่าช่วงหลังมานี้นางรับรู้ว่าร่างกายตนเองค่อยๆเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆแม้ดื่มยาต้ม ไม่คิดว่าลูกสาวจะแลกเปลี่ยนยาได้อีกครั้งแล้ว “ช่วงหลังมานี้พบเจอเห็ดหอมบ้าง แลกเห็ดป่าบางชนิดได้บ้าง จึงสามารถแลกเปลี่ยนยามาให้ท่านแม่แล้ว” “อาหราน ฤดูเห็ดป่ากำลังหมด กว่าจะมีอีกครั้งคงก่อนเข้าหน้าหนาว หมดยาชุดนี้แม่สามารถหยุดยาไปได้อีกเดือนสองเดือน ไม่ต้องกดดันตนเองมาก” นางฉีหนิงยังรู้ว่าพ่อและลูกกดดันตนเองมากเพื่อช่วยแลกเปลี่ยนยาให้นาง แม้รู้เรื่องระบบแลกเปลี่ยนนี้ภายหลัง แต่ฉีหนิงมองว่ามันเป็นโอกาสและอันตรายเช่นกัน การที่ตนเองเป็นภาระให้ทุกคนก็ลำบากใจแล้ว แต่อย่างชีวิตที่แล้วของลูกสาว หากไร้นางเคียงข้างบ้านก็ไม่เป็นบ้านอีกต่อไป อย่างน้อยๆก็สำหรับฉีหราน ดังนั้นฉีหนิงจำต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูกสาว! “ท่านแม่อย่าได้กังวล การแลกเปลี่ยนจะทำได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆหากบ้านเราค่อยๆพัฒนา ท่านแม่เพียงต้องพักผ่อนมากๆ ดูแลสุขภาพ อย่ากังวล อย่าโกรธ” “แม่รู้ เอาล่ะเจ้าไปดูพ่อกับพี่ชายกินข้าว” ฉีหรานไม่ได้กินข้าวกับมารดาบ่อยนัก ช่วงหลังนางมักจะกินข้าวกับครอบครัวมากกว่า เหตุผลเพียงเพราะนางเบื่อจะกินโจ๊ก อีกทั้งโจ๊กยังย่อยง่ายเกินไป กินแล้วไม่อยู่ท้องเท่าที่ควรสำหรับคนที่ขยับตัวทำงานตลอดเวลา ดังนั้นหญิงสาวจึงเปลี่ยนไปกินข้าวกับครอบครัวแทน . บ้านฉียังคงดำเนินการเตรียมงานแต่งเงียบๆ โต๊ะเล็กๆถูกวางไว้ทั่วลานสำหรับแขกสำคัญ ส่วนโต๊ะด้านนอกถูกวางไว้สำหรับแขกในหมู่บ้านทั่วไปที่มาร่วมงาน ผ้าสีแดงถูกจัดแต่งไว้ในบ้านอย่างดี ถือว่างานแต่งของบ้านฉียิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแล้ว ไม่ใช่เพียงงานแต่งยิ่งใหญ่ แต่ได้ยินว่าสินสอดทองหมั้นที่ให้ฝ่ายเจ้าสาวยังไม่ต่ำ พวกเขามอบ10เหรียญเงินเป็นสินสอด ซึ่งไม่ถือว่าน้อยเลย สำหรับคนทั่วไปใช้เงินแต่งภรรยา ให้ค่าสินสอดสำหรับภรรยาที่มีประวัติและความประพฤติดีเพียงห้าเหรียญเงินเท่านั้น ขณะที่ผู้ชายที่แต่งภรรยายากกว่าจำต้องมอบให้มากกว่าสองหรือสามเหรียญจากปกติ ยังไม่นับหญิงสาวทั่วไป พวกนางแต่งงานมักจะได้สินสอดเพียงสามเหรียญเงินเป็นอย่างมาก แย่สุดคือสองเหรียญเงิน แต่ตระกูลเซี่ยกลับได้รับสินสอดเจ้าสาวสิบเหรียญเงิน หากไม่ใช่เพราะเงินสินสอดครึ่งหนึ่งยังเป็นของคู่บ่าวสาว ผู้คนคงคิดว่าตระกูลฉีโง่ อย่างไรในสายตาผู้คนยังรู้สึกว่าตระกูลฉีสิ้นเปลืองเกินไปอยู่ดี มื้ออาหารบนโต๊ะค่อนข้างธรรมดา ล้วนเป็นอาหารมงคลอย่างผัดหมี่ไข่ ซาลาเปาเนื้อ และขนมหนึ่งเข่งที่เป็นมงคล ไม่ได้มีอาหารมากมายนักสำหรับชาวบ้านยากจนเช่นนี้ เมื่อเจ้าบ่าวขับเกวียนเทียมวัวไปรับเจ้าสาว ผู้คนก็ฮือฮาอีกครั้ง ตัวเกวียนยังผูกประดับด้วยผ้าสีแดงสวยงาม เจ้าบ่าวรับเจ้าสาวมาแล้วเขายังอุ้มนางไม่ปล่อยและวางไว้บนเบาะสีแดงบนเกวียนอย่างระมัดระวัง คราวนี้รถเกวียนขับเข้าประตูใหญ่ของบ้านฉี ชาวบ้านจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ต่อไปเป็นงานพิธี มีเพียงผู้ใหญ่ไม่กี่คนในหมู่บ้านที่อยู่เพื่อดำเนินการ พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งบนเก้าอี้ในลานบ้านที่จัดไว้เป็นพิเศษ ด้านข้างยังมีแท่นบูชาเล็กๆสำหรับไหว้ฟ้าดิน “คำนับฟ้าดิน” เจ้าบ่าวเจ้าสาวถือแขนเสื้อก้มลงคำนับฟ้าดินก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกัน ฉีหรานมองพี่ชายคนโตด้วยสายตาภาคภูมิ “คำนับบิดามารดา” ทั้งสองคนหันไปอีกด้านก่อนคำนับลงตรงเท้าบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย “เจ้าบ่าวเจ้าสาวคำนับกันและกัน” สิ้นเสียงนี้ทั้งสองก็หันเข้าหากันก่อนจะคารวะให้แก่กันและกัน พิธีแต่งงานดั่งมีของขลัง ต่อแต่นี้คนทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องแล้ว . ฉีหรานนั่งมองพี่ชายคนโตกินดื่มกับท่านพ่อและผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ขณะที่เจ้าสาวถูกแม่เซี่ยพาเข้าห้องหอล่วงหน้า หญิงสาวจึงรีบตามไป แม่เซี่ยชะงักคำพูดเมื่อเห็นฉีหรานซึ่งเป็นน้องสาวของบ้านฉีเดินเข้ามา นางลดมือที่กำลังชี้สั่งสอนลูกสาวลงในทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว “เข้าใจแล้วหรือไม่อาเม่ย ต่อแต่นี้เจ้าต้องเชื่อฟังบิดามารดา สามีและพี่น้อง โดยเฉพาะรีบๆมีทายาทให้สามี” “ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วง บ้านฉีของเราจะไม่รังแกพี่สะใภ้”ฉีหรานกล่าวด้วยท่าทางสุภาพ “ข้ารู้ๆ อาเม่ยเจ้ายังต้องปรนนิบัติสามีให้ดี รู้หรือไม่ว่ามีกี่คนอยากแต่งงานกับอาหรงของเรา แต่มีเพียงเจ้าที่ทำได้ นอกจากนี้...” นางเซี่ยยังเริ่มบรรยายการทำงานบ้าน การช่วยงานในทุ่ง การรับใช้บ้านสามีอย่างจริงจัง ฉีหรานแทบทนฟังไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าขัดอีก อย่างไรก็ตามพูดจนคอแห้งนางเซี่ยจึงยอมจากไปเสียที ฉีหรานเดินไปหาพี่สะใภ้ที่ยังสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเอาไว้แน่นหนา “พี่สะใภ้ท่านกินนี่รองท้องก่อน” นางยื่นขนมที่แอบซ่อนในแขนเสื้อให้พี่สะใภ้คนใหม่ เซี่ยฉินแปลกใจเล็กน้อย นางรับและกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณน้องสาว” “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล พี่ใหญ่จะดูแลท่านต่อจากนี้ บ้านเราไม่ได้มีกฎมากมายเหมือนบ้านท่าน เพียงต้องปรับตัวเล็กน้อยเท่านั้น” “แค่กๆ อาหรานมาทำอะไรวุ่นวายในห้องหอ ออกมาหาแม่” ฉีหนิงกล่าวเบาๆอยู่หน้าประตูเมื่อได้ยินคำพูดของบุตรสาว “ท่านแม่ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” ฉีหรานตะโกนออกไป ก่อนจะหันไปมองพี่สะใภ้อีกรอบ “พี่สะใภ้พรุ่งนี้ท่านไม่ต้องรีบตื่น มาทำอาหารเย็นกันเถอะ” “น้องสาว...” เซี่ยฉินกำลังจะพูดแต่ได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้น หญิงสาวจึงได้แต่หน้าแดงอยู่เพียงลำพัง ไม่นานเสียงประตูก็เปิดขึ้นอีกครั้ง นางจึงรีบพูดตะกุกตะกัก “น้องสาวข้าคิดว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปช่วยเจ้าในครัวแน่นอน” “อาฉินเจ้าว่าอย่างไรนะ” ฉีหรงที่เพิ่งเข้ามาชะงัก ก่อนจะหรี่ตามองภรรยาด้วยสายตาเฉียบคม นางกล่าวหาว่าเขาไร้น้ำยาหรือไม่ จึงไม่สามารถทำให้นางลุกจากเตียงในตอนเช้าไม่ไหว ในบ้านฉีตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า ยังมีระเบียบน่าขันที่แข่งกันในบรรดาพี่น้องชาย พวกเขาต้องทำให้ภรรยาลุกจากเตียงไม่ไหวในตอนเช้าวันเข้าหอ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย แน่นอนฉีหรานรู้เรื่องนั้นจึงพูดเช่นนี้กับพี่สะใภ้แต่เนิ่นๆ แต่เซี่ยฉินไม่รู้ เมื่อได้ยินเสียงสามีนางก็หุบปากฉับทันที ไม่รู้ว่าตนไปยั่วยุอะไรเขาหรือไม่ ฉีหรงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินไปเปิดผ้าคลุมและนั่งลงด้านข้าง หันไปรินสุรามงคลสองจอก ยื่นจอกหนึ่งให้ภรรยา “พี่ฉี...นี่...” “อาฉิน ต่อไปนี้เรียกข้าว่าสามี หรือพี่หรงก็ได้” “ข้า...” เซี่ยฉินกังวล นางประหม่าและมีใบหน้าแดงก่ำ เซี่ยหรงมองภรรยาอย่างพึงพอใจ เขาค่อยๆพานางคล้องแขนดื่มสุรามงคล ก่อนจะเกลี้ยกล่อมให้นางเข้าหอลงโลงกับตนในตอนท้าย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม