บทที่11.3 วิกฤติ3

1153 คำ
เมื่อเกวียนเทียมกลับถึงบ้านฉี ทั้งบ้านก็ปิดประตูเงียบ มีเพียงคนเวียนออกไปนอนที่ตีนเขาตะวันตกเท่านั้น “ท่านพ่อ ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” เซี่ยฉินผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าครอบครัวสามีกลับมาแล้ว “อาหรงพาเมียเจ้าไปพักก่อน” ฉีหยงไม่ได้ตอบ แต่เรียกลูกชายแทน ทำให้เซี่ยฉินต้องเดินตามแรงประคองของสามีกลับห้อง ฉีหรงไปส่งภรรยาและปลอบใจนางก่อนกลับมารวมตัวที่ห้องหลัก คนอื่นๆเดินตามบิดาเข้าไปในห้องนอนใหญ่ เมื่อร่างที่ซีดเผือดของมารดาถูกวางลงบนเตียงจึงหันไปมองฉีหรานเป็นตาเดียว “อาหราน…ท่านแม่ยังมีหวังอยู่หรือไม่” พี่สี่ฉีมู่เอ่ยถามทั้งน้ำตา ทำให้น้องชายทั้งสองร้องไห้ตามออกมา เพียงแต่ทั้งสามคนกลั้นสะอื้นเอาไว้ จึงน่าสงสารมากขึ้นไปอีก “...” ฉีหรานพยักหน้าเบาๆ นั่งลงข้างเตียงจับมือบอบบางของมารดาที่เย็นเฉียบขึ้นมาแนบข้างแก้ม “ท่านแม่ ท่านกล่าวว่าข้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของท่าน เป็นลูกสาวที่ล้ำค่าของท่าน เช่นนั้นท่านแม่ก็ต้องอยู่กับข้าไปนานๆนะเจ้าคะ ท่านจะยอมให้คนอื่นมาเลี้ยงข้าได้อย่างไร ยอมให้คนอื่นเข้ามารังแกข้าถึงในบ้านของท่านได้อย่างไรเจ้าคะ” เมื่อฉีหรานพูดเช่นนั้นทุกคนก็ก้มหน้าเงียบ บ้างร่ำไห้ออกมาเบาๆ พวกเขารู้ดีว่าชีวิตนี้ในใจของฉีหรานมีเพียงมารดา “ท่านแม่รอข้าอีกสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะแลกเปลี่ยนยาออกมาให้ท่าน เตรียมน้ำอุ่นให้ข้าที” ฉีหรานวางมือมารดากลับเข้าไปในผ้าห่ม เหน็บชายผ้าให้นางอย่างดี “อือ” เสียงงึมงัมจากปากของมารดาทำให้ทุกคนชะงักไป กระทั่งเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลออกจากหางตาของนางฉีหนิง เสียงร่ำไห้เบาๆของบ้านฉีก็ดังขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่าคราวนี้นางฉีหนิงอยู่ในขั้นวิกฤติอย่างแท้จริง “อาหราน” ฉีหยงเรียกลูกสาวเสียงสั่นเครือ เมื่อยื่นมือออกไปจับไหล่เล็กๆที่สั่นสะท้านกลับโดนปัดมือออกไป “อย่ามายุ่งกับข้า ท่านพ่อ ข้า…ข้าอยากอยู่เงียบๆ” ฉีหรานมองระบบประมูลที่กำลังจะปิดลงในอีกสิบห้านาที แต่เมื่อต้องมองมารดาที่หน้าซีดไร้สีเลือด ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะหายไปได้ทุกเมื่อ กลับบีบคั้นหัวใจนางเหลือเกิน “ท่านแม่ อยูกับข้านะเจ้าคะ” “ท่านแม่ อยู่กับเรานะขอรับ” เสียงเข้มแข็งของฉีเล่อดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองเขาเล็กน้อย “จะมัวร้องไห้ทำไมกัน ยังไงอาหรานก็ต้องช่วยท่านแม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เรามาทำบรรยากาศให้สดใส เพื่อให้ท่านแม่คลายใจลงเถอะ” “ฮึ่ก ขอโทษ” ฉีหรานพยักหน้าเบาๆอย่างเห็นด้วยกับพี่ชายคนรอง นางแค่กลัวเกินไป ทุกคนก็กลัวเกินไปจนลืมนึกเรื่องนี้ไป “เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เราต้องเชื่อในอาหราน ขนาดพาเรากลับมานางยังทำได้ นางต้องช่วยแม่ของพวกเจ้าได้แน่” ฉีหยงรู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองไร้ความสามารถ แต่เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา อดีตพลทหารตัวเล็กๆ ไม่ใช่หมอ ยิ่งไม่ใช่คนที่สามารถติดต่อกับผู้แลกเปลี่ยนลึกลับอย่างบุตรสาว หากจะเปรียบแล้ว ฉีหรานก็กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้จริงๆ เหมือนที่ฉีเล่อกล่าว ขอเพียงมีอาหรานอยู่พวกเขาก็มั่นใจว่านางจะต้องช่วยชีวิตฉีหนิงได้อย่างแน่นอน แต่แค่นั้น ก็เพียงพอแล้ว ในชีวิตนี้ฉีหยงไม่ต้องการอะไรอีกแล้วขอเพียงได้มีชีวิต เฝ้ามองเด็กๆเติบโต โดยเฉพาะในชาตินี้เขาอยากเห็นลูกสาวแต่งงานอย่างมีความสุข มีหลานๆให้เขาอุ้ม และใช้ชีวิตไปจนบั้นปลายของนางอย่างแท้จริง “ได้แล้ว!” หลังจากในห้องเงียบเป็นเวลานาน ในที่สุดเสียงตื่นเต้นของฉีหรานก็ดังขึ้น ในมือนางยังมีขวดแก้วสีใสซึ่งมีเม็ดยาอัดแน่นอยู่ภายในปรากฎขึ้น “อาหรานนี่คือ ยารักษาท่านแม่หรือ” ฉีเมิ่งถามอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้ว ท่านพ่อป้อนยาให้ท่านแม่เถอะเจ้าค่ะ” ฉีหรานมอบยาให้บิดาทั้งขวด “กินเม็ดละวันก่อนนอน จนหมดขวด” “ตกลง อาหนิง อาหนิงกินยาก่อน” ฉีหยงพยุงร่างของภรรยาขึ้นนั่ง ก่อนป้อนยาให้นางอย่างยากลำบาก โชคดีที่ฉีหนิงยังพอมีสติบ้างเล็กน้อย สามารถกลืนยาได้เอง สิ่งที่ทุกคนเห็นนั้นราวกับปราฏิหาริย์ ใบหน้าที่ซีดขาวของฉีหนิงจู่ๆก็เริ่มมีสีเลือดขึ้นมา ลมหายใจก็ค่อยๆกลับมามั่นคงแข็งแรงขึ้นทันทีเช่นกัน “อาหราน ขอบคุณ” ฉีหรงเป็นคนแรกที่คุกเข่าลง “อาหรานขอบคุณ” ชายหนุ่มสกุลฉีคนอื่นๆค่อยๆคุกเข่าให้น้องสาวตนเอง พวกเขาซาบซึ้งอย่างยิ่งที่นางช่วยชีวิตมารดาไว้ได้จริงๆ “อย่าทำเช่นนี้ ข้าต้องช่วยท่านแม่อยู่แล้ว” ฉีหรานพยุงให้พี่ชายคนโตยืนขึ้น ก่อนเรียกให้พี่น้องทุกคนลุก “อาหราน นี่เกี่ยวกับ…โชคชะตาหรือไม่” ฉีหรงนึกถึงเรื่องในชีวิตก่อนหน้า ท่านแม่จากไปในช่วงเช้าของวันที่อากาศหนาวเหมือนอย่างวันนี้เช่นกัน “พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ท่านแม่จะหายอย่างแน่นอน เชื่อข้าเถอะเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ท่านดูแลพี่สะใภ้ให้ดีดี อย่าให้นางต้องกังวลตามไปด้วย พี่สามท่านคอยดูแลเผื่อมีคนสร้างความวุ่นวายอยู่ด้านนอก พี่รองพี่ห้า ช่วงนี้ข้าคงต้องวานให้พวกท่านไปอยู่เฝ้าบ้านเขาตะวันตกก่อน คนอื่นๆก็แยกย้ายกันทำงานเถอะเจ้าค่ะ” “อาหราน พวกเราติดค้างเจ้ามาก” ฉีเมิ่งพูดอย่างจนใจ “อาหรานชาตินี้พี่ชายจะหาสามีดีดีให้เจ้า แต่งเข้าบ้านดีหรือไม่” เมื่อฉีปิงพูดออกมา กลับโดนพี่ชายตีหัวกันไปคนละที กระทั่งฉีปั๋วยังมองเขาตาเขียวปั๊ด “น้องสาวยังเด็ก ยังไม่ต้องคิดเรื่องนั้น” ว่าแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานเพราะโดนสายตาพิฆาตจากบิดา ท่าทางคงอยากบ่นว่าพวกเขาเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของมารดา ฉีหรานนั่งลงที่ข้างเตียง เฝ้ามองมารดาเงียบๆจนกระทั่งถึงเวลานอนถึงจากไป ฉีหยงกระซิบเบาๆข้างหูภรรยา “ลูกสาวของเราเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆจริงๆอาหนิง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม