บทที่12.1 พี่ชายท่านนั้น1

1650 คำ
บทที่12 พี่ชายท่านนั้น ข่าวคราวของนางฉีหนิงในคราวนี้รุนแรงกว่าเมื่อคราวก่อนมาก แต่ถึงอย่างนั้นบ้านฉีกลับปิดประตูเงียบ แถมคนที่ออกจากบ้านยังเป็นเจ้าคนปากร้ายใจดำอย่างฉีเล่อ ทำให้ไม่มีคนกล้าเข้าไปถามไถ่ แม่เซี่ยเดินทางมาเยี่ยมไข้บ้านสะใภ้ครั้งหนึ่งโดยนำเครื่องรางมาให้ เห็นว่าไปไหว้พระขอพรให้ทุกคนในครอบครัวสุขภาพแข็งแรงมาครั้งก่อน จึงขอเครื่องรางมาเผื่อฉีหนิงด้วย เมื่อมาเห็นนางฉีหนิงแม้จะกลัวความเย็นจนไม่ออกไปไหน แต่ใบหน้าผ่องใสท่าทางสุขภาพแข็งแรงดี ก็รู้สึกเบาใจ อย่างไรหากนางฉีหนิงตายไป แม่สะใภ้คนใหม่แต่งเข้ามาก็อาจไม่ดีเท่านางฉีหนิงเป็นได้ แม่เซี่ยย่อมต้องคิดมากแทนลูกสาวอยู่แล้ว ประจวบกับช่วงหน้าหนาว บ้านฉีไม่ได้ขึ้นเขา แวะไปดูแลบ้านบนเขาตะวันตกเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ทำให้ผู้คนค่อยๆลืมเลือนข่าวร้ายของบ้านฉีไปเอง ฉีหรานฝืนขุดจินขึ้นมาขายส่วนหนึ่งจนได้แต้มเพียงพอสำหรับซื้อยาบำรุงร่างกายให้มารดา จากนั้นก็เริ่มปรึกษาเรื่องการเช่าภูเขากับบิดา “ท่านพ่อ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” “พ่อติดต่อคนที่ไว้ใจได้ ซื้อทาสมาจำนวนหนึ่งแล้ว ต้นใบไม้ผลิทาสจะถูกขนส่งมา พ่อยังลองสำรวจเส้นทางไปยังเหมือง เจอที่ดินตีนภูเขาอยู่บนถนนตะวันออกเหมือนที่เจ้าบอกจริงๆ กำลังติดต่อซื้อที่และจ้างคนไปปลูกเรือนไว้แล้ว” “ท่านพ่อตอนนี้เงินในบ้านเรามี 3ตำลึงนิดๆเท่านั้น จะเพียงพอหรือเจ้าคะ” “ทำเรื่องซื้อเหมืองต้องใช้เวลาอีกนับครึ่งปี เมื่อเข้าใบไม้ผลิเราค่อยขายข้าวอีกรอบหนึ่ง คิดว่าถึงตอนนั้นคงมีเงินเพียงพอ ส่วนภูเขาหลังบ้านพ่อจะติดต่อเช่าตอนต้นใบไม้ผลิ ตอนนั้นในบ้านคงยุ่งเพราะพี่สะใภ้เจ้าก็ใกล้คลอดเต็มที อาหรานแค่เตรียมเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าเอาไว้ก็พอ ” “พี่ใหญ่ ข้ากะว่าจะขายข้าวอีกรอบหนึ่ง เป็นข้าวหยาบ50เกวียน ข้าวขาว4เกวียน สำหรับช่วงออกหนาว ทุกปีข้าวมักจะมีราคาสูงขึ้น แต่หากมีข้าวเพิ่มขึ้นราคาต้องลดลงเล็กน้อยแน่นอน อย่างน้อยชาวบ้านที่อดตายช่วงปลายฤดูหนาวจะได้น้อยลงบ้าง” “ตกลง พี่ใหญ่จะลองนำไปขายดู” “อาหรงเข้าเมืองคราวนี้ เจ้าต้องแวะซื้อรถม้ามาด้วย เผื่อลูกสะใภ้ปวดท้องคลอดจะได้สะดวก” “ขอรับท่านแม่” “ท่านพ่อ ข้าขอเข้าเมืองด้วยคนนะเจ้าคะ ข้าต้องการหาทาสที่ไว้ใจได้มาเลี้ยงวัวและขยายพื้นที่ทุ่งตรงตีนเขาตะวันตกด้วยเจ้าค่ะ” “ตามใจเจ้า เอาเงินไปด้วยเยอะๆเถอะ รถม้าน่าจะราวๆห้าสิบตำลึงเงิน ส่วนทาสคงใช้เงินไม่ถึงตำลึงทอง เรื่องทุ่งตีนเขาตะวันตกพ่อจะไปกว้านซื้อเอาไว้ ยังสามารถบุกเบิกที่ดินได้อีกหลายหมู่ ให้เจ้าทำคอกเลี้ยงวัวได้” “ถึงเราจะได้ยารักษาท่านแม่แล้ว แต่ข้าคิดว่ามียาไว้ยามจำเป็นจะดีกว่า” ฉีหรานไม่อยากเจอเหตุการณ์อย่างในช่วงที่ผ่านมาอีกแล้ว ใจหายใจคว่ำเกินไป หากอาการรุนแรงจนหมดลมหายใจลงตอนนั้นเลย นางคงเสียมารดาไปแล้ว “พ่อเห็นด้วย” ฉีหยงไม่คิดค้านบุตรสาวแม้แต่น้อย เขายังเป็นคนที่ซาบซึ้งต่อนางมากที่สุด เพราะอย่างไรนั่นก็เมียของเขาทั้งคน เพียงแต่ใบหน้าแข็งกระด้างและท่าทางเย็นชา ทำให้ดูไม่ออกว่าฉีหยงรู้สึกยังไง “อาหรานจะเข้าเมืองหรือ ข้าไปด้วย” ฉีเล่อรีบเสนอตัวขึ้นมาทันที “น้องสี่ต้องเข้าเมืองไปค้าขายกับข้าอยู่แล้ว เจ้าจะไปทำไมกัน” ฉีหรงมองน้องชายคนรองด้วยสายตารำคาญเล็กน้อย “พี่ใหญ่ ให้พี่รองไปด้วยก็ได้ขอรับ จะได้มีคนช่วยยกของ” ฉีมู่กล่าวด้วยรอยยิ้มตามประสาคนจิตใจดี ใครจะรู้ว่าจู่ๆฉีมู่พี่คนที่สี่ก็เผยความสามารถด้านการค้าออกมา ตอนนี้เลยเริ่มเข้ามาช่วยงานขายข้าวของบ้านฉีแล้ว “ก็ไปกันหมดนั่นแหละ ออกหนาวแล้วก็ไปเที่ยวกันสักหน่อยเถอะ” ฉีหนิงที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยแทรกขึ้นมา “แม่เจ้าพูดถูก ออกไปเที่ยวกันสักหน่อยเถอะ งานในทุ่งก็ไม่มีอะไรแล้ว จะได้ช่วยกันดูแลอาหรานด้วย” “ขอรับท่านพ่อ” พี่น้องฉีรับปากหนักแน่น ด้วยเหตุนี้บ้านฉีจึงออกเดินทางด้วยเกวียนเทียมเพื่อเข้าเมืองกันทั้งบ้าน ยกเว้นแต่พี่สะใภ้ที่กำลังตั้งครรภ์ แม่แก่ที่ป่วย และพ่อที่เอาแต่ขลุกอยู่กับแม่เท่านั้นที่ไม่ได้ติดตามมาด้วย ช่วงนี้บ้านฉีพบปัญหาเรื่อง ‘ว่าที่แม่เลี้ยง’ อีกครั้ง ใครใช้ให้เป็นช่วงฤดูหนาว แม้ฉีหนิงต้องการออกไปแสดงตัวแต่เพราะอากาศหนาวเย็น ย่อมไม่มีใครยอมให้นางออกไปอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเลือกจะใช้เส้นทางด้านหลังผ่านหน้าโกดังตีนเขาตะวันตกเพื่อออกจากหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงไม่ทันเห็นว่าพวกเขาเข้าเมือง เกวียนเทียมต้องต่อแถวเข้าเมืองค่อนข้างยาวในวันนี้ อาจเพราะเป็นช่วงต้นใบไม้ผลิ ฉีหรานที่หันมองข้างทางกลับพบเห็นแต่ภาพสะเทือนใจ “เลิกมองเถอะอาหราน” ฉีเมิ่งเห็นสีหน้าน้องสาวก็รู้แล้วว่านางคิดอะไร ขณะที่เขายังต้องปลอบฉีมู่ซึ่งเอาแต่เศร้ามาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว “เจ้าก็ด้วยอามู่ อย่าร้องไห้เชียวนะ ไม่งั้นข้าจะพาเจ้าไปนอนกับเจ้าอู่เจ้าลิ่วทุกวันที่เฝ้าโกดังเลย” ฉีเมิ่งขู่น้องชายคนที่สี่ของตน ฉีหรานหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชายคนที่สาม นางรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีคนอพยพหนีภัยหนาวมาอยู่นอกเมืองจำนวนมาก แต่เพราะพวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัยในเมืองจึงต้องอาศัยในเพิงไม้นอกเมืองที่ทางการจัดไว้ให้ ผู้อพยพจะสามารถเข้าเมืองได้เพียงสองชั่วยามต่อวัน และเข้าได้เป็นรอบๆเท่านั้น นั่นทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อพยพมาในเมืองด้วยหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ จึงต้องอยู่ในเพิงไม้ที่ดูจะพังแหล่ไม่พังแหล่ โชคดีที่มีการอพยพบ่อยครั้ง จึงมีส้วมเก่าจำนวนหนึ่งอยู่รอบๆตัวเมือง ก่อนเข้าหนาวจะมีการบูรณะส้วมเหล่านั้นเล็กน้อยเผื่อรองรับผู้อพยพทุกปี ดังนั้นปัญหาด้านความสะอาดจึงไม่มีมากนัก เพียงแต่ผ้าห่มผ้านวมมีไม่เพียงพอ ช่วงหนาวที่ผ่านมาจึงมีคนหนาวตายจำนวนมาก ไม่ใช่เพียงผู้อพยพเท่านั้น แต่ชาวบ้านที่ทนหนาวอยู่ที่บ้านตนเองก็มีล้มตายเช่นกัน ฉีหรานยังได้แลกถ่านออกมาจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ในบ้าน เพราะฟืนที่ขายกันในหมู่บ้านราคาแพงยิ่งกว่าข้าวเสียอีก ปีนี้หนาวหนักจริงๆ หลังออกหนาวมาได้แล้วก็ใช่ว่าจะรอดตายได้ง่ายๆ อาหารขึ้นราคา ข้าวจากปกติชั่งละ6-10อีแปะ กลับกลายเป็นเท่าตัว หากชาวบ้านที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ต้นคงยากจะผ่านพ้นไปได้ “ไม่มีการแจกทานหรือเจ้าคะพี่ใหญ่” ฉีหรานจำได้ว่าชีวิตก่อน ตนเองเคยเดินเท้ามาหน้าประตูเมืองเพื่อรับข้าวต้มแจกช่วงต้นใบไม้ผลิเช่นกัน ในปีนั้นพ่อและพี่ชายออกเดินทางกันเกือบหมด นางเซี่ยแม่เลี้ยงจึงไม่ให้อาหารฉีหรานอยู่หลายสิบวันกระทั่งพ่อกลับมา นางถึงได้กินอาหารตามปกติ หากไม่ได้การแจกทานช่วยประทังชีวิตนางคงตายไปแล้วสิบรอบ “แจกทานก็มีบ้างบางวัน แต่ได้ยินว่าเพราะสงครามปะทุตั้งแต่ต้นใบไม้ผลิ ทำให้เสบียงกรังถูกจัดส่งไปทางนั้นเกือบหมด ทางการดำเนินเรื่องส่งเสบียงมาเยียวยาผู้ประสบภัยหนาวจึงล่าช้าลงมาก” “พี่ใหญ่รู้จากไหนหรือเจ้าคะ?” ฉีหรานเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เห็นท่านพ่อบอกเช่นนั้น” ฉีหรงตอบทันที แต่ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ ช่วงที่ผ่านมาท่านพ่อเริ่มติดต่อกับสหายเก่าที่ไว้ใจได้เพื่อหาซื้อทาส ไม่แปลกที่จะได้รับข่าวอะไรมา “อาหรานอยากแจกทานมั้ย” “ข้าอยากทำบุญ แจกทานเพื่อเป็นกุศลให้พี่สะใภ้คลอดหลานง่ายๆ แต่คงไม่สะดวกถ้าจะขนข้าวมาจากหมู่บ้านเรา…เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดแล้วกันเจ้าค่ะ” ฉีหรานไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี สุดท้ายจึงยกเลิกไปก่อน เกวียนเทียมผ่านเข้าประตูเมืองมาได้อย่างง่ายดาย ฉีหรงจึงจอดไว้ข้างทางแล้วหันไปถามน้องสาว “อาหรานจะไปคุยธุระกับพี่ใหญ่มั้ย หรือจะไปเดินเล่นก่อนดี” “ข้าไปเดินเล่นดีกว่า” ฉีหรานรู้ว่าครั้งนี้เป็นการติดต่อขายข้าวครั้งใหญ่ เพราะนางต้องการขายธัญพืชหยาบ50เกวียนย่อมต้องใช้เวลาติดต่ออยู่บ้าง ดังนั้นจึงเลือกอย่างหลัง “พี่ใหญ่ไม่ต้องห่วง ข้าดูแลอาหรานเอง ที่ไปกับท่านก็มีเพียงอามู่ไม่ใช่หรือ” ฉีเล่อตบหน้าอกตัวเองเบาๆให้พี่ชายวางใจได้ “ฝากเจ้าด้วย” ฉีหรงพยักหน้าให้น้องชาย ก่อนพาน้องชายคนที่สี่ฉีมู่ลงจากเกวียนไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม