ตอนที่ 13
“ข้าก็แค่แวะมาเยี่ยมเยือนสหายเก่า อีกอย่างข้า...” นางเว้นจังหวะการพูดแม้จะแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวานและน้ำเสียงดูอ่อนโยน แต่ก็ไม่อาจจะทำให้อีกฝ่ายกลับมารักนางได้ดังเดิม “ข้าจะมาแสดงความยินดี กับท่านกำลังจะแต่งงาน” แม้ว่าจะไม่พอใจก็ตามที แต่นางก็ยังคงฝืนยิ้มให้ชายหนุ่มเบื้องหน้า
มู่ฉวนไม่ได้ยิ้มตอบกลับหรือดีใจเมื่อนางมาพบในครั้งนี้ ตัวเขาเองยังคงวางท่า เว้นระยะห่างความสัมพันธ์เอาไว้ นั่นเพราะว่านางก็มีคนรักแต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนเสียที ฝ่ายชายคนรักของนางเดิมที จะแต่งงานกับนางเป็นมอบตำแหน่งฮูหยินเอกให้ แต่ไม่รู้ว่านางทำอย่างไร ฝ่ายชายยังไม่ตอบตกลงแต่งงานกับนางสี
“ขอบใจ มีเพียงแค่เรื่องนี้ใช่หรือไม่” มู่ฉวนหันหลัง คิดว่าจะเดินเข้าไปในลานฝึกซ้อม แต่กลับถูกมือนุ่มนิ่มของนางคว้าที่ข้อมือของเขาเอาไว้
ตงจินจูปวดร้าวนักเมื่อเห็นเขาทั้งเย็นชาทั้งห่างเหินเช่นนี้ นางจึงได้กล่าวขึ้นมา “เดี๋ยวก่อนสิ ข้ายังมีเรื่องอยากจะพูดกับท่านอีกหลายคำ ตอนเย็นท่านว่างหรือไม่ พวกเราไปเหลาอาหารรับมื้อค่ำด้วยกันสักมื้อ” ไม่ใช่ว่าเขากำลังจะแต่งงาน แต่นางยังอยากจะครอบครองทั้งกายและใจของชายคนนี้ แม้จะเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม นางไม่เชื่อว่าเขาจะไม่เหลือเยื่อใยอันดีให้นางแล้ว
“ข้าว่าไม่เหมาะนัก เจ้ากับข้าต่างก็มีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว หากทำให้พวกเขาเข้าใจผิดขึ้นมา ย่อมมีผลเสียมากกว่าผลดี” น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชาแววตาดูราบเรียบไร้ความรู้สึกกับอีกฝ่าย แม้ว่าที่ผ่านมาจะเจ็บปวด และไม่อาจทำใจได้ แต่ยามนี้เขามีใจให้นางอันเป็นที่รัก นั่นก็คือ เถาฟางหรู เขาปรารถนาแค่ เพียงมีนางอยู่เคียงคู่ เดินทางร่วมกัน ผูกผมไปด้วยกันจนถึงแก่ชรา
“พี่หลิว ข้ายังคงรักท่านเสมอ ข้าไม่เคยปันใจให้เขา นอกจากท่านเพียงแค่คนเดียว ขอให้ท่านรับรู้เอาไว้ ดวงใจของข้า มอบให้ท่านเมื่อนานมาแล้ว และยังคงอยู่ที่ท่านเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างข้าไม่เคยจะตัดสินใจเอง ชีวิตของข้ามันไม่อาจกำหนดเองได้” สาวงามร่ำไห้สะอึกสะอื้นน่าสงสารนัก
หลิวมู่ฉวนรับฟังคำพูดของนางที่กล่าวออกมา พลันรู้สึกเห็นใจนางไม่น้อย เขารู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี อีกทั้งเขากับนางรักกันด้วยความจริงใจบริสุทธิ์ แต่ทว่า...ครอบครัวของนางกีดกัน อีกทั้งยังหาคู่หมั้นให้นางมิใช่เขาคนนี้ เพียงเพราะแค่ความร่ำรวย
“พี่หลิว ท่านอย่าทำตัวห่างเหินกับข้านักเลย ข้าไม่เคยโกหกท่าน ท่านก็รู้” แต่ที่แน่ ๆ ยามนี้นางกำลังหลอกลวงให้เขาเห็นใจ หลอกให้เขาสงสาร เขาจะได้ยกเลิกการแต่งงานที่จะเกิดอีกเพียงแค่สามเดือนข้างหน้า
“พี่หลิว หากเราไร้วาสนาได้ครองคู่กัน ข้ากับท่านก็ยังคงเป็นสหายกันได้เหมือนที่ผ่านมา ข้าเพียงแค่มาแสดงความยินดีกับท่านด้วยความจริงใจ มิได้มีอันใดแอบแฝงอยู่” แววตาของตงจินจูดูใสซื่อบริสุทธิ์จนทำให้
หลิวมู่ฉวนหลงเชื่อในคำกล่าวหลอกลวงของนาง ดังนั้นเขาจึงได้สบายใจ
“คุณหนูตง ต่อแต่นี้ก็อย่าได้ร้องไห้กับเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมาอีกเลย เราทั้งคู่ก็ยังคงเป็นสหายเช่นดังเดิมเหมือนที่ผ่านมา” เขากล่าวขึ้น แต่ทว่าจู่ ๆ หญิงสาวก็โผเข้ามาสวมกอดเขาเข้าให้ โดยที่ฝ่ายชายหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว
“พี่หลิว ข้าขอกอดบอกลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย” นางกำลังเสแสร้งเรียกร้อง ให้ตนเองดูน่าสงสารและน่าเห็นใจ ชายหนุ่มเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นอย่างสงสัยกับคำล่ำลาของนาง แม้จะไม่เข้าใจเจตนาของนางก็ตามที
ใบหน้าของสาวงามแนบอยู่กับแผงอกแกร่งของชายหนุ่ม นางช้อนสายตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวขึ้นมาว่า “ข้า...ข้า” ท่าทางของหญิงสาวดูอึกอัก ไม่กล้าพูดจาความคิดของตนเองให้อีกฝ่ายรับรู้
แม้ว่าชายหนุ่มจะเย็นชา ไร้ความรู้สึกรักใคร่กับหญิงสาวเบื้องหน้า เขาดันร่างบอบบางของนางออกให้ห่าง จากนั้นจึงคิดถามขึ้นด้วยความสงสัย “เมื่อครู่ที่เจ้าพูด เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” เขาเว้นจังหวะพูดอยู่เล็กน้อย จดจ้องดวงตาของอีกฝ่าย หวังว่าจะได้คำตอบผ่านดวงตาคู่นี้ แต่ก็ดูเหมือนไร้ประโยชน์ “ขอให้เจ้าคิดอ่านอย่างรอบคอบ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” หลิวมู่ฉวนแยแสกับนาง ไม่ว่าจะทำอันใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว
ตงจินจูรู้สึกเหมือนตนเองดูไร้ค่าในสายตาของเขา ดังนั้นจึงเคืองโกรธเขาให้อย่างแรงกล้า เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายส่งมาให้ มีแต่ความเย็นชา ไร้ความรู้สึกและเหินห่าง ดวงตาคู่งามรื้นแดงระเรื่อ ฝ่ามือกำเข้าหันแน่นริมฝีขบเม้มเข้าหากันด้วยความรู้สึกเจ็บใจอย่างท่วมท้นจนไม่อาจจะบรรยายความเจ็บปวดนั้นออกมาจนหมดได้
“คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้ท่านกลับมาเป็นของข้าอีกครั้ง” น้ำเสียงของนาง ยามนี้บ่งบอกว่าอยากจะเอาชนะชายหนุ่ม อดีตคนรักให้กลับมารักนางอีกครั้ง และนางก็ไม่เชื่อหรอกว่า เขาจะลืมนางไปหมดสิ้นแล้ว
สาวใช้ของหญิงสาวยืนอยู่ห่างกายเจ้านายไปหลานก้าวเพื่อดูต้นทางให้เจ้านาย เกรงว่าจะมีใครมาพบเห็นเดี๋ยวจะมีเรื่องนินทาเกิดขึ้น “คุณหนูพวกเราออกมานานแล้ว กลับจวนกันเถิดเจ้าคะ หากนายท่านรู้เข้า มีหวังข้าคงถูกลงโทษเป็นแน่” แม้จะรู้อาการป่วยของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ก็หวาดกลัวกับการลงโทษนัก
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าอยากเดินเล่นอีกครู่ หากท่านพ่อถามก็บอกข้าออกมาซื้อของขวัญมอบให้คุณชายเนี่ยก็แล้วกัน” หญิงสาวกล่าวขึ้น ความรู้สึกยามนี้ตีกันวุ่นวายไปหมด คนหนึ่งก็ทั้งรักทั้งหวง อีกคนก็อยากจะอยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่าตามที่เห็นให้คำมั่นสัญญากันไว้ เหตุใดชายหนุ่มที่นางเฝ้ารักและรอยคอยไยจึงได้ทำให้นางเจ็บปวดถึงเพียงนี้
สาวใช้พยักหน้ารับคำ จากนั้นจึงได้ขึ้นรถม้าของตระกูลตง สีหน้าของนางยังดูจะกังวลใจไม่น้อย เมื่อเห็นว่าคุณหนูเจ็บปวดใจเช่นไร หากนางแบ่งเบาความเจ็บปวดนี้ได้ก็คงจะดีไม่น้อย
ท่านหมอไป๋เดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยเพราะมารักษาอาการป่วยของท่านลุง ญาติห่าง ๆ ทางฝั่งมารดา ดังนั้นในยามนี้แล้ว เขานึกเสียดายนัก ที่เดินทางมาเมืองหลวงอย่างกะทันหัน มิได้เอ่ยบอกลา ไม่รู้ว่ายามนี้นางจะเป็นเช่นไรบ้าง คงจะอีกนานหลานวันกว่าเขาจะได้กลับไปยังเมืองตงหยาง