ตอนที่ 8

1313 คำ
ตอนที่ 8 พระนางทำทุกอย่างก็เพื่อแคว้นหนาน แต่ทว่าบรรดาพระโอรส และองค์หญิงต่างมิเข้าใจเจตนาที่ดีของพระนาง เรื่องราวทุกอย่างจึงได้กลับกลายเป็นเช่นนี้ เพียงแค่คำยุแยงของใครบางคนที่กำลังปั่นหัวให้เข้าใจผิด “หลังประชุมขุนนางเสร็จแล้ว อ้ายเจียขอเชิญแม่ทัพอ้ายดื่มน้ำชาที่ตำหนักริมน้ำเสียหน่อยนะ” ไทเฮากล่าวขึ้นมาอีกครั้ง พระนางลุกขึ้นยืน และกำลังจะเดินออกไปจากการประชุมในท้องพระโรงอันเคร่งเครียดและน่าเบื่อหน่าย กับพวกขุนนางเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ฮ่องเต้แม้จะมีพระพักตร์ราบเรียบ แต่ทว่ากลัดกลุ้มพระทัยนัก นั่นเพราะยามนี้ศึกในศึกนอกไม่อาจจะดูเบาได้ มีเพียงแค่ขุนนางไม่กี่คนที่จงรักภักดีอย่างแท้จริง ฉะนั้นเมื่อพระมารดาเดินออกไปแล้ว พระองค์จึงทำได้เพียงแค่กล่าวขึ้นมาว่า “น้อมส่งเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ” “น้อมส่งเสด็จไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างพากันยกมือขึ้นประสาน จากนั้นจึงได้กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ละคนสีหน้าแตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบใจในฝ่ายของตนเองสนับสนุนอยู่ บางคนก็สีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ นั่นกำลังหวาดกลัวว่าแผนของตนที่วางเอาไว้จะไม้สำเร็จลุล่วงเป็นไปได้ด้วยดี ขุนนางผู้หนึ่งในบรรดาที่ยืนเรียงรายกันหลายสิบคน สีหน้าแย้มยิ้ม นั่นเพราะเมื่อครู่ไทเฮาหลุดปากออกมาว่า ไท่จื่อไม่ได้พำนักอยู่ในวังหลวง แต่กำลังออกตามหาใครบางคน คราวนี้เห็นทีว่า ตัวเขาจะต้องจัดการกับไท่จื่อเสียก่อน เพื่อตัดอำนาจ เมื่อการประชุมจบลง แม่ทัพอ้ายเดินไปยังด้านหลังของวังหลวง พระตำหนักของไทเฮา เดินลัดเลาะไปตามทางเดินครู่ใหญ่ก็จะพบกับพระตำหนักริมน้ำ ไทเฮาสีพระพักตร์แย้มยิ้มเมื่อเห็นที่พึ่งพิงที่สุดท้ายของพระนางในยามนี้ “เชิญนั่งก่อนแม่ทัพอ้าย” น้ำเสียงของหญิงชรากล่าวขึ้นมา อีกทั้งพระพักตร์แย้มยิ้มราวกับกำลังมีความสุขยิ่งนัก “นานแล้วที่เจ้าไม่มาพบยายแก่เช่นข้า ช่วงนี้งานยุ่งมากนักหรือไร” น้ำเสียงยังคงเนิบนาบ ติดแต่จะแหบแห้งเล็กน้อย ใบหน้าแม้จะแต่งแต้มให้ดูงดงาม แต่ภายใต้ความงดงามนั้นมีร่องรอยของการเจ็บป่วย อำพรางเอาไว้อย่างแนบเนียน “ขอรับ ช่วงนี้ดูวุ่นวายไม่น้อย ตามแนวชายแดนก็ยังไม่สงบสุข อีกทั้งคลื่นลมในวังหลวงก็ดูไม่สงบ หากแผนการของชินอ๋องสำเร็จเกรงว่าไทเฮาและฝ่าบาท” แม่ทัพอ้ายกล่าวขึ้น หากมีเวลาเขามักจะมาเข้าเฝ้าไทเฮาเสมอ นั่นเพราะว่าตัวเขาเองมีความคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นมาคู่กับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหนาน นั่นก็คือไท่จื่อเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองได้รับการอบรมสั่งสอน เรื่องต่าง ๆ มากมายจากไทเฮา อีกทั้งยังได้รับพระเมตตาจากไทเฮามากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นแล้วตัวเขาเองก็คล้าย ๆ กับหลานชายอีกคน และเป็นคนสำคัญเป็นกองหนุนให้กับไท่จื่อ “ชีวิตของข้าปรารถนาเพียงแค่ผืนแผ่นดินมีความสงบสุข ร่มเย็น ไร้สงครามเลือด ข้าไม่ต้องการให้อาหลานช่วงชิงบัลลังก์” พระพักตร์ของพระนางเศร้าหมองลงมาทันที แม้ว่าจะล่วงรู้แผนการของอีกฝ่ายมานานหลายปี หากหลักฐานไม่แน่นหนา แน่นอนว่าจะกระทำการอันใดไม่ได้ เช่นนั้นแล้วจะแหวกหญ้าให้งูตื่น ทว่าชินอ๋องผู้นี้อยู่ที่แดนเหนือมานานหลายสิบปี งานเลี้ยงใด ๆ ของวังหลวงก็ไม่เคยจะมาสักครั้ง ทว่าเขากำลังวางแผนการรวบรวมอำนาจและกองกำลังเอาไว้ แต่นั่นก็ยังคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่ได้ยินมา พระนางเองไม่ใช่จะปักใจเชื่อทั้งหมด แต่ก็ส่งคนไปสืบให้กระจ่าง แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ทำให้พระนางไม่สบายพระทัยเป็นอย่างมาก อีกทั้งยามนี้ร่างกายก็อ่อนแอ เริ่มไร้กำลังวังชาแล้ว ไม่ว่าจะเดิน ลุก นั่ง ก็เจ็บปวดทั้งสิ้น เพียงแค่ทนฝืนอาการเจ็บป่วยเช่นนี้เอาไว้ เกรงว่าจะทำให้ ฮ่องเต้กลัดกลุ้มพระทัยไปอีกคน “บัดนี้ชินอ๋อง วางแผนมานานนับหลายปี อีกทั้งยามนี้ไท่จื่อมิได้พำนักในวังหลวง เกรงว่าพระองค์จะถูกปองร้ายเอาได้ขอรับ” อ้ายซือฟงกล่าวขึ้น เขาหวั่นวิตกนักเรื่องความปลอดภัยของไท่จื่อ กลัวจะมีคนคิดไม่ซื่อ ปองร้ายขึ้นมา บ้านเมืองจะไม่สงบสุข “อย่าห่วงเลยเฟิ่งหวงเพียงแค่ไปตามน้องสาว มีผู้ติดตามและองรักษ์เงาก็หลายสิบคน อีกอย่างเฟิ่งหวงก็เก่งกาจไม่น้อย คงจะดูแลตัวเองได้ ข้าเพียงแค่กลัดกลุ้มใจเรื่องของพวกเจ้าทั้งสอง ที่ยังไม่ได้หมั้นหมายให้เป็นทางการเสียที” พระนางกล่าวขึ้นมา ยามนี้ดูเหมือนจะเหนื่อยหนักขึ้น น้ำเสียงจึงดูขาดช่วงไปบ้าง แต่ก็ยังฝืนทนเอ่ยกล่าวกับแม่ทัพอ้าย และยังคงเป็นห่วงหลานสาวเพียงคนเดียวไม่รู้ว่ายามนี้ตกระกำลำบากเพียงใด จดหมายที่ส่งมา มีแค่ถ้อยคำบอกกล่าวเรื่องรวม ๆ มาเท่านั้น พระนางเองอยากจะเดินทางไปยังแคว้นจิ่วโจว อีกสักครั้ง เพื่อพบหน้าหลานสาว ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพระนาง เพราะรู้สึกผิดนักปล่อยให้ลูกสาวและหลานสาวเผชิญชีวิตยากไร้อยู่นอกวังหลวง “อย่างทรงเป็นห่วงเลยขอรับ” อ้ายซือฟง แม้จะรักนางแต่ก็ไม่อาจจะครอบครอง ความเจ็บปวดนี้เขายินดีรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว หากนางมีความสุขกับการจากไปเขายินดีเป็นอย่างยิ่ง “จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรกัน เจ้ารอกุ้ยอิงมานานถึงเพียงนี้” ไทเฮาดุชายหนุ่มเข้าให้เล็กน้อย “ไม่ว่าจะนานเพียงใด กระหม่อมขอเพียงแค่ได้เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ แม้มิใช่คนในสายตาของกงจู่ กระหม่อมก็ยังยินดี” อ้ายซือฟงยิ้มเจื่อน แม้ว่าแววตาของเขาจะดูปวดร้าว แต่ก็เข้าใจอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เฉพาะสตรีที่เขารักและชอบนางมาเนิ่นนาน “เจ้าปรารถนาสิ่งอื่นใดอีกหรือไม่ หากยายแก่เช่นไม้ใกล้ฝั่งผู้นี้ช่วยเจ้าได้ก็ยินดี” ไทเฮากล่าวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ยอมรับและนับถือน้ำใจของอีกฝ่ายไม่น้อย ผิดจากมหาเสนาบดีที่มักจะเร่งการหมั้นหมายให้เกิดขึ้นโดยเร็ว “แม้ว่ากระหม่อมจะปรารถนา เพียงแค่เคียงคู่กับนาง จนเส้นผมสีขาวไปด้วยกัน หากแต่ทว่าความปรารถนาของกงจู่มิอยากจะอยู่ในวังวนแห่งความแก่งแย่งชิงดี หรือมีใจให้ชายอื่น กระหม่อมก็ปรารถนาเพียงแค่กงจู่มีความสุข เพียงเท่านั้นกระหม่อมก็สุขใจ” ความจริงข้อนี้ของเขา มิอาจจะทำให้กงจู่รับรู้ได้ “แม้ว่าเจ้าจะเจ็บปวด” ไทเฮากล่าวขึ้นมา และส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ชายหนุ่มเบื้องหน้า เขาช่างเป็นคนดีมากจริง ๆ เสียดายก็แต่หลานสาวที่มองไม่เห็นค่า “กระหม่อมยินดีน้อมรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว” ท่าทางของเขาดูขึงขังนัก น้ำเสียงยังคงหนักแน่นอยู่เหมือนเช่นเคย “ยายแก่คนนี้ อยากจะให้กุ้ยอิงมาได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดเหลือเกิน แต่นางช่างเอาแต่ใจนัก เหมือนแม่ของนางไม่ผิด ดื้อรั้น” เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็ทำให้เจ็บแปลบในทรวงอุราเกินจะทนไหว ฝ่ามือของพระนางจึงยกขึ้นมาทาบทับที่หน้าอกเล็กน้อย เพื่อมิให้อีกฝ่ายจับอาการป่วยของพระนางได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม