เมียหมอ 4 : คืนฝนตก

1909 คำ
ร่างเล็ก ๆ ที่มีกระเป๋าหนึ่งใบและร่มหนึ่งคัน เดินฝ่าสายฝนไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยอมหยุดพัก แม้จะมีร่มคอยบังสายฝนไว้ได้บ้าง แต่ลมที่แรงก็ทำให้ร่างของเธอเปียกชื้นไม่น้อย กายเล็กสั่นเทาแต่ก็กัดฟันทน เป้าหมายของเธอคือต้องไปให้ถึงโรงพยาบาลที่ห่างไปอีกสามกิโลให้ได้ เพราะเธอฝืนเดินต่อไปจนถึงโรงแรมในตัวเมืองไม่ไหว และโรงพยาบาลก็เป็นตัวเลือกเดียวที่เธอจะสามารถเข้าไปขอพักแรมได้สำหรับคืนนี้ และอาจจะขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันปอดบวมด้วย สภาพมอมแมมขนาดนี้พยาบาลคงไม่ใจร้ายหรอกมั้ง... เวลาเกือบตีหนึ่งท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ถนนที่ชมพู่เดินมีบางจุดที่ปูยางมะตอยเป็นอย่างดี แต่ก็มีบางจุดที่เป็นทางลูกรังทำให้เดินลำบาก ข้างทางทั้งสองข้างเป็นสวนและไร่นาไม่มีบ้านคนเลย คงเพราะชาวบ้านที่นี่นิยมปูลกบ้านลึกเข้าไปด้านในที่ดิน และทำสวนทำนาชิดกับถนนเหมือนกับบ้านของเธอ ตั้งแต่เธอเดินมายังไม่เห็นรถหรือคนผ่านมาแม้แต่คนเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนต่างจังหวัด เพราะสองทุ่มก็พากันปิดบ้านนอนหมดเป็นเรื่องปกติ ชมพู่เดินไม่หยุดมาราวสี่กิโลแล้ว อีกสองกิโลกว่าๆ ก็จะถึงโรงพยาบาลที่เป็นจุดหมายปลายทางของค่ำคืนนี้ ที่จริงตอนนี้เธอควรใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้ว แต่เพราะฝนตกลงหนักเหมือนไม่เป็นใจจึงทำให้ทุกอย่างล่าช้าลง หญิงสาวก้มหน้าลงเมื่อลมหอบเอาเม็ดฝนเม็ดใหญ่เข้ามากระทบใบหน้าและดวงตา เธอรู้สึกแสบจนต้องหยุดเดินและหลับตานิ่งไว้เพื่อให้ดวงตาหายระคายเคือง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีรถคันหนึ่งกำลังวิ่งมาตรงหน้า เอี๊ยดดดดดด!!! ปริ๊นนนนนน!!! “เฮ้ยยยย!” เสียงใสร้องลั่นด้วยความตกใจ เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่ารถกระบะคันใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้ แสงไฟที่สว่างโร่ทำให้เธอต้องหลับตาลงอีกครั้ง ขาทั้งสองข้างก้าวหนีไม่ออก แถมยังสั่นจนทำให้ร่างทั้งร่างล้มลงไปกองกับพื้นอีก ตายแน่ๆ เธอตายแน่ สิ่งแรกที่ขึ้นมาในความคิดตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายคือรอยยิ้มของครอบครัว รอยยิ้มของพ่อ แม่ พี่ชาย และสองแสบ น้ำตาของแม่ตอนที่ไปงานรับปริญญาของเธอ มืออุ่นๆ ของพ่อที่ลูบหัวเบาๆ ตอนที่เธอกราบอกท่าน อ้อมกอดอุ่นๆ ของพี่พร้าวที่โอบกอดเธอไว้ตอนที่เธอไม่สบาย เสียงหัวเราะของเธอที่ประสานกับเสียงหัวเราะของไอ้เปี๊ยกและไอ้ลม เธอจะไม่มีโอกาสได้กลับไปเจออะไรพวกนี้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ? ทำตัวเองแท้ๆ จะไปโทษใครได้ “พ่อ แม่ พี่พร้าว ฉันขอโทษ ฉันทำให้ทุกคนเสียใจอีกแล้ว” “ฉันขอโทษ” . . “ถนนที่จะไปโรงพยาบาลถูกน้ำเซอะจนใช้การไม่ได้นะครับ” เสียงใคร? “ครับ พรุ่งนี้รบกวนรีบเข้ามาซ่อมด้วยนะครับ เพราะถนนเส้นนี้เป็นเส้นเดียวที่คนจากหมู่บ้านจะเดินทางไปโรงพยาบาลได้ ฝากด้วยนะครับ” ชมพู่ไม่กล้าขยับตัว ไม่กล้าแม้กระทั่งจะลืมตาขึ้นมามองเหตุการณ์ตรงหน้า เธอหลับตานิ่งๆ และแสร้งว่ายังไม่ตื่นจนเสียงที่รู้สึกว่าคุ้นหูเหลือเกินนั้นเงียบไป และหลังจากนั้นเพียงไม่นานตัวเธอก็ลอยได้ ไม่ใช่ลอยได้สิ แต่เธอกำลังถูกอุ้ม??? เธอกำลังถูกอุ้มไปไหน แล้วใครคือคนที่กำลังอุ้มเธอ?? เธอไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยซักอย่าง จะทำยังไงดี? แม้จะกังวล แต่เพราะความกลัวทำให้ชมพู่ไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าโวยวาย ไม่กล้าแสดงตัวให้อีกฝ่ายรู้ว่าตื่นแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะ ถ้าคนที่อุ้มเธออยู่รู้ว่าเธอตื่นแล้ว มันอาจจะฆ่าเธอทิ้งก็ได้ เพราะฉะนั้นทำตัวเหมือนยังสลบอยู่ไว้ แล้วค่อยคิดหาทางหนีดีกว่า ชมพู่มั่นใจแล้วว่าตัวเองยังไม่ตาย แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร และกำลังเจอกับอะไรอยู่ แต่สิ่งที่หญิงสาวมั่นใจคือเธอกำลังตกอยู่อันตราย ผู้ชายคนนี้ไม่ได้หวังดีกับเธอแน่ๆ เพียงไม่นานแผ่นหลังเธอก็ได้สัมผัสกับอะไรนุ่มๆ ก่อนที่วงแขนของอีกฝ่ายจะผละห่าง เสียงฝีเท้าหนักๆเดินห่างออกไป ในเวลานั้นเองที่ชมพู่ลืมตาขึ้น ดวงตาที่ปิดมานานเมื่อเจอกับแสงที่สว่างจ้าจึงทำให้ปรับตัวไม่ทัน เธอหลับตาลงอีกครั้ง และค่อยๆ ลืมตาขึ้นใหม่ “ที่ไหนวะเนี่ย” ชมพู่กวาดตามองไปรอบๆ ที่ๆ เธออยู่ตอนนี้เป็นห้องนอนของใครซักคน เตียงที่เธอนอนอยู่มีสีขาวสะอาด ทั้งห้องตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีโต๊ะวางหนังสือและโน๊ตบุ๊คอยู่ข้างเตียง และเมื่อสังเกตดีๆ เธอก็เห็นว่ามันเป็นหนังสือเกี่ยวกับชิ้นส่วนของมนุษย์ หรือว่า!? ชมพู่ยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เธอต้องหนี ต้องหนีแล้ว กุกกัก! ยังไม่ทันได้ขยับตัวจากที่นอนนุ่ม เสียงประหลาดก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้องจนตากลมต้องรีบปิดลงทันที เสียงประตูถูกเปิดออกและปิดลง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ มันกลับมาแล้ว เตียงยวบลงจนชมพู่แอบหายใจติดขัด แต่ก็รีบเลิกเกร็งตัวและหายใจเข้าออกอย่างเป็นธรรมชาติอย่างรวดเร็ว เธอจะให้ มัน รู้ว่าเธอจะตื่นแล้วไม่ได้ ให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด! อีกฝ่ายเริ่มขยับตัว ก่อนที่ชมพู่จะรู้สึกว่ากระดุมเสื้อที่เธอใส่อยู่กำลังถูกปลด ไม่มีภาพช้า ไม่มีการสโลวโมชั่นแบบในละคร เพียงแค่ไม่ถึงสามสิบวินาที เสื้อเชิ๊ตสีดำของเธอก็ถูกเปิดกว้าง หญิงสาวรู้สึกกระดากในใจ ตั้งแต่อาบน้ำเองเป็นเธอก็ไม่เคยแก้ผ้าให้ใครดูอีกเลย แล้วไอ้บ้านี่เป็นใครถึงได้มาทำกับเธอแบบนี้ เธออยากจะเลิกแกล้งหลับแล้วลุกขึ้นเตะก้านคอมันจริงๆ แต่เพราะเธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธอะไร พลีพลามไปไม่แคล้วเธอคงกลายเป็นร่างไร้วิญาณในบ้านหลังนี้แน่ๆ มันขยับเข้าใกล้ตัวเธออีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ยกตัวเธอขึ้น ชมพู่พยายามปล่อยตัวเองให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ มันจับตัวเธอให้เอนไปซบกับตัวของมัน แล้วก็จับเสื้อที่ปลดกระดุมไว้แล้วออกทางด้านหลัง รวมถึงปลดตะขอเสื้อในเธอด้วย หมดแล้ว เธอไม่เหลืออะไรแล้ว มันวางเธอนอนลงอีกครั้ง ก่อนจะขยับออกห่างเพียงครู่เดียว แล้วกลับมาพร้อมกับผ้าเปียกน้ำอุ่นๆ ถูลงบนร่างกายท่อนบนของเธอ มันกำลังเช็ดตัวให้เธอ ชมพู่แปลกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ แต่ก็ยังข่มตาหลับต่อไป เมื่อมันเช็ดเนื้อตัวท่อนบนเสร็จ เสื้อหนาๆตัวหนึ่งก็ถูกสวมใส่ลงบนร่างกายของเธอ มันขยับลงไปทำเช่นเดียวกันกับร่างกายท่อนล่าง ชมพู่ขากระตุก เกือบยกขึ้นเตะก้านคออีกฝ่ายไปแล้วตอนที่มันถอดกางเกงชั้นในเธอออก หญิงสาวตั้งสติ บอกตัวเองให้อดทน และให้สัญญาว่าถ้ารอดไปได้ เธอจะจิ้มตามันให้บอด โทษฐานที่มามองร่างกายที่แสนหวงแหนของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้! ทุกอย่างเกิดขึ้นไม่ต่างจากร่างกายท่อนบน ผ้าที่ชุบน้ำอุ่นๆ เช็ดไปตามเรียวขาของเธอ โดยที่เว้นส่วนสงวนเอาไว้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยร่างเธอก็ลอยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะถูกวางลงในเวลาต่อมา สัมผัสที่แผ่นหลังยังนุ่มเหมือนเดิม หญิงสาวเดาว่ามันแค่อุ้มเธอมาวางบนเตียงอีกด้านที่ไม่เปียก เธอนอนนิ่ง แม้ในใจจะมีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด หลังจากนั้นไม่นานก็มีผ้าหนาๆ มาคลุมร่างเธอไว้จนถึงคอ โดยที่ท่อนล่างยังเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าซักชิ้นเดียว เธอพยายามนอนนิ่งให้เหมือนคนหลับมากที่สุด และอดทนรอให้อีกฝ่ายเดินออกจากห้องไปถึงได้ยอมลืมตาขึ้นมา “อะไรวะ” ชมพู่มองห้องที่ถูกปิดไฟกลางห้อง เปิดไว้แค่ไฟหัวเตียงด้วยความงุนงง เธอคิดว่ามันจะชำแหละร่างกายเธอไปแล้วเสียอีก หรือเลวร้ายที่สุดก็อาจจะข่มเหงเธอ แต่กลายเป็นว่ามันดูแลเธอดีเหมือนเป็นญาติตัวเอง ตอนที่เช็ดตัวเธอก็สัมผัสได้ว่ามืออีกฝ่ายไม่ยอมแตะลงบนตัวเธอเลยแม้แต่นิดเดียว หรือว่าเขาจะไม่ใช่คนเลว? ชมพู่เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว เธอค่อยๆ ย่องลงจากเตียงและเดินไปที่ประตู แอบแง้มประตูออกเล็กน้อยเพื่อมองคนที่อยู่ด้านนอก อีกฝ่ายยืนหลังและกำลังดื่มน้ำอยู่ เสื้อที่ใส่เป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาว ส่วนกางเกงเป็นกางเกงสแลคสีดำ รูปร่างสูงใหญ่เหมือนฝรั่ง ผิวบางส่วนขาวจัดแต่บางส่วนก็คล้ำเหมือนโดดแดดมานาน “อ๊ะ!” เธอรีบปิดประตูด้วยความตกใจทันทีที่อีกฝ่ายหันกลับมา ไม่ทันได้มองหน้าว่าคือใคร ก่อนจะรีบตรงไปที่โต๊ะหนังสือเพื่อดูหนังสือเล่มนั้นให้กระจ่าง เธอเพิ่งสังเกตว่าโน๊ตบุ๊คที่วางไว้หายไป เขาคงหยิบออกไปด้วย “อ้าว นี่มันหนังสือแพทย์นี่” ชมพู่เปิดหนังสือในมืออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หนังสือแพทย์จริงๆ ด้วย เป็นหนังสือที่อธิบายรายละเอียดร่างกายมนุษย์และอวัยวะต่างๆ “เป็นหมออย่างนั้นเหรอ มิน่า...” มือบางวางหนังสือเล่มหนาไว้ที่เดิม รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเลว แถมยังเป็นถึงหมออีกด้วย เธอกระโดดขึ้นเตียงและมุดตัวเข้าผ้าห่มอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อกี้ที่ลุกไปมันรู้สึกเย็นด้านล่างแปลกๆ ก็เธอไม่ได้ใส่อะไรเลยนี่นา... “ถ้าเป็นหมอ ก็คงไม่ใช่คนเลว” ชมพู่สรุปกับตัวเอง แอบขอโทษคุณหมอในใจที่เผลอคิดว่าเขาเป็นคนชั่ว ก็ใครจะไปรู้เล่า... มือบางยกขึ้นปิดปากหาว พอได้ผ้าอุ่นๆ ห่มในอากาศเย็นๆ แบบนี้แล้วรู้สึกดีขึ้นจนอยากหลับ ในเมื่อไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว เธอก็ขอหลับก่อนแล้วกัน เช้าค่อยขอบคุณคุณหมอแล้วค่อยออกเดินทางต่อไปที่แม่ฮ่องสอน ปลายทางที่เธอตั้งใจจะไป เพียงไม่นานดวงตากลมโตก็ปิดลง ชมพู่หลับสนิทอย่างรวดเร็วเพราะความเหน็ดเหนื่อยที่เผชิญมาทั้งวัน เธอหลับลึกจนไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากนั้นเพียงไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างใหญ่ๆ ของใครบางคนที่เดินเข้ามา...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม