ตุ๊บ!
เสียงที่ดังจนรบกวนการนอนทำให้หมอหนุ่มต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ เขาเหม่อมองเพดานไม้อย่างเกียจคร้าน ก่อนจะยอมลุกขึ้นจากที่นอนปิกนิคสุดแข็งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานพาใครกลับมาบ้านด้วย
“คุณ...”
ผลั่ก!
เพียงแค่เปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าก็มืดสนิทไปชั่วขณะ ก่อนที่จะสว่างขึ้นเมื่อของที่ปลิวมาปะทะหน้าเมื่อครู่ตกลงไปกองที่พื้น
“ไอ้ชั่ว!”
ตามมาด้วยคำด่าที่ศิลาไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน ทั้งชีวิตเขาทำแต่เรื่องดีๆ มาตลอด แต่ทำไมวันนี้เขาถึงถูกด่าด้วยคำนี้ได้
“คุณ...”
“อย่าเข้ามานะ!!” หญิงสาวผมยาวกระเซิงที่นั่งอยู่บนเตียง(ของเขา) ห่อร่างด้วยผ้าห่มฝืนหนา(ของเขา)ตวาดลั่น “ไอ้คนชั่ว! หมอชั่ว!”
“เดี๋ยวก่อนนะ... คุณมาด่าผมทำไม”
“แล้วแกทำอะไรไว้ล่ะ! ฮึก!” เธอร้องไห้ ศิลายิ่งไม่เข้าใจ หรือว่าเธอจะโกรธที่เขาถือวิสาสะเปลี่ยนชุดและเช็ดตัวให้ ก็เมื่อวานเธออยู่ในสภาพเปียกปอนเปื้อนโคลน เขากลัวว่าเธอจะป่วยหรือเป็นปอดบวมเอาเสียก่อนถ้าปล่อยไว้แบบนั้น
อีกอย่าง... เขาเป็นหมอ เห็นร่างกายคนมานับไม่ถ้วนเวลาต้องรักษา เลยไม่ได้คิดว่าเธอจะไม่พอใจ เขาแค่ทำไปตามสัญชาติญาณเท่านั้น
“ผมขอโทษครับ” แต่เพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลาย คนที่ไม่ชอบมีปัญหากับใครก็เอ่ยขอโทษก่อน แม้จะไม่เข้าใจว่าการช่วยเหลือของเขามันน่าโกรธจนถึงขั้นต้องด่าทอกันเลยหรือ
“ขอโทษแล้วเอาสิ่งที่นายทำลายไปคืนมาได้ไหมล่ะ!” ยิ่งเธอร้องไห้และโวยวายต่อศิลายิ่งไม่เข้าใจ แค่เปลี่ยนชุดและเช็ดตัว มันทำลายเธอขนาดนั้นเลยหรือไง “ฉันไม่น่าคิดว่านายเป็นคนดีเลย”
ชมพู่ร้องไห้หนักขึ้น เธอประมาทเอง เห็นว่าอีกฝ่ายแค่เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แถมยังเป็นถึงหมอเธอเลยไว้ใจ แต่สุดท้ายความไว้ใจนั่นก็ทำลายเธอเสียเอง
ยิ่งเห็นหน้าของคนที่คิดว่าเป็นคนดีชมพู่ยิ่งช้ำใจ เธอจำได้แล้ว... หมอคนนี้เป็นหมอคนเดียวกับที่ทำแผลที่ศีรษะให้เธอมาเป็นเดือนตอนที่เธอหัวแตก ตอนนั้นเขาทั้งสุภาพ ใจเย็น มือเบา ไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วเขาจะชั่วช้าขนาดนี้ได้
แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไง กลับบ้านไปเธอจะมองหน้าพ่อกับแม่ได้ไหม ทั้งๆ ที่รักษาตัวเองดีมาตลอด แต่กลับมาพลาดท่าเพราะหนีการคลุมถุงชน เธอไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ผู้ชายคนนี้จะรับผิดชอบไหมก็ไม่รู้ สู้เธอยอมแต่งงานกับปลัดยังจะดีกว่า อย่างน้อยเธอก็มีสามีตามขนบธรรมเนียม ไม่ใช่เสียตัวให้ใครก็ไม่รู้แบบนี้
“ผมขอโทษ ถ้ารู้ว่าคุณคิดมากขนาดนี้ผมจะไม่ทำ”
“จะไม่ทำๆๆๆๆ ตอนนี้ก็พูดได้นี่! แต่นายทำไปแล้วไง!” ชมพู่เลือดขึ้นหน้า ผู้ชายคนนี้เลวบริสุทธิ์จริงๆ พูดมาได้ยังไงว่าไม่รู้ว่าเธอจะคิดมาก นี่มันความบริสุทธิ์ของเธอนะ! ไม่รู้ว่าชีวิตนี้เขาเจอผู้หญิงแบบไหนมาบ้าง แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเหมือนที่เขาเคยเจอมา เธอไม่ได้บอกว่าผู้หญิงที่ฟรีเซ็กส์ผิด แต่ก็ไม่แปลว่าผู้หญิงหัวโบราณ รักนวลสงวนตัวแบบเธอจะผิดเหมือนกัน ทุกคนมีความคิดที่แตกต่าง แล้วเขามาคิดแทนเธอได้ยังไง!
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” ศิลาถามอย่างไม่รู้ทางออก เขามองคนที่ร้องไห้จนหน้าแดงด้วยความรู้สึกผิด เขาเองก็ผิด เพราะเธอไม่ใช่คนไข้ที่เขารักษาที่โรงพยาบาล แต่ดันถือวิสาสะไปถอดเสื้อผ้าเธอแบบนั้น แม้จะทำไปด้วยความเป็นห่วงว่าเธอจะป่วยแต่มันก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี แต่เขาก็อับจนหนทางแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเธอถึงจะหายรู้สึกแย่
“นายต้องรับผิดชอบ”
“ครับ ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น” ศิลายอมรับแต่โดยดี เขาไม่อยากมีปัญหา อะไรที่สามารถทำให้ปัญหามันจบได้เขาก็จะทำ “คุณจะให้ผมรับผิดชอบยังไง”
“แต่งงาน” ในเมื่อเสียไปแล้ว เธอจะไม่ยอมให้มันเสียเปล่าเด็ดขาด ชมพู่ฝังหัวตัวเองมาตลอดว่าคนเราควรมีเมียเดียวผัวเดียว ในเมื่อเธอตกเป็นเมียเขาแล้ว ต่อให้ไม่เต็มใจมันก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้ ทำได้แค่แก้ปัญหาที่ปลายทาง และการแต่งงานคือทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าเมื่อคืนผู้ชายคนนี้ไม่ได้คุมกำเนิด แล้วถ้าเธอเกิดท้องขึ้นมา พ่อเธอที่เป็นถึงกำนันคงอับอายชาวบ้านที่คอยจ้องนินทา ชมพู่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
“คุณว่ายังไงนะ!?” ต่างจากศิลา หมอหนุ่มเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด ไม่คิดว่าก่อนว่าการที่เขาช่วยเหลือคนเป็นลม เช็ดตัวที่เปื้อนโคลน และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอใหม่จะทำให้เขาต้องมีพันธะขนาดนี้
“นายได้ฉันเป็นเมียแล้ว นายต้องจัดงานแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อรับผิดชอบฉัน”
“เมีย!?”
“เมีย...” เสียงที่สามที่ดังขึ้นทำให้คนสองคนที่กำลังตกลงปัญหากันหันไปมอง หญิงวัยเกือบหกสิบปีที่คุ้นหน้าคุ้นตาทำให้ชมพู่ต้องลุกขึ้นยืนพร้อมผ้าห่มผืนหนา ก่อนที่เสียงใสจะเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ป้าไม...”
“พู่ ทำไมมาอยู่ที่นี่” ชไมพรถามเด็กสาวที่เธอรักเหมือนลูกด้วยความช็อคสุดขีด มือที่ถือปิ่นโตข้าวสั่นเบาๆ ยิ่งหันกลับมามองหน้าคุณหมอที่เธอเคารพหญิงชราก็ยิ่งช็อค “แล้วเมื่อกี้มันอะไรกัน...หมอศิลา”
“ป้าไม...” เมื่อเจอผู้ใหญ่ที่รักเหมือนแม่ ชมพู่ก็ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่น ตอนนี้ไม่ใช่แค่เธอกับหมอศิลาที่รู้เรื่องอัปยศนี้แค่สองคนอีกแล้ว แต่มีป้าไม คนที่เป็นเหมือนคนในครอบครัวเธอเข้ามารับรู้ด้วย เธอทั้งอาย ทั้งกลัวว่าป้าไมจะผิดหวังในตัวเธอจนทำอะไรไม่ถูก
“พู่ มาหาป้า มาหาป้าลูก”
“ฮือ... ป้าไมจ๋า” หญิงสาวเดินมาหาอีกฝ่ายทั้งๆ ที่ร่างกายยังถูกห่อหุ่มด้วยผ้าผืนหนา ศิลาหลบทางให้สองคนเจอกันทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย เขามองชมพู่ที่ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ สลับกับมองป้าไมด้วยสมองที่ว่างเปล่า
วันนี้คงเป็นวันที่หมอเกียรตินิยมอย่างเขาโง่ที่สุด เพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจเลยซักอย่าง
“ขวัญเอ้ยขวัญมาลูกเอ้ย” ชไมพรลูบผมนุ่มของเด็กสาวในอ้อมกอดเบาๆ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่ชมพู่รู้ความเธอก็เพิ่งเคยเห็นเด็กคนนี้ร้องไห้หนักขนาดนี้
ศิลามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่งๆ เหมือนคนโง่มองสองคนที่กอดกันกลมโดยที่ไม่พูดอะไรซักคำ ทั้งสามคนยืนอยู่แบบนั้นจนกระทั่งชมพู่เริ่มสงบลง ชไมพรจึงบอกให้เด็กสาวเข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อยและออกมานั่งคุยกันข้างนอก
“หมอศิลา มาคุยกันหน่อยได้ไหม”
“ครับ”
ศิลายอมเดินตามคนแก่กว่าไปแต่โดยดี เขาหันไปมองประตูห้องนอนของตัวเองที่ปิดลงเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาไม้ตัวโปรด
“มันเรื่องอะไรกันหมอศิลา ที่ป้าต้องถาม เพราะป้ากับหนูพู่รู้จักกัน ป้าเลี้ยงพู่มาตั้งแต่ออกจากท้องแม่เขาไม่กี่วัน จนกระทั่งโตเป็นสาวอย่างทุกวันนี้ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าป้ารักพู่แค่ไหน”
“ครับ...” สายตาที่ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนที่ผ่านมาทำให้ศิลาไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย เขารู้จักป้าไมตั้งแต่มาใช้ทุนที่นี่ ป้าไมคอยช่วยเขาหลายเรื่อง ทั้งอาหารการกินที่ตอนแรกเขายังปรับตัวไม่ได้ และคอยช่วยเหลืออะไรอีกหลายๆ อย่างทั้งๆ ที่ป้าไมไม่จำเป็นต้องสนใจหมอใช้ทุนคนนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ป้าไมก็ทำทุกอย่างให้เขาอย่างเต็มใจ แม้แต่เมื่อสี่ปีที่แล้วที่เขากลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะหมอเต็มตัว ป้าไมก็ยังดีกับเขาเหมือนเดิม ทำปิ่นโตอาหารที่ดีต่อสุขภาพมาให้เขาบ่อยๆ จนเขาต้องจ้างเพราะเกรงใจ เขาเองก็รักและเคารพป้าไมมากเหมือนกัน “แต่ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ป้าได้ยิน ที่พู่บอกว่าเป็นเมียหมอแล้ว... มันเป็นเรื่องจริงไหมหมอศิลา”
“ผม...” หมอหนุ่มคิดหนักจนเส้นเลือดที่ขมับนูนขึ้น เขาไม่รู้จะตอบยังไงดี เขาไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นเลย จู่ๆ เธอก็โวยวายแบบนั้นจนเขางงไปหมด แต่ถ้าตอบไปตามความจริงป้าไมก็คงไม่เชื่อ เพราะทั้งสภาพของเธอ และสถานการณ์ต่างๆ ที่มันชี้ให้คิดได้แบบนั้น เขาแก้ตัวไม่ขึ้นเลย
“ป้าไมจ๋า” เสียงเจือสะอื้นของอีกคนทำให้บทสนทนาหยุดลง ชไมพรเดินไปรับและประคองให้หญิงสาวที่ดูขวัญเสียให้มานั่งด้วยกัน ศิลามองหน้าคนที่อ้างว่าเป็นเมียตัวเองอย่างสำรวจ เธอดูเสียใจจริงๆ ไม่เหมือนแสดงเลย เขาไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เธอคิดไปได้แบบนั้น
“ป้าไม เรื่องนี้ฉันขอคุยกับเขาเองนะจ๊ะ” เธอเหลือบตามองหมอหนุ่ม ก่อนจะหันหลับมาสนใจป้าไมอีกครั้ง “ฉันอาย...”
“ป้าเข้าใจลูก”
“แล้วอีกอย่าง อย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ได้ไหมจ๊ะว่าฉันอยู่ที่ไหน อย่าบอกพวกเขาว่าป้าเจอฉัน”
“กำนันกับแม่เราคงห่วงเรามาก”
“ฉันรู้ แต่ขอร้องเถอะนะจ๊ะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะกลับไปตอนนี้”
“ป้าไม่บอกหรอก วางใจได้” ชไมพรรับคำ ชมพู่คงต้องการเวลาจริงๆ เธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง “งั้นป้ากลับก่อนแล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
“คุยกันให้เข้าใจนะ” เธอหันไปมองหมอหนุ่มเมื่อพูดประโยคนั้น
“ครับ”
ชไมพรเดินลงจากบ้านไปแล้ว ทิ้งให้คนสองคนนั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางความเงียบ ชมพู่มองมือตัวเองที่จับกันไว้ ส่วนศิลาก็มองหญิงสาวตรงหน้าเงียบๆ รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรขึ้นมาก่อน เพราะเขาไม่มีอะไรจะพูด เขายังไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเลยด้วยซ้ำ
“คุณ...” ชมพู่เอ่ยขึ้นในที่สุด สรรพนามที่ใช้เรียกอีกฝ่ายดีขึ้นเมื่อเริ่มตั้งสติได้แล้ว
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคล้ำแดดของอีกฝ่าย หนวดของเขาขึ้นเขียวเหนือริมฝีปากเหมือนวันแรกที่ได้เจอกันทำให้ดูไม่เหมือนหมอเท่าไหร่ แต่แววตาคู่นั้นอบอุ่นและอ่อนโยนตลอดเวลาแม้กระทั่งในตอนนี้ ช่วงเวลาที่เขาดูแลแผลให้เธอเขาก็ทำอย่างตั้งใจ เขาอาจจะเป็นผู้ชายที่แย่ แต่เขาก็เป็นหมอที่ดี
“ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน”
“ผมขอถามแค่คำถามเดียว อะไรทำให้คุณคิดว่าเรามีอะไรกัน”
“ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณมานอนบ้านผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แล้วคุณตื่นมาพร้อมเห็นรอยเลือดบนเตียง เห็นรอยเลือดตรง... ตรงนั้นของตัวเอง คุณจะรู้สึกยังไง จะคิดว่าโดนมดกัดหรือยังไง”
ศิลาเงียบไป เขาเถียงไม่ออกจริงๆ แต่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำ พอเขาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกฝ่ายเสร็จก็รีบออกมาข้างนอกทันที อ้อ... มีเดินกลับเข้าไปหยิบหนังสืออีกครั้งแต่ไม่ได้แตะตัวเธอแม้แต่ปลายก้อย เขาสาบานได้...
“ฉันรักษามันมาตลอดเกือบยี่สิบสามปีเพื่อเก็บไว้ให้สามีในอนาคตในคืนแต่งงาน แต่คุณกลับมาทำลายมันลงภายในค่ำคืนเดียว ในเมื่อคุณทำไปแล้ว คุณก็ต้องรับผิดชอบ"
"แต่..."
"ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายพอ... คุณหมอศิลา”
หมอที่ดีแบบเขา คงไม่ปัดความรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำ เธอหวังว่าจะเป็นแบบนั้น