ในที่สุดวันแต่งงานที่ฮุ่ยหมิงรอคอยก็มาถึง ภายในจวนต่างประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดงเพื่อเสริมสิริมงคล ฮุ่ยหมิงนั่งอยู่ในห้องด้วยอาการประหม่า วันนี้ร่างบางของนางถูกสวมด้วยชุดเจ้าสาวสีแดงตัวยาว ผมเผ้าถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยอย่างสวยงามเผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียน ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อ แก้มสองข้างถูกแต่งแต้มให้มีสีแดงราวกับเลือดฝาดสาว ช่างดูเย้ายวนและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาวนัก วันนี้นางได้แต่งออกจากจวนเสนาบดีแล้ว ฮุ่ยหมิงดีใจมากนางไม่รู้ว่าเมื่อเข้าไปอยู่ในจวนองค์ชายใหญ่แล้วจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็แน่ใจว่าเขาย่อมดีกับนางมากกว่าที่นี่แน่นอน
“คุณหนู วันนี้ท่านสวยมากเลยเจ้าค่ะสวยจริงๆ” เฟยเฟิ่งที่เข้ามาช่วยฮุ่ยหมิงแต่งตัวกล่าวชมคุณหนูใหญ่ของนางด้วยน้ำตา ต่อไปนี้ชีวิตของคุณหนูใหญ่จะได้ดีขึ้นเสียที คุณหนูของนางควรหนีไปให้ไกลจากคนพวกนี้ ไปอยู่ในที่ที่เป็นของตนเองอย่างมีความสุข เฟยเฟิ่งไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นวันนี้ นางปลาบปลื้มจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“เจ้าร้องไห้อะไรกันนักหนาเฟยเฟิ่ง วันนี้ข้าเพียงแต่งงานออกไปจากจวน ไม่ได้ไปตกทุกข์ได้ยากที่ไหนเสียหน่อย ทำไมเจ้าร้องไห้ถึงเพียงนี้” ฮุ่ยหมิงถามออกมาอย่างรำคาญเนื่องจากนางเห็นเฟยเฟิ่งร้องไห้มาหนึ่งชั่วยามแล้วยังไม่ยอมหยุดเสียที
“แหม คุณหนูบ่าวดีใจนี่เจ้าคะ ท่านได้แต่งงานกับคนที่รักท่านเสียที พวกเราจะได้ออกไปจากจวนแห่งนี้และใช้ชีวิตให้มีความสุขแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าก็ไปกับข้าด้วยไม่ใช่หรือจะร้องไห้เป็นเผาเต่าไปทำไมรีบเอาผ้าคลุมหน้ามาให้ข้าเถอะ ใกล้ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวจะมารับเจ้าสาวแล้ว” ฮุ่ยหมิงรีบเร่งเฟยเฟิ่ง นางกลัวไม่ทันเวลาเดี๋ยวฤกษ์งามยามดีเสียหมด
เพียงไม่นานขบวนเจ้าบ่าวก็มาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าสาววันนี้หวงเฟยหลงขี่ม้ามารับเจ้าสาวด้วยตนเอง ถือว่าเขาให้เกียรติฮุ่ยหมิงเป็นอย่างมาก นางแอบปลาบปลื้มใจไม่น้อย เขาให้หน้านางขนาดนี้แน่นอนว่าต้องมีผู้คนอิจฉาไม่น้อย
ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวถูกแห่ไปตามท้องถนนยาวเหยียด ผู้คนมากมายต่างเข้ามาห้อมล้อมมุงดูเหตุการณ์สำคัญนี้ งานแต่งงานของหวงเฟยหลงกับจางฮุ่ยหมิงถือว่าเป็นงานใหญ่ในเมืองหลวงอีกงานหนึ่ง ขบวนสินสอดเจ้าบ่าวและสินเดิมของเจ้าสาวก็ยาวเฟื้อยไม่รู้กี่ร้อยหีบ ผู้คนตามท้องถนนต่างซุบซิบนินทาถึงเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเมามัน บ้างก็ดีใจด้วย บ้างก็อิจฉาปะปนกันไป
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่” หวงเฟยหลงที่ขี่ม้าอยู่ข้างเกี้ยวเจ้าสาวส่งเสียงเบามาถามนาง เขารู้ว่าพิธีแต่งงานวันนี้ฮุ่ยหมิงต้องตื่นเช้าเพียงใด จึงกลัวว่านางจะเหนื่อยล้าจนเกิดเป็นลมเอาได้
“ข้าไม่เหนื่อยเจ้าค่ะพี่เฟยหลง ขอบคุณท่านมาก” ฮุ่ยหมิงเอ่ยปากตอบออกมา ความจริงนางเหนื่อยล้าอยู่เล็กน้อย แต่หากบอกว่าเหนื่อยออกไป ก็กลัวว่าเขาจะรีบเร่งงานแต่งอันยืดยาวให้เสร็จสิ้นโดยไว ผู้คนคงได้เอาไปนินทากันให้สนุกปากกันอีก
เมื่อขบวนเจ้าสาวมาถึงหน้าจวนเจ้าบ่าว หวงเฟยหลงก็ทำหน้าที่เข้ามาประคองฮุ่ยหมิงลงจากเกี้ยวอย่างระมัดระวัง ทั้งสองคนเดินไปตามเส้นทางที่จัดไว้ ฮุ่ยหมิงมองไม่เห็นใบหน้าของเขา เนื่องจากโดนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปิดบังไว้
เมื่อมาถึงห้องโถงสำหรับทำพิธีแต่งงาน ทั้งสองคนก็ได้กราบไหว้ฟ้าดินตามธรรมเนียม หนึ่งคือคำนับฟ้าดิน สองคือคำนับพ่อแม่ สามคือคำนับกันและกัน เมื่อการคำนับเสร็จสิ้นลงจางฮุ่ยหมิงกับหวงเฟยหลงจึงถือได้ว่าเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง ฮุ่ยหมิงอมยิ้มดีใจอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าคิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้แต่งงานมีสามีรวดเร็วเช่นนี้หลังจากทะลุมิติมาเพียงไม่กี่เดือน
หลังจากคำนับฟ้าดินเสร็จฮุ่ยหมิงก็ถูกพามาไว้ในห้องหอเพื่อรอเจ้าบ่าว เตียงที่นางนั่งอยู่มีกลีบดอกไม้กระจัดกระจายไปทั่วเตียงส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกดียิ่งนัก ฮุ่ยหมิงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นางพยายามสงบใจอยู่พักใหญ่แต่เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านกินอาหารพวกนี้รองท้องไปก่อนนะ แล้วค่อยรอกินอาหารมงคลกับองค์ชายใหญ่อีกที ตอนนี้องค์ชายกำลังต้อนรับแขกมากมาย คิดว่าต้องใช้เวลานานเลยให้บ่าวหาอะไรให้คุณหนูกินรองท้องก่อนเจ้าค่ะ เดี๋ยวไม่สบายเอา องค์ชายใหญ่เป็นห่วงท่านมาก” เฟยเฟิ่งนำขนมหลากหลายชนิดมาวางไว้ให้ ฮุ่ยหมิงเสร็จแล้วก็เดินยิ้มหน้าบานออกไป คุณหนูของนางเลือกผู้ชายได้ไม่เลวจริงๆ
เมื่ออยู่ในห้องเพียงลำพัง ฮุ่ยหมิงจึงเปิดผ้าคลุมหน้าออกมา ตั้งแต่เช้านางยังไม่ได้กินอะไรเลยทำให้หิวมาก ฮุ่ยหมิงรีบกินขนมหวานกับน้ำชาที่เฟยเฟิ่งเพิ่งนำมาให้รองท้องก่อน หวงเฟยหลงช่างใส่ใจนางเสียจริง หากไม่ได้กินขนมพวกนี้นางคงหิวจนเป็นลมไปแล้ว เมื่อกินอิ่มท้องจึงกลับมานั่งรอเขาบนเตียงแล้วเอาผ้าคลุมหน้าไว้เช่นเดิม
ผ่านไปจนถึงยามห้าย หวงเฟยหลงจึงสามารถปลีกตัวจากแขกเหรื่อเหล่านั้นได้ ตลอดเวลาเขานั่งร้อนรนใจอยากปลีกตัวมาที่เรือนหลังนี้แทบแย่ เขาไม่อยากให้นางรอนาน
เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอกับฮุ่ยหมิงที่กำลังนั่งรออยู่บนเตียง หัวใจไม่รักดีของเขาจึงเผลอเต้นโครมครามขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ หวงเฟยหลงพยายามสาวเท้าเข้าไปในห้องอย่างมั่นคง วันนี้นางแต่งกับเขาแล้วจริงๆ หากเขาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกฮุ่ยหมิงก็จะกลายเป็นพระชายาของเขาโดยสมบูรณ์ แค่คิดหัวใจของหวงเฟยหลงก็พองโตจนแทบล้นทะลุอกออกมา ไม่รอช้าเขารีบเอื้อมมืออันสั่นเทาไปปลดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของนางออกทันที
ภาพหญิงสาวดวงหน้างดงาม ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาทำให้หวงเฟยหลงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก วันนี้ฮุ่ยหมิงของเขาช่างงดงามเย้ายวนมาก แก้มของนางแดงปลั่งอย่างคนเขินอายยามสบตากับเขา รวมไปถึงหน้าอกที่เคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหายใจก็ช่างทำให้สติลูกผู้ชายอย่างเขากระเจิดกระเจิงยิ่งนัก หวงเฟยหลงได้แต่ยืนมองฮุ่ยหมิงอยู่อย่างนั้น
ส่วนฮุ่ยหมิงเองก็เช่นกัน เมื่อได้สบตากับเขานางก็รู้สึกเขินอายจนหน้าแดงเห่อร้อนไปทั้งตัว วันนี้หวงเฟยหลงในชุดเจ้าบ่าวช่างหล่อเหลาและดูแข็งแกร่งยิ่งนัก หุ่นสูงยาวของเขาช่างดูดีจน ฮุ่ยหมิงไม่อาจห้ามใจตัวเองได้
เมื่อเห็นว่าภายในห้องเกิดความเงียบงันไปพักใหญ่ หวงเฟยหลงจึงเอ่ยชวนฮุ่ยหมิงไปคล้องแขนดื่มสุรามงคลเพื่อช่วยผ่อนคลายบรรยากาศระหว่างเขากับนาง
ฮุ่ยหมิงกินอาหารมงคลเข้าไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากขอตัวไปอาบน้ำ วันนี้กว่าพิธีแต่งงานจะเสร็จสิ้นก็กินแรงกายของนางไปพอสมควรจึงทำให้รู้สึกเหนียวตัวเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนจึงผลัดกันอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อย หวงเฟยหลงที่กำลังก้าวขาออกมาจากห้องน้ำก็พบกับฮุ่ยหมิงกำลังนั่งเช็ดผมยาวดกดำของนางหน้ากระจกพอดี เขาเห็นท่าทีเก้ๆ กังๆ แลดูยากลำบากจึงขันอาสาช่วยเช็ดผมให้นางทันที ผมของฮุ่ยหมิงมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นดอกไม้ เมื่อได้สูดดมเข้าไปทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด หวงเฟยหลงสัมผัสกลิ่นจากเส้นผมอยู่สักพักก่อนจะนั่งลงเช็ดผมให้นางอย่างเบามือ
ฮุ่ยหมิงที่ได้รับสัมผัสจากมืออุ่นๆ ของเขาลูบไล้ไปตามเส้นผมก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว นางรู้สึกว่าตัวเองหิวน้ำคอแห้งผากกลืนน้ำลายไม่ลงเสียอย่างนั้น แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าคืนนี้ต้องเข้าหอกับเขาแต่ก็อดใจเต้นระรัวไม่ได้ หวงเฟยหลงมีเสน่ห์เยี่ยงบุรุษเพศมากมายเกินไป เขาทำให้นางแอบเผลอไผลเคลิบเคลิ้มหลายต่อหลายครั้ง พุธโธ ธัมโม สังโฆ ฮุ่ยหมิงพยายามท่องบทสวดเพื่อสงบอาการร้อนรนในใจ
ยุคสมัยที่นางจากมามีหนังผู้ใหญ่ให้ดูผ่านตาบ้างเหมือนกัน แต่เหตุใดพออยู่ใกล้เขาถึงใจสั่นเต้นระรัวจนไม่มีสติเช่นนี้ อุตส่าห์ตั้งใจจะแสดงกระบวนท่ามัดใจชายให้เขาติดใจจนหนีไปไหนไม่รอด แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเป็นนางเองเสียหล่ะที่กำลังถูกพันธนาการอยู่ภายใต้ร่างของเขา ไม่รู้ว่าหวงเฟยหลงรุกคืบเข้ามาตอนไหนรู้ตัวอีกทีใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ จนลมหายใจนางติดขัดไปแล้ว
“พะ พะ พี่เฟยหลงเจ้าคะ ช้าก่อน” ฮุ่ยหมิงเอามือดันหน้าเขาออก นางต้องตั้งสติก่อนไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเขาทำอะไรลงไปบ้าง ขืนชักช้ากว่านี้นางคงไม่มีสิทธิ์ได้ส่งเสียงพูดออกมา
“ว่าอย่างไรหมิงเออร์ของพี่ เจ้าต้องการสิ่งใดรึ” หวงเฟยหลงขยับกายเข้ามาตระกองกอดให้นางนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาเขาแล้วเอ่ยถามขึ้น ส่วนมือของเขาก็ยังวนเวียนลูบไล้ตามใบหน้าและเส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา เฮ้อ นางไม่ไหวแล้วนะไม่รู้ว่าสติของนางเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนแล้ว หวงเฟยหลงช่างแสนร้ายกาจขืนเขายังคงทำแบบนี้ต่อไป หัวใจของนางต้องเต้นรัวจนหายใจไม่ทันแน่ ฮุ่ยหมิงแอบบ่นเขาเสียงเบาหวิวภายในใจ
“พี่เฟยหลง ท่านหยุดก่อนเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่านให้เข้าใจก่อน” ฮุ่ยหมิงจับมือของหวงเฟยหลงให้หยุดการกระทำทั้งหมดลงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“หมิงเออร์เจ้ามีอะไรอยากพูดกับพี่ก็ว่ามาเถอะ” หวงเฟยหลงประคองกอดฮุ่ยหมิงให้ลุกขึ้นนั่ง แต่กระนั้นเขาก็ยังโน้มตัวนางให้อิงแอบอยู่บนอกแกร่งของเขาอย่างอารมณ์ดี มองกลายๆ เสมือนว่านางกำลังนั่งตักเขาฮุ่ยหมิงจึงต้องจำใจซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะพูดเสียงอู้อี้ออกมา
“พี่เฟยหลงเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะถามท่าน หาก เอ่อ หาก พวกเราเข้าหอกันแล้ว ข้าสามารถกินยาห้ามครรภ์ได้หรือไม่” ฮุ่ยหมิงกลั้นใจถามเขาออกไป นางต้องการมีลูกเมื่อตัวนางพร้อม ตอนนี้นางได้เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองแล้ว ไม่รู้ว่าชีวิตหลังจากนี้ต้องพบเจอกับอะไร หวงเฟยหลงจะเป็นอย่างไรต่อไป จะมีผลกระทบเกิดขึ้นหรือไม่ อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็หารู้ เมื่อชีวิตไม่มั่นคงนางจึงไม่อยากให้ลูกน้อยเกิดมาเผชิญชะตากรรมที่ไม่แน่นอน
“เจ้าไม่อยากมีลูกกับพี่หรือหมิงเออร์” หวงเฟยหลงหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่เพียงแป๊บเดียวเขาก็กลับมานิ่งสงบดังเดิม หากนางไม่อยากมีลูกเขาจะไม่บังคับนาง ไม่ว่านางจะมีลูกกับเขาหรือไม่ อย่างไรเขาก็ได้อยู่กับนางไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าแค่อยากให้พวกเราใช้ชีวิตร่วมกันสักหนึ่งปีเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้ดีกว่านี้ก่อน หลังจากนั้นค่อยมีลูกได้หรือไม่” ฮุ่ยหมิงก้มหน้าพูดอย่างเขินอาย เฮ้อ ยังไม่ได้เขาหอนางก็พูดไปถึงเรื่องมีลูกแล้วน่าอายจริงๆ
“ได้อยู่แล้ว พี่ตามใจเจ้าเสมอ” หวงเฟยหลงอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาคิดว่าความคิดนี้เข้าท่าเช่นกัน รอให้เขากับนางใช้ชีวิตกันสองคนอย่างมีความสุขสักปี แล้วค่อยมีเจ้าตัวเล็กมาวิ่งเล่นออดอ้อนทีหลังยังไม่สาย
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรานอนกันเลยหรือไม่” เมื่อได้คำตอบที่พอใจฮุ่ยหมิงจึงเอ่ยถามเขาออกไปอย่างพาซื่อ แต่แล้วนางก็ต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นสีหน้ากรุ้มกริ่มแสนพอใจของเขา ทำให้รู้ว่านางเผลอพูดประโยคล่อแหลมออกไป ตายแล้วฮุ่ยหมิงเจ้าพูดอะไร เจ้าชวนผู้ชายเข้านอนเนี่ยนะ โอ๊ย เจ้าช่างหน้าไม่อายจริงๆ ฮุ่ยหมิงครวญครางโอดโอยในใจพร้อมกับเขินอายจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“พี่ว่าคืนนี้เราสองคนต้องหาอะไรทำให้ผ่อนคลายก่อนนอนเสียแล้ว” หวงเฟยหลงแสร้งพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ท่าทางของฮุ่ยหมิงที่แสดงออกมาเมื่อกี้ช่างน่ารักน่าชังจนหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำรัวเร็วราวกับสายฝน นางทั้งน่ารักทั้งเย้ายวนจนเขาแทบอดใจไม่ไหวแล้ว
“หมิงเออร์ขอโทษด้วยคืนนี้พี่อาจทำให้เจ้าตกใจ แต่เจ้าวางใจได้พี่สัญญาว่าจะทะนุถนอมเจ้าอย่างดี” พูดจบหวงเฟยหลงก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ฮุ่ยหมิงเรื่อยๆ ริมฝีปากร้อนจัดของเขาสัมผัสลงบนริมฝีปากบางอวบอิ่มของนางอย่างแผ่วเบา
บางเบาจนเหมือนกับปุยนุ่นก่อนจะทวีความหนักหน่วงขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขากับนางจูบกันไปนานเท่าไหร่ ฮุ่ยหมิงรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนนางเกือบหมดลมหายใจแล้ว หวงเฟยหลงช่างล่อลวงได้เก่งกาจยิ่งนัก เขาถอนริมฝีปากบางออกเบาๆ ก่อนจะเคลื่อนคล้อยเลื่อนต่ำลงมายังลำคอระหงแล้วดูดเม้มหนักหน่วงแผ่วเบาสลับกันไปมา มือหนาก็ลูบไล้แผ่นหลังบอบบางอ้อมมายังด้านหน้าที่มีปทุมถันของนางอย่างเบามือ หวงเฟยหลงขยำเต้าอวบล้นมือของเขาแผ่วเบาแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มแรงนวดคลึงมากขึ้น ทำให้เลือดในกายสาวของฮุ่ยหมิงเริ่มเร่าร้อนขึ้นมา ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่นางอย่างไม่อาจหยุดยั้ง ไม่รู้ว่าเขาถอดเสื้อผ้าของนางทิ้งไปตั้งแต่เมื่อใด รู้เพียงว่าตอนนี้ร่างกายเปลือยเปล่าของนางกับเขากำลังสัมผัสกันอย่างแนบชิด
“อื้อ พี่เฟยหลงเบาๆ เจ้าค่ะ” ฮุ่ยหมิงร้องประท้วงออกมาเมื่อหวงเฟยหลงซุกหน้าเข้ากับปทุมถันคู่งามแล้วขบเม้มอย่างหนักพร้อมกับฝากรอยรักสีแดงเอาไว้หลายรอย
“พี่ขอโทษ ไม่ทำเจ้าเจ็บอีกแล้ว” หวงเฟยหลงเงยหน้าขึ้นมาพูดเพียงสั้นๆ ก่อนก้มลงไปซุกไซร้เคล้าคลึงตรงหว่างขา เขาไล้จมูกเรื่อยลงมาจนถึงกลีบดอกไม้งดงามของนาง เมื่อเห็นกลีบดอกไม้อวบอูมปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปดื่มกินอย่างไม่ปรานี
ในตอนนี้ฮุ่ยหมิงรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย มีเพียงความรู้สึกซ่านสยิวที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างหนัก หวงเฟยหลงปรนเปรอให้ความสุขนางจนแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง ฮุ่ยหมิงร้องครวญครางด้วยเสียงน่าอายออกมาเป็นระยะอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งหน้าอกอวบใหญ่ หน้าท้องแบนราบ ไล่ลงมาจนถึงเรียวขาด้านในรวมไปถึงกลางกายความสาว ทุกส่วนของร่างกายล้วนถูกเขาทำเครื่องหมายจับจองเอาไว้จนหมด หวงเฟยหลงสร้างความเสียดเสียวตรงกลางกายของฮุ่ยหมิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนนางแทบทนไม่ไหวได้แต่กรีดร้องระบายความซ่านเสียวออกมาจนสุดเสียง เมื่อเห็นดังนั้นหวงเฟยหลงก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา น้ำหวานที่กำลังหลั่งรินจนชุ่มใบหน้าของเขาการันตีได้ดีว่านางพร้อมรองรับตัวตนของเขาแล้ว
“หมิงเออร์เจ้าจะเจ็บสักหน่อยแต่แค่แป๊บเดียวก็หาย พี่รับรองว่าต่อไปเจ้าต้องมีความสุขมากกว่านี้ อดทนหน่อยนะคนดี” หลังจากปลอบประโลมนางจบหวงเฟยหลงก็รีบเอาตัวตนอันยิ่งใหญ่ รุกล้ำเข้าไปในเขตถ้ำสงวนของนางทันนี้
“กรี๊ดดดดดด พี่เฟยหลงข้าเจ็บ ไม่เอาแล้วเจ้าค่ะ เจ็บ ท่านช่วยเอาออกไปที” ฮุ่ยหมิงกรีดร้องออกมาพร้อมกับน้ำตาไหลรินเม็ดโต นางรู้ว่าครั้งแรกต้องเจ็บปวดอยู่แล้วแต่ไม่คาดคิดว่ามันเจ็บถึงเพียงนี้
“อดทนหน่อยนะหมิงเออร์อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว พี่ขอโทษพี่คงตัวใหญ่เกินไปสำหรับเจ้า หากเจ้าคุ้นเคยกับมันต่อไปเจ้าก็ไม่เจ็บแล้วคนดี” หวงเฟยหลงบอกนางพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสุขใจ นางเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เขาจะทำให้นางมีความสุขจนขาดเขาไม่ได้เลยคอยดู เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เริ่มปฏิบัติการซุกไซร้ร่างกายของนางเพื่อสร้างความเสียวซ่านอีกครั้ง ผ่านไปเพียงไม่นานช่องทางรักของนางก็ยินยอมรับตัวตนของเขาเป็นอย่างดี เมื่อหวงเฟยหลงสามารถขยับกายเข้าออกในตัวนางได้อย่างอิสระเขาก็เร่งทะยานพานางไปหาขอบสวรรค์ทันที ฮุ่ยหมิงที่ไม่รับรู้สิ่งใดได้แต่ส่งเสียงครวญครางเจียนจะขาดใจให้เขาได้ยินเป็นพักๆ
“พี่เฟยหลง ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ข้าจะขาดใจแล้ว กรี๊ดดดดดดด” ฮุ่ยหมิงกรีดร้องออกมาสุดเสียงอย่างลืมอาย นางรู้สึกว่าตัวเบาหวิวภายในหัวขาวโพลนไร้สิ่งใดและสบายตัวเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ปนปุยเมฆเสียอย่างนั้น
“อ่า อ่า คนดีพี่ก็ไม่ไหวแล้ว อ๊า อ๊า อ๊ากกก” หวงเฟยหลงที่เห็นนางกรีดร้องออกมาด้วยความสุขสมก็แทบทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขากระแทกกระทั้นเร่งจังหวะหนักหน่วงตามมาจนแตะถึงปลายขอบฟ้าเช่นเดียวกัน
“มีความสุขหรือไม่หมิงเออร์” เขาร้องถามออกมาขณะนอนกอดก่ายนางบนเตียงหลังจากศึกครั้งใหญ่ผ่านไป
“เจ้าค่ะพี่เฟยหลง แต่ข้ายังไม่ได้ทำอะไรให้ท่านเลยนะเจ้าคะ” ฮุ่ยหมิงพูดออกมาอย่างเขินอาย ใบหน้านางเห่อร้อนไปหมด วันนี้มีเพียงหวงเฟยหลงที่ปรนเปรอให้นางทุกอย่างนางเองก็อยากปรนเปรอให้เขาบ้างเช่นกัน
“พี่อยากให้คืนนี้เจ้ามีความสุขที่สุด ไว้วันหน้าเจ้าค่อยปรนเปรอพี่บ้างก็ยังไม่สาย วันนี้ขอแค่เจ้าให้ความร่วมมืออย่างดีกับพี่เป็นพอ” พูดจบเขาก็พลิกกายขึ้นมาทาบทับนางไว้ทันที ทำให้ ฮุ่ยหมิงรู้ว่าเขาพร้อมทำศึกใหญ่อีกคราแล้ว ไม่รู้ว่าคืนนั้นนางกับเขามีความสุขกันไปมากเท่าไหร่ รู้แค่เพียงว่านางสลบไปก่อนเช้าตรู่เพียงไม่กี่ชั่วยาม