ปลายฝันเดินดุ่ม ๆ ตรงมาหาเมื่อเห็นเชอร์รีลก้าวขาเข้ามาด้านในของตึกคณะนิเทศศาสตร์
“เชอร์ แกเป็นไงบ้าง นี่หายป่วยแล้วเหรอถึงมาเรียนได้น่ะ” ระหว่างที่ถามสองมือก็จับตัวเพื่อนซี้หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อเช็กดูอาการว่าสบายดีแล้วจริง ๆ
“ทีแรกก็หายแล้ว แต่จะเวียนหัวเพราะแกเอาแต่หมุนตัวฉันไปมานี่แหละฝัน”
“อุ๊ย...โทษทีแก” ปลายฝันรีบปล่อยมือแล้วยกยิ้มเจื่อน ๆ ให้เพื่อนสนิท
“ไม่เป็นไรแก ฉันหายดีแล้ว แค่เป็นไข้หวัดน่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง” เชอร์รีลตอบกลับแล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้
“ว่าแต่ ตอนที่แกไม่สบาย เวทำอะไรไม่ดีกับแกหรือเปล่าเชอร์” ปลายฝันเขยิบตัวมาใกล้ ๆ แล้วกระซิบถามแค่พอได้ยินกันเพียงสองคน
เชอร์รีลส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “ไม่เลยฝัน ตอนที่ไม่สบายเวดีกับฉันมาก เหมือนตอนที่ยังไม่ได้บอกเลิกเลยล่ะ”
“แล้วนี่ สรุปว่าเลิกหรือไม่เลิก” เพื่อนซี้ยังคงถามต่อ เพราะตอนนี้สัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเหมือนมันจะคลุมเครือ ยากที่จะคาดเดาสถานะ
“ฉันก็ยืนยันว่าบอกเลิกไปแล้ว แต่เวไม่ยอมเลิก ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อเหมือนกัน ถ้าพ่อรู้ว่าฉันมาอยู่กับเว มีหวังพ่อคงน้อยใจอีกแน่”
เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับเพราะไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อน้อยอกน้อยใจขึ้นมาอีก ทั้งที่แต่ก่อนสองคนคบกันเปิดเผยไม่เคยต้องปิดบัง
“ถ้าแกยังตัดไม่ขาดอยู่แบบนี้ สักวันมีปัญหาใหญ่แน่เชอร์ ไม่กับพ่อก็กับเว”
เรื่องที่เพื่อนพูดทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ เวคาไม่ยอมปล่อย และพ่อของเธอก็ไม่ยอมรับในตัวเขา มันเป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ ที่จะทำให้คนทั้งคู่ยอมรับฟังในสิ่งที่เธออธิบาย
/////
ขณะที่กำลังกดข้อความส่งไปหาคนที่อยู่คณะนิเทศฯ เป็นจังหวะเดียวกันกับพี่ชายคนโตเดินมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนด้วยพอดี แต่เพราะกำลังหงุดหงิดที่เชอร์รีลไม่ยอมตอบข้อความกลับสักที ทำให้เวคาไม่ได้สนใจมากนักว่าปฐวีกับมาวินกำลังคุยอะไรกัน
จนได้ยินพี่ชายถามออกมา “พวกแกจะไปด้วยไหม จะได้บอกคนดูแลให้เตรียมของไว้ให้ด้วยเลย”
ปฐวีกำลังจะไปตั้งแคมป์ดูดาวในช่วงปิดเทอมที่กำลังจะมาถึงจึงได้เอ่ยชวนเขากับมาวิน และแน่นอนว่าเวคาย่อมไม่พลาด ทุกปีเขาจะพาเชอร์รีลไปตั้งแคมป์ดูดาวที่นี่แล้วปีนี้จะไม่ไปได้ยังไง
แต่ก่อนที่จะตกลงรับปากพี่ชายก็ต้องโทรหาคนที่ตัวเองอยากจะพาไปด้วยก่อน เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอในตอนนี้ สามวันดีสี่วันทะเลาะ ถึงแม้ตั้งแต่เชอร์รีลป่วยจะไม่ได้ทะเลาะอะไรกันอีก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างเดิมเหมือนแต่ก่อน
เชอร์รีลยังพยายามเว้นระยะห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังต้องการทำให้เขายอมเลิกกับเธอในที่สุด แต่คนอย่างเวคามันก็ไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน
โทรครั้งที่หนึ่ง สองและสาม เธอก็ยังไม่ยอมรับโทรศัพท์ จนเวคาเริ่มที่จะโมโหขึ้น แต่ก่อนที่อารมณ์โกรธจะพุ่งขึ้นไปมากกว่านี้ก็มีสายเรียกเข้า เธอโทรกลับมาพอดี
“ทำไมไม่รับสาย” เป็นประโยคทักทายที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ได้คิดมากอะไร แต่ในตอนนี้ เวลาที่ติดต่อเชอร์รีลไม่ได้ความระแวงมันเกาะกุมหัวใจทุกครั้ง
กลัวว่าเธอกำลังคุยอยู่กับใคร กลัวว่าพ่อของเธอจะส่งไปดูตัวกับผู้ชายคนไหนอีก
//เชอร์มีสอบเลยแอบรับสายไม่ได้// คำตอบที่บอกมาตามสายทำให้ผู้ชายตัวโตถอนหายใจอย่างโล่งอก
//แล้วเวมีอะไร ถึงได้โทรมาตั้งหลายสาย//
“ทำไม ผัวโทรหาไม่ได้เลยหรือไง”
//เว เชอร์ไม่ได้อยากจะทะเลาะด้วยนะ รีบบอกมา เชอร์ยังมีสอบอีกวิชา//
น้ำเสียงฟังดูรีบร้อนทำให้รู้ว่าเธอคงไม่ได้โกหก
“เฮียวีชวนไปตั้งแคมป์ที่บ้านพักน่ะ เลยโทรมาบอก”
//ปีนี้เชอร์ไม่ไปนะเว ไม่อยากไป คือเชอร์ไม่อยากโกหกพ่อไปมากกว่านี้น่ะ//
แต่ดูเหมือนคำตอบที่ได้จากเธอจะไม่ตรงใจเขาเอาเสียเลย
“คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ปฏิเสธเหรอเชอร์ บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ทำตัวน่ารัก ๆ ถ้าไม่อยากให้พ่อกับบริษัทมีปัญหา”
คำขู่ของเขาทำเอาคนที่อยู่ปลายสายนิ่งเงียบ
“สอบเสร็จแล้วก็รออยู่หน้าคณะ เดี๋ยวจะไปรับ จะได้ไปซื้อของจำเป็นด้วย” ออกคำสั่งเสร็จก็กดตัดสายโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายโต้แย้งอะไรได้อีก ก่อนที่เขาจะเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเดิมที่มีปฐวีนั่งอยู่
“ผมไปด้วย” เขาเอ่ยบอกพี่ชายตัวเอง
“เออ เดี๋ยวบอกคนดูแลให้”
เมื่อทั้งสามคนตกลงกันเรียบร้อยปฐวีก็ขอตัวกลับก่อน ส่วนเวคากับมาวินก็เดินกลับเข้ามาในตึกเพราะมีสอบต่ออีกหนึ่งวิชา
กว่าชั่วโมงครึ่งเขาก็ทำข้อสอบเสร็จ ส่วนคู่แฝดนั้นยังนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องสอบ เวคาหันไปพยักหน้าให้มาวินเล็กน้อยเพื่อเป็นเชิงบอกว่าจะกลับก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบเช่นกัน
รถคู่ใจมาจอดเทียบหน้าคณะนิเทศศาสตร์อย่างทุกที ไม่นานสาวสวยร่างระหงก็เปิดประตูเข้ามานั่งด้านใน
“ผัวมารับจะทำหน้าให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง”
“เลิกพูดจาหาเรื่องได้ไหมเว เมื่อเช้ายังพูดกันดี ๆ อยู่เลย”
“แล้วทำตัวให้มันดี ๆ กว่านี้ไม่ได้หรือไง พอเห็นฉันดีด้วยหน่อยก็ดื้อขึ้นมาเลยนะ”
ริมฝีปากของคนตัวเล็กเม้มเข้าหากันจนสนิทเพราะไม่อยากจะเถียงต่อให้มีปัญหาไปมากกว่านี้ ปล่อยให้เขาพูดไปคนเดียวเดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเอง
“เดี๋ยวไปซื้อของเสร็จ แวะกินข้าวแล้วค่อยกลับคอนโดนะ ตกลงหรือเปล่า” เวคาถามขึ้นอีกครั้ง และมันเป็นคำถามที่เขามีคำตอบในใจอยู่แล้ว ไม่ได้ให้เธอตัดสินใจแต่อย่างใด
“แล้วเชอร์ไม่ตกลงได้หรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ได้”
“ถ้างั้นเวจะถามทำไม”
ใบหน้าสวยเบนมองไปด้านนอกตัวรถ ต่อปากต่อคำกับเขาไปก็เท่านั้น เพราะยังไงผู้ชายคนนี้ก็เอาแต่ใจตัวเองอยู่แล้ว
ส่วนเขาเมื่อเห็นอาการของเธอก็แอบยิ้มเล็ก ๆ อยู่คนเดียว มันมีความสุขจริง ๆ นะเวลาที่มีเชอร์รีลอยู่ข้าง ๆ แม้ว่าสถานะการณ์ระหว่างเขากับเธอในตอนนี้มันจะดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าการไม่มีอีกฝ่ายอยู่ในชีวิตเลย
เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ก็คงต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากที่ใช้จุดอ่อนของเธอมาบีบบังคับ แต่ก็เพราะมันไม่มีทางเลือก เชอร์รีลรักผู้เป็นพ่อมากเพราะเหลือกันแค่สองคนพ่อลูก ส่วนแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอยังเด็ก
แต่นายชลิตนั่นต่างหากที่เห็นแก่ตัวมากที่สุด ใช้อคติของตัวเองมาบีบบังคับลูกสาวเพียงคนเดียวให้เลิกกับเขา ใครจะยอมก็ช่างแต่คนอย่างเวคาไม่มีทางยอมอยู่แล้ว
อีกไม่นานเรื่องที่ให้ลูกน้องจัดการก็จะเสร็จเรียบร้อย บริษัทของนายชลิตก็จะมาอยู่ใต้การดูแลของ PN กรุ๊ป ถึงตอนนั้น ความสัมพันธ์ของเขาและเธอคงดีขึ้นกว่านี้
///////////////////////////////////////////////////////