ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความกังวลใจที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวินาที มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย ส่วนอีกข้างก็กดโทรศัพท์หาเชอร์รีลไปด้วย
‘ไม่รับ’ ไม่ว่าจะโทรไปกี่สายเธอก็ไม่รับ มันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ต่อให้ช่วงนี้จะทะเลาะกันแค่ไหนแต่เธอไม่เคยที่จะไม่รับโทรศัพท์แม้แต่ครั้งเดียว เวคาเริ่มกระวนกระวายใจจนทำอะไรไม่ถูก อยากจะถึงคอนโดตอนนี้ เวลานี้เลยยิ่งดีถ้าเป็นไปได้ และกว่าหนึ่งชั่วโมงรถก็เข้าจอดในที่จอดของคอนโด
ร่างสูงก้าวลงจากรถแล้วเดินอย่างเร่งรีบเพื่อจะไปถึงห้องของตัวเองให้เร็วที่สุด ในใจตอนนี้ได้แต่ภาวนะให้เชอร์รีลนอนหลับอยู่ในห้อง
“เชอร์...” เขาเรียกชื่อคนที่ควรจะนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น นี่ก็ยังไม่ดึกเท่าไหร่ ปกติเชอร์รีลจะไม่นอนเร็วขนาดนี้ อีกทั้งไฟในห้องนั่งเล่นก็ไม่เปิดไว้อีก
ความกังวลใจเพิ่มระดับมากขึ้นเมื่อทุกอย่างภายในห้องดูจะผิดปกติ แต่เวคาก็นึกอะไรบางอย่างออก
“หรือจะนอนอยู่ในห้อง?” สองเท้ารีบก้าวเดินไปยังห้องนอน พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นไฟเปิดสว่างอยู่และมีร่างเล็กของคนที่เขาเป็นห่วงนอนอยู่บนเตียง
“เชอร์...เป็นอะไรโทรมาตั้งหลายสาย” เสียงทุ้มถามออกไปอย่างนุ่มนวลด้วยความโล่งใจ ที่อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่ในห้องไม่ได้เป็นอันตรายอยู่ข้างนอก
“โกรธอะไร โกรธที่ไม่รับโทรศัพท์เหรอ แล้วโทรกลับทำไมไม่รับ” เขาเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบพร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงนอน ฝ่ามือหนาเอื้อมไปจับคนตัวเล็กที่นอนหันหลังเพื่อจะให้เธอหันมาคุยกัน
“เชอร์!”
เพียงแค่ฝ่ามือสัมผัสโดนผิวเนียน เวคาก็ต้องรีบชักมือกลับด้วยความตกใจ เชอร์รีลตัวร้อนมาก ร้อนอย่างกับไฟ เมื่อตั้งสติได้เขาก็รีบพลิกตัวเธอกลับมาให้นอนหงายแล้วใช้ฝ่ามือแตะไปที่หน้าผากมนเพื่อเช็กดูให้แน่ใจ
“เชอร์ เชอร์” ฝ่ามือตบลงเบา ๆ บนแก้มที่เคยขาวนวล แต่ตอนนี้กลับแดงก่ำเพราะพิษไข้ เธอไม่ได้สติ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะไข้สูงจนเกินไป
ตอนนั้น ตอนที่เธอโทรมาหาหลายสายน่าจะเป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวจริง ๆ แต่เขาดันไม่รับโทรศัพท์ มัวแต่สนุกอยู่กับเพื่อนและผู้หญิงคนอื่น
‘ผู้หญิงคนอื่น’ ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกผิด ทั้งที่เป็นคนบังคับให้เธอมาอยู่ที่นี่ด้วยแต่กลับไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้เป็นไข้สูงจนไม่ได้สติแบบนี้
“เดี๋ยวเวเช็ดตัวให้นะเชอร์” ผู้ชายตัวโตเอ่ยบอกเสียงสั่นแล้วรีบไปเตรียมอ่างน้ำกับผ้าขนหนูเพื่อจะได้รีบมาเช็ดตัวให้เธอ
ชุดนอนที่คนตัวเล็กสวมอยู่ถูกถอดออกจนหมดเพื่อให้เช็ดตัวได้ง่าย ๆ เขาเช็ดให้ทุกซอกทุกมุมและจุดสำคัญที่จะช่วยลดไข้ เสร็จเรียบร้อยก็ใส่เสื้อผ้าให้อย่างเดิม
สายตาคมกวาดมองไปรอบห้อง ไม่เห็นร่องรอยว่าเธอจะกินยาแล้วแม้แต่นิดเดียว ‘ไม่มียา’ ลืมไปเลยว่าห้องของเขาไม่มีแม้กระทั่งยาพาราเซตามอล ปกติถ้าป่วยหรือไม่สบายก็จะมีลูกน้องซื้อมาให้
“เดี๋ยวเวลงไปซื้อข้าวต้มร้านป้าแล้วก็แวะซื้อยามาให้ เชอร์รอหน่อยนะ เวไปไม่นานหรอก” เขากระซิบพูดแผ่วเบาข้างใบหูของคนที่นอนอยู่บนเตียง แล้วก็รีบลุกขึ้นออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีเวคาก็กลับมา ในมือมีข้าวต้มและอาหารสำหรับคนป่วยอีกหลายอย่าง รวมถึงยาสามัญประจำบ้านที่คิดว่ามันจำเป็นเขาก็ซื้อมาตุนเอาไว้ทั้งหมด เผื่อเธอเกิดป่วยอีกคราวหน้าจะได้กินยาทันที
ตอนนี้เชอร์รีลตัวร้อนมาก ยังไงก็คงต้องให้กินยาก่อน แต่เธอแทบจะไม่ได้สตินี่สิ
“เชอร์ ลุกขึ้นกินยาไหวไหม” เขาก้มลงไปกระซิบถาม ตอนนี้ใบหน้าของเธอส่ายไปมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เวคามองยาแก้ไข้ที่อยู่ในมือสลับกับคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงไปมา แล้วเขาก็ตัดสินใจลุกเดินออกจากห้องไปในครัว
ยาเม็ดถูกบดลงในถ้วยใบเล็กจนละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเขาก็ถือถ้วยใบนั้นกลับเข้ามาในห้องนอน
“เชอร์ เดี๋ยวเวป้อนนะ มันจะขมหน่อยเพราะเวต้องบดยาผสมน้ำ เชอร์อดทนหน่อยนะ”
พูดจบก็ค่อย ๆ ประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นโดยที่อยู่ในอ้อมกอดของวงแขนแกร่ง เวคายกถ้วยยาที่ผสมน้ำเอาไว้แล้วเข้าปากของเขา ก่อนที่จะโน้มใบหน้าประกบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของเธอ
ยาขม ๆ ถูกป้อนผ่านปากของเขาอยู่สามรอบจนหมดตามด้วยน้ำอีกสองรอบ ถึงได้ปล่อยให้เชอร์รีลนอนลงบนที่นอนอีกครั้ง
“เวขอโทษนะที่ปล่อยเชอร์ไว้คนเดียว ทีหลังเวจะไม่ทำอีกแล้ว หายไว ๆ นะเชอร์” ริมฝีปากหยักกดลงบนหน้าผากมน จัดการห่มผ้าให้เธอจนเรียบร้อย แล้วจึงปล่อยให้คนตัวเล็กได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่
ผ้าขนหนูชุบน้ำถูกพับแล้ววางเอาไว้บนหน้าผากของเธอเพื่อช่วยลดไข้อีกทาง จัดการทุกอย่างเสร็จเวคาก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็มาเอนตัวอยู่ข้าง ๆ คนป่วย
เขาไม่กล้าปิดเปลือกตาลงเลยแม้สักวินาทีเดียว กลัวว่าถ้าเชอร์รีลไข้ขึ้นสูงอีกแล้วตัวเองจะไม่รู้สึกตัว ฝ่ามือหนาวางลงบนเส้นผมสลวยลูบไปมาอย่างอ่อนโยน
แต่ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันแถมยังไปดื่มเหล้ามาอีก จากที่คิดว่าจะนั่งเฝ้าเธอจนกว่าจะตื่น กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่เอนหลังพิงกับหัวเตียงเปลือกตาคมก็ปิดลงจนหลับสนิทภายในเวลาไม่นาน
/////
“เว...”
เสียงเรียกเพียงเบา ๆ แต่มันก็สามารถทำให้ผู้ชายตัวโตที่หลับอยู่ในท่าพิงหัวเตียงสะดุ้งตื่น และเมื่อหันไปมองตามเสียงที่เรียกก็เห็นเชอร์รีลกำลังหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง
“เชอร์ ค่อย ๆ ลุก เดี๋ยวเวช่วย” คำพูดของเขาทำเอาใบหน้าของอีกฝ่ายเงยขึ้นมองอย่างไม่อยากจะเชื่อหูนัก
“ทำไมวันนี้พูดดีจัง” คนตัวเล็กที่เพิ่งสร่างไข้ถามออกมาด้วยความสงสัย หัวคิ้วย่นเข้าหากันมองหน้าเขาราวกับกำลังค้นหาคำตอบ
“แปลกเหรอ เมื่อก่อนเวก็พูดแบบนี้กับเชอร์ไม่ใช่หรือไง ทำเป็นลืม”
ใช่...เมื่อก่อนเขาก็พูดแบบนี้แหละ แต่ว่า ตั้งแต่สองคนทะเลาะกันเรื่องพ่อของเธอ เวคาก็ไม่เคยพูดดี ๆ แบบนี้อีกเลย
“หิวข้าวไหม เวซื้อของกินมาให้เต็มตู้เย็นเลย ไม่รู้ว่าเชอร์อยากกินอะไรก็เลยซื้อมาเกือบทุกอย่างที่คิดว่าคนป่วยจะกินได้น่ะ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน น้ำเสียงที่เธอสุดแสนจะคิดถึง
“หิว หิวมากด้วย” คนตัวเล็กตอบกลับเสียงแผ่วพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเองไปมา
“ถ้างั้นเวพาเชอร์ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ แล้วค่อยอุ่นของกินให้”
“อื้ม...”
อาการไข้ลดลงมากแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนเวคาคงป้อนยาให้ เพราะเมื่อก่อนเวลาที่เธอเป็นไข้เขาก็ทำแบบนี้ประจำ คอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ ไม่เคยห่างเลย
สองคนยืนข้างกันหน้ากระจกในห้องน้ำ เธอกำลังแปรงฟันและเขาเองก็เช่นกัน โดยวงแขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรั้งเอวคอดเอาไว้เพื่อช่วยประคองเผื่อจะเกิดหน้ามืดขึ้นมากะทันหัน
มันเป็นสิ่งที่เคยทำเป็นประจำก่อนที่จะทะเลาะกัน จำได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมีความสุขมากเลย
“เวขอโทษนะเชอร์” แปรงฟังเสร็จเวคาก็โอบกอดเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง ปลายคางเกยลงบนลาดไหล่เล็ก สายตาคมจ้องมองเธอผ่านกระจกบานใหญ่
“เวขอโทษเชอร์ทำไม”
“ขอโทษที่เมื่อคืนเวปล่อยให้เชอร์อยู่คนเดียว ขอโทษที่เมื่อคืนเวไม่รับโทรศัพท์ จนเชอร์ไข้สูงขนาดนั้น”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มบางเบาให้ผู้ชายตัวโตผ่านกระจก “ไม่ต้องขอโทษหรอก เวไปเที่ยวกับเพื่อนนี่ ไม่ได้ตั้งใจทิ้งเชอร์ไว้คนเดียวสักหน่อย”
แล้วความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาในความรู้สึกอีกครั้ง หากเมื่อคืนเขาหยุดตัวเองไม่ทัน หากเมื่อคืนปล่อยให้อารมณ์มันเตลิดมากกว่านั้น เชอร์รีลอาจจะไข้ขึ้นสูงจนช็อก และเขาก็คงไม่สามารถมองหน้าเธอได้อีกต่อไป
“เวจะไม่ทิ้งเชอร์ไว้คนเดียวอีกแล้ว สัญญา”
///////////////////////////////////////////////////////