บทที่ 8 ไปทางไหนก็มีแต่ความหลังของกันและกัน (2)

3013 คำ
บทที่ 8 ไปทางไหนก็มีแต่ความหลังของกันและกัน (2) ด้านเกวลินกว่าจะมาถึงห้องพักก็เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง และก่อนที่จะเดินเข้าบ้าน เธอได้ซื้อของกินติดมือไปฝากเพื่อนด้วย เมื่อมาถึงห้อง เกวลินกำลังจะยกมือเกาะประตูห้อง เธอก็ต้องหยุดชะงักมือไว้ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด่ากันอยู่ข้างในห้อง “เมื่อไรเพื่อนเธอจะออกไปอยู่ที่อื่นสักที” แฟนส้มถามเสียงดัง “ให้เวลาเกวเขาหน่อยนะพี่ ตอนนี้เกวก็หางานทำ ถ้าเขาได้งานแล้วก็คงจะหาห้องเช่าต่อนะจ๊ะ” ส้มแก้ตัวแทนเพื่อน “นี่จะสามอาทิตย์แล้วนะ เพื่อนเธอจะมาอยู่กับเราฟรีๆไม่ได้นะ” แฟนส้มยังไม่หยุดพูด เมื่อแฟนตะโกนเสียงดังใส่ ส้มจึงห้ามแฟนว่า “พี่พูดเบาๆสิ เกรงใจห้องข้างๆบ้างสิจ๊ะ..” “พี่ให้เธอเลือกระหว่างพี่กับเพื่อนของเธอ” แฟนส้มให้ส้มเลือก “พี่ ทำไมฉันต้องเลือกด้วยจ๊ะ” ส้มถาม “ถ้าเพื่อนเธอยังอยู่ที่นี่ พี่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นเอง” แฟนของส้มบังคับส้มทางอ้อมให้เธอไล่เกวลินออกจากห้อง “พี่” ส้มก็ไม่รู้จะเลือกใคร นี่ก็ผัว นั้นก็เพื่อน ซึ่งเกวลินเคยมีบุญคุณกับเธอมาก เมื่อหลายปีก่อนส้มก็เคยตกงาน และเป็นเกวลินเพื่อนแสนดีมากสำหรับเธอ และที่เธอได้ทำงานขายของที่ซูปเปอร์มาร์เก็ตมีเงินเดือนเป็นหมื่นก็เพราะ เกวลินบอกให้เตชินท์รับเธอเข้าทำงาน “เลือกเอาระหว่างพี่กับเพื่อนของเธอ” แฟนส้มยื่นคำขาดให้ส้มเลือกอีกครั้ง “พี่อย่าไปเลย” ส้มเมื่อเห็นแฟนเดินไปเก็บข้าวของ เธอก็บอกแฟนว่า “เดี๋ยวถ้าเกวกลับมาแล้วฉันจะบอกให้เธอออกไปอยู่ที่อื่นเองจ๊ะ..” “ต้องออกไปคืนนี้เลยนะ พี่ไม่อยากทำงานหาเงินมาเลี้ยงเพื่อนของเธอ ลำพังเธอคนเดียวพี่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดอยู่แล้ว” แฟนส้มกำชับเสียงดัง “จ๊ะพะ..” ส้มไม่ทันได้รับปากแฟนอย่างเต็มคำว่า ‘จ๊ะพี่’ เธอก็ต้องหยุดพูดและหันไปมองประตู เมื่อเสียงประตูห้องดังแทรกขึ้น ก๊อกกก!!.. เสียงเคาะประตูห้องทำให้ส้มและแฟนหยุดทะเลาะกัน ซึ่งส้มเดินไปยืนแนบหูติดบานประตู และก่อนที่เธอจะเปิดประตู เธอได้หันไปมองแฟน ซึ่งแฟนเธอเดินออกไปยืนดูดบุหรี่อยู่นอกระเบียง ส้มเปิดประตูห้อง และเห็นว่าเป็นเกวลิน เธอก็ตกใจมากจึงถามเพื่อนเสียงสั่นเครือว่า “เกว ธะ..” แต่เธอก็ไม่ทันได้ถามจบประโยคว่า ‘เธอมานานแล้วเหรอ แล้วเมื่อกี้นี้เธอได้ยินอะไรไหม’ เสียงของเกวลินก็พูดแทรกขึ้นว่า “ส้ม เราได้งานแล้วนะ” เกวลินทำท่าทางดีอกดีใจ ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแต่ข้างในใจกลับเสียใจและน้อยใจในโชคชะตาชีวิตอันแสนหดหู่ “จริงเหรอ” ส้มถามเพื่อน พลางเหลือบตามองแฟนที่ยังยืนดูดบุหรี่อยู่นอกระเบียง ซึ่งเธอกลัวแฟนจะเข้ามาต่อว่าเกวลินมาก “..” เกวลินไม่ตอบ แต่เธอพยักหน้าและยิ้มหวานให้เพื่อน เพื่อยืนยันว่า เธอไม่ได้พูดโกหก “ได้งานอะไรเหรอ” ส้มถาม “เป็นแม่บ้านจ๊ะ กินอยู่กับเขาเลย” เกวลินพูดไม่จริง “เราดีใจด้วยนะเกว” ส้มบอกเพื่อนอย่างจริงใจ “นี่กับข้าวเราซื้อมาฝากเธอกับพี่เทพนะ” เกวลินเอาถุงอาหารหลายอย่างที่ซื้อมาจากปากซอยให้เพื่อน “ขอบใจนะ ไปงั้นไปกินข้าวกัน เราก็เพิ่งทำผัดไข่ใส่วุ้นเส้นไว้รอกินพร้อมเธออยู่พอดีเลย” ส้มรับถุงอาหารมาถือไว้ แล้วชวนเพื่อนไปกินข้าว “เธอกินก่อนเลย เรายังไม่หิว และอีกอย่างเราจะรีบเข้าไปเก็บของ” เมื่อสักครู่นี้เกวลินหิวข้าวจนใส้จะขาด แต่พอมาได้ยินเพื่อนกับแฟนทะเลาะกันเรื่องของเธอ ก็เลยทำให้ท้องใส้ของเธอตีบตันความหิวก็หดหายไม่อยากกินอะไรขึ้นมาดื้อๆ “เธอจะไปตอนกลางคืนนี้เลยเหรอ” ส้มวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะพับญี่ปุ่น แล้วเดินตามเพื่อนเข้าไปในห้อง “ก็ใช่นะสิ นี่คุณนายให้เรามาเก็บของและเข้าไปอยู่ที่บ้านของคุณนายได้เลย” เกวลินบอกเพื่อนพลางเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าผิดๆถูกๆ เพราะในตอนนี้เธอก็ไม่รู้จะพาลูกในท้องไปพักอาศัยอยู่ที่ไหน “เราว่าไปพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าเหรอเกว” ซึ่งเป็นส้มเองที่ช่วยเพื่อนเก็บของใช้ต่างๆใส่ในกระเป๋า “ถ้าเราไปพรุ่งนี้ เกิดคุณนายเปลี่ยนใจไม่ยอมให้เราทำงานขึ้นมา เราซวยแย่เลยนะ” เกวลินบอกเพื่อนพร้อมทั้งปิดกระเป๋า “งั้นกินข้าวก่อนไหมค่อยไป” ส้มช่วยเพื่อนลากกระเป๋าออกจากห้อง เห็นแฟนนั่งกินข้าวที่เกวลินซื้อมา เธอจึงชวนเพื่อนให้กินข้าวก่อนไป “ส้ม พี่เทพ ฉันขอบใจมากนะที่ให้ฉันพักอยู่ด้วย ฉันจะไม่ลืมบุญคุณพี่เทพกับส้มเลยนะ” เกวลินมองส้ม แล้วหันไปยกมือไหว้ขอบคุณแฟนของส้ม “ฮื้อ” แฟนของส้มทำเพียงพยักหน้ารับฟัง และตั้งหน้าตั้งตากินข้าวที่ เกวลินซื้อมา “เราไปนะส้ม” ท่าทีไม่เป็นมิตรของชายหนุ่ม ทำให้เกวลินหันมายิ้มให้ส้ม แล้วลากกระเป๋าเดินไปใส่รองเท้าตรงประตูห้อง “ถึงบ้านคุณนายแล้วโทรหาเราด้วยนะเกว” ส้มบอกเพื่อน และก่อนที่จะประตูห้องให้กว้าง เธอก็เข้าไปกอดเพื่อนไว้หลวมๆ “จ้า ถ้าเราถึงบ้านคุณนายแล้วเราจะรีบโทรหาส้มนะ” เกวลินออกไปยืนนอกห้อง เธอแกล้งยิ้มมีความสุขมากให้ส้มเห็น แล้วพยักหน้าให้เพื่อนรีบเข้าไปในห้อง.. แกร็กก!!..เมื่อเพื่อนปิดประตูห้องลง เกวลินที่ยืนยิ้มทำหน้าชื่นมื่นแต่ข้างในอกกลับตรอมตรมกลัดหนอง เกวลินไม่มีแรงหายใจเธอก็ยังต้องหายใจทางปาก ร่างกายอ่อนปวกเปียกทรุดฮวบลงไปนั่งบนพื้น เธอนั่งชันเข่าสอง ข้างหลังพิงประตูกลั้นเสียงร้องไห้จนหน้าตาแดงช้ำ “ยายจ๋าช่วยเกวด้วย” ถึงยายจะจากไปนานแล้ว แต่เกวลินก็ยังคิดถึงและถวิลหายายเจียม ซึ่งยายเจียมยังเป็นที่พึ่งของเธอเสมอยามเธอทุกข์ใจไม่มีใคร “เราไปหาทวดกันนะลูกแม่” เกวลินบอกลูกในท้องเสียงสั่นเครือ มือไม้ก็สั่นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มสองข้างอย่างลวกๆ แล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน เธอลากกระเป๋าพะรุงพะรังเดินออกจากซอยบ้านของส้มมายืนเคว้งอยู่หน้าปากซอย ซึ่งหน้าปากซอยเมื่อครู่ตอนเธอมาถึงยังมีร้านค้าและผู้คนเดินหาซื้อของกิน แต่ในตอนนี้ร้านค้าทุกร้านปิดเงียบมืดสลัวน่ากลัวมาก ไม่รู้นานกี่สิบนาทีแล้วที่เกวลินเดินลากกระเป๋ากลับไปกลับมาอยู่หน้าปากซอย มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเม็ดฝนตกลงมาใส่หน้า “ทะ ทำไมต้องมาตกเอาตอนนี้ด้วยนะ” เกวลินเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดมิด แล้วหลับตาปี้เมื่อด้านบนฟ้ามีแสงแลบฟ้าฝ่าเสียงดัง ‘เปรี้ยงปั้ง!..’ ความหวาดกลัวเสียงฟ้าร้องผสมความมืดอึมครึมทำให้เกวลินลากกระเป๋าวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง แล้วเดินอย่างรีบเร่งโดยไม่ทันมองว่ามีกลุ่มวัยรุ่นนั่งสุมหัวกันอยู่ในกระต๊อบข้างทาง และเมื่อเกวลินก้าวเข้าไปยืนอยู่ในกระต๊อบ เธอก็ตกใจมากจะถอยหลังเดินย้อนกลับไปยังที่เดิม แต่ฟ้าฝนที่ไม่เคยเข้าข้างเธอก็เทลงมาอย่างหนัก “มานั่งกับพวกเราสิเจ้ นั่งตรงนั้นเดี๋ยวก็เปียกฝนหรอก” ไอ้วัยรุ่นสามคนเงยหน้าจากสิ่งมึนเมา แล้วหันไปมองหญิงสาว ซึ่งมันพร้อมใจกันเรียกเธอให้มานั่งกับพวกมัน “ขอบใจมาก แต่ไม่เป็นไร ฉันนั่งตรงนี้ก็ได้” เกวลินเดินถอยหลังไปนั่งหมิ่นตรงมุมม้านั่ง ซึ่งเธอคิดว่าอยู่ไกลไอ้พวกเด็กหนุ่มวัยรุ่นแน่แล้ว “เจ้จะไปไหนเหรอ ทำไมมีกระเป๋าหลายใบจัง ให้ผมช่วยไหม” ไอ้วัยรุ่นคนแรกลุกขึ้นเดินไปยืนมองกระเป๋าลากแล้วมองสำรวจใบหน้าของเกวลิน “..” เกวลินเงียบไม่ยอมพูด เธอกลัวพวกเด็กวัยรุ่นมาก แต่ก็ทำใจกล้ามองหน้าไอ้วัยรุ่น ซึ่งมันใช้เท้าเขี่ยกระเป๋าของเธอ “ถามไม่ตอบแสดงว่าให้พวกผมช่วยแน่ๆ เอ้ย! มึงเอากระเป๋าเจ้คนสวยนี้ไปเปิดดูสิว่าข้างในมีอะไรบ้าง” ไอ้วัยรุ่นคนแรกมันตะโกนบอกเพื่อนของมัน “เอากระเป๋าของฉันคืนมานะ แล้วพวกนายก็ถอยออกไปอย่ามายุ่งกับฉัน ถ้าไม่เชื่อฉันจะตะโกนให้คนมาช่วย!”เกวลินเดินเข้าไปจะเอากระเป๋า แต่ก็ถูก ไอ้วัยรุ่นคนแรกดักหน้าไว้ “ฮ่าๆๆๆ นี่พวกมึง มึงได้ยินไหมอีเจ้นี้พูดไหม มันจะตะโกนให้คนมาช่วยมันว่ะ” ไอ้วัยรุ่นคนแรกมันหัวเราะเยาะ พร้อมทั้งเดินต้อนให้เกวลินจนมุมหลังของเธอชนเสากระต๊อบ “ในกระเป๋าไม่มีอะไรเลยมีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ ยังกับเศษผ้าขี้ริ้ว” ไอ้วัยรุ่นคนที่สองมันบอกพร้อมทั้งหยิบข้าวของในกระเป๋าโยนใส่หน้าเพื่อนของมัน พลางเตะกระเป๋าทิ้งด้วย “อันนี้ก็ไม่มีของมีค่าสักชิ้น” ไอ้คนที่สามชูกรอบรูปให้เพื่อนดู “เอารูปของฉันคืนมานะ” เมื่อเห็นไอ้วัยรุ่นคนที่สามมันจะโยนรูปของยายเจียมทิ้ง เกวลินก็ร้องห้ามเสียงดัง “อยากได้เหรอ มาเอาเองสิ” ไอ้คนที่สามชูรูปให้ดูแล้วทำท่าจะโยนทิ้ง จึงเป็นเหตุให้เกวลินผลักให้ไอ้คนแรกให้หลีกทาง “ว่าไปอีเจ้นี่หน้าตาก็สวยดีนะ หุ่นแม่งน่าเอาจังวะ กูเริ่มอยากเอาอีเจ้นี้แล้ววะ” ไอ้คนแรกถูกผลักจนเซถอยหลัง แต่มันไม่สะทกสะท้าน มันยังยืนจังก้า ดวงตาแดงก่ำเพราะพิษยาเสพติดมองแผ่นหลังของเกวลินอย่างหื่นกระหายหิว “กูก็อยากว่ะ” ไอ้คนที่สองตาลุกวาวมองเกวลินตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงเส้นผมยาวที่เธอมัดเป็นหางม้า “กูด้วย” ไอ้คนที่สามแกล้งโยนรูปทิ้ง แล้วมันก็ทำร้ายเกวลินโดยการผลักเธออย่างแรง “ว้ายย!! ยะ ยายจ๋า” เกวลินร้องกรี๊ดเมื่อล้มไปกองบนพื้น พลางคลานไปตามพื้นหยิบเอารูปของยายเจียมมากอดไว้อย่างหวงแหนรักใคร่ “มึงช่วยจับอีเจ้นี้ไว้สิวะ เดี๋ยวกูจะทดสอบก่อน แล้วพวกมึงค่อยต่อแถวจากกูล่ะกัน” ไอ้วัยรุ่นคนแรกมันสั่งเพื่อนของมัน พร้อมปลดเข็มขัดกางเกง “กรี๊ดดด!! ปล่อย! อย่าทำอะไรฉันนะ” เกวลินร้องกรี๊ดเมื่อถูกจับให้นอนหงาย เธอดิ้นขัดขืนสู้ตายเมื่อไอ้คนแรกเข้ามานั่งคร่อม มือของมันจับเท้าสองข้างของเธอให้แยกออกจากกัน “โอ๊ย! นี่เจ้เห็นตัวเล็กแค่นี้ฤทธิ์เยอะเหมือนกันนะ ได้! ชอบให้ใช้กำลังเหรอ กูจัดให้” ไอ้วัยรุ่นคนแรกร้องโอดควรญเมื่อถูกเกวลินใช้กรอบรูปตีหัวและถีบมันจนล้มหงายหลัง ซึ่งมันโมโหมากจึงสั่งให้เพื่อนช่วยจับแขนของเธอขึงไว้ แล้วมันก็ลงมือทำร้ายใช้ฝ่ามือหยาบกร้านตบใบหน้าของเกวลิน “เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!..” “กรี๊ดดด!!! ช่วยด้วย ฮืออ ชะ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” เกวลินถูก ไอ้คนแรกตบหน้า เธอร้องกรี๊ดๆจนเสียงแหบเสียงแห้งและฮึดสู้ออกแรงใช้เท้าเตะถีบไอ้วัยรุ่นทั้งสาม และเมื่อหลุดพ้นจากไอ้คนทั้งสาม เธอก็ลุกขึ้น และก่อนที่จะวิ่งหนีไม่คิดชีวิตนั้นเธอก็ไม่ลืมรูปของยายเจียม “เฮ้ย! อีเจ้มันวิ่งข้ามถนนไปฝั่งโน้นแล้ว ตามมันไปสิวะ!” ไอ้คนแรกมันตะโกนบอกเพื่อนๆ ซึ่งพวกมันต่างก็วิ่งตามหญิงสาว เกวลินจะวิ่งไปฝั่งตรงข้าม แต่เมื่อเห็นไอ้วัยรุ่นคนที่สองและสามมันวิ่งไปดักหน้าอยู่แล้ว เธอจึงหยุดชะงักอยู่กลางถนน มองไปด้านหลังไอ้คนแรกก็ยืนจังก้าแสยะยิ้มให้เธอน่ากลัวมาก “ยายจ๋า ช่วยเกวด้วย ฮืออ” เกวลินมองภาพของยายเจียมในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองแสงไฟรถที่ขับอย่างเร็วมุ่งหน้ามาหาเธอ เกวลินร้องไห้เสียงสะอื้นแข่งกับเสียงฟ้าร้อง แขนสองข้างโอบกอดท้องแบนราบไว้ เรียวปากช้ำเพราะถูกตบจนเลือดไหลซิบขยับพูดกับตัวเองและลูกในท้องว่า “ลูกแม่เราไปหาทวดกันนะจ๊ะ..” และก่อนที่คนหมดสิ้นทุกอย่างจะทรุดลงไปนอนบนถนนที่เจิ่งไปด้วยน้ำฝนนั้น ภาพสวยหรูในอดีตคำมั่นสัญญาของเขาที่ให้ไว้กับเธอ ความรักของเขาที่มอบให้เธอมันฉายขึ้นในสมองเพื่อเป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย แต่ไม่นานภาพนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป.. รถเก๋งสีเทาวิ่งมาด้วยความเร็วแข่งกับสายน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟ้าไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งคนขับที่กำลังคุยโทรศัพท์นั้นต้องบีบแตร พร้อมทั้งหักพวงมาลัยเข้าเบียดกับฟุตบาท ปรี๊นน!! เอี๊ยดดด!! โครมมม!!..เสียงโครมครามดังจนทำให้คนในสายโทรศัพท์ตะโกนถามว่า “โทนี่! นั้นเสียงอะไร เหมือนคุณเกิดอุบัติเหตุนะ..” “ซะ ไซนัส ผะ ผมคิดว่า ผมขับรถชนคน” โทนี่ตอบคนในสาย พลางหันไปมองข้างทางที่เขาหักหัวรถพุ่งชนขอบฟุตบาท ถ้าไม่ทำแบบนี้ เขาอาจชนใครบางคนที่จงใจยืนให้รถชนเป็นแน่ “อะไรนะ คุณขับรถชนคน แล้วคุณเป็นอะไรมากไหม แล้วคุณอยู่ไหน” ด้านไซนัสเผลอตัวร้องหวีดว้าดเหมือนผู้หญิงถามโทนี่ยาวเป็นหางว่าว “ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ไหน ผมหลงทางนะ นี่ข้างนอกฝนก็ตกด้วย ถนนแถวนี้ดูเปลี่ยวมากเลย” โทนี่พูดกับคนในมือถือพร้อมเปิดประตูรถ เขาก้าวลงจากรถยืนจังก้าหันไปมองเด็กวัยรุ่นสามคน ซึ่งพวกมันกลัวความผิดก็ร้องเอะอะโวยวายและพากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง แต่นั่นไม่ใช่จุดสำคัญสำหรับเขา โทนี่มองร่างบอบบางที่นอนหมดสติอยู่กลางถนน เขาเดินเข้าไปหาแล้วย่อตัวนั่งลง มือหนาจับให้เธอนอนหงาย ไซนัสไม่ยอมวางสาย และเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มเงียบไป ซึ่งได้ยินแต่เสียงฝนตก จึงทำให้เขาพูดกับโทนี่ว่า “โทนี่คุณโอเคไหม ผมยังอยู่กับคุณนะ พูดกับผมสิ..” “เฮ้ย! คะ คุณ!” โทนี่อุทานเสียงดังมาก เมื่อเห็นหน้าของหญิงสาว “โทนี่มีอะไร เกิดอะไรขึ้น” ไซนัสถาม “ไซนัส ผมเจอเธอคนนั้นแล้ว เธอถูกทำร้าย” โทนี่บอกคนในสายพลางยื่นมือหยิบเส้นผมออกจากพวงแก้มเขียวช้ำ “คุณเกวลินนะเหรอ” คำถามของไซนัสทำให้ทุกคนที่นั่งปรึกษาเรื่องงาน ต่างเงยหน้ามองไซนัสอย่างสงสัย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเตชินท์ได้ยินด้วย “แค่นี้ก่อนนะไซนัส” โทนี่พูดกับคนในสายโทรศัพท์เขาไม่กล้าที่จะเขย่าหญิงสาวกลัวเธอจะบอบช้ำมากกว่านี้ ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปรอบข้างถนน ไม่มีรถและไม่มีใครเดินผ่านมาสักคน นึกถึงเด็กวัยรุ่นที่วิ่งหนีไปนั่น มันก็ทำให้เขาเดาออกมาทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ “โทนี่เดี๋ยว” ไซนัสเรียกโทนี่ “มีอะไรเหรอ” โทนี่ถามคนในสายโทรศัพท์ ด้านไซนัสถึงจะมีสายตาของพี่สาวและพ่อ แม้แต่พี่เขยจ้องมองอย่างสงสัย ไซนัสก็ไม่ยอมวางสาย เขายังถามโทนี่เสียงเบาว่า “เธอเป็นไงบ้าง..” “ผมคิดว่าเธอแค่สลบ เดี๋ยวผมจะพาเธอไปพักที่ห้อง” โทนี่บอกไซนัส “โอเค งั้นเจอกันที่ห้องพักของคุณนะ” คนมีแผนรีบกำชับบอกให้โทนี่พาเกวลินไปพักที่ห้อง “อื้อ” โทนี่วางสายจากไซนัส แล้วอุ้มคนเจ็บพาไปที่รถ เขาวางคนตัวเบาเหมือนนุ่นให้นอนบนเบาะด้านหลังอย่างเบามือ หยิบเสื้อสูทสีดำของตัวเองห่มให้เธอ “คุณปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว ผมจะพาคุณกลับบ้าน” โทนี่พูดพลางหยิบรูปภาพยับยู่ยี่ในมือของคนไม่มีสติขึ้นมาดู “สงสัยเป็นญาติของคุณสินะ” โทนี่พยักหน้าเบาๆ แล้วเก็บรูปไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วเขาก็ขึ้นรถ ขับรถอย่างระมัดระวังเพราะฝนยังตกไม่หยุด สายตาก็เหลือบมองผ่านกระจกตรงหน้ารถที่มีพวงดอกไม้แขวนอยู่มองร่างที่นอนหมดสติอยู่ข้างหลัง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถูกชะตากับเธอคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม