บทที่ 9
สัญญาซื้อชีวิต
ด้านไซนัสเมื่อวางสายจากโทนี่แล้ว เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะคุยเรื่องงาน จนโอชิคนเป็นพ่อที่นั่งเป็นประธานถามขึ้นว่า
“ใครเป็นอะไรเหรอไซนัส..”
“โทนี่เกิดอุบัติเหตุครับ” ไซนัสหน้าเครียดบอกพ่อ
“อ้าวเหรอ แล้วเป็นไงบ้างไหม” โอชิถาม เพราะเป็นห่วงโทนี่เหมือนกัน
“ผมขอตัวกลับไปนอนที่ห้องนะครับ” ไซนัสไม่ตอบคำถามของพ่อ แต่ชายหนุ่มกลับขอพ่อไปดูอาการของโทนี่
“เอางั้นเหรอลูก” โอชิไม่ห้าม เพราะรู้ดีว่าห้ามไว้ลูกชายสุดดวงใจก็ไม่ยอมฟังแน่
“พรุ่งนี้ผมจะจัดการเรื่องที่คุณพ่อต้องการให้เรียบร้อยนะครับ” ไซนัสบอกพ่อให้เชื่อใจ
“พ่อจะวางมือแล้วกลับไปอยู่ญี่ปุ่น พ่ออยากให้ลูกย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ มาช่วยพี่เขาทำงานนะลูก” โอชิบอกลูกชายคนเดียว
“ถึงผมจะไม่ได้อยู่บ้านนี้ คุณพ่อก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะบริหารงานแทนคุณพ่อให้ดีกว่าใครบางคนแน่นอนครับ” ไซนัสบอกพ่อ พร้อมทั้งเหลือบตามองพี่สาวต่างแม่
“บริหารงานดีกว่าใครบางคนนี่ นายหมายถึงฉันกับคุณชินท์ใช่ไหม” คำพูดกำกวมของน้องชาย ทำให้เจสสิก้าไม่พอใจ
“ผมไม่กล้าว่าพี่สาวคนเก่งของผมหรอกครับ” ไซนัสพูดยียวนกวนประสาทเจสสิก้า
“จ้า ไอ้น้องสะ..” เจสสิก้าก็พูดยั่วโมโหไซนัสว่า ‘ไอ้น้องสาว’ แต่เมื่อเจอสายตาแดงก่ำเหมือนโกรธของไซนัส เธอยิ้มเยาะแล้วหยุดพูด
“ผมกลับก่อนนะครับ” ไซนัสยิ้มมุมปากเมื่อได้สบตาของเจสสิก้า แล้วเขาก็ยกมือไหว้พ่อพร้อมทั้งพี่เขย สามีของพี่สาว
“ไปเถอะ นี่พ่อว่าจะขึ้นห้อง รู้สึกเหนื่อยๆเหมือนกัน” โอชิบอกลูกชายพร้อมทั้งลุกขึ้น เดินเกาะแขนของไซนัสไปยืนตรงบันได
“ชินท์ นั่นคุณจะไปไหนคะ” เจสสิก้ารีบถามเสียงดังเมื่อเห็นเตชินท์ลุกขึ้น เตชินท์ไม่ตอบ แต่เขาชูบุหรี่ให้ภรรยาดู
ซึ่งเขาอยากออกไปข้างนอกเพื่อดักรอถามไซนัสเรื่องที่เขาได้ยินไซนัสอุทานเรียกชื่อเกวลิน ‘เกวลินจะใช่เธอไหมนะ’ เตชินท์ถามตัวเองในใจ
“อะไรของเขานะ” เจสสิก้าสงสัยท่าทีของสามี ทำไมเขาต้องตกใจจนไอสำลักน้ำด้วยนะตอนที่ไอ้น้องชายมันเอ่ยชื่อเกวลิน ‘ใช่เกวลิน นี่มันชื่อผู้หญิงนี่ หรือว่าแฟนไอ้ไซนัสชื่อเกวลิน’ เจสสิก้าถามและตอบคำถามของตัวเองคนเดียวในใจ...
เวลาห้าทุ่มที่เพนท์เฮ้าส์ของโทนี่..ไซนัสเมื่อเข้าไปดูเกวลินในห้องนอน ซึ่งเห็นสภาพของเธอแล้ว เขาก็ตกใจและอดสงสารหญิงสาวขึ้นมาทันที
“คุณไปทำอะไรแถวชานเมือง” เมื่อเดินออกจากห้องนอน ไซนัสก็มานั่งที่เก้าอี้ตรงบาร์เหล้า ถามโทนี่เมื่อเขายื่นแก้ววีสกี้ให้
“ผมก็ขับรถจะไปรับคุณที่บ้านพ่อของคุณนะสิ แต่ทีนี้ผมหลงทางขับออกนอกชานเมืองเฉยเลย” โทนี่บอกไซนัสพลางดื่มน้ำเมาจนหมดแก้ว
“โชคดีของเธอนะที่คุณไปเจอ” ไซนัสพยักหน้างึกๆ ฟังโทนี่เล่าให้ฟังว่า เกวลินถูกชายวัยรุ่นขี้ยารุมทำร้าย
“ใช่ นี่ผมไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผมไม่หลงทางไปทางนั้น จะมีใครช่วยเธอไหม สะ..” โทนี่พูดไม่ทันจบประโยคว่า ‘สภาพของเธอเหมือนจะถูกพวกวัยรุ่นจะรุมโทรมเธอนะ’ เขาก็ต้องหยุดพูดเมื่อมีเสียงร้องกรี๊ดอยู่ในห้อง
“กรี๊ดดด อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว ชะ ช่วยด้วย ฮืออ อยะ อย่า..”
เสียงร้องกรี๊ดๆของเกวลิน ทำให้ไซนัสและโทนี่รีบวางทุกอย่าง ซึ่งเป็นโทนี่เองที่เปิดประตูห้องพยักหน้าให้ไซนัสเดินเข้าไปก่อน
“คุณเกวลิน” ไซนัสนั่งบนขอบเตียง อาการหวาดกลัวกระสับกระส่ายของหญิงสาวทำให้ไซนัสรีบคว้าคนนอนละเมอมากอดปลอบขวัญ
“ปละ ปล่อยฉัน ฉะ ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลย ฮืออ”
เกวลินสติยังอยู่ในห้วงความฝันอันเลวร้าย เธอร้องกรี๊ดๆเมื่อถูกจับ
“คุณเกวลิน ลืมตาสิครับ นี่ผมเองไซนัส” ไซนัสบอกพร้อมทั้งตบหน้าขาวซีดเบาๆเพื่อให้เธอได้รู้สึกตัว เสียงของชายหนุ่มแต่ดัดจริตพูดเหมือนผู้หญิง ถึงจะจำไม่ได้แต่เกวลินก็ลืมตามอง และเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเธอก็อุทานร้องเสียงตกใจว่า “ค คุณ!..”
อาการหวาดกลัวตัวสั่นเหมือนลูกนกตกน้ำของหญิงสาวทำให้ไซนัสรีบบอกว่า “คุณปลอดภัยแล้วนะ..”
“ทะ ที่นี่ที่ไหน ละ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่” เกวลินขยับตัวลุกนั่ง เธอก้มมองตัวเอง แล้วมองไปรอบห้องและวกสายตาหวาดหวั่นมามองชายสองคน
“โทนี่เป็นคนช่วยคุณไว้จากไอ้เด็กเลวนั้น แล้วพาคุณมาอยู่นี่” ไซนัสบอก
“ใช่ครับ นี่เป็นห้องพักของผมแอง คุณเกวลินไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะครับ” โทนี่บอก
“ฉะ ฉันขอบคุณพวกคุณมากนะคะ” เกวลินยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเธอ
“นี่ของคุณไหมครับ” โทนี่ยื่นรูปภาพซึ่งมันยับยู่ยี้ให้หญิงสาว
“ยะ ยาย ฮืออ” เกวลินปล่อยโฮร้องไห้สะอึกสะอื้น เมื่อเห็นภาพของยาย ซึ่งรูปนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ เพราะข้าวของเครื่องใช้แม้แต่กระเป๋าเงินก็ถูกไอ้เด็กนรกขโมยไปจนหมดสิ้น
“คุณเกวลิน” ไซนัสปลอบขวัญโดยการโอบกอด
“ฉัน ฮืออ” เกวลินกอดรูปของยายไว้แน่น ไม่อยากเล่าเรื่องชีวิตบัดซบให้ผู้ชายสองคนนี่ฟัง เธอจึงทำเพียงแค่ร้องไห้ส่ายหน้าไปมา
“ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องพูดนะ เพราะพวกผมก็ไม่อยากรู้เรื่องของคุณหรอก” ไซนัสยังคงกอดเกวลินไว้หลวมๆ ปลอบขวัญเธอ
“ฉันขอบคุณ คุณสองคนมากนะคะที่ช่วยฉัน” เกวลินหยุดร้องไห้ แต่ก็ยังสะอื้นไห้เวลาพูด
“อย่าคิดมากเลยครับ เราสองคนเต็มใจช่วยคุณ” ไซนัสบอก
“ฉันไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของคุณทั้งสองอย่างไรดี” เกวลินเช็ดน้ำตาออกจากแก้มสองข้าง เธอหายใจผสมเสียงสะอื้นบอก พร้อมทั้งมองหน้าของชายหนุ่มทั้งสองสลับกันไปมา
“ผมว่าคุณเกวลินพักผ่อนก่อนนะครับ เรื่องบุญคุณค่อยว่ากันอีกที” คำพูดของเกวลินเข้าทางไซนัสยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ฉันขอบคุณมากนะคะที่จ่ายค่าโรงพยาบาลให้ฉัน” เกวลินเอนหลังนอน พร้อมทั้งเอ่ยคำขอบคุณ
“ไม่เป็นไร เราสองคนอยากช่วยคุณ” ไซนัสบอก
“ทำไมคะ ทำไมคุณถึงอยากช่วยฉัน” เธอถามทั้งที่หลับตา น้ำตาก็ไหลอาบหางตาจนหมอนที่หนุนฉ่ำไปด้วยน้ำตา
“ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากช่วย” ไซนัสเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว
“ฉันไม่มีเงินใช้หนี้คุณหรอกนะ” เกวลินนอนยิ้มทั้งที่ยังหลับตาพูดกับไซนัส
“ผมช่วยเพราะอยากช่วย ไม่ได้หวังอะไรจากคุณ” ไซนัสบอก
“อยากให้ฉันทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนคุณก็บอกฉันได้นะคะ ถ้าคุณอยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกฉันได้นะ ฉันพร้อมที่จะช่วย” เกวลินเช็ดน้ำตาออกจากหางตาแล้วลืมตาขึ้นมองหน้าไซนัสและโทนี่
“นอนพักเถอะครับ ส่วนเรื่องจะตอบแทนอะไรพวกเรานั้นค่อยว่ากันอีกทีนะครับ” ไซนัสห่มผ้าให้หญิงสาว แล้วลุกขึ้นยืน
“ค่ะ” เป็นเพราะเธอเมื่อยล้าทั้งกายและใจ แม้แต่แรงหายใจก็ยังต้องออกแรงหายใจ เกวลินจึงเชื่อฟังชายหนุ่มทั้งสองเอนหลังนอนบนที่นอนหนานุ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาหลับลงทีละน้อยทีละน้อยไปพร้อมกับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ซึ่งมีบางช่วงที่เธอสะอื้นไห้…
ถึงแม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่เตชินท์ก็ยังยืนดูดบุหรี่จมอยู่กับคำพูดของไซนัสเรื่องชื่อ ‘เกวลิน’ เตชินท์นึกย้อนไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้..
“คุณไซนัส” เตชินท์รีบเดินออกจากที่มืดตรงไปหาน้องชายของภรรยา
“อ้าวพี่เขย มีอะไรกับผมเหรอครับ” ไซนัสหยุดเดิน
“แฟนคุณชื่อเกวลินเหรอ” เตชินท์อยากรู้เขาจึงไม่พูดอ้อมค้อม
“พี่เขยถามผมทำไมครับ” ไซนัสถาม
“ชื่อของเธอคล้ายน้องสาวของผมนะ” เตชินท์ปรับสีหน้าเมื่อพูดโกหก
“พี่เขยมีน้องสาวด้วยเหรอครับ” ไซนัสถามเพราะรู้มาว่าเตชินท์เป็นเด็กกำพร้าโตมาจากบ้านเด็กกำพร้า
“น้องของเพื่อนนะ เธอหายออกจากบ้าน” สายตาของไซนัสที่มองจับผิด ทำให้เตชินท์ต้องพูดโกหกอีกครั้ง
“น้องสาวของพี่เขยคงไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ” ไซนัสถาม
“คุณมีรูปของเธอไหม” เตชินท์อยากรู้มาก
“ทำไมพี่เขยถึงอยากเห็นหน้าแฟนผมครับ” ไซนัสกระตุกยิ้ม พลางเอารูปภาพในกระเป๋าให้เตชินท์
“..” เตชินท์ไม่พูดเมื่อเห็นภาพถ่ายของหญิงสาว เขาแอบยิ้มโล่งใจมากที่แฟนของไซนัสไม่ใช่เกวลิน เมียที่เขาไม่เคยลืมว่ายังรักเธออยู่ ถึงแม้เธอจะสวมเขาให้เขาก็ตาม
“ใช่น้องสาวของพี่เขยไหมครับ” ไซนัสแบมือขอรูปภาพเพื่อนสาวประเภทสองจากมือของเตชินท์..
ด้านเจสสิก้าเห็นสามียืนคุยกับน้องชาย เธอก็แปลกใจ และยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเตชินท์ถึงต้องเดินวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น ซึ่งเธอได้ออกไปหาชายหนุ่ม เรียกเขาเสียงดังว่า “ชินท์ค่ะ..”
“..” เงียบไม่มีเสียงตอบจากสามี จึงทำให้เจสสิก้าเดินเข้าไปยืนข้างหลัง พลางยกมือลูบแผ่นหลังกว้างอย่างเบามือ “ชินท์..”
เสียงของเจสสิก้าดังอยู่ข้างหลัง ทำให้เตชินท์ตื่นจากความหลัง และก่อนที่เขาจะหันไปมองเธอนั้น เขาก็ได้ปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ
“คุณเจส” เตชินท์ขานรับ แล้วเข้าไปกอดคอของภรรยาพาเธอเดินเข้าบ้าน
“คุณเป็นอะไรคะ” เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนอน เจสสิก้าก็เดินไปนั่งบนเตียง เห็นสามีเดินมานั่งบนเตียงฝั่งของเขา และชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอน
เจสสิก้าก็ขยับตัวเข้าไปนอนเบียดคนตัวหนา ใบหน้างามเซ็กซี่เกยแผ่นอกแข็งแกร่ง พลางเหลือบตามองปลายคางหนา เมื่อมือน้อยลูบตั้งแต่หน้าท้องเป็นล่อนซอกซอนเข้าไปในกางเกงนอนของเขา สัมผัสความเป็นชายทำให้สามีมีอารมณ์ร่วมกับเธอ
“นอนกันเถอะครับ ผมง่วงแล้ว” เตชินท์นอนหายใจเบาๆ ผงกหัวขึ้นมองสบตาภรรยา แล้วจูบหัวของเธอ เขาไม่มีอารมณ์จริงๆจึงดันให้เธอนอนบนฟูก ส่วนตัวเขาก็รีบขยับตัวนอนหันหลังให้เธอ
“ชินท์ นี่คุณเป็นอะไร ตั้งแต่เราแต่งงานกันมาคุณไม่เคยแตะต้องเจสเลย คุณรังเกียจฉันเหรอคะ” นี่เธอยั่วยวนสามี แต่เขากลับผลักไสเธอ เหมือนเธอเป็นของเน่าเสีย
“คุณเจส ผะ ผม” เสียงสะอื้นไห้ของภรรยา ทำให้เตชินท์ขยับตัวนอนหงาย เขาลูบหน้าชาหนึบ พร้อมกับลุกขึ้นนั่ง
“ฮืออ ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมคุณไม่แตะต้องเจสเลย” เจสสิก้านั่งชันเข่ากอดตัวเองไว้ ถามสามีเสียงสั่นเครือ
“คุณสวยมาก สวยจนผมไม่กล้าแตะต้อง เพราะกลัวคุณจะบอบช้ำไงครับ” เตชินท์อุ้มหน้าสวยให้เงยขึ้น จูบพวงแก้มของเธอเบาๆ แล้วดันให้ภรรยาลงนอนลง คนไม่มีอารมณ์ขึ้นคร่อม ใบหน้าหล่อโน้มหาจูบปากอิ่มอย่างดูดดื่ม สัมผัสเล็กน้อยของเตชินท์ ทำให้เจสสิก้าขนกายลุกซู่ เธอครางเสียงกระเส่าเมื่อสามีปลดเปลืองชุดนอนเนื้อผ้าบางเบาของเธอ
“ชินท์..”
“ผมขอโทษนะ” เตชินท์เมื่อแปลงร่างเป็นเด็กแรกเกิด เขาก็ขยับตัวนอนคร่อมภรรยาส่งความเป็นชายที่ขยายใหญ่ไม่เต็มที่ใส่ไปในตัวเธอทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเธอยังไม่พร้อม
“ฉันรักคุณค่ะ และต้องการคุณค่ะ”
เจสสิก้าครางเสียงออดอ้อนเมื่อความแข็งแกร่งของสามีเข้ามาอยู่ในช่อดอกไม้ของเธอ
“ครับ”
เสียงใสครางขอร้องให้เขาทำให้เธอถึงที่หมาย เตชินท์จึงไม่รอช้าเติมเต็มความสุขให้เธอและเขาพากันและกันขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์…
ห้าวันต่อมา..
เกวลินนั่งฟังไซนัสและโทนี่ต่างผลัดกันเล่าเรื่องของพวกเขา ซึ่งชายหนุ่มทั้งสองไม่ปิดบังว่าตัวเขาเองเป็นพวกชายรักชาย
“พวกผมเป็นเกย์ คุณเกวคงดูออก” ไซนัสเริ่มแผนการที่คิดไว้ว่าจะเอาลูกในท้องของเกวลินมาเป็นลูกของตัวเองกับโทนี่ให้ได้
“ค่ะ” เกวลินนึกในใจว่า ‘ไม่บอกก็ดูออกแล้ว’
“พ่อแม่ของพวกเราไม่ยอมรับเรื่องของเราสองคน พวกท่านหัวโบราณมาก” โทนี่พูดบ้าง
เกวลินถึงจะซื่อ แต่สีหน้ากังวลของชายสองคนทำให้เธอต้องถามว่า
“คุณสองคนอยากให้ฉันทำอะไรเหรอคะ บอกฉันมาเถอะ ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็พร้อมจะช่วยค่ะ”
“แต่งงานกับผมได้ไหมครับ” ไซนัสขยับตัวจากตักของโทนี่ลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าของเกวลิน
ซึ่งทำให้เกวลินตกใจมาก เธอรีบขยับเท้าหนี แล้วมองหน้าไซนัสและมองหน้าโทนี่ “คุณไซนัสลุกขึ้นค่ะ..”
“แต่งในนามก็ได้ครับ” ไซนัสพูดแล้วทำตามคำสั่งของหญิงสาว เข้าไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับเกวลิน
“ยังไงค่ะ แต่งในนาม ฉันไม่เข้าใจ” เกวลินไม่ขัดขืนเมื่อไซนัสเอามือไปกุมไว้
“แบบนี้นะครับ” เป็นโทนี่เองที่อธิบายให้เกวลินฟัง
“คุณจะให้ฉันแสดงละครหลอกครอบครัวของคุณทั้งสองเหรอคะ”
“ช่วยพวกเราด้วยนะคุณเกว” ไซนัสทำเสียงสั่นเครือ สายตาที่มองเกวลินนั้นมีน้ำตาคลอหน่วย
“ผมจะไม่ให้คุณเล่นละครฟรีๆหรอกนะ พวกเราสองคนจะให้เงินคุณ” โทนี่บอกเกวลิน
“ผมรู้ว่าคุณลำบาก ตอนนี้ก็ท้องและป่วย ซึ่งโรคที่คุณเป็นมันอันตรายมากกับเด็กในท้อง” ไซนัสเอาเรื่องความเป็นความตายมาพูดกับ เกวลิน
“เราสองคนจะเป็นคนดูแลคุณกับลูกในท้องเอง เราจะหาหมอเก่งๆรักษาโรคที่คุณเป็น และค่อยดูแลคุณเอง ตกลงไหมครับ” โทนี่มองหน้าเกวลิน
“ฉันจะทำตามคำขอของพวกคุณ แต่ฉันมีข้อแม้” คนจนไม่มีเงินงานก็ไม่มีทำ แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังอาศัยคนอื่นอยู่ และสามีหนีไปแต่งงานใหม่ เธอไม่มีทางเลือก ถ้าปฏิเสธข้อเสนอนี้นั้นก็หมายความว่าเธอจะต้องพาลูกในท้องไปลำบากแน่
“คุณอยากได้อะไร ผมพร้อมทำตามข้อตกลงของคุณ” ไซนัสยิ้มจนปากฉีกถึงหู
“ฉันอยากมีงานทำ” งานคือเงิน นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ
“นึกว่าอะไร เรื่องงานคุณมาเป็นแม่บ้านให้ผมสิ เดี๋ยวผมจะให้เงินเดือน สองหมื่นบาทโอเคไหม” โทนี่รีบบอก
“เรื่องงานฉันตกลงค่ะ และฉันจะแต่งงานกับคุณหลังคลอดลูกแล้ว แต่แค่ในนามเท่านั้นนะ” เกวลินยังมีข้อแม้เยอะแยะ
“ได้ ผมก็ว่าดีเหมือนกัน” เพราะมีแผนการอยู่แล้ว ไซนัสจึงตกลง
“และฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่นนะคะ คุณช่วยหาห้องเช่าให้ฉันได้ไหมคะ”
“ทำไมล่ะครับ คุณอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้วนี่ครับ” โทนี่ถาม
“นั่นสิครับ อยู่ที่นี่เถอะคุณเกว จะย้ายไปอยู่ที่อื่นให้เสียเงินค่าเช่าห้องทำไมครับ” ไซนัสพูดบ้าง
“อีกอย่างห้องนี้ ผมก็ไม่ค่อยได้กลับมาอยู่ นานๆจะมาที คุณอยู่ได้ตามสบายเลย ไม่ต้องเสียค่าเช่าด้วย” โทนี่บอกให้หญิงสาวมั่นใจ
“ฉันเกรงใจคุณสองคนค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณสองคนไปมากกว่านี้ เลยอยากย้ายไปอยู่ที่อื่น” เกวลินมองหน้าชายสองคนสลับกันไปมา
เธอมองรอบๆห้องหรูหรา ซึ่งเพ้นท์เฮ้านี้มันไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด
“พวกเราสองคนต่างหากที่เป็นฝ่ายรบกวนคุณ เราสองคนขอบคุณมากนะคุณเกวที่ทำให้เราได้มีวันนี้ วันที่เราสองคนรอคอยมานานมาก” ไซนัสบอกเธอ
“ฉันยินดีช่วยคุณสองคนค่ะ” เกวลินถามตัวเองว่าเต็มใจทำไหม เธอบอกได้เลยว่า ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่เพราะเพื่อเงิน เงินที่เธอต้องการเก็บไว้ให้ลูกและรักษาตัวเอง
“ตกลงตามนี้นะครับ คุณทำงานเป็นแม่บ้านและอยู่ที่นี่ต่อไปได้”
“ค่ะ” เกวลินแอบหายใจเบาๆ ใบหน้าเริ่มเครียดพยักหน้าให้โทนี่ ทั้งที่ในความรู้สึกแล้ว เธอไม่อยากจะทำในเรื่องลวงหลอกเลยสักนิด
“งั้นเรามาเซ็นสัญญากัน” ไซนัสพยักหน้าให้โทนี่ไปเอาเอกสารมาให้
เกวลิน
“สัญญาอะไรเหรอคะ” เกวลินถามพลางมองโทนี่เดินเข้าห้อง และไม่ถึงสิบวินาที เขาก็ออกมาพร้อมกระดาษหลายใบ
“ก็สัญญาระหว่างพวกผมกับคุณไง เมื่อคุณคลอดลูกแล้ว คุณจะแต่งงานกับผม”
ไซนัสหัวหมอไม่ยอมให้เกวลินตั้งตัว เขาเอาเอกสารมาเซ็นเป็นคนแรกพยักหน้าให้โทนี่เซ็นเป็นพยาน แล้วก็ยื่นปากกาให้เกวลิน ชี้ให้เธอเซ็นชื่อโดยไม่ยอมให้เธออ่านข้อตกลง
“พวกเราจะไม่เอาเปรียบคุณหรอกนะ ถ้าคุณเซ็นสัญญา เงินห้าแสนครึ่งหนึ่งจะเข้าบัญชีของคุณทันทีและอีกห้าแสนก็ตอนคุณแต่งงานกับไซนัส”
เมื่อเห็นเกวลินมีทีท่าลังเลโทนี่ก็ให้ความหวังด้วยเงิน
“ค่ะ” เกวลินพยักหน้า นึกในใจว่า ‘เงินเท่านั้นที่ทำให้เรามีทุกอย่าง แม้ชีวิตใหม่ของเราสองคนก็ต้องซื้อด้วยเงิน’ เกวลินคุยกับลูกในท้องในใจ แล้วรับปากกามาถือไว้ มือไม้สั่นเล็กน้อยเมื่อเขียนชื่อและนามสกุลของตัวเองลงในกระดาษข้างลายเซ็นของไซนัส…