bc

โปรด(อย่า)ทวงรัก please don’t ask for love

book_age16+
434
ติดตาม
2.6K
อ่าน
จบสุข
โอกาสครั้งที่สอง
ผู้สืบทอด
ดราม่า
ลึกลับ
ขี้แพ้
ออฟฟิศ/ที่ทำงาน
substitute
like
intro-logo
คำนิยม

เตชินท์ แต่งงานใหม่ มีชีวิตที่สวยงาม ทางเดินรักครั้งใหม่โรยไว้ด้วยดอกกุหลาบ แต่ในหัวใจของเขาก็ยังเจ็บแค้นน้องอยู่ตลอดเวลา

เกวลิน ชีวิตเธอตกต่ำที่สุด เมื่อสามีทิ้งไปพร้อมกับกล่าวหาว่าเธอสารเลว แพศยา คบชู้ ทั้งๆที่ในชีวิตนี้เธอไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ทำไม ทุกคนต้องทำร้ายเธอไม่มีที่สิ้นสุด เจ็บที่สุดคือการโดนหลอกให้เซ็นยินยอมยกลูกชายที่เธอรักที่สุดให้กับคนใจร้าย ซึ่งเธอจะไม่ยอมอีกต่อไป...

ภาพวงแขนแข็งแรงที่เคยโอบกอดเธอนั้นแปรเปลี่ยนไปกอดร่างของเจ้าสาวของเขา และริมฝีปากหยักที่เคยจูบและบอกรักเธอนั้น ก็แปรเปลี่ยนไปบรรจงจูบลงบนพวงแก้มของเจ้าสาวของเขา ช่างเป็นภาพที่ทรมานเจ็บร้าวหัวใจอย่างแสนสาหัสของหญิงสาวที่ยืนแอบมองความสุขและความสำเร็จในหน้าที่การงานของสามี

“ต่อไปนี้เราสองคนจะไม่มีเขายืนเคียงข้างอีกแล้วนะลูกแม่ เราสองคนต้องอยู่กันให้ได้นะคะ แม่จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อเราสองคน”

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะสามีที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับคนอื่น เพราะฉะนั้น ‘โปรด(อย่า)ทวงรัก please don’t ask for love’ จากเธอเลย

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1 เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น
บทที่ 1 เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น งานแต่งงานที่หรูหรามโหฬารถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์ใหญ่โต บรรดาแขกเหรื่อผู้หลักผู้ใหญ่ระดับสูง มากันอย่างคับคั่งเรียกได้ว่าเป็นงานแต่งยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดา แวดวงสังคมชั้นสูงและรวยมาก ‘เจนสิก้า โรมากิ’ ลูกสาวคนเดียวของนาย ‘โอชิ โรมากิ’ นักธุรกิจค้ารถอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นนักลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อันดับแรกๆในประเทศไทย เธอสวยเซ็กซี่วัยยี่สิบแปดปี ได้เข้าพิธีแต่งงานกับ ‘เตชินท์ วรรณกันต์’ชายหนุ่มรูปหล่อและมีอนาคตไปไกลในวัยสามสิบปี เขาเป็นเลขาส่วนตัวของนายโอชิ และยังเป็นถึงรองผู้อำนวยการ มีอำนาจตัดสินใจแทนนายโอชิได้ทุกเรื่อง เสียงเพลงและเสียงแขกเหรื่อต่างพากันแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวดังอยู่ด้านใน ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดเดรสเก่าๆราคาแค่สองร้อยเก้าสิบเก้าบาท ซึ่งชุดนี้สามีซื้อให้เธอเนื่องในวันครบรอบวันเกิด เกวลินนึกย้อนไปเมื่อตอนที่เธออายุสิบแปดปี.. ตอนบ่าย..เตชินท์พาเกวลินไปฉลองวันเกิดที่ร้านหมูกระทะ และเมื่อกินอิ่มแล้วเตชินท์ไม่ยอมบอกเธอว่าจะไปไหนต่อ “พี่ชินท์พาเกวมาทำอะไรที่นี่คะ” เกวลินถามเมื่อเตชินท์ขับรถเข้าไปจอดรถที่หน้าอำเภอ “จดทะเบียนสมรสกับพี่นะเกว” ก่อนจะลงไปเปิดประตูรถให้หญิงสาว เตชินท์ก็อมยิ้มให้เธอ แล้วจับมือนุ่มมากุมไว้ “พี่ชินท์” เกวลินครางเรียกชายหนุ่ม ไม่อยากจะคิดเลยว่า นี่เป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นและที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ที่ชายหนุ่มมอบให้เธอ “นี่เป็นแหวนแต่งงาน พี่ใส่ให้นะ” เตชินท์เอาแหวนเพชรออกมาจากห่อผ้ากำมะหยี่สีแดง และก่อนที่เขาจะสวมแหวนให้เธอนั้น เขาได้ก้มจูบหลังมือนุ่ม “พี่แหวนวงนี้แพงมากนะคะ พี่ไปเอาเงินที่ไหนซื้อคะ” เกวลินถามสามีเสียงสั่นระริก ดวงตาคู่โตคลอน้ำใสมองแหวนเพชรราคาสองหมื่นกว่าบาท ซึ่งแหวนวงนี้เธอบอกพี่ชินท์ว่าอยากได้ “พี่สัญญานะเกว พี่จะไม่ทำให้เกวน้อยหน้าใครต่อใคร พี่ขอเวลาสักสองสามปีนะ ให้พี่ทำงานเก็บเงินก่อนนะ เราค่อยจัดงานแต่งงานกันนะ” เตชินท์ไม่ได้บอกน้องว่าเขามีเงินไปซื้อของราคาแพงนี้ได้อย่างไร แต่เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้น้องมีความสุข “แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วสำหรับเกวค่ะ เราอย่าจัดงานแต่งให้เสียเงินเสียทองเลยนะคะ” เกวลินเช็ดน้ำตา พลางรีบใส่แหวนแต่งงานให้พี่ชินท์ “พี่อยากเห็นเกวใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ” เตชินท์บอกหญิงสาว “เกวรักพี่ค่ะ” เกวลินทำเพียงแค่ขานรับ เพราะในความรู้สึกของเธอแล้ว เธอก็อยากจัดงานแต่งและใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆเหมือนผู้หญิงทุกคน “ที่รักของพี่ รอพี่หน่อยนะ” เตชินท์ยื่นมือไปลูบหัวของเธออย่างเอ็นดูรักใคร่ “งั้นเกวหยุดเรียนศึกษาผู้ใหญ่ดีกว่า จะได้มีเวลาทำงานเก็บเงินช่วยพี่อีกแรง” เกวลินจับมือเตชินท์ออกจากหัว เธอเอามือของเขามาแตะหน้าของเธอ “เรียนต่อเถอะ อีกสองปีก็จะจบ ม.6 แล้วไม่ใช่เหรอ” เตชินท์ยอมรับว่าเกวลินท์ทำเพื่อเขามาก เธอออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานส่งเขาเรียนเช่นกัน “แต่เกวไม่อยากเรียนแล้วค่ะ อยากออกมาทำงานหาเงินช่วยพี่นี่ค่ะ” เกวลินทำเสียงอ้อนชิดหลังมือของเตชินท์ เธอรักเตชินท์มาก จึงยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งตัดอนาคตของตัวเอง ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ ม.5 และต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเงินส่งสามีเรียนปริญญา “ดวงใจของพี่ พี่รักเธอนะ และขอบใจเธอมากที่ทำทุกอย่างเพื่อพี่..” “เกวเต็มใจค่ะ และก็ดีใจมากที่พี่เรียนจบได้รับปริญญาตรี..”.. “นี่เธอเป็นเด็กเสิร์ฟหรือเปล่า” ‘เกวลิน ทิวานันท์’ เธอตื่นจากความหลังเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งมองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ซึ่งเธอคนนั้นสั่งให้เธอไปเอาเครื่องดื่มมาให้เธอ “ฉะ ค่ะ” เกวลินจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้สบสายตาดูแคลนของผู้หญิงคนนั้น เธอประหม่ามาก จึงก้มมองชุดเดรสสีชมพูของตัวเอง และไม่อาจทนยืน จึงเดินตัวลีบไปแอบอยู่อีกมุมที่ไม่มีคน “พะ พี่ชินท์” เกวลินครางเรียกชื่อสามีเสียงสั่นเครือ เธอซึ่งเป็นผู้แพ้และเจ็บปวดก้มมองสภาพมอซอของตัวเอง ใบหน้านองน้ำตามองสามี สามเดือนที่แยกทางกัน เตชินท์แตกต่างและเปลี่ยนไปมาก เขาดูภูมิฐานและหล่อเหลามากเหมาะสมกับเจ้าสาวแสนสวยและรวยมาก ซึ่งเขาทั้งสองยืนจับมือกันยิ้มหวานให้กันทุกครั้งเมื่อพากันเดินทักทายแขกเหรื่อ และเมื่อถูกพิธีกรเรียก สามีของเธอดูอ่อนโยนประคองเจ้าสาวของเขาเดินขึ้นไปยืนบนเวที “ปรบมือให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวหน่อยครับ” พิธีกรส่งเสียงบอกให้บรรดาแขกเหรื่อผู้มีเกียรติทั้งหลายที่มาร่วมงานปรบมือให้กำลังใจบ่าวสาว “ให้ผมถามใครก่อนดีครับ” พิธีกรถามบ่าวสาว พลางหันไปมองแขกด้านหน้า ซึ่งทุกคนบอกว่าให้ถามเรื่องความรักของบ่าวสาว ด้านบ่าวสาวยิ้มมีความสุขเมื่อสายตาหลายพันคู่มองมายังพวกเขา ซึ่งเขาและเธอพากันอายหน้าแดง โดยเฉพาะเจ้าบ่าวนั้นเขาดูมีความสุขมาก และก่อนที่เขาจะรับเอาไมโครโฟนมาถือ ชายหนุ่มได้หันไปมองหน้าเจ้าสาวที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างๆ แล้วมองไปรอบงาน “อึกก!” หญิงสาวที่แฝงตัวเข้ามาในงานตื่นตระหนกรีบขยับตัวหลบหนีหันหลังพิงผนังห้องทันที เมื่อเห็นสามีกวาดสายตามายังจุดที่เธอยืน เธอหวาดกลัวสามีจะเห็นเธอ จนน้ำตาแห่งความร้าวรานหัวใจไหลออกมาข้างเดียวอย่างอัตโนมัติ “ทุกคนอยากฟังเสียงของคุณเตชินท์ไหมครับ?” เสียงเชียร์ผสมเสียงปรบมือต้องการให้เจ้าบ่าวพูดดังทั่วงานที่ถูกจัดตกแต่งอย่างใหญ่โตหรูหรา “อยากฟังคุณเตชินท์พูดเรื่องความรักครับ / ค่ะ” ทุกคนที่อยู่ด้านล่างตะโกนขึ้นพร้อมทั้งชูแก้วเครื่องดื่มราคาแพงในมือเชียร์ให้เจ้าบ่าวพูด “โอเคๆ เดี๋ยวผมจะสอบถามให้นะครับ คุณเตชินท์ช่วยเล่าความรักของคุณให้พวกเราฟังได้ไหมครับ คุณไปตกหลุมรักคุณเจสสิก้าได้ยังไงครับ” พิธีกรยกมือห้ามให้ทุกคนเงียบ แล้วหันไปมองบ่าวสาว ถึงเขาเกรงใจเจ้าสาวที่เป็นนายจ้างมาก แต่เขาถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนให้มาสัมภาษณ์ เขาก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เตชินท์ช่างใจอยู่สักครู่ว่าจะพูดดีไหม แต่เขาก็พูดและผายมือไปทางเจ้าสาวแล้วพูดขึ้นว่า “ความรักของผมเกิดขึ้นเร็วมากครับ ผมเห็นคุณเจสสิก้าครั้งแรกก็ตกหลุมรักเลยครับ..” “พวกเราอยากรู้มากกว่านั้นครับ คุณเตชินท์ช่วยพูดให้พวกเรา ให้หายข้องใจหน่อยได้ไหมครับ ว่าคุณเตชินท์ไปทำอย่างไรถึงได้หัวใจของคุณเจสสิก้ามาครอบครองครับ” พิธีการถามเจ้าบ่าว “ผะ ผม..” เตชินท์พูดไม่ออกเพราะรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องโกหกหัวใจตัวเอง แต่เจสสิก้าไม่ได้ผิดอะไร เป็นเขาเองที่ฉวยโอกาสทำลายเธอ เตชินท์เริ่มเครียด เมื่อนึกย้อนไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว.. “ฮืออ..”เสียงสะอื้นดังจนทำให้ชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าซุกหมอนใบใหญ่ เขาสะลึมสะลือขยับเปลือกตากะพริบหลายครั้งเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่าง ถึงจะหนักหัวมากแค่ไหนแต่ก็ต้องลุกนั่งทันที เมื่อมองห้องที่เขาอยู่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา “คุ คุณเจสสิก้า” เตชินท์ตกตะลึง จ้องร่างอรชรไร้เสื้อผ้านั่งกอดเข่าผมเผ้ายุ่งเหยิง ผิวขาวเต็มไปด้วยริ้วรอยเขียวบอบช้ำเป็นจ้ำๆนั้นเป็นเพราะฝีมือของเขาหรือ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ทำอะไรเจสสิก้าหรือเปล่า เขาพยายามนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคืนนี้หลังจากทะเลาะกับเกวลินเรื่องรูปถ่าย เตชินทร์ก็บอกเลิกเกวลิน และชายหนุ่มก็ขนข้าวของออกจากห้องพักไปดื่มย้อมใจที่บาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งช่วงเวลาที่เขาเมาจนขาดสติก็มีเจสสิก้าเข้าช่วยและหลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย มารู้ตัวอีกทีก็เป็นอย่างที่เห็น “คุณเตชินท์” เจสสิก้าตัวสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เธอเงยหน้าเต็มน้ำตามองชายหนุ่มแล้วรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังร่างอันเหลวแหลก “ผะ..มาอยู่ที่นี้ได้ไงครับ” เตชินท์ถามเสียงสั่นเทาเมื่อมองตัวเองและหญิงสาวเปลือยเปล่าเหมือนเด็กทารก เขาลูบหน้าชาหนึบแรงๆพลางมองเสื้อผ้าของเขาและเธอกระจัดกระจายกองรวมกันเต็มพื้นห้อง “คุณเตชินท์จำไม่ได้หรือว่าไม่ต้องการที่รับผิดชอบกันแน่ค่ะ”เจสสิก้าแกล้งร้องไห้เสียใจมาก พลางบีบน้ำตาให้ไหลอาบแก้มสองข้าง “ผะ ผมขอโทษ” เตชินท์พูดเสียงตะกุกตะกักบอกหญิงสาวว่า ‘ผมจะรับผิดชอบ’ แต่เขาก็หยุดพูดเมื่อเสียงประตูห้องถูกเคาะอยู่ด้านนอก “เจส นี่พ่อเองนะ ได้ยินพ่อไหมเปิดประตูให้พ่อด้วย ถ้าลูกไม่เปิดพ่อจะเข้าไปนะ” เมื่อลูกสาวไม่ตอบ โอชิก็สั่งให้พ่อบ้านไขกุญแจเปิดประตูห้อง “คุณพ่อ! / คุณท่าน” เจสสิก้าและเตชินท์อุทานเรียกเจ้าของบ้านพร้อมกัน “เตชินท์ นี่มันอะไรกัน เธอทำอะไรยัยเจส” โอชิมองหน้าเตชินท์อย่างกินเลือดกินเนื้อ แล้วหันไปพยักหน้าให้ลูกสาว ชายชราเข้าใจทันทีว่านี่เป็นแผนการของลูกสาวของเขาแน่ๆ “คุณท่าน ผมขอโทษครับ” เตชินท์ไม่มีคำแก้ตัวอะไรเพราะหลักฐานเห็นอย่างชัดเจนว่าเขารังแกเจสสิก้าอย่างยับเยิน “เจส ทำไมลูกถึงทำตัวแบบนี้” โอชิรักลูกสาวมากจึงเล่นไปตามแผนของลูกสาว เขาแกล้งทำเสียงดัง พลาง ปรีเข้าไปกระชากลูกสาวที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของเตชินท์ “คุณพ่อ เจสขอโทษ” เจสสิก้ากรีดร้องเมื่อถูกพ่อฉุดกระชากอย่างแรง ซึ่ง เตชินท์ก็รีบปกป้องโดยการกอดร่างเปลือยเปล่าไว้ไม่ยอมให้โอชิทำร้ายหญิงสาว “คุณท่านอย่าครับ อย่าว่าคุณเจสเลยครับ ผมผิดเองครับ ถ้าคุณเจสไม่รังเกียจผม ผมจะรับผิดชอบคุณเจสเองครับ” เตชินท์เอาเสื้อของตัวเองใส่ให้หญิงสาว ส่วนเขาก็ใส่กางเกงเพียงตัวเดียวแล้วพาเธอลงจากเตียงเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าชายชรา.. “ชินท์คะ” เจสสิก้าถามเมื่อเห็นเตชินท์เงียบ “ครับ” เตชินท์ขานรับ “เป็นไรคะ?” เจสสิก้าจับมือของชายหนุ่ม ถามเขาเสียงเบาหวิวให้เขาและเธอได้ยินกันเพียงสองคน “ไม่เป็นไรครับ เมื่อกี้นี้คุณถามอะไรผมนะครับ” เตชินท์ยิ้มชิดหลังมือนุ่ม เพื่อกลบเกลื่อนความในใจไม่อยากให้เจ้าสาวรับรู้ เขาจึงหันไปพูดกับพิธีกร “คือว่า ในที่นี่ทุกคนอยากรู้ครับ ว่าคุณเตชินท์ไปทำยังไงถึงได้ครอบครองหัวใจของคุณเจสสิก้าครับ” พิธีกรถาม “คือว่า” คำถามของพิธีกรทำให้เตชินท์พูดอ่ำอึ้ง “เรารักกันค่ะ แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เจสสิก้าพูดเมื่อชายหนุ่มไม่ยอมตอบพิธีกร ถึงจะรู้ว่าเตชินท์ยอมแต่งงานด้วยเพราะรับผิดชอบเธอ และตอบแทนบุญคุณที่พ่อของเธอทำให้เขามีทุกวันนี้ และถึงจะรู้ว่าชายหนุ่มมีภรรยาแล้ว แต่เป็นเพราะเธอรักเขา เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชายหนุ่มมาครอบครอง เจสสิก้าหน้าตายิ้มแย้ม แต่หัวใจเศร้าหมอง เมื่อมองแววตาสีนิลนิ่งเฉยของเตชินท์ ซึ่งทำให้เธอนึกย้อนไปเมื่อหกเจ็ดเดือนก่อนโน้น.. “อะไรนะ เมื่อกี้นี้ ลูกว่าอะไรนะ!” โอชิถามลูกสาวเป็นภาษาญี่ปุ่น “หนูรักคุณเตชินท์ค่ะ และหนูจะแต่งงานกับเขาค่ะ” เจสสิก้าพูดไทยผสมภาษาญี่ปุ่น พลางเข้าไปนั่งกอดแขนของพ่อ พูดเสียงออดอ้อนชายชรา “ลูกรู้ไหมเตชินท์เขามีภรรยาแล้วนะลูก” โอชิเตือนสติของลูกสาว “เจสรักคุณเตชินท์ และต้องการเขาค่ะ” เจสสิก้าบอกพ่อเสียงสั่นเครือ เสียงสะอื้นไห้ของลูกสาว ทำให้โอชิหนักใจ จึงพูดกับลูกสาวว่า “แล้วยาคุชิละ ลูกยัง..” / “เจสหย่ากับยาคุชิแล้วค่ะ” โอชิก็ไม่ทันได้พูดอะไรเจสสิก้าพูดแทรกขึ้น “นี่ลูกหย่ากับยาคุชิตอนไหน” โอชิถามลูกสาว “ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าหย่ากันตอนไหน ที่แน่ๆเจสไม่ผิด ยาคุชิเขามีคนอื่น เขานอกใจเจสค่ะ” เจสสิก้าหลบสายตาของพ่อ เมื่อพ่อมองอย่างจับผิด “..” โอชิทำเพียงแค่หายใจแรงๆ จึงทำให้เจสสิก้าพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณพ่อจัดการให้หนูกับคุณเตชินท์แต่งงานกัน หนูก็จะยกหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่เป็นของหนูให้ลูกชายสุดที่รักของคุณพ่อ แล้วหนูจะกลับไปบริหารงานบริษัทค้ารถของคุณพ่อที่ญี่ปุ่นเองค่ะ” เจสสิก้าไม่เคยรักน้องชายต่างสายเลือดเลย ถึงไม่ยอมแบ่งอะไรให้น้องชาย แม้แต่ความรักจากพ่อเธอก็ไม่อยากพ่อมอบให้น้องชาย แต่ครั้งนี้เพื่อความรักของเธอจะได้สมหวัง เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อจะได้ครอบครองหัวใจของเตชินท์ แม้จะเสียตำแหน่งผู้บริหารบริษัทให้น้องชายต่างแม่ เธอก็ยอม ด้านโอชิเองก็อยากได้เตชินท์มาเป็นลูกเขยเช่นกัน เมื่อเจสสิก้ามาพูดแบบนี้ ชายชราวัยเจ็ดสิบปีก็พยักหน้ารับคำและจะทำให้ลูกสาวสมหวัง ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นจะได้มาอย่างผิดบาปมากก็ตาม.. “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เตชินท์ถามเมื่อเห็นเจสสิก้าเงียบ “ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร เมื่อกี้นี้คุณถามอะไรฉันเหรอคะ” เจสสิก้าตื่นจากภวังค์ เธอมองหน้าเตชินท์ยิ้มให้เขา แล้วหันไปถามพิธีกร “เอ่อ ผมบอกว่า ผมขอถามคุณเตชินท์ดีกว่าครับ” พิธีกรหน้าซีดเมื่อได้สบสายตาเฉียบขาดของหญิงสาว จึงทำให้เขาพูดอ้ำอึ้ง “คุณจะถามอะไรผมเหรอครับ” เตชินท์ถามพิธีกร “คุณเตชินท์มีแผนที่จะพาคุณเจสสิก้าไปเที่ยวฮันนีมูนที่ไหนไหมครับ” พิธีกรถามเตชินท์ “ผมคิดว่า คงจะเที่ยวแถวเมืองไทยนี่แหละครับ” เตชินท์พูดไปยิ้มไป ซึ่งการกระทำแสดงความรักต่อเจ้าสาวของเขานั้น ได้ทำร้ายจิตใจของผู้หญิงอีกคนที่ยืนน้ำตาไหลโดยไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น มือข้างหนึ่งของเธอลูบหน้าท้องแบนราบ ส่วนอีกข้างสั้นระริกถือซองจดหมายสีน้ำตาล “แล้วนี่คุณทั้งสองมีแผนที่จะมีเจ้าตัวเล็กกันเลยไหมครับ” พิธีกรถามบ่าวสาว ทำให้หญิงสาวที่ยังยืนแอบมองนั่นชะเง้อคอออกไปมองพวกเขา เธออยากรู้ว่าสามีของเธอจะพูดอย่างไร “เรื่องนี้ผมแล้วแต่คุณเจสสิกาครับ” เตชินท์ปัดไปให้เจ้าสาวของเขาตอบแทน “คุณเจสสิก้าว่าไงครับ” พิธีกรถามเจ้าสาว “ฉันคิดว่า จะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่าค่ะ”เจสสิก้าพูดให้แขกเหรื่อรับรู้ “แล้วคุณเตชินท์ล่ะครับ” พิธีกรถามเตชินท์ “ผมแล้วแต่คุณเจสสิก้าครับ” เตชินท์พูดกับเจสสิก้า แต่สายตาสีเข้มหม่นของชายหนุ่มกลับมองแขกเหรื่อในโถงขนาดใหญ่… ภาพวงแขนแข็งแรงที่เคยโอบกอดเธอนั้นแปรเปลี่ยนไปกอดร่างของเจ้าสาวของเขา และริมฝีปากหยักที่เคยจูบและบอกรักเธอนั้น ก็แปรเปลี่ยนไปบรรจงจูบลงบนพวงแก้มของเจ้าสาวของเขา ช่างเป็นภาพที่ทรมานเจ็บร้าวหัวใจอย่างแสนสาหัสของหญิงสาวที่ยืนแอบมองความสุขและความสำเร็จในหน้าที่การงานของสามี “ต่อไปนี้เราสองคนจะไม่มีเขายืนเคียงข้างอีกแล้วนะลูกแม่ เราสองคนต้องอยู่กันให้ได้นะคะ แม่จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อเราสองคน” เกวลินไม่อาจทนมองสามีที่เป็นที่รักได้ เธอจึงรีบเดินออกมายืนเกาะผนังห้องด้านนอกงาน ในตอนนี้เธอกำลังจะตายหายใจเธอยังต้องหายใจออกทางปาก “ฮืออ” เกวลินสะอื้นไห้โฮ เรี่ยวแรงไม่มีจึงทรุดฮวบลงไปนั่งแบะขาบนพื้น ดวงหน้านองน้ำตาไหลรินผ่านพวงแก้มขาวซีดลงสู่หลังมือสองข้างที่โอบอุ้มลูกในท้องอย่างเจ็บปวดหัวใจสุดๆ “คุณคะ?..” “ค่ะ” เสียงคนเรียกและสะกิดหัวไหล่ของเธอ ทำให้เกวลินหยุดร้องไห้ และก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองนั้น เธอได้เช็ดน้ำตาออกจากดวงหน้าขาวซีดแล้วปรับสภาพตัวเองให้เป็นปรกติ ”คุณเป็นอะไรคะ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้..” “ปะ เปล่าค่ะ” เกวลินตอบพลางลุกขึ้นยืน เธอหันเข้าไปในงาน ซึ่งเห็นสามีของเธอกำลังประคองเจ้าสาวของเขาเดินลงจากเวที “ไหวไหมคะ ให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ..” “ฉันอยากเอาของขวัญให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวค่ะ แต่ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าใครให้ คือฉันอยากเซอร์ไพรส์พวกเขาทั้งสองนะคะ” เกวลินตอบ พร้อมทั้งเดินไปยืนหลบมุม เพราะเธอกลัวสามีจะเห็น “ไปถามพนักงานต้อนรับแขกที่หน้างานดูนะคะ ฉันก็เพิ่งจะให้ของขวัญมาเมื่อครูนี้เองค่ะ..” “คะ” เกวลินขอบคุณ แล้วเดินไปยังจุดที่ผู้หญิงคนนั้นบอก เธอชะงักเท้าเล็กน้อยเมื่อสายตาของพนักงานหน้างานมองสำรวจเธอตั้งแต่เท้าจนถึงศีรษะ “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” หญิงสาวพนักงานต้อนรับถาม “คือว่า ฉันอยากเอาของขวัญมาให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวนะ ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ” เกวลินอายเล็กน้อย เมื่อก้มมองสภาพการแต่งตัวของตัวเอง เธอประหม่ามากกับสายตาไม่เป็นมิตร แต่ก็ตัดสินใจเดินไปหาพนักงานสาว อายุคงจะเท่าเธอ‘ยี่สิบสี่กว่าแน่ๆ’ เกวรินนึกในใจ “คุณเซ็นชื่อตรงนี้ไว้นะคะ ส่วนของที่จะเอาให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว เอามานี่ค่ะ เดี๋ยวเราจะเอาไปไว้รวมกับของท่านอื่นให้ค่ะ” พนักงานสาวบอกพร้อมทั้งบอกให้เกวลินมองกล่องของขวัญหลายร้อยชิ้นบนโต๊ะ “ของขวัญที่ฉันให้ไป เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้รับจริงๆนะคะ” เกวลินถาม เพราะซองจดหมายสีน้ำตาลที่เธอเอามาให้เตชินท์นั้นสำคัญมากสำหรับสามีของเธอ “ได้รับแน่นอนค่ะ” พนักงานสาวตอบ “งั้นฉันฝากเอกสารนี้ให้คุณเตชินท์ด้วยนะคะ” ถึงหัวใจจะกลัดหนองเจ็บร้าวมากแค่ไหน เกวลินก็ยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอหน่วย และก่อนที่จะเอาเอกสารในซองจดหมายสีน้ำตาลให้พนักงานสาวนั้น เธอก็พูดในใจกับลูกในท้องว่า ‘เรามาอวยพรให้คุณพ่อกันนะคะ เกวขอให้พี่โชคดีมีความสุขกับคนที่พี่รักนะคะ’… สิบนาทีต่อมา..เกวลินเดินออกมาจากงานแต่งของสามี ซึ่งเธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าในขณะนี้มายืนตรงกลางถนนได้อย่างไร และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อแสงไฟกะพริบเตือนให้เธอหลีกทาง ปรี๊นน!!!..เสียงแตรรถบีบขับไล่ให้หญิงสาวที่ยืนขวางทางอยู่กลางถนน ดังสนั่นจนทุกคนแถวนั้นต่างพากันตะโกนเรียกหญิงสาว “คุณระวังรถชน โครมม!!” เสียงผู้คนกรีดร้องบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางถนนให้ระวังตัว ดังแข่งกับเสียงรถเหยียบเบรคและชนอย่างแรง “กรี๊ดดด!!” เกวลินยืนกอดหน้าท้องแบนราบปกป้องลูกในท้องยิ่งกว่าชีวิตของเธอ เธอกลัวจนน้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม และก่อนที่รถคันนั้นจะพุงชนเธอ ภาพความสุขในอดีตต่างๆ ตอนเธอและสามีอยู่ด้วยกัน คำมั่นสัญญาของสามี มุมไหนที่มีสามีและเธอมันฉายขึ้นในสมองเพื่อเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายของเธอ และร่างบางก็ทรุดลงไปตรงนั้น “บ้าเฮ้ย! อยากตายหรือไงถึงมายืนขวางทางอย่างนี้” ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น นามว่า ‘ไซนัส โรมากิ’ เขาทุบพวงมาลัยรถ พลางตะโกนด่าเสียงดังเมื่อมองผู้คนต่างพากันเดินมาห้อมล้อมรถของเขา ส่วนชายหนุ่มอีกคนหน้าตาฝรั่งจ๋าที่นั่งมาด้วย นามว่า ‘โทนี่’ ซึ่งเขายังมีสติได้ดีมาก จึงพูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้นว่า “ลงไปดูเธอกันเถอะ..” “ลงไปสิ” ไซนัสพยักหน้าให้โทนี่ แล้วรีบออกจากรถ “หลีกทางหน่อยครับ” เป็นโทนี่เองที่เข้าไปดูหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่บนกลางถนน “ตายหรือเปล่านะ ดูสิหัวแตกเลือดไหลไม่หยุดเต็มหน้าเลย” หญิงชราคนหนึ่งพูดขึ้น “คุณเป็นอะไรไหม ผมขอโทษนะที่ขับรถไม่ระวัง” เมื่อหญิงสาวไม่ตอบสนอง ยิ่งทำให้ไซนัสรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ซึ่งเขายอมรับว่าตัวเขาเองขับรถเร็วมาก เพราะกลัวไปงานแต่งของพี่สาวต่างแม่ไม่ทัน “นี่คุณ จะมัวแต่ขอโทษอยู่ทำไม ขอโทษไปเธอก็ไม่ได้ยินหรอก ดูสิหมดสติเลือดไหลท่วมตัวขนาดนั้น ตายหรือเปล่าก็ไม่รู้ รีบพาเธอไปหาหมอสิ” หญิงคนเดิมพูดขึ้นอีกครั้ง “ครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอเดี๋ยวล่ะครับ” เสียงของคนหลายคนพูดไม่พอใจพร้อมกัน ทำให้โทนี่รีบอุ้มคนหมดสติขึ้นแนบอก แล้วเดินนำหน้าไซนัสไปที่รถ และไซนัสก็เปิดประตูรถด้านหลังคนขับให้ ซึ่งโทนี่ก็ปล่อยคนหมดสติไว้เบาะรถด้านหลัง แล้วรีบบอกให้ไซนัสขับรถพาเธอส่งโรงพยาบาล… เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเกวลินก็ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน และไม่ถึงชั่วโมงผู้ชายทั้งสองที่ยืนรอฟังข่าวหน้าห้องฉุกเฉินก็ลุกขึ้น เมื่อคุณหมอก็ออกมา เสียงเปิดประตูห้องฉุกเฉิน ทำให้ชายสองคนที่นั่งจับมือกันนั้นต้องผละจากกัน ซึ่งเป็นไซนัสเองที่ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคุณหมอ พร้อมถามว่า “คุณหมอผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้างครับ..” “ใครเป็นสามีของเธอครับ” คุณหมอมองหน้าไซนัสและโทนี่สลับกันไปมา “ทำไมเหรอครับ” โทนี่ถามคุณหมอ “ภรรยาคุณท้องนะครับ” ท่าทีกระตุ้งกระติ้งของไซนัส ทำให้คุณหมอมั่นใจว่าโทนี่ต้องเป็นสามีของคนป่วยแน่ คุณหมอจึงคุยกับโทนี่ “ทะ ท้อง เธอท้องเหรอครับ” ไซนัสและโทนี่อุทานเสียงดังพร้อมกัน “ครับ ท้องได้สามเดือนแล้วครับ” คุณหมอบอก และมองหน้าชายหนุ่มสลับกันไปมา เพราะคุณหมอในตอนนี้กำลังสับสน ว่าใครเป็นสามีของคนป่วยกันแน่ ระหว่างชายหนุ่มหน้าตี๋และชายหนุ่มหน้าฝรั่ง “แล้วเธอกับเด็กในท้องเป็นอะไรไหมครับ” โทนี่ถามหมอ “ภรรยาของคุณและลูกของคุณจะปลอดภัย ถ้าคุณดูแลภรรยาของคุณให้ดีกว่านี้” คุณหมอพูดกับโทนี่ “คุณหมอหมายความว่าไงครับ” โทนี่ถาม “ภรรยาของคุณเป็นโรคไทรอยด์ ถ้าไม่รีบรักษาจะส่งผลไปถึงลูกในท้องครับ” คุณหมออธิบายภัยร้ายต่างๆเกี่ยวกับคนที่เป็นโรคไทรอยด์ ถ้าไม่รีบรักษาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง “อะไรนะครับ ถ้าไม่รีบรักษาเด็กในท้องจะเป็นอันตรายหรือครับ” โทนี่ถามคุณหมอเสียงเบาหวิว “ครับ” คุณหมอตอบ “แล้วนี่พวกผมเข้าไปดูเธอได้ไหมครับ” ไซนัสถามพลางชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องฉุกเฉิน “ผมว่าคุณสองคนไปรอเธอที่ห้องพักฟื้นคนป่วยดีกว่าครับ”คุณหมอบอกพร้อมทั้งขอตัวเข้าไปตรวจคนป่วยรายต่อไป…

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook