บทที่ 4 เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น(4)

3294 คำ
บทที่ 4 เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น(4) งานเลี้ยงที่โรงแรมระดับห้าดาว.. แขกรับเชิญระดับไฮโซต่างยืนห้อมล้อมแสดงความยินดีกับเตชินท์และเจสสิก้าอยู่ในสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขายืนจิบน้ำเมาอยู่กับเพื่อนชาย “คุณจะไม่เข้าไปแสดงความยินดีกับพี่สาวของคุณหรอกเหรอ” โทนี่นั่งหลังพิงขอบเคาน์เตอร์บาร์ เขาจิบวิสกี้พลางถามไซนัส “ไปซิ แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก” ไซนัสต่อหน้าทุกคนเขาจะทำตัวเป็นผู้ชายเหมือนร่างกายใหญ่โต แต่ลับหลังใครๆเขาก็แสดงตัวเป็นหญิง ซึ่งไซนัสได้เกาะแขนของโทนี่และกำลังจะพากันไปนั่งที่โซฟา แต่ก็ต้องพากันหยุดเดินแล้วหันหลังไปมอง เมื่อเสียงของโอชิเรียกชื่อ “ไซนัสลูกพ่อ มาแล้วเหรอลูก เข้ามานี่สิ” โอชิกวักมือเรียกลูกชาย “คุณไปเถอะ เดี๋ยวผมจะไปนั่งดื่มอยู่มุมโน้น” โทนี่บอกเมื่อไซนัสหันมามองสบตากัน “โอเค ผมจะไปทักทายพ่อผม แล้วผมจะกลับมาหาคุณนะ” ไซนัสดื่มเหล้าในแก้วของโทนี่จนหมด แล้วเขาก็ก้าวเท้าเดินไปหาพ่อ แล้วยกมือไหว้พ่อและพี่สาว “คุณพ่อ พี่เจส สวัสดีครับ..” ด้านเจสสิก้ายืนเกาะแขนของเตชินท์ หน้าตายิ้มแย้มเมื่อครู่บึ้งตึงทันทีเมื่อเห็นน้องชายคนละแม่ไม่ยอมยกมือไหว้เตชินท์ “อื้อ สวัสดี” เจสสก้าพยักหน้าให้ไซนัส “นี่ใช่ไซนัสไหมพี่โอชิ อื้อ..ไม่ได้เจอกันหลายปีโตเป็นหนุ่มจนอาจำไม่ได้เลยนะ” เซนทาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของโอชิ ซึ่งเขาทั้งสองรักกันมาก จนกินน้ำร่วมสาบานกันตายแทนกันได้ และยังบุกเบิกจัดตั้งบริษัทค้ารถยนต์ส่งออกนอกประเทศมาด้วยกัน “ไซนัสลูกพ่อ จำอาเซนทาได้ไหมลูก” โอชิถามไซนัส “จำได้สิครับ ผมเคยเจอคุณอาเซนทาตอนไปงานแต่งของพะ..” ไซนัสคิดเสมอว่าอดีตของพี่สาวต่างแม่ไม่ใช่เรื่องของเขา เขาจึงหยุดพูด แล้วยื่นมือให้เพื่อนรักของพ่อจับทักทาย เซนทาถูกใจมากที่ไซนัสพูดคลุมเครือ เขาหัวเราะพลางเหลือบตามองอดีตลูกสะใภ้ “ฮ่าๆๆๆ พี่โอชินี่โชคดีมากเลยที่มีลูกชายและลูกเขยคอยเป็นหูเป็นตาทำงานแทนทุกอย่างให้” เซนทาพูดพลางหันไปมองเตชินท์และยิ้มมุมปากเมื่อได้สบตาอดีตลูกสะใภ้ “เตชินท์ลูกพ่อมานี่สิ มารู้จักเซนทาสิลูก” โอชิบอกให้เตชินท์รู้จักเซนทา “ยินดีที่รู้จักครับ” ด้านเตชินท์ยื่นมือให้เซนทาจับ “ผมได้ยินพี่โอชิพูดถึงคุณบ่อยมาก เพิ่งเห็นตัวจริงก็วันนี้แหละ” เซนทาทักทายเตชินท์ “เซนทาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทของเราที่ญี่ปุ่น เตชินท์จะได้ร่วมงานกับเซนทานะลูก” โอชิบอกลูกเขยแต่เรื่องงาน แต่เขาไม่ได้บอกว่าเซนทาเป็นอดีตพ่อสามีเก่าของเจสสิก้า “ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เตชินท์พยักหน้าให้พ่อตา แล้วหันไปคุยกับเซนทา “แล้วนี่หนูเจสสิก้ากับคุณเตชินท์จะอยู่เมืองไทยอีกนานไหมครับ” เซนทาหันไปถามเจสสิก้า “เดือนหน้าค่ะ” เจสสิก้าตอบเซนทา “ดีเลย นี่ยาคุชิก็จะกลับจากอเมริกาเดือนหน้าเหมือน อาคิดว่าถ้าเขาได้เจอหนูเจสเขาคงดีใจแน่” เซนทาพูดถึงลูกชายให้เจสสิก้าฟัง แต่สายตาแปลกกลับมองหน้าเตชินท์ “เมื่อกี้นี้เซนทาว่าอะไรนะ ยาคุชิจะกลับมาแล้วเหรอ” โอชิถามเซนทา “ครับพี่ บอกว่าจะกลับมาอยู่ถาวรเลยครับ” เซนทาบอกโอชิ โอชิพยักหน้าให้เซนทา แล้วแกล้งถามลูกสาวว่า “เจสจำยาคุชิได้ไหมลูก..” “ผมคิดว่าหนูเจสคงจำยาคุชิได้ดีกว่าใครแน่ครับ จริงไหมครับหนูเจส” เซนทาพูดแทรกขึ้น “ยะ ยาคุชิเป็นเพื่อนของเจส ทำไมเจสจะจำไม่ได้ล่ะคะ” เจสสิก้า มองหน้าพ่อและเซนทา นึกในใจว่าทำไมต้องพูดถึงยาคุชิในเวลาแบบนี้ด้วยนะ “ยาคุชิพูดถึงหนูเจสตลอดเลยนะ” เซนทาพูดให้เจสสิก้ารู้ “เหรอคะ” เจสสิก้าไม่ทำพิรุธให้ใครรู้ โดยเฉพาะเตชินท์ ด้านไซนัสหันหลังไปมองเพื่อนชาย ซึ่งเขาไม่อยากปล่อยให้โทนี่นั่งเหงาอยู่คนเดียว ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ..” “เราคงได้เจอกันอีกนะหลานชาย” เซนทาละสายตาจากเจสสิก้าหันไปมองไซนัส “ครับ” ไซนัสพยักหน้าให้ แล้วก้าวเดินออกไป ด้านเจสสิก้าเมื่อสบโอกาสอยากออกไปจากที่นี่ และอยากเคลียปัญหากับน้องชายต่างมารดา ซึ่งชายหนุ่มไม่ยอมทักทายเตชินท์ เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงพูดกับโอชิว่า “คุณพ่อค่ะ เจสขอตัวนะคะ..” “ไปเถอะลูก” โอชิบอกลูกสาว “ชินท์คะไปค่ะ เจสจะพาไปรู้จักเพื่อนๆของเจสค่ะ” เจสสิก้าชวนเตชินท์ แต่เธอกลับเดินไปก่อนเพื่อจะให้ทันไอ้น้องชายไม่มีสัมมาคารวะ “ผมขอตัวก่อนนะครับ” ด้านเตชินท์ยกมือไหว้แขกทุกคน “ไปเถอะครับ ดูสิหนูเจสเดินไปโน้นแล้ว” เซนทาพูดกับเตชินท์ “ครับ” เตชินท์มองเจสสิก้าตามสายตาของเซนทา เขากระตุกยิ้มมุมปาก ถึงจะไม่ได้รักเจสสิก้าแต่เมื่อมีชายอื่นมองเจสสิก้าอย่างแปลกๆ เขาก็มีสิทธิ์หวงและไม่ชอบใจเหมือนกัน.. “นี่!..” เสียงของเจสสิก้าเรียกจากด้านหลัง ซึ่งไซนัสรู้ว่าพี่สาวเดินตามหลังมาติดๆ ทำให้เขาหยุดเดิน แล้วก็หันหลังไปมอง ซึ่งไซนัสทำหน้าทะเล้นใส่และพูดกวนโอ้ยว่า “มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ พี่สาวคนสวย..” “นายจะพูดอะไรกับคุณอาเซนทาเมื่อกี่นี้” เจสสิก้าพูดกับน้องชายพลางหันไปยิ้มหวานให้แขกเหรื่อที่เดินเข้ามาทักทายเธอ “พูดอะไรครับ” ไซนัสถามกลับอย่างยียวน “นี่แก” เจสสิก้ากำมือแน่น โกรธน้องชายต่างแม่จนหน้าตาแดงก่ำ “อ้อๆ จำได้แล้ว เรื่องของพี่กับลูกชายของคุณอาเซนทานะเหรอ” ไซนัสพูดพลางยกมือไหว้แขกของพ่อที่เดินมาทักทาย “ถ้าแกพูดเรื่องของฉันกับยาคุชิให้คุณเตชินท์ฟังล่ะก้อ ฉันจะตัดลิ้นของแกเสีย” เจสสิก้ากัดฟันพูดใส่หน้าน้องชาย “ผมไม่พูดหรอกครับ ถ้าพี่ไม่เข้ามายุ่งเรื่องของผม” ไซนัสบอกพี่สาว เมื่อน้องชายต่างแม่เดินหนี เจสสิก้าก็รีบเดินตามแล้วพูดว่า “เดี๋ยว ฉันยังพูดไม่จบ..” “ว่ามา” ไซนัสถามพี่สาว “นายเสียมารยาทมากนะ ทำไมไม่ยกมือไหว้คุณชินท์ เขาเป็นพี่เขยของนายนะ” เจสสิก้าทำหน้าตาขึงขังใส่น้องชาย “ผมว่าผมรู้จักสามีคนมะ..” ไซนัสหยุดพูดว่า ‘สามีใหม่ของพี่แล้วนะ’ เมื่อได้สบตาเขียวปัดของพี่สาวต่างแม่ ที่เจอหน้ากันทีไรต้องทะเลาะกันทุกที “หุบปากของนายไว้เลย!” เจสสิก้ายกมือชี้หน้าพร้อมทั้งขู่ฟ่อๆ เหมือนแม่เสือไม่ให้ไซนัสพูดเรื่องอดีตของเธอ “ครับผม ผมไม่พูดเรื่องของพี่หรอกครับ แต่ดูท่าาทางสามีใหม่ของพี่เขาไม่ได้โง่นะ” ไซนัสพยักหน้าให้พี่สาวดูข้างหลัง ซึ่งเห็นเตชินท์กำลังเดินตรงมาหาพวกเขา “นี่อีไซนัส!” เจสสิก้าโมโหจนตะคอกเสียงดังในลำคอ ซึ่งเธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกน้องชายจากไอ้เป็นอี “ผมพูดความจริงนะครับ นี่พี่ไปทำรีแพร์หรือเปล่า พี่เขยถึงไม่รู้ว่าพี่ผ่านผู้ชายผู้หญิงมากี่คนแล้ว” ในเมื่อถูกเรียกเป็นอี ไซนัสจึงทำเสียงเหมือนผู้หญิงถามพี่สาว “ไอ้ไซนัส ฉันบอกให้แกหยุดเห่าเรื่องของฉันเดี๋ยวนี้” คำพูดของไซนัสทำให้เจสสิก้าอยากจะร้องกรี๊ดๆ เมื่อไอ้น้องชายพูดแทงใจดำ ‘ใช่! ไซนัสพูดถูก เตชินท์ไม่ใช่คนโง่ ขนาดเขาเมาขาดสติครั้งนั้นเขายังไม่ทำอะไรเธอเลย ซึ่งเป็นเธอเองที่วางแผนจัดฉากให้ตัวเองตกเป็นของ เตชินท์..’ “ครับผม พี่สาวมีอะไรกับผมอีกไหม ถ้าไม่มีผมขอตัวนะครับ” ไซนัสยั่วพี่สาว หยักหัวไหล่ใส่เธอแล้วเดินหนี ไม่อยากสนทนากับพี่สาวที่เอาแต่ใจและชอบดูถูกเขาว่าเป็นลูกเมียน้อย “เดี๋ยว! นายต้องไปไหว้คุณชินท์เดี๋ยวนี้” เจสสิก้ายังไม่ยอมหยุด เธอเดินไปดักหน้าไซนัสพลางยกมือผลักอกของน้องชาย “โอเค ผมจะไหว้พี่เขย ถ้าพี่ยอมไหว้เพื่อนรักของผม” ไซนัสบอกพี่สาว พร้อมพยักหน้าทักทายแขกเหรื่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่เดินผ่านไปมา “นี่นายยังคบกับนายโทนี่อยู่เหรอ” เจสสิก้ายิ้มเยาะน้องชายที่มีนิสัยเป็นผู้หญิง “ไปทักทายเขาหน่อยไหมครับ” ไซนัสถามพี่สาว “ฉันนึกว่านายเลิกกับไอ้โทนี่ไปนานแล้วเสียอีก นี่ยังไม่เปลี่ยนรสนิยมอีกเหรอ” เจสสิก้าถามเสียงเยาะเย้ย ส่งสายตาดูแคลนมองน้องชายตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหัว พลางปลายหางตาหันหลังไปมองโทนี่ที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวที่เคาน์เตอร์บาร์ “แน่นอน ผมรักเดียวใจเดียวครับ ไม่เหมือนพี่หรอกครับ ชอบเปลี่ยนรสนิยม ชะ..” ‘ชายก็ได้หญิงก็ดี’ ไซนัสหยุดพูดเมื่อเจสสิก้ากัดฟันพูดใส่หน้าเขาเสียงดังว่า “ถ้านายพูดมาก เรื่องของแกฉันก็จะบอกคุณพ่อเหมือนกัน”เจสสิก้าสั่งน้องชายให้หยุดพูดเรื่องอดีตของเธอด้วยสายตาเขียวปัด “จะบอกว่าผมชอบไม้ป่าเดียวกันเหมือนพี่นะเหรอ” ไซนัสหัวเราะหึๆในลำคอ เขากำลังจะพูดต่อว่า ‘เหมือนพี่ที่ชอบแบบหนึ่งรุมสามรุมสี่นะเหรอครับ’ แต่ก็หยุดและพยักหน้าให้พี่สาวหันหลังไปมอง เจสสิก้าหันหลังไปมอง แล้วหันกลับมาจ้องหน้าของน้องชายตาเขม็ง พลางขู่ไซนัสเสียงดังอีกครั้งว่า “ถ้านายพูดเรื่องของฉัน ฉันก็จะบอกให้ทุกคนรู้ว่านายไม่ใช่ผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์..’ “คุณเจสครับ” เตชินท์ยิ้มและทักทายทุกคน พร้อมทั้งเดินเข้าไปยืนประกบหลังของภรรยา พลางยกมือสองข้างวางไว้บนบ่าของเธอ “อุ๊ย!” ด้านเจสสิก้าแกล้งทำเสียงตกใจ “เป็นอะไรครับ ทำไมดูคุณตื่นเต้นจัง ตัวสั่นด้วย” เตชินท์จับให้เจสสิก้าให้หันมายืนเผชิญหน้ากัน เป็นเพราะเธอตัวเล็ก เตชินท์จึงย่อตัวลงเล็กน้อยให้ใบหน้าของเขาและเธออยู่ในระดับเตียวกัน “มะ ไม่เป็นไรนี่ค่ะ” เจสสิก้าปฏิเสธ พลางขยับตัวยืนหันหลังให้เตชินท์ แล้วเธอก็มองหน้าไซนัส “พี่เจสคงตื่นเต้นที่ได้เจอผมนะครับ” ไซนัสปรับเสียงท่าทีให้เป็นผู้ชายเต็มร้อยบอกเตชินท์ “เหรอครับ” เตชินท์มองเสี้ยวหน้าเจสสิก้า แล้วมองหน้าไซนัส “คือว่าเจสกับไซนัสนานๆจะได้เจอกันนะคะ ใช่ไหมไซนัส”เจสสิก้าบอกเตชินท์ แล้วขยิบตาให้ไซนัสพูดอะไรก็ได้ “ผมไซนัสครับ ยินดีที่ได้รู้จักพี่เขย คะ..” ไซนัสพยักหน้ารับรู้ เขายิ้มกวนโอ้ยพี่สาวแล้วหยุดคำว่า พี่เขยคนใหม่’ เมื่อเจสสิก้าพูดเสียงดังว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเตชินท์ครับ” เตชินท์เอ่ยทักทายไซนัส “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้สวัสดีพี่เขย เพราะมัวแต่ทักทายแขกของคุณพ่อนะ” ไซนัสยกมือไหว้เตชินท์ “ไม่เป็นไรครับ ผมก็เหมือนกันครับ” เตชินท์ตอบเสียงเรียบพลางยกมือไหว้ไซนัส “คุณคงไม่ว่านะครับ ถ้าผมจะเรียกคุณว่าพี่เขย” ไซนัสถามเตชินท์ “ได้ครับ จะเรียกผมแค่ชื่อก็ได้ครับ” เตชินท์บอกไซนัส “โอ๊ย ผมไม่กล้าเรียกพี่เขยแค่ชื่อหรอกครับ” ไซนัสรีบยกมือห้าม “ทำไมครับ” เตชินท์ถามไซนัส “ถ้าผมเรียกพี่เขยแค่ชื่อ ผมคงเป็นศพแน่ครับ” ไซนัสพูดทีเล่นทีจริงพลางพยักหน้าให้เตชินท์มองเจสสิก้า “ก็นายอายุน้อยกว่าคุณชินท์ นายก็ต้องเคารพคุณชินท์สิ” เจสสิก้ารู้ว่าน้องชายพูดประชดประชัน “ครับพี่สาว” ไซนัสก็แกล้งพูดเล่นไปตามพี่สาวต้องการ “อะไร?” เจสสิก้าถามเมื่อไซนัสยื่นของให้ “ผมคงให้ของขวัญช้าไปนะครับ” ไซนัสกวักมือเรียกโทนี่ ซึ่งเพื่อนชายของเขาก็เดินมาหา “ขอบคุณครับ” เตชินท์เป็นคนรับของขวัญจากมือของไซนัส “โทนี่นี่พี่เตชินท์สามีของพี่เจส ส่วนนั่นพี่เจสคนสวย” ไซนัสยังไม่หยุดพูดยั่วพี่สาว “สวัสดีครับพี่เจส คุณเตชินท์” โทนี่จับมือเจสสิก้ามาหอม แล้วยื่นมือให้เตชินท์จับ “โทนี่ นี่นายทำบ้าอะไร” เจสสิก้าทำเสียงดุใส่โทนี่ แต่ก็ปล่อยให้ชายหนุ่มหอมหลังมือ ด้านเตชินท์ถึงจะสงสัย แต่ก็แกล้งโง่ ยืนยิ้มรับไมตรีทุกคน พลางยื่นมือไปจับมือของโทนี่ พร้อมทั้งพูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเตชินท์ครับ..” “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เมื่อเช้าเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยเลยไม่ได้ไปร่วมงานแต่ง พี่เขยพี่เจสคงไม่โกรธผมนะครับ” ไซนัสเล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าให้พี่สาวและพี่เขยฟัง “แล้วเป็นอะไรมากไหมครับ” เตชินท์ถามไม่ทันจบประโยคก็ต้องหยุดพูด แล้วหันหลังไปมอง ซึ่งโอชิเดินมาได้ยินพอดี เขาก็พูดแทรกขึ้นว่า “เมื่อกี้นี้พ่อได้ยินไซนัสพูดเรื่องอุบัติเหตุ ใครเป็นอะไรเหรอ..” “แฟนผมเองครับ” ไซนัสขยิบตาให้โทนี่เล่นไปตามที่เขาทั้งสองคุยกัน หลังจากออกจากโรงพยาบาลเมื่อตอนเช้านี้ “นี่ไซนัส คุณเอาจริงเหรอ” โทนี่กระซิบถามไซนัสให้ได้ยินกันสองคน “เดี๋ยวผมจัดการเอง” ไซนัสบอกโทนี่เสียงกระซิบให้เขาได้ยินคนเดียว “แล้วคุณคิดว่า เธอจะยอมข้อเสนอของพวกเราเหรอ” โทนี่ถามกลับเสียงเบา ไซนัสไม่ตอบแต่เขากลับถามโทนี่ว่า “คุณเชื่อใจผมไหมล่ะ..” “ผมเชื่อใจคุณ แต่ผมคิดไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นจะยอมไหม” โทนี่พูดกระซิบเตือนไซนัส เพราะดูท่าทีของเธอคนนั้นจะหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่เหมือนกัน “ถ้าเรายื่นขอเสนอด้วยเงินหลายล้าน และทำให้เธอหายป่วย ผมคิดว่าเธอต้องตกลงแน่ๆ” ไซนัสบอกโทนี่ “..” ความคิดของไซนัสทำให้โทนี่ไม่พูด เขาทำเพียงแค่กะพริบเปลือกตาเพื่อเป็นการยอมรับความคิดเห็นของไซนัส ด้านเจสสิก้าไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายต่างแม่จะมีแฟนเป็นผู้หญิง และเธอก็รู้ว่าไซนัสและโทนี่เป็นแฟนกัน เธอยิ้มเยาะชายหนุ่มทั้งสอง แล้วถามน้องชายที่มีจิตใจเป็นหญิงว่า “นี่นายมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรเหรอ..” “นี่พี่เจส การที่ผมจะมีแฟนมีลูกทำไมผมต้องบอกพี่ด้วยครับ” ไซนัสยืนกอดอกมองหน้าพี่สาวอย่างกวนบาทามาก “อะไรนะ เมื่อกี้นี้ไซนัสว่าอะไรนะลูกพ่อ ไซนัสกำลังจะมีลูกเหรอ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พ่อรู้จักเธอไหม” โอชิถามลูกชาย “คุณพ่อครับถามผมทีละคำถามก็ได้ครับ ใช่ครับแฟนผมกำลังท้องครับ ได้สามเดือนกว่าแล้วครับ ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อคุณพ่อก็ถามโทนี่ดูสิครับ จริงไหมโทนี่” ไซนัสท้าให้พ่อถามเพื่อนชาย “จริงเหรอโทนี่ ไซนัสมีเมียและกำลังจะมีลูกจริงๆเหรอ” โอชิถามเพื่อนสนิทของลูกชาย “ค.. ครับ” โทนี่ตอบเสียงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร เขานึกไม่ออกเลยว่าไซนัสมีแผนจะทำอะไร และทำไมต้องดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามายุ่งด้วย “ทำไมไซนัสไม่เคยบอกพ่อเลยล่ะลูก แล้วนี่เธอเป็นลูกเต้าเล่าใครเหรอ พ่อรู้จักไหม” โอชิถามลูกชายคนเดียว “คุณพ่อไม่รู้จักเธอหรอกครับ เพราะเธอเป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งครับ” ไซนัสบอก “จะจนจะรวยไม่สำคัญหรอกลูก ขอแค่ให้ลูกกับเธอคนนั้นรักและแต่งงานกันพ่อก็ดีใจแล้ว” เพราะเข้าใจตลอดเวลาว่าลูกชายเป็นเกย์ชอบผู้ชายด้วยกัน แต่พอลูกชายมาบอกว่ากำลังจะมีลูกมีเมียก็ทำให้คนแก่ดีใจมาก “ครับ ถ้าผมพร้อมเมื่อไรผมจะพาเธอมารู้จักคุณพ่อนะครับ” ด้านไซนัสให้คำมั่นสัญญากับพ่อ “ให้พ่อไปขอเธอกับพ่อแม่ของเธอไหม” โอชิอยากให้ลูกชายคนเดียวมีครอบครัวและมีลูกเร็วๆไว้สืบสกุล เขาจึงสนับสนุนให้ไซนัสแต่งงาน… สามวันต่อมา....ที่โรงพยาบาล เกวลินนั่งฟังคุณหมอพูดเรื่องโรคที่เธอเป็นด้วยความรู้สึกมึนงง ถึงจะไม่เข้าใจในเรื่องที่คุณหมอบอก เธอก็พยักหน้ารับรู้ทั้งที่เบลอๆ “ค่ะ” เกวลินสีหน้าหมองหม่นเงยขึ้นมองคุณหมอ “หมอจะรักษาคุณด้วยยาไปก่อนนะคะ” คุณหมอบอก “ยาเหรอคะ แล้วลูกของฉันล่ะคะจะเป็นอันตรายไหมคะ ถ้าฉันต้องกินยารักษา” เกวลินถาม พร้อมทั้งหลบสายตาลงมองมือที่สัมผัสหน้าท้องแบนราบ “คุณเป็นไทรอยต์เป็นพิษ ย่อมอันตรายต่อเด็กในท้องอยู่แล้ว และถ้าคุณไม่รักษาตอนนี้ก็จะกลายเป็นมะเร็งในต่อมไทรอยด์ได้คะ” คุณหมอเล่าอาการของคนเป็นโรคนี้ให้เกวลินฟังอย่างละเอียด “ฉันกลัวค่ะ กลัวลูกจะเป็นอันตราย คุณหมอต้องช่วยลูกของฉันนะคะ” เกวลินพูดเสียงสั่นเครือ ว่าจะไม่อ่อนแอร้องไห้ แต่เธอก็อดไม่ได้เพราะปัญหาชีวิตและสุขภาพต่างทับถมจนเธอตั้งตัวไม่ทัน “หมอจะช่วยกันดูแลคุณและลูกในท้องให้ปลอดภัยนะคะ” คุณหมอพูดให้กำลังใจเกวลิน “แล้วโรคนี้ต้องใช้เงินเยอะไหมคะคุณหมอ” เกวลินถามคุณหมอทั้งที่ยังก้มหน้า ดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตาเอ่อเบ้ามองหน้าท้องของตัวเอง และก่อนที่เธอจะเงยหน้ามองคุณหมอนั้น เธอได้แอบเช็ดน้ำตาออกจากแก้มสองข้าง “อันนี้เป็นหนังสือนะ คุณลองเอาไปอ่านดู และนี่เวลานัด คุณต้องมาตรวจใหม่อีกครั้งเดือนหน้านะคะ” เมื่อเขียนใบนัดแล้ว คุณหมอก็เงยหน้าขึ้นพร้อมทั้งเอาเอกสารสอดใส่ในแฟ้มแล้วยื่นให้ “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” เกวลินเอาเอกสารจากมือคุณหมอมาใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายอย่างเบลอๆ ในเวลานี้เธอเหมือนคนละเมอลุกขึ้น แล้วเดินตามคุณหมอไปยืนตรงประตู…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม