บทที่ 5 ยืนเพียงลำพังคนเดียว

4014 คำ
บทที่ 5 ยืนเพียงลำพังคนเดียว ยี่สิบนาทีต่อมา.. เกวลินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินมายืนตรงหน้าโรงพยาบาลและขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีเมื่อคนขับรถถามเธอว่า “จะไปไหนเหรอนังหนู..” “ไปที่นี่ค่ะ” เกวลินบอกพร้อมเอาที่อยู่ให้ลุงคนขับรถแท็กซี่ “ลุงจะขับไปอีกทางนะ ถ้าไปทางตรงรถคงติดน่าดู” คนขับรถแท็กซี่อ่านที่อยู่แล้วเอากระดาษคืนให้เธอ “ได้ค่ะ” เกวลินขานรับแล้วเอนหลังพิงเบาะรถ เธอเหนื่อยมากจึงเกยหัวบนพนักเบาะ ส่วนดวงตาคู่โตก็ค่อยๆหลับลงนั้นเบิกโพรงทันทีเมื่อนึกถึงค่ารักษาที่เธอนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลตลอดสามวันมานี้ “ใครเป็นคนจ่ายค่ารักษาให้เรานะ” เกวลินผงกหัวนั่งตัวตรง ก่อนที่จะเอาใบเสร็จในกระเป๋าออกมาดูนั้นเธอได้เหลือบตามองคนขับรถ “ทำไมแพงจัง ตั้งหมื่นห้าเชียวเหรอ” เกวลินพูดเสียงเบาหวิวคนเดียว เมื่อมองเห็นตัวเลขใบเสร็จรับเงิน “เฮ้ย! ทำไมไม่เห็นมีชื่อในใบเสร็จเลย” เกวลินถอนหายใจทางปากเสียงดัง ‘ฟู่!’ เธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เธอ เกวลินนึกย้อนไปเมื่อตอนเช้า.. “เลขที่สี่สิบเก้าเชิญช่องสองค่ะ..” เสียงโอเปอเรเตอร์อัตโนมัติประกาศหมายเลข ซึ่งทำให้เกวลินก้มมองกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆในมือ และเมื่อแน่ใจว่าเป็นหมายเลขของเธอ เธอจึงลุกขึ้น “ฉันเองค่ะ” เกวลินเอาบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ดู เพื่อยืนยันว่าเป็นเธอ “คุณเกวลิน ทิวานันท์” เจ้าหน้าที่พูดคนเดียว พลางเอียงหางตามองบัตรประชานของเกวลิน แล้วหันไปมองคอมพิวเตอร์ “ฉันต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไรคะ” เป็นเพราะกังวลเรื่องเงินรักษา ทำให้ เกวลินถามเจ้าหน้าที่ “มีคนจ่ายไปแล้วนี่ค่ะ”เจ้าหน้าที่บอก แล้วเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์มองหน้าเกวลิน “มีคนจ่ายแล้ว ใครจ่ายหรือคะ?” เกวลินทำหน้างงมองหน้าเจ้าหน้าที่อย่างสงสัย “อันนี้ฉันก็ไม่รู้ค่ะ” เจ้าหน้าที่บอกพร้อมเอาเอกสารให้เกวลินเซ็นชื่อ “ค่ะ” เกวลินเขียนชื่อนามสกุลลงในใบเสร็จยาอย่างงุนงง “ไปรับยาช่องที่สี่นะคะ”เจ้าหน้าที่เอาใบเสร็จรวมทั้งใบรับยาให้เกวลิน “ค่ะ” เกวลินมองหน้าเจ้าหน้าที่ แล้วชะเง้อคอมองช่องรับยา.. เกวลินถอนหายใจแผ่วเบา เมื่อใบหน้าของผู้ชายสองคนที่พาเธอส่งโรงพยาบาลเมื่อหลายวันก่อนลอยมาอยู่ในความคิดของเธอ แล้วเธอก็ถามตัวเองในใจว่า ‘คงไม่ใช่คุณสองคนหรอกนะ..’ ด้านลุงคนขับแท็กซี่เมื่อมาถึงที่หมายก็จอดรถ และสิบนาทีผ่านไปได้มั้งเมื่อผู้โดยสารไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถ คนขับแท็กซี่จึงถามผู้โดยสารว่า “หนู..” เสียงของคนขับรถแท็กซี่เรียกเธอ ซึ่งทำให้เกวลินที่นั่งจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองนั้นสะดุ้งตื่นจากพะวงแล้วขานรับว่า “คะ..” “ใช่ที่นี่ไหม” ลุงคนขับรถแท็กซี่ถาม “ใช่ค่ะ” เกวลินมองอะพาร์ตเม้นต์ผ่านกระจกรถด้านข้าง แล้วหันมามองลุงคนขับรถแท็กซี่ ก่อนที่เธอจะออกจากรถ เธอเอาเงินสองร้อยห้าสิบให้คนขับแท็กซี่ สิบห้านาทีได้มั้งที่รถแท็กซี่ขับออกไปไกลแล้วแต่เกวลินยังยืนเคว้งคว้างอยู่ที่เดิม สายตาไหวระริกมองที่จอดรถซึ่งที่ตรงนั้นจะมีรถมอเตอร์ไซค์ของพี่ชินท์จอดอยู่ แต่ตอนนี้มันว่างเปล่ามานานหลายเดือนแล้ว “นี่เธอ!..” “อุ๊ย! เจ้หยกมาเงียบๆ ฉันตกใจนะ” เสียงของเจ้าของห้องพัก เอ่ยทักเสียงดัง ซึ่งเกวลินกำลังจะเดินขึ้นบันไดต้องหยุดชะงัก “ขวัญอ่อนจังนะเธอ” เจ้หยกพูดประชดประชัน “เจ้หยกมีอะไรกับฉันเหรอคะ ถ้าไม่มีฉันขอตัวนะคะ” เกวลินถาม พลางเดินเบี่ยงซ้ายจะขึ้นบันได “เดี๋ยว!..” เกวลินปรับสีหน้าเหน็ดเหนื่อยให้เป็นปรกติ และก่อนที่เธอจะหันไปมองเจ้าของห้องพัก เธอก็ได้หายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วถามเจ้หยกว่า “เจ้หยกมีอะไรเหรอ?..” “นี่เธอแกล้งโง่หรือเปล่า เธอรู้ไหมสามเดือนแล้วนะที่ผัวเธอยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าห้อง” เจ้หยกพูดเสียงดังเหมือนประจานเกวลิน จนคนเดินผ่านไปมาต่างพากันมองเธอเหมือนตัวประหลาด “เอ่อ ฉะ ฉันขอโทษเจ้หยกด้วยนะ” ‘หึ! ไม่อยากเจอหน้ากัน ทำไมไม่โทรมาบอกกันว่าจะไม่จ่ายค่าห้องให้แล้วนะ แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ’ เกวลินหัวเราะเยาะสมเพชตัวเองในใจ เมื่อเธอยังคิดเสมอว่าเตชินท์คงยังจ่ายค่าห้องพักให้เธอ ‘เขาจะมาจ่ายให้เธอเพื่ออะไร ในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว’ เกวลินหัวใจชอกช้ำพูดคนเดียวในใจ “แล้วนี่ผัวเธอไปไหนละ ฉันไม่เห็นนานแล้วนะ” เจ้หยกถามหาเตชินท์ พลางหันไปมองหามอเตอร์ไซค์ของเตชินท์ แต่ลานจอดรถกลับว่างเปล่าไม่มีรถของชายหนุ่มมาจอดนานหลายเดือนแล้ว “เรื่องค่าห้องเดี๋ยวฉันจัดการให้ค่ะ เกวลินไม่ตอบคำถามของเจ้หยก แต่เธอเอากระเป๋าเงินออกจากกระเป๋าสะพายมาถือไว้ “ก็จ่ายมาสิ หรือเธอจะไม่จ่าย ถ้าไม่จ่ายกะ..” เจ้หยกไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘ถ้าไม่จ่ายก็ออกไป’ ก็ต้องหยุดพูดเมื่อเกวลินพูดแทรกขึ้นว่า “จ่ายค่ะ” เกวลินบอกเจ้หยก พลางเปิดกระเป๋าเงิน “งั้นก็เอามาสิ สามเดือน หมื่นห้า จ่ายมาเงินสดนะ” เจ้หยกแบมือของเงินจากเกวลิน “เงินสดฉันมีแค่พันเดียวเอง” เกวลินมองเงินห้าร้อยสองใบในกะเป๋า แล้วมองหน้าเจ้หยก “ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่าวันนี้ ก็เก็บของออกจากห้องไปเลย”เจ้หยกพูดใส่หน้าเกวลิน พร้อมทั้งกระชากเงินพันห้าในมือเกวลินมาถือไว้ “เจ้หยกค่ะ” เกวลินก้มเก็บกระเป๋าเงินบนพื้น แล้วเงยหน้ามองเจ้หยก ซึ่งเจ้หยกกำลังเอาเงินพันห้าร้อยยัดใส่กระเป๋าเสื้อ “อะไรอีก” เจ้หยกถามเสียงสะบัด “ฉันผลัดจ่ายค่าห้องเป็นอาทิตย์หน้าได้ไหมค่ะ พอดีอาทิตย์หน้าเงินเดือนฉันออกพอดีค่ะ” เกวลินรีบเดินขึ้นบันไดพลางอธิบายให้เจ้หยกฟัง “นี่แม่คุณ ฉันให้เธอค้างค่าเช่ามาสามเดือนแล้วนะ ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ออกจากห้องนี่ไปเลย” เจ้หยกทำนิสัยเป็นเจ้าของห้องพักหน้าเลือด “นั่นเจ้หยกจะทำอะไรคะ” เกวลินถามและพยายามจับมือของเจ้หยกไว้ ไม่ยอมให้เจ้หยกไขกุญแจห้อง “ก็จะเข้าไปช่วยเธอขนของนะสิ” เจ้หยกไม่ยอม เมื่อนางไขห้องได้แล้ว นางก็ผลักประตูห้องให้เปิดกว้าง สายตาอยากรู้อยากเห็นก็กวาดมองใช้ต่างๆในห้อง “ฉันบอกเจ้หยกแล้วไง อาทิตย์หน้าฉันจะเอาเงินมาให้” เกวลินไม่ยอมให้เจ้หยกเข้าห้อง “ฉันไล่เธอออก เก็บเสื้อผ้าของเธอแล้วออกไปจากที่นี่ซะ..” “เจ้หยก!” เกวลินยืนหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก เธอยังมึนงงมากไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้หยกถึงไล่เธออย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้ “พวกทีวีตู้เย็นตู้เสื้อผ้าและเครื่องเสียงฉันยึดนะ” เจ้หยกชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟมองของมีค่าในห้องของเกวลิน “นี่เจ้หยกไล่ฉันจริงๆเหรอ” เกวลินหันหลังไปมองข้าวของในห้องตามสายตาลุกวาวของจ้าหยก “ตู้เย็นฉันคิดห้าพัน ทีวีจอแบนแต่เก่าแล้วฉันคิดสามพัน ตู้เสื้อผ้าเตียงนอนเครื่องเสียงและพวกเตาแก๊สฉันตีเป็นเงินสามพันก็แล้วกัน รวมแล้วเธอยังค้างค่าเช่าอยู่นะ แต่ฉันไม่เอาถ้าเธอยอมออกไปโดยไม่เอาเงินประกัน” เจ้หยกกดเครื่องคิดเลขให้เกวลินดูว่าเธอยังค้างค่าเช่าอยู่สี่พันบาท “..” เกวลินไม่มีคำพูด เธอยังยืนช็อก ดวงตาคลอน้ำใสมองข้าวของเครื่องใช้ที่ยังใหม่แต่เจ้หยกกลับให้ราคาเหมือนเป็นของมือสองมือสาม “นี่เธอ ได้ยินฉันพูดไหม รีบเก็บของแล้วรีบออกจากห้องนี้ได้แล้ว ฉันจะได้ให้คนอื่นมาเช่าแทน” เจ้หยกตะคอกเสียงใส่เกวลิน “ค่ะ” เกวลินพยักหน้ารับรู้อย่างมึนงง “ถ้าได้ยินก็รีบขนของออกไปสิ หรือจะให้ฉันเรียกยามมาช่วยขนของ” เจ้หยกทำท่าจะตะโกนเรียกยามให้ขึ้นมาข้างบน “ไม่ต้อง ฉันเก็บเองได้” เกวลินบอกเจ้หยกแล้วปิดประตูห้อง “ฉันให้เวลาเธอเก็บของสามสิบนาทีนะ ถ้ายังไม่ออกไปฉันจะให้ยามมาลากตัวเธอออกไปจากห้องแน่” เจ้หยกเจ็บใจที่เกวลินปิดประตูใส่หน้า นางจึงตะโกนเสียงดังจนคนข้างห้องต่างเปิดประตูออกมาดู.. ความเหน็ดเหนื่อยบอบช้ำจิตใจแตกสลายและขวัญที่เสียไปทำให้เกวลินยังยืนหลังพิงบานประตูห้อง น้ำตาที่คิดว่าจะกักกลั้นไม่ยอมให้ไหลมาประจานความอ่อนแอของตัวเองนั้น กลับไหลรินเป็นสายอาบแก้มสองข้าง “ฮืออ..”เกวลินเคว้งคว้างความทุกข์ระทมเข้ามาเกาะกินหัวใจ และทับถมจนเธอตั้งตัวไม่ติด เธอปล่อยโฮร้องไห้สะอึกสะอื้นปานใจจะขาดเมื่อเหลือบตาไปเห็นภาพถ่าย “ยะ ยายจ๋า เกวไม่ไหวแล้ว เกวอยากไปอยู่กับยายเหลือเกิน ฮืออ..” เกวลินไม่มีแรงเดินต่อจึงทรุดฮวบนั่งกองบนพื้นปูนเย็นเชียบ เธอคลานเข้าไปนั่งทับสนเท้าตรงโต๊ะวางของจุ๊กจิ๊ก ดวงตาคู่โตเต็มไปด้วยน้ำตามองรูปถ่ายของยาย มือสองข้างที่พนมมือไหว้ยายนั้นยื่นไปเอารูปของยายมากอดไว้ “ยายจ๋า เกวคิดถึงยายเหลือเกิน อึกก” เกวลินยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อได้ก้มจูบรูปยาย ดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตาบดบังมองไปรอบห้อง ซึ่งมองไปตรงจุดไหนไม่ว่าจะเป็นโซฟานั่งดูทีวี หรือแม้ห้องครัวด้านนอก หรือจะเป็นเตียงนอน ภาพเขาและเธอที่เคยรักกันมีความสุขกันก็ผุดขึ้นมาทันที.. เสียงไขกุญแจดังอยู่หน้าประตูห้อง ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน ซึ่งเธอยืนทำอาหารเย็นอยู่นอกระเบียงชะเง้อคอมอง และถามว่า “กลับมาแล้วเหรอคะ..” “ทำอะไรเหรอเกว” เตชินท์ถาม พลางถอดรองเท้าและจะทำแบบนี้ทุกครั้ง ซึ่งเขาจะเขี่ยให้รองเท้าซุกเข้าไปในซอกตู้เก็บรองเท้า “เกวช่วยค่ะ” เกวลินยิ้มให้พี่ชินท์ เมื่อชายหนุ่มหอมหน้าผากของเธอ เธอช่วยเก็บรองเท้าใส่ไว้ในตู้ร้องเท้าให้พี่ชินท์ แล้วถือกระเป๋าทำงานของเขา เดินตามสามีเข้าไปในห้อง “นี่เกวกลับมานานแล้วเหรอ” เตชินท์ถามพร้อมทั้งดึงเนกไทออกจากปกคอเสื้อ แล้วโยนไปกองไว้ตรงโต๊ะรับแขก “สักพักแล้วค่ะ” จะเป็นแบบนี้ทุกวัน ถึงเธอจะเหนื่อยแต่เธอก็คอยเอาใจใส่สามี เกวลินเก็บเนกไทของพี่ชินท์ แล้วเอากระเป๋าและเสื้อสูทของพี่ชินท์ไปเก็บในห้องนอน แล้วเดินไปเอาน้ำเย็นในตู้เย็น แล้วเธอก็เดินไปนั่งบนตักของพี่ชินท์ “ขอบใจนะ” เตชินท์เมื่อดื่มน้ำเย็นแล้ว เขาก็วางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะรับแขก “เหนื่อยเหรอคะ เข้าไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไหมค่ะ จะได้สบายตัว” เกวลินกอดพี่ชินท์ คางของเธอเกยหัวของเขาพูดเบาๆให้พี่ชินท์ได้ยิน “เหนื่อยมากเลย แต่เห็นหน้าเมียแล้วก็หายเหนื่อยเลย” เตชินท์กอดน้องไว้แน่น แล้วพูดชิดซอกคอหอมกรุ่นของเมียรัก “คนหื่น” เกวลินพูดห้ามปราม แต่ร่างกายอ่อนนุ่มกลับปล่อยให้พี่ชินท์ได้เชยชม “ว่าพี่หื่นเหรอ ได้ เดี๋ยวพี่จะหื่นให้ดู” เตชินท์พูดชิดร่องอกนุ่มแล้วลุกขึ้น “ว้าย! พี่ชินท์ปล่อยเกวเดี๋ยวนี้นะ” เกวลินร้องกรี๊ด ลำแขนเรียวเล็กสองข้างรีบโอบกอดลำคอหนาไว้แน่น “อาบน้ำกับพี่นะ” เตชินท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อได้สบตาคู่งาม เขาก้มจุบปากอิ่มพลางอุ้มคนตัวเบาเข้าไปในห้องนอน “ไหนจะอาบน้ำไม่ใช่เหรอคะ ทำไม..” เมื่อแผ่นหลังแตะที่นอนเกวลินก็พยุงตัวลุกนั่ง ใบหน้างามผ่าวร้อนเมื่อมองพี่ชินท์กำลังถอดเสื้อ “ก่อนอาบน้ำก็จะออกกำลังกายให้ได้เหงื่อก่อนนะสิ” เตชินท์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเพียงสองเม็ด แล้วดึงชายเสื้อออกจากเอวกางเกงแล้วถลกขึ้นถอดเสื้อออกจากทางหัว “ไม่เอาค่ะ” เกวลินรู้ว่าสามีต้องการอะไร เธออายจนหน้าแดงระเรื่อเป็นมะเขือเทศ คลานหนีพี่ชินท์รอบเตียงไปนั่งพับเสื้อเชิ้ตของเขาตรงปลายเตียง “แต่พี่จะเอา” เตชินท์เดินอ้อมเตียงไปยืนตรงปลายเตียง แล้วคลานขึ้นเตียงต้อนน้องจนเธอจนมุมหลังชนพนักหัวเตียง “พี่!” เสียงใสครางกระเส่าเมื่อถูกมือหนาร้อนเป็นเปลวไฟลูบไล้ขาเรียวเล็ก นิ้วมือของเขาไต่ยุบยิบเป็นตัวปูมาถึงต้นขาอ่อนด้านในพยายามจะใช้นิ้วมือเกี่ยวขอบกางเกงในของเธอ “โอเค พี่ไม่เอาก็ได้ แต่คืนนี้เธอเสร็จพี่แน่” แววตาอ้อนวอนของน้องทำให้เตชินท์โน้มตัวนอนทับคนตัวน้อย เขาจูบปากอิ่มแล้วขยับตัวนอนตะแคงข้างจับให้เมียหันมานอนสบตากัน “บ้า เกวไม่คุยกับพี่แล้ว” เกวลินทำหน้างอใส่พี่ชินท์ แล้วขยับตัวในอ้อมแขนกำยำนอนหันหลังให้คนหน้าหื่น “พี่รักเธอนะ เกว” เตชินท์จับน้องให้นอนหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง หน้าผากหนาชนกับหน้าผากนุ่ม ปากหยักก็จุ๊บปลายจมูกเรียวเล็ก “เกวก็รักพี่ค่ะ” เกวลินหลับตาพลิ้วเมื่อพี่ชินท์จูบดวงตาสองข้างของเธอ “อดทนหน่อยนะเกว พี่จะหาเงินซื้อบ้านซื้อรถซื้อทุกอย่างที่เธออยากได้” เตชินท์เชยคางน้อยให้หน้างามแหงนขึ้น แล้วเขาก็จูบปากนุ่มเนิ่นนานอย่างดูดดื่ม “ต่อให้ลำบากมากแค่ไหน ถ้ามีพี่ เกวก็อยู่ได้ค่ะ” เกวลินพูดเสียงอู้อี้เมื่อพี่ชินท์จูบกระชากวิญาณ “ดวงใจของพี่ พี่สัญญาว่าพี่จะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา พี่จะสร้างทุกอย่างไว้ให้ลูกและทำให้เธอมีความสุขและไม่ยอมให้เธอได้อายและน้อยหน้าใครแน่..” “ค่ะ” เกวลินนอนน้ำตาซึม “เราจะมีลูกด้วยกันนะเกว เกวว่ากี่คนดี สักสองคนดีไหม..”… เป็นเพราะน้ำตาร้อนระอุเอ่อล้นเบ้าตาไหลอาบแก้มสองข้างหยดแหมะบนมือที่ลูบสัมผัสลูกในท้องอย่างละเมอ จึงทำให้เกวลินตื่นจากคำมั่นสัญญาของสามีที่บอกเธอว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้เธอกับลูก “ละ ลูกแม่ อึกก ถึงจะไม่มีเขาแม่ก็จะเป็นทุกอย่างให้หนูเอง เราต้องเป็นกำลังใจให้กันและกันนะลูกแม่” เกวลินพูดเสียงเบาหวิวพลางเช็ดน้ำตาออกจากขอบดวงตา แล้วใบหน้าซีดเซียวก็เงยขึ้น ดวงตาไหวระริกมองประตูเมื่อได้ยินเสียงของเจ้หยกเคาะประตูห้อง ก็อกก!! ก็อกก!!!.. “นี่เธอ ทำอะไรตายหรือยัง เปิดประตูหน่อยสิ” เจ้หยกตะโกนเสียงดังอยู่ข้างนอก “เจ้หยก” เกวลินหายใจยาวๆเข้าปอด ลุกขึ้นยืนและก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องนั้น เธอได้เอารูปของยายวางไว้บนเตียง เมื่อมายืนตรงบานประตู เกวลินก็แง้มประตูเพียงเล็กน้อย มองเห็นเสี้ยวหน้าของเจ้หยกแล้วบอกเจ้หยกว่า “เจ้หยกค่ะ ให้เวลาฉันพรุ่งนี้ได้ไหมคะ..” “นี่เธอยังไม่เก็บข้าวของอีกเหรอ” เจ้หยกดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วนางก็ถือโอกาศเดินเข้าไปสำรวจห้องพักของเกวลิน “เจ้หยกค่ะ อย่าไล่ฉันออกเลยนะ ฉันสัญญา พรุ่งนี้ฉันจะเอาค่าเช่ามาให้ค่ะ” เกวลินเดินตามเจ้หยก “นี่เธอพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหม ฉันไล่เธอออกแล้ว แล้วรีบเก็บข้าวของออกไปจากห้องนี้ซะ ถ้าเธอไม่เก็บฉันจะให้ยามมาขนของของเธอออกไปไว้ข้างถนน” เจ้หยกสั่งเสียงดัง “ให้เวลาฉันหนึ่งชั่วโมงได้ไหมเจ้” เพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เกวลินจึงต่อรองเจ้หยก ให้เวลาเธอคิดหาหนทางว่าจะเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่ไหนดี เงินในบัญชีก็มีไม่ถึงหมื่น แล้วเธอจะหาห้องเช่าราคาถูกได้ที่ไหน… เวลาบ่ายสาม.. เกวลินหวังงว่าเตชินท์ต้องกลับมาเอาของ เธอจึงฝากข้าวของส่วนที่เป็นของชายหนุ่มไว้กับเจ้หยก แล้วเธอก็ลากกระเป๋าเสื้อผ้าสองใบใหญ่ๆออกไปข้างนอก เป็นเพราะถูกไล่ออกจากห้องโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้เกวลินยืนเคว้งคว้างหันซ้ายมองขวาไม่รู้จะพาลูกในท้องไปอยู่ที่ไหน “เราจะไปไหนกันดี บอกแม่สิคะ” เกวลินไม่อยากร้องไห้ เพราะเธอร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลแล้ว เธอพยายามปรับเสียงไม่ให้สั่นเครือถามลูกในท้อง พลางลากกระเป๋าสองใบอย่างทุลักทุเลไปนั่งหลบแดดอันร้อนระอุตรงมุมตึก ยี่สิบนาทีได้มั้งเกวลินยังนั่งแขนข้างหนึ่งกอดกระเป๋าลาก ส่วนอีกข้างก็กอดลูกในท้องไว้ จิตใจอันบอบช้ำในเวลานี้ยังจมดิ่งล่องลอยคิดนั่นคิดนี่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตื้ดดด!! ตื้ดดด!!!!.. เกวลินรีบเอามือถือออกจากกระเป๋าสะพาย หัวคิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันจนหน้าผากเป็นรอยหยักเมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของเพื่อนร่วมงาน ก่อนที่เกวลินจะรับสายเพื่อน เธอก็ลูบหน้าเช็ดน้ำตาคลอหน่วย ปรับเสียงและสภาพสีหน้าให้เป็นปรกติแล้วพูดกับเพื่อนว่า “ส้ม โทรหาเรามีอะไรหรือเปล่า..” “เกว เธออยู่ไหน ทำไมไม่มาทำงาน..” คำถามของเพื่อนทำให้เกวลินยกมือทุบหน้าผากของตัวเอง ‘นี่เราลืมโทรไปลางานอีกแล้วเหรอ’ เกวลินว่าตัวเองในใจ แล้วบอกเพื่อนว่า “เราไม่สบายนะ..” “เธอเป็นอะไรถึงไม่สบาย แล้วนี่หายดีหรือยัง..” เสียงพูดของเพื่อนฟังดูตื่นเต้น จึงทำให้เกวลินไม่ตอบคำถามของเพื่อน เพราะในตอนนี้ใจคอไม่ดีจึงถามส้มว่า “เธอยังไม่บอกเราเลย เธอโทรหาเราทำไม มีอะไรหรือเปล่า..” “เธอเข้ามาดูเองเถอะ เราไม่กล้าเล่าให้เธอฟังหรอ..” “ส้ม เธอทำให้เรากลัวมากนะรู้ไหม” เกวลินบอกเพื่อน “มาเร็วๆนะ” ส้มบอก “ได้ๆ เราจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” เกวลินพยักหน้าใส่มือถือแล้วลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นรถแท็กซี่ขับผ่านมา เธอก็เรียกรถแท็กซี่ เธอร้อนรนมากเวลาขนกระเป๋าใส่ท้ายรถด้วยตัวเอง เมื่อเข้ามานั่งในรถ เกวลินก็บอกคนขับรถแท็กซี่ว่า “ไปถนนเจริญสุขค่ะ..” ซึ่งเธอมัวแต่สนใจคุยกับคนขับรถแท็กซี่จึงไม่ได้มองกระจกรถฝั่งที่เธอนั่ง ซึ่งมีรถเก๋งBMWสีเทาวิ่งผ่านรถแท็กซี่คันที่เธอนั่ง ซึ่งรถคันนั้นก็ไปจอดที่หน้า อะพาร์ตเมนต์… เมื่อจอดรถสนิทดีแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงจากรถ ดวงหน้าคมคายเงยขึ้นเล็กน้อย สายตาคู่เข้มไหวสะท้านจ้องมองระเบียงห้องพักผ่านกระจกรถด้านหน้า ปิ้นน!! ปิ้นนน!!!..เสียงบีบแตรรถไล่กันดังสนั่นท้องถนน ทำให้เตชินท์ตื่นจากภวังค์ เขาละสายตาจากระเบียงห้องพักหันไปมองรถคันที่บีบแตรผ่านกระจกมองหลัง “เชี่ยเอ้ย! นี่เราเป็นบ้าอะไรถึงขับรถมาที่นี่” เตชินท์ด่าตัวเองเสียงดัง แล้วอดใจไม่ไหว เขาเปิดประตูรถ แล้วก้าวลงจากรถเดินย่างสามขุมตรงเข้าไปในอะพาร์ตเม้นต์ “คุณ” เจ้หยกรีบเดินออกมาทักเมื่อเห็นชายแปลกหน้า ซึ่งเจ้หยกตกใจมากเมื่อเห็นเป็นเตชินท์ “ครับ” เตชินท์หยุดเดิน หันไปมองเจ้าของห้องพัก “มะ มาเอาของเหรอจ๊ะ” เจ้หยกตะลึง เมื่อเตชินท์เปลี่ยนไปมาก เขาดูดีภูมิฐานและหล่อมาก “ของอะไรครับ” เตชินท์ถาม พลางเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน “เมียคุณฝากนี่ไว้ให้” เจ้หยกเดินเข้าไปในห้องทำงาน ไม่ถึงสิบวินาทีนางก็ออกมาพร้อมถุงกระดาษ “หมายความว่าไงครับ เกวไปไหนทำไมถึงฝากของไว้ให้ผม” เสียงที่ถามหาน้องจะฟังปรกติ แต่หัวใจเจ้ากรรมนี่สิมันเต้นแรงมาก เมื่อมองของที่เป็นของเขาในถุงกระดาษ “เธอย้ายออกไปแล้ว”เจ้หยกโกหกเมื่อได้สบสายตาดุดันของเตชินท์ “ออกไปแล้ว แล้วเจ้รู้ไหมเกวย้ายไปไหน”เตชินท์ถามเสียงราบเรียบ แต่หน้าคมคายกลับเคร่งเครียดโกรธแค้นเกวลินขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล “ไม่รู้ แต่เด็กที่นี่บอกว่า หลายวันก่อนเห็นเมียคุณพาผู้ชายมาที่นี่ แล้วก็ขนข้าวของออกไปแล้ว นี่เมียคุณยังค้างค่าเช่าห้องเจ้อยู่นะ” เจ้หยกพูดโกหกอีกครั้ง คำพูดของเจ้หยกที่บอกว่าเกวลินไม่ได้จ่ายค่าห้อง ไม่ได้ทำให้เตชินท์รู้สึกผิดและคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองเขาแสยะยิ้มน่ากลัวมาก ฟันก็กัดเข้าหากันจนกรามนูนพูดเสียงเหี้ยมในใจว่า ‘หึ! คงจะไปอยู่กับชู้รักสินะ ผู้หญิงแพศยา..’ “คุณ นั้นคุณจะไปไหน” เจ้หยกรีบเดินขึ้นบันไดดักหน้าเตชินท์ไว้ “ผมจะไปดูห้องของผมนะสิ” เตชินท์อยากขึ้นไปดูห้องพักที่เขาเคยอยู่กับเกวลิน “ไม่ได้นะ” เจ้หยกกางแขนกางขาร้องห้ามไม่ยอมให้เตชินท์ขึ้นบันได “ทำไมครับ” เตชินท์ถามเสีงไม่พอใจ “ก็ตอนนี้ห้องนั้นมีคนใหม่มาอยู่แล้วนะสิ” เจ้หยกอยากได้ของใช้ต่างๆในห้องพัก และเงินประกันค่าเช่าสามเดือน นางจึงพูดใส่ร้ายเกวลินต่างๆนานา เตชินท์โกรธเจ้หยก แต่กลับเอาไปลงที่เกวลิน ด่าวน้องในใจว่า ‘ผู้หญิงสารเลว’ ซึ่งเขาพยักหน้ารับรู้ความเลวทรามของเกวลิน แล้วเขาก็รับเดินออกจากอะพาร์ตเม้นต์ตรงไปขึ้นรถ…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม