บทที่ 2
เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น(2)
ในห้องพักฟื้น..
“หมอจะไม่พูดอ้อมค้อมนะครับ..”
คำพูดของคุณหมอ ทำให้เกวลินที่นั่งเอนหลังพิงพนักเตียง ดวงหน้าเศร้าหมองก้มหน้ามือข้างที่มีเข็มน้ำเกลือก็ลูบท้องแบนราบแล้วเงยขึ้นมองหน้าคุณหมอแล้วถามคุณหมอว่า
“คุณหมอบอกฉันมาเถอะ ลูกฉันไม่ได้อยู่กับฉันแล้วใช่ไหมคะ..”
“เด็กในท้องปลอดภัยดีครับ เขายังอยู่กับคุณ แต่ว่าคุณ..” คุณหมอไม่ทันได้พูดจบประโยค เกวลินก็เสียมารยาทพูดแทรกขึ้นว่า
“ฉันทำไมคะคุณหมอ ฉันเป็นอะไรเหรอคะ” เกวลินถามคุณหมอ ดวงตาคู่งามเริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยมองหน้าของคุณหมอและนางพยาบาลสลับกันไปมา ใจนี้สั่นสะท้านกลัวจะเสียลูกในท้องไปไม่มีวันกลับเมื่อคุณหมอเล่าเรื่องที่เธอถูกรถชน
“คุณเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ แล้วโรคนี่ก็เป็นอันตรายต่อเด็กในท้องด้วย” คุณหมอบอกเกวลิน แล้วเอาแฟ้มประวัติคนไข้จากมือของนางพยาบาล มาเช็กดูอีกครั้ง
“คุณหมอว่าอะไรนะ ฉันเป็นไทรอยด์เหรอคะ แล้วฉันต้องทำยังไงคะ คุณหมอช่วยลูกของฉันด้วยนะคะ” เกวลินพูดวกไปวนมา และพยายามจะเข้มแข็งไม่ยอมร้องไห้ให้คุณหมอเห็นจึงกัดริมฝีปากไม่ให้สั่นระริกจนห้อเลือดแล้วลุกนั่ง
“คุณเพิ่งเริ่มเป็นครับ แต่ถ้าไม่รีบรักษาโรคก็จะรุนแรงเป็นไทรอยด์เป็นพิษ” หมอบอก
“ไทรอยด์เป็นพิษเหรอคะ” เกวลินละเมอเสียงเบาหวิว พลางยกมือลูบคอของตัวเองเบาบาง
“ถ้าคุณพร้อมที่จะรักษาหมอจะส่งประวัติของคุณไปให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคนี้ให้ครับ” คุณหมอบอก
“คุณหมอคะ แล้วโรคนี้จะรักษาหายไหมคะ แล้วค่ารักษาแพงไหมคะ” เกวลินนั่งหลับตาจนน้ำตาปริ เสียงที่ถามหมอนั้นสั่นเครือ แต่เธอก็พยายามปรับเสียงให้เป็นปรกติ
“ผมว่าคุณพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นผมจะพาคุณหมออีกท่านมาพบคุณนะครับ” คุณหมอบอกเกวลิน แล้วเดินนำหน้าพยาบาลออกจากห้อง..
สองชั่วโมงแล้วที่คุณหมอออกจากห้อง เกวลินยังนอนนิ่งน้ำตาไหลอาบหางตาสองข้าง จมอยู่กับคำพูดของคุณหมอดวงตาพร่ามัว เจ็บปวด ชอกช้ำหัวใจ มองจุดด่างดำบนเพดาน ช่างเปรียบเหมือนเธอเหลือเกินที่ดำมืดหาทางออกไม่เจอ
“ต่อให้แม่จะมองไม่เห็นเดินไม่ได้ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูเป็นอะไรแน่ เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน” เกวลินพูดเสียงสั่นผสมหายใจยาวๆปลอบขวัญตัวเอง
เกวลินทำงานเป็นพนักงานขายของในซูปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เงินเดือนหมื่นกว่าบาท รวมกับเงินเดือนเตชินท์ก็ประมาณสามหมื่นบาท แต่ในเวลานี้ไม่มี เตชินท์แล้ว ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไปหมด
“ค่าห้องห้าพัน ค่าน้ำค่าไฟประมาณพันกว่าบาท และค่าอยู่ค่ากินเราต้องประหยัดให้ได้” เกวลินพูดเสียงสั่นระริกเมื่อนึกถึงค่าใช้จ่าย ซึ่งเธอต้องใช้เงินประมาณเจ็ดหรือแปดพันต่อเดือน
“ไม่เป็นไรเรื่องเรียนเก็บไว้ก่อน ตอนนี้เราต้องทำงานเพิ่มเพื่อเก็บเงินไว้คลอดและเก็บไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉินแล้วล่ะ” ความฝันของเธอต้องพังลงอีกครั้ง ครั้งแรกเธอหยุดเรียนเพราะต้องออกมาทำงานหาเงินส่งสามีเรียนปริญญา และครั้งนี้เธอต้องหยุดเรียนเพราะต้องทำงานเก็บเงินรักษาตัวเองและเพื่อลูกในท้อง
เกวลินเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เกิด เธอเติบโตมาได้เพราะมียายเจียม ซึ่งเป็นยายแท้ๆของเธอเลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียน เธอเรียนจบ ม.3 เธอก็ออกจากโรงเรียนเพื่อหาเงินเลี้ยงยายเจียม
“ฮือๆ ยายจ๋าเกวคิดถึงยายเหลือเกิน” เกวลินสะอื้นไห้คิดถึงยายผู้จากไปโดยไม่มีวันกลับมาหาเธอ ยายจะคอยปลอบขวัญเธอตอนเธอทุกข์ใจ แต่ตอนนี้ไม่มียายแล้ว
เกวลินน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอได้ชิมน้ำตาของตัวเอง แล้วใช้หลังมือข้างที่มีเข็มน้ำเกลือเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาคู่งามบวมเป่ง แล้วนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนโน้น..
“ชะ ชินท์..” ยายเจียมรู้ตัวว่าคงอยู่อีกไม่นาน นางจึงมองหน้าหลานเขย แล้วยื่นมือเหี่ยวย่นให้เตชินท์จับ
“ยายครับ” เตชินท์เสียงสั่นเทา เมื่อได้กุมมือของยายเจียม
“ถ้ายายตายไปแล้วยัยเกวก็ไม่มีใครนอกจากชินท์ ยายฝากหลานของยายด้วยนะ” ยายเจียมพูดเสียงติดขัดกับหลานเขย
แต่สายตาแห่งความรักและเป็นห่วงเหลือบมองหน้าหลานสาวคนเดียว ด้านเกวลินยืนเกาะขอบเตียงคนป่วย เธอสะอึกสะอื้นไห้ เมื่อยายยื่นมาหา เธอก็รีบจับมือของยายไว้
“ยายไม่ต้องห่วงเกวนะครับ ผมให้สัญญา ผมจะดูแลเกวเองครับ”
เตชินท์สาบานเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน ถ้าผิดคำสาบานนอกใจเกวลิน ขอให้เขามีอันเป็นไป
“เกวหลานยาย หนูต้องเชื่อฟังพี่เขานะลูก อย่าทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ” ยายเจียมยิ้มเมื่อได้ยินคำสัญญาจากหลานเขย นางหันไปกระซิบเสียงแหบแห้งเบาหวิวบอกหลานสาว ยายเจียมพยายามยกมือขึ้นหวังได้สัมผัสหลานสาวครั้งสุดท้าย
แต่นางก็ไม่มีโอกาส เมื่อลมหายใจที่พยายามจะหายใจยื้อตัวเองไว้นั้นค่อยๆผ่อนลงและดับสูญไปกับมือเหี่ยวหล่นลงบนที่นอนข้างลำตัว
ด้านเกวลินไม่ทันได้เอ่ยบอกยายเจียม เธอก็ร้องไห้โฮปริใจจะขาด พร้อมทั้งโผเข้าไปกอดร่างของยายที่หมดลมหายใจ “ยายจ๋า ยายอย่าทิ้งเกวไป ฮือ ฮืออ ยายฟื้นสิคะ ลืมตาขึ้นมาคุยกับเกวสิ ยาย ฮืออ..”
“ยายไปดีแล้วนะเกว” เตชินท์ทนมองสภาพอันน่าเวทนาของเกวลินไม่ได้ เลยเข้าโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง พูดเสียงเบาหวิวชิดหัวของเธอ
“พี่ชินท์ ยายไม่อยู่แล้ว แล้วเกวจะอยู่กับใครค่ะ ฮือออ” เกวลินน้ำตานองหน้า แววตาคู่งามเจ็บปวดสั่นระริกมองชายหนุ่ม
“เกวยังมีพี่ไง พี่จะดูแลเธอเอง พี่จะไม่ทิ้งเธอแน่ เกวลิน” เตชินท์จับให้หญิงสาวหันมามองตากัน เขาปลอบขวัญน้องโดยการเช็ดน้ำตาให้..
เกวลินบอบช้ำหัวใจมากเมื่อดึงสติกลับมา เธอสะอื้นไห้เมื่อนึกถึงคำมั่นสัญญาที่เตชินท์ให้ไว้กับยายนั้นเป็นเพียงแค่คำโกหกหลอกลวง
“อึก!” เกวลินร้องไห้ปริใจแทบแตกสลายขาดเป็นชิ้นๆ เมื่อนึกย้อนไปเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งเธอถูกเตชินท์กล่าวหาว่ามีผู้ชายคนใหม่
นึกย้อนไปเมื่อสองหรือสามเดือนกว่าก่อนนั้น..
“กลับมาแล้วเหรอคะ เหนื่อยไหมพี่ เดี๋ยวเกวเอาน้ำเย็นๆมาให้ดื่มนะคะ” ทุกวันจะเป็นแบบนี้ เวลาสามีกลับมาบ้านเกวลินก็จะกระตือรือร้นออกไปต้อนรับ และช่วยเขาถือกระเป๋าทำงานและถือเสื้อสูทให้
“ไม่ต้อง ฉันมาเอาของ” ด้านเตชินท์ไม่มองหน้าเมีย เขาเข้าห้องโดยไม่ยอมถอดรองเท้า ซึ่งชายหนุ่มเดินผ่านหญิงสาวเข้าไปในห้องนอน
“พี่เก็บเสื้อผ้า พี่จะไปทำงานต่างจังหวัดเหรอคะ มาค่ะเดี๋ยวเกวช่วยจัดกระเป๋าให้ค่ะ” สีหน้าตึงเหมือนโกรธใครมาและท่าทีหมางเมินของเตชินท์ ทำให้ เกวลินทำหน้างุนงง
“ฉันไม่ได้ไปทำงานต่างจังหวัด แต่ฉันจะไปอยู่ที่อื่น” เตชินท์กัดฟันพูดจนกรามนูน แล้วยกมือห้ามไม่ต้องการให้เมียที่เขารักดั่งดวงใจทำอะไรให้
“เกวไม่เข้าใจค่ะ” เกวลินถามเสียงสั่นเครือ ดวงตาเริ่มมีน้ำใสคลอเบ้า เมื่อสามีผลักเธออย่างแรงจนเธอเซชนขอบเตียง
“ฉันจะย้ายไปอยู่ที่อื่น” เตชินท์เจ็บจี๊ดที่ขั้วหัวใจ เมื่อได้บอกเลิกเมีย ทั้งที่เขายังรักเธอ แต่เขาทนไม่ได้ที่จะอยู่กับเมียหลอกลวง
“พี่พูดอะไรนะ” เกวลินเช็ดน้ำตาออกจากขอบตา เธอเดินกอดตัวเองเข้าไปนั่งบนขอบเตียง ดวงตาคู่งามก็มองสามีขนเสื้อผ้าที่เป็นของเขาใส่ในกระเป๋า
“หึ! ทำหน้าซื่อแต่ใจทราม ฉันอยากจะฆ่าเธอเสียเหลือเกิน เกวลิน ทำไม! ฉันให้ความสุขเธอไม่พอหรือไง เธอถึงไปมีผู้ชายคนใหม่” เตชินท์หายใจแรงๆ แล้วหยุดเก็บของใส่กระเป๋า
“พี่ชินท์ ทำไมพี่ต้องว่าเกวแรงๆอย่างนี้ด้วยคะ” เกวลินร้องไห้จริงๆ เพราะตลอด 7 ปีที่อยู่ด้วยกัน เตชินท์ไม่เคยด่าเธอเสียๆหายๆอย่างนี้เลย
“นี่เธอคิดว่าฉันโง่สินะ งั้นก็ดูรูปพวกนี้ซะ” เตชินท์โยนมือถือใส่หน้าเมีย
“นี่อะไรคะ” หัวคิ้วเรียวสวยสองข้างย่นเข้าหากัน ไม่เข้าใจเมื่อมองรูปภาพในมือถือของสามี ทำไมพี่ชินท์ถึงเอาภาพชายหญิงมีเพศสัมพันธ์กันให้เธอดูด้วย
“ฉันน่าจะถามเธอมากกว่า ไอ้สารเลวชู้รักของเธอมันเป็นใคร” เตชินท์กัดฟันเค้นเสียงออกมาจากไรฟัน ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้างามของเมีย เขาอยากจะฆ่าเกวลินมาก เมื่อได้รับข้อความจากผู้หวังดีส่งรูปภาพมาให้เขา
“เกวไม่รู้ว่าพี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน เกวไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ และผู้หญิงในรูปนี้ก็ไม่ใช่เกวด้วย” เกวลินส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะสิ่งที่สามียัดเยียดให้ ไม่เป็นความจริง เธอไม่ได้มีใครนอกจากสามีของเธอคนเดียว
“แพศยา! ร่าน! หลายผัว ฉันขยะแขยงเธอมากในตอนนี้” เตชินท์ใจแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาเจ็บมากที่ถูกเมียสวมเขาให้ ชายหนุ่มไม่อาจทนมองเมียร้องไห้จึงถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกจากห้อง
“พี่ชินท์ ฟังเกวก่อนสิคะ ภาพนั้นไม่ใช่เกวค่ะ พี่ดูดีๆสิคะ” เกวลินร้องไห้เสียงดัง แล้วรีบเดินไปยืนข้างหลัง พลางสวมกอดสามีไว้แน่น
“เอาแขนสกปรกของเธอออกจากเอวฉันเดี๋ยวนี้” เตชินท์ออกคำสั่งพร้อมทั้งแกะแขนเล็กออกจากเอว แล้วเขาก็กระชากให้เธอมายืนตรงหน้า ความเจ็บปวดหัวใจที่เมียเหยียบย่ำทำให้เขาทำร้ายน้อง
“พะ พี่ชินท์ พี่จะไปจริงๆเหรอคะ พี่ไม่รักเกวแล้วใช่ไหมถึงไม่ยอมฟังอะไรเลย คนในรูปไม่ใช่เกว ฮืออ” เกวลินถูกผลักจนเธอเซถอยหลังไปชนขอบประตู แต่ถึงจะเจ็บแค่ไหนเธอก็เดินกอดตัวเองเข้าไปยืนดักหน้าสามีไว้ มองตาเขาอ้อนวอนให้เขาอยู่
“หึ! แหกตาดูสิ นี่มันเธอชัดๆ ทะ..” เตชินท์ไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘ทำไมเธอเลวอย่างนี้กล้าทำร้ายหัวใจฉันได้ไง’
เสียงของเกวลินก็พูดขึ้นว่า“ไม่ใช่เกว ผู้ชายคนนั้นเกวก็ไม่รู้จัก พี่ดูดีๆสิคะ..”
“ต่อไปนี้เราสองคนอย่าได้เจะเจอกันอีกเลย ผู้หญิงสารเลวหลายผัวมากชู้ ฉันขยะแขยงเธอมาก” เพราะเขาโกรธเมียมาก มากจนไม่อยากมองหน้าจึงทำให้ เตชินท์ทำร้ายเมียอีกครั้ง ซึ่งชายหนุ่มได้ผลักให้เกวลินหลีกทาง แล้วเขาก็รีบก้าวเท้าเดินออกจากห้องโดยไม่ยอมฟังเสียงร้องไห้ผสมเสียงร้องบอกว่า
“โอ๊ย! พี่ชินท์เกวเจ็บ ฮืออ พี่ชินท์ฟังเกวก่อนสิคะ” เสียงปิดประตูห้องดัง ‘ปัง!’ ทำให้เกวลินพยุงตัวลุกขึ้นยืน เธอวิ่งตามชายหนุ่มไปจนถึงถนนใหญ่
เธอเห็นเตชินท์เข้าไปนั่งในรถ เธอก็เข้าไปเกาะขอบรถอ้อนวอนต่างๆนานา แต่เตชินท์กลับขับรถอย่างเร็วหนีเธอ..
“ทำไมพี่ต้องว่าเกวมีชู้ด้วยค่ะ ถ้าพี่อยากเลิกกับเกว พี่บอกเกวดีๆก็ได้” ความผิดที่เธอไม่รู้เรื่อง ซึ่งสามียัดเหยียดใส่ร้ายเธอ ทำให้เกวลินหมดสิ้นทุกอย่าง
ตอนเธออายุสิบห้าปี เกวลินได้ทำงานที่ร้านซูปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเตชินท์ก็ทำงานเป็นหัวหน้าอยู่ที่นั่น เขาทั้งสองตกหลุมรักกันและคบหาดูใจกันแค่ปีเดียว เตชินท์ก็เข้าไปขอเธอกับยายเจียม ซึ่งยายของเธอก็ไม่ว่าอะไรยอมยกเกวลินให้เตชินท์ ซึ่งตอนนั้นเกวลินอายุเพียงแค่สิบเจ็ด ส่วนเตชินท์อายุยี่สิบสามปี...
“ฮืออ!!” เสียงเปิดและปิดประตูห้องดัง ‘แกร๊กก!!’ ทำให้เกวลินหยุดร้องไห้ แล้วเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ พร้อมทั้งลุกนั่งเมื่อเห็นผู้ชายแปลกหน้าสองคนเดินเข้ามายืนตรงปลายเตียง และถามเธอว่า
“คุณเป็นยังไงบ้างครับ” ไซนัสถามไม่ได้ปิดบังตัวเองว่าเขามีร่างกายเป็นชายแต่หัวใจของเขากลับเป็นหญิงร้อยเปอร์เซนต์
“เจ็บตรงไหนบ้างครับ บอกเราสองคนได้นะครับ” ด้านโทนี่ถามพลางมองสำรวจหญิงสาว ถึงเธอจะดูอิดโรยซีดเซียวมากแค่ไหน แต่ก็ยังดูออกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวย และน่ารักมากสำหรับเขา
“คุณสองคนเป็นใครคะ ขะ เข้าห้องผิดหรือเปล่าคะ” เกวลินถามเพราะเธอไม่รู้จักชายหนุ่มสองคนนี้เลย
“เอ่อ ผม ไซนัส ส่วนคนนี้ โทนี” ไซนัสรีบแนะนำตัว เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของคนป่วย
“คือว่าเราสองคนพาคุณส่งโรงพยาบาลเองครับ” โทนี่เล่าให้หญิงสาวฟังเรื่องอุบัติเหตุ
“คุณสองคนเองเหรอคะที่พาฉันส่งโรงพยาบาล ฉะ ฉันต้องขอบคุณ คุณสองคนมากนะคะ และขอโทษด้วยที่เดินข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือ คุณสองคนเจ็บตรงไหนบ้างไหมคะ”
เกวลินไม่ได้โทษสองหนุ่ม แต่กลับว่าตัวเองที่เดินไม่ยอมมองถนน
“นี่คุณ เราสองคนไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณนะสิ รู้ไหม คุณกำลังจะทำให้เราสองคนกลายเป็นคนเลว ฆ่าคุณกับลูกในท้อง คุณรู้ไหมคุณกำลังตั้งท้องนะ
3 เดือนแล้วนะ” ไซนัสยืนกอดอก พลางพูดตำหนิหญิงสาว
“ค่ะ ฉันรู้” เกวลินหน้าซีด เมื่อได้ยินไซนัสพูดเรื่องลูกของเธอ
“คุณรู้แต่ทำไมไม่ระวังตัวครับ ทำไมไปยืนกลางถนนแบบนั้น นี่ถ้าผมเบรกไม่ทันคุณกับลูกไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่” ไซนัสจีบปากจีบคอบ่นให้คนป่วย ซึ่งเขาทำเหมือนว่าหญิงสาวที่นอนป่วยเป็นน้องสาวของตัวเอง
“ฉันต้องขอโทษคุณสองคนอีกครั้งนะคะ อยากให้ฉันชดใช้อะไรไหมคะ”
เกวลินถาม พร้อมทั้งมองหน้าชายสองคนสลับกันไปมา
“เราสองคนต่างหากที่ต้องชดใช้ให้คุณ คุณอยากให้เราช่วยอะไรไหมครับ” โทนี่พูด
“ไม่ค่ะ ฉันสบายดี พรุ่งนี้ฉันก็จะออกแล้วค่ะ” เกวลินส่ายหน้าไปมาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากชายหนุ่มแปลกหน้าสองคนนี้
“ไม่ได้นะครับ คุณต้องรักษาตัวนะ นี่หมอไม่ได้บอกคุณเหรอครับ”
ไซนัสอุทานเสียงเหมือนผู้หญิง พร้อมทั้งยกมือทาบอก
“เรื่องอะไรคะ” เกวลินถาม
“ก็คุณเป็นโรคไทรอยต์นะสิ ถ้าปล่อยไว้นานๆอาจมีอันตรายถึงลูกของคุณก็ได้นะ” ไทนี่เป็นห่วงหญิงสาวมาก
“ค่ะ” เกวลินพยักหน้าให้สองหนุ่ม แล้วล้มตัวลงนอนเพราะเธอไม่อยากสนทนาเรื่องที่เธอป่วยโดยไม่รู้สาเหตุให้คนแปลกหน้ารับรู้
และไม่ต้องการให้ใครมาสมเพชโชคชะตาชีวิตของเธอ…
เวลาหกโมงเย็น..
เมื่องานแต่งจบสิ้นลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าห้องหอ และเมื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่ให้พรแล้ว พวกเขาทั้งสองก็มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง
เตชินท์ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาสีนิลหม่นเหม่อมองพระอาทิตย์สีแดงเลือดลอยต่ำชิดขอบฟ้าจะตกดินผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่
“ชินท์ค่ะจะอาบน้ำไหมคะ” เจสสิก้ายืนถอดเครื่องประดับอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เธอเรียกสามีโดยไม่ได้หันไปมองเขา เพราะมัวเก็บเครื่องเพชรราคาแพงใส่กล่อง
“..” เตชินท์เงียบ ทำให้เจสสิก้าเอืองหน้าไปมอง อาการยืนใจลอยเอาแต่จ้องมองด้านนอกของสามี ทำให้เธอเดินเข้าไปหา แล้วยื่นมือลูบแผ่นหลังกว้างถามเขาเสียงไพเราะว่า
“ชินท์!..”
“ค ครับ คุณเจสเรียกผมทำไมครับ” เสียงเรียกของภรรยาทำให้เตชินท์ดึงสติกลับมา และก่อนที่จะหันไปมอง เขาก็ปรับสีหน้าเครียดขรึมให้เป็นปรกติ
“เป็นอะไรคะ ฉันเรียกคุณตั้งนาน ไม่ได้ยินเหรอคะ” เจสสิก้าถาม
“ปะ ปล่าครับ” เตชินท์ตอบพลางหันไปมองทางอื่น เพราะไม่อยากให้เธอเห็นความรู้สึกเปลี่ยนแปลงในแววตาของเขา
“ช่วยปลดตะขอชุดด้านหลังให้ฉันหน่อยสิคะ” เจสสิก้าพยักหน้ารับรู้ เธอยิ้มหวานพร้อมทั้งขยับตัวยืนหันหลังให้ชายหนุ่ม
“ได้ครับ” เตชินท์เมื่อรูดซิบให้เธอแล้ว เขาก็โน้มหน้าลงจูบซอกคอด้านหลังของเธออย่างนุ่มนวล
“ขอบคุณค่ะ คุณจะอาบน้ำไหมคะ“ สัมผัสจากเรียวปากหยักจูบอ่อนโยนของเตชินท์ ทำให้เจสสิก้าขุนลุกซู่ เธออายชายหนุ่มหน้าแดงจนถึงใบหู
“คุณไปอาบก่อนผมเถอะครับ” เตชินท์จับให้ภรรยาหันมายืนเผชิญหน้ากัน เขาจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยนและเนินนาน
ซึ่งจูบแบบนี้ทำให้เขานึกถึงผู้หญิงอีกคน ถึงแม้ว่าเธอจะใช้เท้าเหยียบหัวใจของเขาแตกสลายเขาก็ไม่เคยลืมเธอเลย
“เกวลิน! ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอด้วยนะ ยัยวันทองสองใจฉันเกลียดเธอ!” เตชินท์ปากอย่างใจอย่าง เขายังรักและคิดถึงเกวลินทุกลมหายใจเข้าออก
“โอ๊ยย!! ชินท์ฉันเจ็บค่ะ” เจสสิก้าร้องกรี๊ด เมื่อถูกมือหนาสองข้างเหมือนคีบเหล็กบีบต้นแขนของเธอ แทบจะหักเป็นสองท่อน
“ผะ ผมขอโทษครับ” เตชินท์หน้าตาบึ้งตึงรีบปรับสีหน้าให้อ่อนโยน และรีบปล่อยมือจากแขนเล็ก เขารู้สึกผิดต่อเจสสิก้ามาก ที่เอาความแค้นผู้หญิงเลวนั้นมาลงที่เธอ
“เป็นไรคะ” เจสสิก้าถามสามีพลางก้มมองรอยนิ้วมือทั้งห้าแดงเป็นปื้นบนแขนของเธอ
“เจ็บไหมครับ ผะ ผมขอโทษนะ” เตชินท์รีบคว้าหญิงสาวมากอด พูดปลอบขวัญเธอโดยการจูบกระหม่อมของเธอแผ่วเบา
“เมื่อครู่นี้คุณพูดอะไรคะ” เจสสิก้าไม่ขัดขืน เธอยืนอยู่ในวงแขนของสามี ดวงหน้าเริ่มแดงระเรื่อเงยขึ้นมองหน้าคนหล่อ
“เข้าไปอาบน้ำเถอะครับ” เตชินท์ก้มหน้ามองสบตาคู่งาม เจสสิก้าสวยเซ็กซี่ปากอิ่มที่เผยแย้มรอให้เขาสัมผัสนั้น ซึ่งเตชินท์ก็โน้มหน้าลงหน้าผากของเขาชนหน้าผากของเธอ แล้วเรียวปากหยักก็จูบลงบนดวงตาคู่โต
เจสสิก้าผิดหวังมากเมื่อสามีไม่ยอมจูบ แม้เธอจะยั่วยวนชวนเชิญเขาทุกวิธีแต่เตชินท์ก็ไม่เคยแตะต้อง หรือหลับนอนกับเธอเลย เธออายเขามากจึงผละออกจากวงแขนกำยำ แล้วหอบชุดเจ้าสาวจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเหลือบตาไปเห็นซองเอกสารเธอก็เรียกสามีว่า “ชินท์คะ..”
“ครับ คุณเจสมีอะไรครับ” เตชินท์ขานรับ พร้อมทั้งเดินตามหลังหญิงสาวไปหยุดมองกล่องของขวัญหลายพันกล่อง
“ฉันเห็นมันกองอยู่กับของขวัญนะ จ่าหน้าซองถึงคุณด้วย” เจสสิก้าหยิบซองเอกสารขึ้นมาแล้วหันไปยืนเผชิญหน้าชายหนุ่ม
“อะไรเหรอครับ” เตชินท์รับซองสีน้ำตาลมาถือไว้ ทั้งที่จ้องหน้าภรรยา
“ไม่รู้สิคะ คุณเปิดดูสิคะ” เจสสิก้าบอกสามี
“ขอบคุณนะครับ” เตชินท์ละสายตาจากดวงหน้าของภรรยาก้มมองซอง สีน้ำตาล
“เอ่อ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ” เจสสิก้าเมื่อเห็นเตชินท์ไม่ยอมแกะซองจดหมายต่อหน้าเธอ ซึ่งเธอเข้าใจทันทีว่า ชายหนุ่มต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
“..” ด้านเตชินท์ไม่ตอบภรรยา เขาหน้าเครียดขรึมขึ้นมาทันที เมื่ออ่านชื่อของตัวเองบนซองจดหมาย ซึ่งลายมือเขียนอย่างสวยงามนี้เขาจำได้ว่าใครเป็นคนเขียน เตชินท์เจ็บหัวใจกลัดหนองมากเมื่อเห็นเอกสารการหย่า เขากัดฟันจนกรามปูด คำรามเหมือนเสือร้ายกล่าวโทษหญิงสาวเสียๆหายๆว่า
“แพศยา นี่เธอกล้าดียังไงถึงส่งเอกสารบ้านี้มาให้ฉัน ขอหย่ากับฉันเหรอ หึ! ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอหย่า ไม่ใช่เธอ!..”
“ฝันไปเถอะ ฉันจะเก็บเธอไว้อย่างนี้แหละ แคร้กก!!” เตชินท์มือไม้สั้นสะท้านฉีกทะเบียนหย่าให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วขย่ำเป็นก้อนกลมๆโยนลงขยะพร้อมทั้งจุดไฟเผาเพราะไม่อยากเห็นแม้แต่เศษกระดาษ
สามวินาทีที่ยืนมองเปลวไฟไหม้ทะเบียนหย่าจนเศษกระดาษกลายเป็นขี้เถ้า เตชินท์ลูบหน้าชาหนึบแรงๆ และก่อนที่รีบเดินออกจากห้อง เขาก็เขียนข้อความทิ้งไว้ว่า
‘ผมจะออกไปข้างนอก ดึกๆจะกลับมารับคุณไปงานเลี้ยงนะครับ.’…