คลั่งรักที่ 7
วางกับดักล่อแมลง
“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกร้อนท้องมากหรือไม่”
โหวปีศาจเอ่ยถามพลางค่อยๆ วางมือลงบนแผ่นหลังของนางแผ่วเบา พร้อมจะแบ่งพลังปราณให้กับภรรยาสาวหากว่าโอสถมีฤทธิ์แรงเกินไปจนร่างกายบอบช้ำไม่อาจทานทนไหว
“รู้สึกอุ่นๆ เจ้าค่ะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นวางบนหน้าท้องแบนราบที่เว้าแหว่งจนรับรู้ได้ถึงซี่โครง ความวูบวาบอุ่นท้องทำให้นางรู้สึกสบายอย่างที่ไม่รู้สึกมาก่อน จากนั้นดวงตาจึงค่อยๆ ปรือต่ำคล้ายจะเคลิ้มหลับอยู่ในที
“ขะ...ขอโทษเจ้าค่ะท่านโหว ตะ...แต่ข้าง่วงเหลือเกิน ง่วงจนไม่อาจฝืนได้อีกต่อไปแล้ว”
แม้จะพยายามฝืนปรือเปลือกตาสักเท่าใดก็ไม่เป็นผล เพราะโอสถสวรรค์จะทำงานได้ดีในยามที่ร่างกายหลับใหล ดังนั้นตัวยาจึงทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะนิทรารมณ์ให้เร็วที่สุด
“เด็กโง่เหตุใดเจ้าจึงขอโทษข้าอยู่ร่ำไป หากเจ้าง่วงก็จงนอนเถอะ อย่าได้ฝืนเลย”
เอ่ยพลางค่อยๆ ประคองร่างของหญิงสาวให้นอนเหยียดยาวบนฟูกวิวาห์อย่างแผ่วเบา นิ้วมือยาวเรียวเลื่อนไล้ไปตามกรอบใบหน้า ปัดลูกผมออกอย่างเบามือ
โหวแห่งสกุลเฉิงนั่งมองใบหน้ายามหลับใหลของภรรยาสาวอย่างห่วงใย เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของนางจะไม่ต้อต้านโอสถสวรรค์เม็ดนี้ จากนั้นชายหนุ่มจึงผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนมองไปรอบๆ ห้องราวกับตรวจตราดูความเรียบร้อย
โอสถสวรรค์จะออกฤทธิ์ขับสารพิษราวๆ สี่ชั่วยามซึ่งกินเวลากว่าครึ่งวัน ช่วงเวลานี้เขาอาจต้องวางกับดักเพื่อล่อจับแมลง!
โครม!
“ชิ! นังชั้นต่ำโสโครกที่แม้แต่คนในตระกูลถานก็ยังไม่มีใครยอมรับ แต่กลับจะมาเป็นนายหญิงแห่งสกุลเฉิงงั้นหรือ ช่างไม่เจียมตัวเลยจริงๆ”
หญิงรับใช้หรู่อี้วางถังไม้กระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนน้ำกระฉอกออกมา ก่อนจะเหลือบมองไปยังถานอ้ายเยว่ที่นอนนิ่งสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง กระนั้นร่างกายกลับขับพิษสีดำเหม็นออกมาจากทวาร ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูก ปาก หู ช่องคลอด ทวาร และรูขุมขนทุกรูทำให้ทั้งห้องส่งกลิ่นเหม็นราวกับซากศพเน่า
“ให้ตายสิ! ข้าไม่อยากรับใช้นางเลย”
สาวใช้รงหลงเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบปราดไปเปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อขับไล่กลิ่นพิษที่อวลอยู่ในห้องอย่างเร่งด่วน
หญิงรับใช้สองคน และสาวใช้สามคนได้รับหน้าที่ให้คอยดูแลเรือนปีกตะวันออกหลังนี้ อีกทั้งยังได้รับมอบหมายให้มาช่วยกันเช็ดตัวทำความสะอาดผู้เป็นนายหญิง ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านโหวขันอาสาจะเป็นคนทำด้วยตนเอง
ทว่าขั้นตอนการชำระล้างต้องเปลื้องเสื้อผ้าออกจนหมดสิ้นซึ่งอาจทำให้ถานอ้ายเยว่กระดากใจหากนางฟื้นคืนสติระหว่างทำความสะอาด ฮูหยินเฉิงจึงออกปากห้ามบุตรชายและสั่งให้พวกนางทั้งห้ารับหน้าที่นี้แทน
ลำดับชั้นของสาวใช้ในจวนสกุลเฉิงนั้น ผู้เป็นหัวหน้าควบคุมหญิงรับใช้และสาวใช้จะมีตำแหน่งสูงสุด คอยดูแลทุกอย่างภายในตระกูลและเป็นผู้ใกล้ชิดฮูหยินเฉิง โดยคัดเลือกจากผู้ที่มาจากตระกูลที่จงรักภักดีต่อตระกูลเฉิง มักมีอายุค่อนข้างมากด้วยเชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการทุกอย่าง อีกทั้งยังต้องผสานงานกับพ่อบ้านของตระกูล
ผู้มีอำนาจรองลงมาคือเหล่า ‘หญิงรับใช้’ ซึ่งมีศักดิ์สูงกว่าสาวใช้ธรรมดาทั่วไป เพราะพวกนางคือบุตรหลานของตระกูลใกล้ชิด หรือไม่ก็เป็นบุตรของเหล่าคหบดีที่ทางตระกูลเฉิงทำการค้าด้วย
คนเหล่านี้มักส่งบุตรสาวมาทำงานในจวนสกุลเฉิงเป็นระยะเวลาสามถึงห้าปี โดยอ้างว่าเพื่อให้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าชนชั้นสูง และเพื่อให้บุตรหลานตอบแทนพระคุณตระกูลเฉิงที่เมตตาพวกตน
แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเหตุผลที่แท้จริงคือสิ่งใด คนเหล่านี้หวังว่าจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกับสกุลเฉิง พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุณชายเฉิงชายตาแล หรือไม่ก็เพิ่มโอกาสให้บุตรสาวของตนได้รู้จักกับผู้ใต้บังคับบัญชาของสกุลเฉิงซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุตรขุนนางที่มีความสามารถ มีหนทางที่จะก้าวหน้าในอนาคต
“อี๋! สกปรก!”
หญิงรับใช้หรู่อี้บุตรของขุนนางระดับกลางซึ่งขึ้นตรงกับตระกูลเฉิง ยกมือขึ้นปิดจมูก เบ้หน้า เบ้ปาก ก่อนจะเบือนหน้าหนีราวกับไม่อาจทานทน
“ข้าหวังว่าจะได้ดูแลท่านโหว แต่กลับต้องมาดูแลนังชั้นต่ำนี่ เจ็บใจนัก!”
หญิงรับใช้ไห่ย่าเป็นบุตรของคหบดีในแคว้นหาน บิดามอบนางให้มาคอยรับใช้ดูแลตระกูลเฉิงก็เพื่อหวังว่าความงามของนางจะถูกตาต้องใจคุณชายเฉิงหวังเล่ย อีกทั้งเมื่อนางได้พบสบตากับเฉิงหวังเล่ย นางก็ตกหลุมรักเขาในทันที หมายมั่นว่าจะต้องเป็นภรรยาเคียงข้างเขาให้จงได้
ดังนั้นทันทีที่ได้ยินว่า ‘เจ้าสาว’ ของคุณชายเฉิงเดินทางมาถึง ไห่ย่าจึงแทบล้มทั้งยืน ความลำบากที่นางเฝ้าตรากตรำยอมทนมลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
และที่ทนไม่ได้มากที่สุดคือเจ้าสาวผู้นี้ไร้คุณสมบัติที่จะเคียงข้างท่านโหว ไร้ความงาม ไร้ความสามารถ ไร้การศึกษา นับเป็นความด่างพร้อยที่สกุลเฉิงต้องเข้าไปพัวพัน
“ท่านผู้นี้คือเจ้านายคนใหม่ของพวกเรา ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังเราก็ต้องให้เกียรติและปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพนะเจ้าคะ”
เซี่ยซีสาวใช้ที่อายุน้อยที่สุดเอ่ยทักท้วง นางเป็นเพียงบุตรชาวนาในเทือกเขาฉิงลี่ ได้เป็นสาวใช้จากการเข้ารับการคัดเลือกประจำปี อีกทั้งยังได้คะแนนลำดับที่หนึ่งจากผู้คัดเลือกหลายร้อยคน แม้จะอายุเพียงสิบสี่ปีแต่ตระกูลเฉิงก็ให้โอกาสเสมอ เพราะรู้ดีว่าเด็กสาวเหล่านี้มีคนข้างหลังที่ต้องคอยเลี้ยงดู
ดังนั้นหากเทียบสาวใช้เซี่ยซีกับหญิงรับใช้ นับว่าเซี่ยซีต่ำต้อยกว่าทั้งฐานะการเงิน และสถานะทางสังคม และนั่นทำให้หรูอี้โกรธจัดเพราะถือว่าตนสูงส่งกว่า จึงปราดเข้าไปหาเรื่อง เงื้อมือขึ้นสูงตวัดลงไปบนใบหน้าของหญิงชั้นต่ำเต็มแรง
เผียะ!
“ข้าไม่ได้ขอความคิดเห็นของเจ้านังโสโครก!”
แรงตบทำให้เซี่ยซีล้มคว่ำลงไปกับพื้น ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากแตกจนมีเลือดซิบ
“ตะ...แต่ว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้ดูแลนายหญิงนะเจ้าคะ ข้าก็แค่เตือน”
เซี่ยซียังไม่ยอมแพ้นางพยายามโต้เถียง นางฝึกฝนและผ่านการอบรมการเป็นสาวใช้มาจากหัวหน้า ได้รับการพร่ำสอนว่าต้องเคารพรักเจ้านาย ห้ามนิทาว่าร้าย และห้ามนำเรื่องไม่ดีของเจ้านายออกไปแพร่งพรายภายนอก ดังนั้นเมื่อเห็นกิริยาของทั้งสามคนนางจึงรับไม่ได้
“นังนี่มันจะมากไปแล้วนะ!”
สาวใช้รงหลงปราดเข้าจิกทึ้งผมของเซี่ยซีหมายจะเอาหน้ากับหญิงรับใช้หรูอี้และหญิงรับใช้ไห่ย่าซึ่งเป็นบุตรของชนชั้นสูง
เผียะ!
ไห่ย่าไม่รอช้านางปราดเข้าไปตบเซี่ยซีทันที ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ หงุดหงิดที่ต้องมาทำงานสกปรก แล้วยังถูกนังสาวใช้ชั้นต่ำติเตียนซึ่งเป็นเรื่องที่นางไม่อาจรับได้
“ปากดีแบบนี้ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก”
ทั้งหรูอี้และไห่ย่ากำลังจะรุ้มทึ้งทุบตีสาวใช้เซี่ยซี ทว่าสาวใช้ฉานเหยาซึ่งเป็นสาวใช้รุ่นพี่เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงรีบเอาตัวเข้ามาขวาง
“ข้าขอโทษแทนเซี่ยซีด้วยเจ้าค่ะคุณหนูหรูอี้คุณหนูไห่ย่า ได้โปรดเมตตาอภัยให้เซี่ยซีด้วย นางเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงฤดูกาล จึงยังไม่รู้ว่าอะไรถูกต้องไม่ถูกต้อง”
เอ่ยขอโทษพลางโค้งคำนับจนศีรษะจดพื้น ก่อนจะหันไปกระชากเซี่ยซีให้ก้มลงขอโทษ ทว่าเซี่ยซีกลับขืนตัวไม่ยอมทำตาม
“หัวหน้าบอกข้าว่าเมื่อเข้ามารับใช้สกุลเฉิง ทุกคนก็คือสาวใช้เหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงรับใช้หรือสาวใช้ย่อมต้องทำงานหนักเพื่อให้เจ้านายสะดวกสบายรื่นรมย์มากที่สุด ดังนั้นข้าไม่...”
“เซี่ยซี!”
สาวใช้ฉานเหยาถึงกับตวาดห้วนเพื่อให้เซี่ยซีหยุดพูด คำสอนสวยหรูเหล่านั้นกับการใช้ชีวิตเพื่อเอาตัวรอดมันแตกต่างกันมากนัก คนเหล่านี้เข้ามารับใช้ในตำแหน่งหญิงรับใช้ก็จริง แต่สถานะทางสังคมที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดไม่มีทางจางหายไป เฉกเช่นกำพืดชาวไร่ชาวนาของนางและเซี่ยซีจะตามติดตัวไปจนตาย
“หุบปากของเจ้าและขอโทษเสีย หากเจ้าไม่อยากถูกไล่ออกจากงาน และครอบครัวของเจ้าอาจเดือดร้อนหากคุณหนูหรูอี้และคุณหนูไห่ย่าฟ้องเรื่องนี้แก่บิดาของพวกนาง เจ้าอยากให้ครอบครัวของเจ้าเดือดร้อนเพราะความโง่เขลาของเจ้างั้นหรือ หา!”
ฉานเหยากระซิบด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันพอให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน ก่อนจะกดศีรษะของสาวใช้วัยละอ่อนที่ยังไม่พ้นวัยปักปิ่นให้ก้มลงต่ำจนหน้าผากจดพื้น
เซี่ยซีถึงกับน้ำตารื้น เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น รับรู้ได้ว่ารุ่นพี่ฉานเหยาเป็นห่วงนางจากใจจริง สิ่งนี้สินะที่บิดาของนางเคยพร่ำสอนว่าชาวบ้านธรรมดาแตกต่างจากชนชั้นสูง
ค่าของความเป็นคนไม่อาจเท่าเทียมกัน!
แม้ภายในใจจะไม่ยอมรับและคัดค้าน กระนั้นเซี่ยซีก็จำต้องกล้ำกลืนความถูกผิดเอาไว้ในอกแล้วเอ่ยขอโทษ เพื่อครอบครัวของนางซึ่งประกอบไปด้วยบิดาที่ร่างกายซูบผอมเนื่องจากอาการเจ็บป่วยเรื้อรังเพราะแบกหามทำงานหนักมานับสิบปี มารดาที่แม้จะยังแข็งแรงอยู่แต่ก็ต้องรับจ้างสานตะกร้าถักกระสอบและเก็บผลไม้ในสวนไปขาย อีกทั้งนางยังมีน้องชายสองคนและน้องสาววัยหัดเดิน
“คุณหนูทั้งสอง ขะ...ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”
อั๊ก!
เท้าหนักๆ ของหรูอี้กระแทกลงบนศีรษะที่ก้มต่ำของเซี่ยซีก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาราวกับสมเพชอีกฝ่าย บดขยี้ฝ่าเท้าจนใบหน้าของสาวใช้วัยสิบสี่ปีแนบติดไปกับพื้นอย่างน่าอัปยศอดสู
ทันทีที่หรูอี้ชักเท้าออก ไห่ย่าก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
ถุย!
หญิงรับใช้ไห่ย่าถุยน้ำลายลงบนพื้นเฉียดใบหน้าของเซี่ยซีไปเพียงนิดเดียวก่อนจะหัวเราะออกมาราวกับขบขันเสียเต็มประดา
“จำใส่กะลาหัวเอาไว้ว่าทีหลังก็อย่าบังอาจมาตีฝีปากกับพวกข้าอีก”
“เจ้าค่ะ”
เซี่ยซีน้ำตาร่วงเผาะ รับคำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่คอยเช็ดตัวทำความสะอาดให้กับนายหญิงอ้ายเยว่คือเซี่ยซีและฉานเหยา ส่วนหรูอี้ ไห่ย่า และรงหลงพากันนั่งอยู่อีกฝั่งด้วยความรังเกียจอย่างไม่คิดจะปิดบัง